Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Chest injury, 361CE538-B52D-4498-B079-D0586F898E6A, DE580DE4-77CE-465D…

- - - - ค้นหาตำแหน่งและขนาดของแผล
        
        ดูตำแหน่งของหลอดลมคอ
        
        การเคลื่อนไหลทรวงอกขณะหายใจ
        
        ปลายมือปลายเท้าเขียวคล้ำ
        
        การโป่งของหลอดเลือดดำที่คอหรือไม่
        
        เวลาหายใจทรวงอกขยายเท่ากันหรือไม่
      - คลำ ✋(Palpation)
        
        เคาะ ✊(Percussion )
        
        ฟัง 🦻(Auscultation)
        
        เสียงหายใจ ปกติเท่ากันทั้ง 2 ข้างหรือไม่
        
        เสียงหัวใจปกติ ค่อยกว่าปกติ หรือมีเสียงแทรก(murmur)
        สังเกตเสียงดังผิดปกติขณะหายใจออก (Respiratory Stridor) และฟังเปรียบเทียบลมทั้งสองข้าง (ปกติต้องเท่ากัน)
        ฟังได้ยินเสียงข้างเดียว = ข้างที่ไม่ได้ยินมีพยาธิสภาพ
        
        เคาะปอดแล้วได้ยินเสียงทึบ แสดงว่ามีเลือดในโพรงเยื่อหุ้มปอด(hemothorax) หรือ pulmonarycontusion
        
        เคาะแล้วได้ยินเสียงโปร่ง อาจมีลมในเยื่อหุ้มปอด(Pneumothorax)
        
        การเคาะบริเวณหัวใจ ถ้าพบเสียงทึบ แสดงว่ามีภาวะ cardiactamponade
        เคาะได้ยินเสียงโปร่ง + ตำแหน่งของท่อหลอดลมคอเอียงไปด้านใดด้านนึง สงสัยว่า มีความดันบวกจากลมรั่วในเยื่อหุ้มปอด
        
        การคลำบริเวณทรวงอก ตำแหน่งที่เจ็บปวด
        
        ผู้ป่วยที่มีกระดูกซี่โครงหัก ถ้ากดบริเวณที่หักจะรู้สึกเจ็บ
        
        มีลมรั่วใต้ผิวหนัง ( Subcutaneous Emphysema ) คลำได้เสียงกรอบแกรบ (Crepitation )
        
        คลำหลอดลม(trachea) อยู่ในตำแหน่งปกติหรือไม่
        
        คลำชีพจร บอกถึงการบาดเจ็บของหลอดเลือดในช่องอก
- - - - สภาวะที่มีลมอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มปอด(pleural cavity)
      - ภาวะลมในโพรงเยื่อหุ้มปอดชนิดความดันไม่เปลี่ยนแปลง
        (Simple Pneumothorax)
        
        สาเหตุ
        
        -แรงกระแทกซี่โครงหัก และทิ่มเข้าปอด
        -ถูกยิง ถูกแทง
        -การแทง Central line
        -การใส่เครื่องช่วยหายใจที่ตั้งแรงดันบวกมาก
        
        อาการและอาการแสดง
        
        -ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณลมในช่องเยื่อหุ้มปอด
        -แน่นหน้าอก เจ็บชายโครงหรือลิ้นปี่
        -ตรวจร่างกายไม่พบลมใต้ผิวหนัง
        -เสียงลมเข้าปอดลดลง
        -X-ray พบ Lung Ateletasis
        
        การรักษาและการพยาบาล
        
        การรักษา
        -ลมน้อย สังเกตติดตามผล X-ray
        -ลมมากใส่ ICD
        -ให้ O2 ความเข้มข้นสูง ช่วยดูดซึมกลับของลมในเยื่อหุ้มปอด
        การพยาบาล
        -สังเกตุอาการ และประเมินสิทธิภาพการหายใจ
        -ดูแล ให้ได้รับออกซิเจน และติดตามตามแผนการ
        รักษา
        -เตรียมอุปกรณ์สำหรับใส่ ICD
      - ภาวะความดันบวกจากลมรั่ว
        (Tension pneumothorax)
        
        สาเหตุ
        
        -ถูกยิง
        -สะเก็ดระเบิด,วัตถุปลายแหลมทิ่ม
        -การแทง central line
        -การใส่เครื่องช่วยหายใจตั้งแรงดันบวกสูง
        
        อาการและอาการแสดง
        
        -กระสับกระส่าย หายใจหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก ตัวเขียว ใจเต้นเร็ว BP ต่ำ
        -ผนังทรวงอกเคลื่อนไหวลดลง รั่ว (decrease lung expansion)
        -เคาะปอดเสียงโปร่ง(hyperresonance) เสียงลมผ่านปอดลดลง
        -พบลมรั่วใต้ผิวหนัง(Subcutanoues Emphysema)
        -Trachea shift
        
        การรักษา ในภาวะเร่งด่วน ไม่รอผลยืนยัน X - ray จะรักษาโดย Needle thoracentesis โดยใช้เข็มแทงที่ช่องซี่โครงที่ 2 ตรงกึ่งกลางไหปลาร้า เข้าโพรงเยื่อหุ้มปอดเพื่อระบายลมออก หลังจากนั้นจะใส่สาย ICD ที่ซี่โครงซี่ที่ 4
      - ภาวะลมในโพรงเยื่อหุ้มปอดชนิดมีแผลเปิด
        (Open pneumothorax)
        
        สาเหตุ
        
        -มีแผล
        -เกิดช่องเชื่อมต่อระหว่างอากาศภายนอกกับในช่องอก แผลต้องกว้างพอที่จะทำให้ลมผ่านเข้าออกจากแผลได้โดยอิสระ
        -หายใจเข้า ลมจะถูกดูดเข้าทางแผล ขณะหายใจออกลมจะถูกดันออกกิดเสียงฟืดฟาดขณะหายใจ เกิดการสะสมของอากาศภายในช่องอก (Air trapping)
        -แผลเล็ก ทำให้แผลมีลักษณะเป็นลิ้น (valve) ลมเข้าแต่ออก
        ไม่ได้หรืออกน้อยอากาศเพิ่มขึ้น เกิด Tension
        Pneumothorax
        
        อาการและอาการแสดง
        
        -หายใจเข้าลมจะดันเข้าไปในโพรงเยื่อหุ้มปอดเกิด
        แรงดันบวกกดปอด ทำให้ปอดแฟบลง
        -ผู้ป่วยหายใจเร็ว หายใจลำบาก
        -ชีพจรเต้นเร็ว
        -ทรวงอกไม่ขยายตามการหายใจ(paradoxical Resiration)
        -มีแผลที่ผนังทรวงอก ได้ยินเสียงลมดูดเข้า อาจเห็นฟองอากาศช่วงหายใจออก(sucking wound)
        -มีลมรั่วใต้ผิวหนัง(subcutaneous emphysema)
        
        การรักษาและการพยาบาล
        
        การรักษา
        
        การปิดแผลด้วย 3 -side sterile occlusion dressing
        ปิดแผล 3 ด้านโดยใช้ฟอยล์อลูมินัม หรือวาสลินก้อส เพื่อ
        ป้องกันไม่ให้ลมเข้าทางบาดแผล แต่ให้ลมออกได้
        
        การใส่สายระบายทรวงอก (intercostal drainage)
        การพยาบาล
        1.ให้ออกซิเจน
        
        การปิดแผลด้วย 3 -side sterile occlusion dressing
        
        แนะนำการหายใจ เข้าลึกๆ เพื่อ และเพื่อให้ลมออกจากแผลได้ดีขึ้น
        
        สังเกตการหายใจ
        
        เตรียมอุปกรณ์สำหรับใส่ ICD
    - - ภาวะเลืดออกในโพรงเยื่อหุ้มปอดส่วนใหญ่มาจากการฉีกขาดของผนังทรวงอกเนื้อปอด หลอดเลือดดำฝอย
        พังผืดของเยื่อหุ้มปอด และกระบังลม
      - อาการและอาการแสดง
        
        -หายใจเร็ว หายใจตื้น
        -แน่นหน้าอก
        -เหนื่อยหอบ
        -Shock จากการเสียเลือดตรวจร่างกายอาจพบหลอดลมคอ และหัวใจถูกดันไปด้านตรงข้าม
        -เคาะได้เสียงทึบ
      - Mild น้อยกว่าหรือเท่ากับ 350ml.
        Moderate >1000-1500ml.
        Massive >1500-2000ml.
      - การพยาบาล
        
        Mild hemothorax
        
        การสังเกตและติดตามสัญญาณชีพและการหายใจ
        
        ติดตามผล เอ็กซเรยทรวงอก เพราะเลือดอาจหยุด ออกเพียงแค่นั้น
        Moderate hemothorax
        
        มักต้องได้รับการรักษาโดยการใส่ ICD
        Massive hemothorax
        -การเฝ้าระวังสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด
        -การดูแลชนิดและอัตราสารน้ำ
        
        ระบายเลือดออกโดยการใส ICD
        -บางรายอาจจำเป็นต้องทำผ่าตัดด่วน ไปใน
        ช่องอก (thoracotomy)กไขจุดที่เปน สาเหตุ
        ของเลือดออกในปอด
    - - สาเหตุ
        
        -อาจเกิดจากซี่โครงหัก อกรวนหรือกระดูกสันอกหักทำให้เกิดพยาธิสภาพที่เนื้อปอด มีเลือดออกในถุงลมปอด ถุงลมปอดบวม ความยืดหยุ่นลดลง การแลกเปลี่ยนก๊าซไม่มีประสิทธิภาพ เกิดภาวะพร่องออกซีเจน
      - อาการและอาการแสดง
        
        ช่วงแรกๆ จะไม่มีอาการ ต่อมาจะหายใจลำบาก มีภาวะหายใจล้มเหลวโดยจะเริ่มด้วยอาการไอเป็นเลือด เสียงลมเข้าปอดเบา มีเสียงลมผ่านของเหลว (crackle/crepitation) และเสียงลมผ่านท่อหลอดลมขนาด เล็ก (wheezing)ภาพถ่ายรังสีปอดวันแรกไม่พบความผิดปกติ แต่ 2-3 วัน ต่อมาจะพบความผิดปกติ
      - การรักษาและการพยาบาล
        
        แก้ไขภาวะพร่องออกชิเจนโดย การให้ออกชิเจนและอาจใส่เครื่องช่วย
        หายใจความดันบวกเพื่อให้ปอดขยายและจำกัดสารน้ำ
        
        ดูแลให้ได้รับออกซิเจนให้เพียงพอ
        
        ประเมินความปวดและให้ยาระงับปวดให้เพียงพอ
        
        รักษาความสมดุลของสารน้ำและอิเลดโตสัยต์
        จำกัดสารน้ำา ปันทึกสารน้าเข้าออก
  - - - ซี่ที่ 1-4 อยู่ใต้กระดูกไหปลาร้า เป็นบริวณที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงปกคลุม หากมีการหักมักเกิดจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการฉีกขาดของหลอดเลือดแดงใหญ่และหลอดลม
        
        ซี่ที่ 5-9 พบบ่อยที่สุดของการบาดเจ็บจากแรงกระแทก อาจเกิดอันตรายต่อปอดและหัวใจ
        
        ซี่ที่ 11-12 เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บต่ออวัยวะในช่องท้อง เช่น ตับ ม้าม ไต
    - - ปวดบริเวณที่มีพยาธิสภาพ โดยเฉพาะขณะหายใจเข้า ออก อาการปวดทำให้หายใจตื้น ไม่กล้าไอ การแลกเปลี่ยน O2 ไม่มีประสิทธิภาพ เสมหะคั่ง เจ็บเมื่อถูกกดตรงตำแหน่งที่หัก
    - - ลดปวดโดยให้ยาระงับปวด และให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้เพียงพอ โดยทั่วไปอาการปวดจะหายไปใน 2-3 สัปดาห์ หากปวดมากแพทย์จะให้ยาระงับปวดชนิดที่ผู้ป่วยควบคุมเอง หรืออาจฉีดยาชาเข้าเส้นประสาท (intercostal nerve block) ซึ่งจะช่วยลดปวดหรือไม่มีอาการปวดเลย
    - - ประเมินอาการปวดและให้ยาระงับปดให้เพียงพอตามแผนการรักษาพร้อมกับสังเกตอาการแทรกช้อนจากยาระงับปวดในรายที่ได้รับยาระงับปวดชนิดที่ผู้ป่วยกดหรือควบคุมเองพยาบาลต้องสอนวิธีใช้พร้อมแนะนำข้อดีข้อเสียของการใช้ยาระงับปวดวิธีนี้ด้วย ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยได้รับยาเกินขนาด
        
        จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สุขสบายและดูแลให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนให้เพียงพอ
        
        ประคบบริเวณที่มีพยาธิสภาพด้วยความเย็นโดยใช้กระเป๋าน้ำแข็งประคบในระยะ 24-48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นให้ประคบร้อน เช่น การใช้ลูกประคบเพื่อลดอาการปวด
        
        ประเมินการหายใจและภาวะพร่องออกซิเจนโดยการวัดสัญญาณชีพ ดูอัตราการหายใจ ฟังเสียงลมเข้าปอดเปรียบเทียบกันทั้ง 2 ข้าง สังเกตการเคลื่อนไหวของทรวงอกขณะหายใจเข้าออก อาการเขียวที่ปลายมือปลายเท้าและวัดความอิ่มตัวของออกซิเจน
        
        ป้องกันภาวะปอดแฟบโดยการกระตุ้นให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกลึกๆ หรืออาจใช้เครื่องบริหารปอด (Triflow) เพื่อให้ปอดขยายและช่วยให้ผู้ป่วยสามารถไอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
        
        ติดตามภาพถ่ายรังสีปอดตามแผนการรักษา เพื่อประเมินความก้าวหน้าของการบาดเจ็บและประเมินภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการบาดเจ็บ เช่น ภาวะมีลมหรือเลือดในโพรงเยื่อหุ้มปอด หรือลมใต้ผิวหนัง
        
        ให้คำแนะนำในการดูแลตนเองเมื่อกลับไปอยู่บ้าน เช่น การใช้ลูกประคบเพื่อลดความปวดการใช้หมอนหรือผ้าขนหนูพยุงทรวงอกด้านที่ซี่โครงหัก การรับประทานยาระงับปวดตามแผนการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวได้ถูกต้องและคลายความวิตกกังวล
  - - - ไหล่ข้างที่ได้บาดเจ็บตก ยกแขนไม่ขึ้น เคลื่อนไหวแขนได้น้อย ปวด บวม มีแผลฟกช้ำ การวินิฉัยได้จากอาการการตรวจร่างกายและภาพถ่ายรังสีปอด
    - - จาการได้รับแรงกระแทกโดยตรง เล่น ถูกเหยียบ ถูกวัตถุหนักๆตกทับ
    - - ให้ส่วนที่หักอยู่นิ่งโดยการใส้ผ้าคล้องแขนหรืออุปกรณ์พยุงไหล่ประมาณ 2 wks. ให้ยาระงับปวด รายที่กระดูกหักหรือมีแผลเปิดแพทย์จะผ่าตัดใส่เหล็กดามกระดูก
    - - ประเมินอาการปวด ให้ยาระงับปวด สังเกตอาการแทรกซ้อนจากยา
        
        หลีกเลี่ยงการแทงเส้นและให้สารน้ำแขนข้างที่หัก
        
        ไม่ให้แขนข้างที่หักมีการเคลื่อนไหว สอนและแนะนำการใช้ผ้าคล้องแขน (arm sling) หรืออุปกรณ์พยุงไหล่ (Clavicle strap)
        
        สอนวิธีการบริหารข้อไหล่และแขนเมื่ออาการปวดทุเลาลงแล้ว
        
        ประเมินชีพจรข้อมือข้างที่ไหปลาร้าหัก เพื่อประเมินการบาดเจ็บของหลอดเลือดและเส้นประสาทที่เลี้ยงแขน
  - - - การหักของกระดูกซี่โครงด้านหน้าจะทำให้ทรวงอกบริเวณที่ซี่โครงหักขาดการยึดเหนี่ยวกับส่วนอื่นเกิดการเคลื่อนไหวตามความดันภายในทรวงอกและสวนทางกับส่วนอื่นขณะหายใจ จะสังเกตเห็นทรวงอกบริเวณนั้นยุบเข้าขณะหายใจเข้าและนูนออกขณะหายใจออก แต่ถ้าเป็นการหักของซี่โครงด้านข้างและด้านหลังจะไม่ค่อยพบพบปรากฏการณ์ แต่ทราบได้จากภาพถ่ายรังสีปอดร่วมกับอาการปวด
    - - แรงกระแทกภายนอก เช่น อุบัติเหตุจากพาหนะที่มีความเร็วสูง ถูกพวงมาลัยรถยนต์กระแทกหน้าอก ตกจากที่สูง วัตถุที่มีน้ำหนักมาตกทับ หรือเกิดจากการกดกระดูกสันอกขณะช่วยกู้ชีพ
    - - ทรวงอกที่กระดูกซี่ โครงหักยุบเข้าขณะหายใจเข้าและนูนออกเมื่อหายใจออก การหายใจลักษณะนี้จะเพิ่มพื้นที่ส่วนที่ไม่มีการแลกเปลี่ยนอากาศมากขึ้นทำให้มีการแลกเปลี่ยนอากาศในถุงลมน้อยลง เกิดภาวะพร่อง 02 หายใจเร็วตื้นและลำบากไม่ไอ hypoxia เสมหะอุดตัน ปอดแฟบ ชีพจรเร็ว บางรายได้ยินเสียงซี่ โครงหักเสียดสีกัน (bone crepotus) ปอดช้ำปอดบวมน้ำ ติดเชื้อ มีเลือดออกในถุงลมปอด เนื้อเยื่อปอดยึดติดกัน การหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน อาจเกิด Respiratory failure
        
        Respiratory failure
        
        Lung contusion ผู้ป่วยที่มี flall chest นั้นมักมี lung contusion เสมอ เนื่องจากแรงที่ทำให้กระดูกซี่โครงหัก เป็น segment และ หักหลายตำแหน่งทำให้ปอดซ้ำได้ง่าย แต่ผู้ป่วยที่มี lung contusion จะทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซที่ระดับ aveoli ลตลง มีผลท่า ให้เกิด acute hypoxia
        
        Pain อาการปวดจากกระดูกหักหลายขี่นั้นมีมาก
        จะทำให้ chest movement น้อยลง
        
        Pneumothorax and/or Hemothorax ผู้ป่วยที่มี flail chest นั้นมักมีลมรั่ว และ เลือดออกในปอด ทำให้การ ขมายตัวของปอดลดลงอีกทางหูนึ่งด้วย ขึ้นอยู่กับปริมาณของลม และ เลือดดังกล่าวว่ามีมากน้อยเพียงใด
        
        Loss of Lung mechanics ปัญหาเรื่อง paradoxical chest movement
        ของผู้ป่วยทำให้การขยายตัวของปอดผิดปกติ ในกรณีที่ผู้ป่วยหายใจด้วยตัวเอง (negative pressure) ดังที่กล่าวมาแล้วว่าขณะหายใจเข้า ส่วน Nlail segment จะยุบลงทำให้ปอดข้างนั้นไม่ขยายตัว และในช่วงหายใจออก ส่วน flail segment ทำให้ไม่สามารถชับก้าซคาร์บอนดออกไซต์ออกได้ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์คั่ง
    - - ช่วยให้มีการหายใจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดแรงดันบวก (positive end expiratory pressure:PEEP หรือ Continuos positive airway pressure: CPAP) เพื่อให้ปอดขยายดี ลดการปวดและแก้ไขภาวะแทรกช้อน สำหรับการรักษาเฉพาะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการบาดเจ็บ
    - - 1.ให้ 02 ในรายที่หายใจไม่พอหรือหอบเหนื่อยมาก แพทย์จะใส่เครื่องช่วยหายใจพยาบาลควรประเมินเสียงลมเข้าปอด ดูดเสมหะ ทำทางเดินหายใจให้โล่ง
        
        ประเมินความรุนแรงของความปวดและให้ยาระงับปวดตามแผนการรักษา พร้อมสังเกตอาการข้างเคียงของยา
        
        ถ้าไม่มีกระดูกสันหลังหัก ให้ส่วนที่หักอยู่นิ่ง โดยแนะนำให้ผู้ป่วยนอนทับส่วนที่หักหรือถุงทรายกดหรืออาจใช้ผ้าห่มหรือผ้าขนหนูหยุงไว้
        
        ประเมินความสมดุลของสารน้ำ โดยการบันทึกชนิดและปริมาณของสารน้ำ บันทึกปริมาณปัสสาวะที่ออก
        
        ดูแลด้านจิตใจ ประเมินความวิตกกังวล ให้การช่วยเหลือตามความเหมาะสม
  - - - แรงกระแทกโดยตรงต่อทรวงอกด้านหน้า
    - - ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมาก หรือหายใจตื้น ทำให้ปอดแฟบ มีการคั่งของเสมหะ เกิดการติดเชื้อ และการหายใจล้มเหลวหากประเมินจากภาพถ่ายรังสีปอดทั่วไปซึ่งถ่ายจากด้านหน้าอาจไม่เห็นรอยหัก แต่จะพบรอยหักหากถ่ายภาพด้านข้างหรือวินิจฉัยจากการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
    - - การรักษาและการพยาบาล ใช้หลักเดียว กับการรักษาอกรวน คือ ดูแลระบบทางเดินหายใจให้ออกซิเจน ให้ยาระงับปวด ดูแลการให้สารน้ำและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
  - - - คลำได้ฟองอากาศใต้ผิวหนัง พบบ่อยที่คอหน้าอก ใบหน้า แขนส่วนบน ท้อง
    - - เกิดภายหลังการบาดเจ็บทรวงอก การบาดเจ็บของกล่องเสียงหรือหลอดลมคม หรือเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการเจาะคอ เนื่องจากเย็บปิดผิวหนังรอบท่อเจาะคอแน่นเกินไป
    - - ขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น หากมีลมใน โพรงเยื่อหุ้มปอด แพทย์จะใส่ท่อระบายทรวงอก ถ้าเย็บปิดผิวหนังรอบแผลเจาะคอแน่นเกินไป แพทย์จะตัดไหมออก เพื่อให้ลมใต้ผิวหนังระบายออกได้
    - - ขึ้นอยู่กับสาเหตุและการรักษา สิ่งที่พยาบาลต้องระวัง คือ การสังเกตการเกิดลมรั่วใต้ผิวหนังจากการทำหัตถการต่าง ๆ
  - - - ภาวะหัวใจถูกกด หมายถึง ภาวะที่มีสารเหลวหรือเลือดเข้าไปอยู่ในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ (pericardialcavity) ซึ่งปกติช่องนี้จะมีสารเหลวอยู่ประมาณ 50 มิลลิลิตร ในช่องนี้ไม่มีทางติดต่อกับที่อื่น เมื่อมีสารเหลวหรือเลือดเข้าไปอยู่ภายในจะทำให้ความดันในช่องเยื่อหุ้มหัวใจเพิ่มขึ้นและเมื่อความดันเพิ่มขึ้นสูงกว่าความดันในหลอดเลือดดำทำให้เลือดดำไหลกลับหัวใจลำบาก เกิดความดันโลหิตตกและปริมาณเลือดที่ถูกสูบฉีดออกจากหัวใจลดลง เกิดภาวะที่เรียกว่าหัวใจถูกกดทำให้หัวใจเต้นแรงและเร็วขึ้น
        
        อาการและอาการแสดง
        
        ผู้ป่วยมีหัวใจถูกกด ที่สำคัญมี 3 ประการ (Beck's Triad) ได้แก่ ความดันโลหิตต่ำ หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง และเสียงหัวใจเบา (distant heart sound) อาการอื่นๆ ที่ควรสงสัยว่าผู้ป่วยอาจมีภาวะหัวใจถูกบีบรัด ได้แก่
        
        มีประวัติการบาดเจ็บทรวงอกและมีบาดแผลบริเวณเยื่อหุ้มหัวใจ ทิศทางของบาดแผลไปในทางที่จะเกิดบาดเจ็บต่อหัวใจหรือหลอดเลือดแดงใหญ่ เช่น มีแผลเปิดด้านหน้าใกล้ราวนมหรือแผลด้านหลังใกล้กระดูกสะบักจะมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจถูกบีบรัดสูง มีเลือดออกบริเวณเยื่อหุ้มหัวใจและจังหวะของเลือดออกเป็นจังหวะเดียวกับการเต้นของหัวใจ ชีพจรเบาลงขณะหายใจเข้า (pulsus paradoxicus) หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ
        
        ความดันโลหิตต่ำที่ไม่สัมพันธ์กับการเสียเลือด
        
        อาการเขียวคล้ำบริเวณใบหน้า เนื่องจากมีการคั่งของเลือดดำ
        
        ความดันในหลอดเลือดดำสูงขณะหายใจเข้า (Kussmual's sign)
        
        การรักษา
        
        การพยาบาล
        
        ประเมินอาการผู้ป่วยให้ได้เร็วที่สุด หลังจากนั้นให้ออกซิเจน สารน้ำ
        
        รีบรายงานแพทย์และเตรียมอุปกรณ์เพื่อช่วยแพทย์ทำเจาะเลือดออกจากถุงหุ้มหัวใจ (peri- cardiocentesis) โดยการใช้เข็มดูดเลือดออกประมาณ 15-20 มิลลิลิตร เพื่อชะลออาการระหว่างรอเข้าห้องผ่าตัด การพยาบาลเพื่อช่วยแพทย์ทำเจาะเลือดออกจากถุงหุ้มหัวใจ มีดังนี้
        2.1 การจัดท่านอนศีรษะสูง (semi Fow-ler's position) 2.2 เตรียมอุปกรณ์ ได้แก่ เข็มเบอร์ 16 หรือเบอร์ 18 ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ข้อต่อ 3 ทาง (3 way stopcock) กระบอกฉีดยา ขนาด 50 มิลลิลิตร ยาชา ยาฆ่าเชื้อ ถุงมือปลอดเชื้อ เสื้อกาวน์ ผ้าปิดจมูก
        2.3 ให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
        2.4 ขณะทำหัตถการต้องเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพราะอาจเกิดการเต้นผิดจังหวะจากการแทงพลาดไปทะลุกล้ามเนื้อหัวใจ
        2.5 ให้สารน้ำให้เพียงพอ
        2.6 ให้ยาเพิ่มความดันโลหิตตามแผนการรักษา
        2.7 ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์เหนียวให้แน่น (pressure dressing)
        
        เฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนจากการทำหัตถการ เช่น ลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด
        
        เตรียมผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการผ่าตัดตามแผนการรักษา
        
        ผ่าตัดแก้ไข ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลเนื่องจากการเสียเลือดและจากภาวะหัวใจล้มเหลว
      - สาเหตุ
        
        เกิดจากอุบัติเหตุหรือหัตถการต่างๆ เช่น การใส่สายสวนหัวใจ สายสวนหลอดเลือดแดง หรือการใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ