Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Cirrhosis - Coggle Diagram
Cirrhosis
การรักษา
- เจาะท้อง (Abdominal tapping) ได้น้ำสีเหลืองใส 1,000 ซีซี
- สวนถ่ายอุจจาระ มีถ่าย melena ประมาณ 500 ซีซี
- Retained NG tube และ Lavage 2,000 cc จนใส
- 50%Glucose 50 cc iv. Stat
-
- Somatostatin IV bolus 250 mcg then IV infusion 250 mcg/hr
-
-
ปัจจัยเสี่ยง
- เคยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี
-
-
การตรวจวินิจฉัย
-
ตรวจร่างกายพบตัวตาเหลือง พบ Spider nevi, Gynaecomastia ท้องโตตึง คลําพบตับโต 2 FB, Fluid thrill, shifting dullness +ve
-
อาการและอาการแสดง
-
-
- อาเจียนเป็นเลือด 2 ครั้ง (Hct 28%)
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
-
- เสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจน เนื่องจากแรงดันต่อกระบังลมและความจุปอดลดลงจากภาวะท้องมาน
กิจกรรมการพยาบาล
- ดูแลให้ผู้ป่วยนอนท่าศีรษะสูงเพื่อช่วยให้ปอดขยายตัวได้มากขึ้น
- หากผู้ป่วยมีอาการหายใจเหนื่อย ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษา
- ดูแลช่วยเหลือกิจกรรมต่างๆของผู้ป่วยและให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อลดการใช้ออกซิเจน
- ติดตามผลlab CBC โดยจะมี Hct Hb และการตรวจวัดรอบท้องเพื่อประเมินภาวะซีดและขนาดรอบท้อง ดูแลให้ยาขับปัสสาวะ เพื่อลดอาการท้องมาน
- ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกง่ายหยุดยากเนื่องจากปัจจัยในการแข็งตัวของเลือดลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินสัญญาณชีพของผู้ป่วยทุก 2 ชม.
2.ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล ระมัดระวังเกี่ยวกับการทำให้เกิดแผลที่ทำให้เกิดการเสียเลือด
3.ดูแลเรื่องกิจวัตรประจำวัน
4.ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
-
ภาวะแทรกซ้อน
1.บวมน้ำและท้องมาน
การรักษา
เจาะท้อง (Abdominal tapping) ได้น้ำสีเหลืองใส 1,000 ซีซ
- ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร
การรักษา
Retained NG tube และ Lavage 2,000 cc จนใส
พยาธิสรีรภาพ
เกิดจากการมีการตายของเซลล์ตับ ทำให้เกิดผังผืด (Fibrosis) และแผลเป็น (scar) อุดกั้นการไหลเวียนเลือดในตับ เซลล์ตับที่งอกใหม่มีลักษณะเป็นปุ่ม (nodules) เป็นผลทำให้โครงสร้างและประสิทธิภาพของเซลล์ตับเปลี่ยนแปลง เกิดความไม่สมดุลของน้ำและแร่ธาตุ ไม่สามารถเผาผลาญฮอร์โมนและกำจัดของเสียออกจากร่างกาย รรวมทั้งไม่สามารถดูดซึมไขมันและวิตามินที่ละลายในไขมันได้ในระยะแรก จะมีอาการไม่ชัดเจน ตับแข็งที่ยังทำงานได้ดีเรียกว่า ระยะ Compensate cirrhosis แต่เมื่อมีอาการเปลี่ยนแปลงภายในเซลล์ตับมากขึ้น หลอดเลือดในตับจึงหลั่งไนตริกออกไซด์ และกลูคากอน ทำให้เกิดการขยายตัวทั้งหลอดเลือดดำและ และหลอดเลือดแดง เป็นผลทำให้ความดันในหลอดเลือดพอทัลสูงจนเกิดการย้อนกลับของเลือดในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้แรงดันในหลอดเลือดฝอยสูงขึ้น มีการรั่วซึมของสารน้ำเข้าไปในช่องท้อง เกิดภาวะท้องมาน โซเดียมและสารน้ำคั่งในร่างกาย ส่งผลให้ผู้ป่วยมีระดับโซเดียมในเลือดต่ำ ระยะนี้เรียกว่า Decompensated cirrhosis ขณะเดียวกันเลือดไม่สามารถไหลผ่านตับเข้า Inferior vena cava เพื่อกลับเข้าสู่หัวใจได้ ส่งผลให้ cardiac output ลดลง ร่างกายจึงกระตุ้นฮอร์โมน renin-Angiotensin Aldosterone system (RAAS) เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำและโซเดียมในระบบไหลเวียนเลือด ขณะเดียวกันความสามารถของไตจะลดลง เป็นผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามมา