Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต บทที่ 6 - Coggle Diagram
การสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต บทที่ 6
6.1 วิวัฒนาการของการสื่อสารผ่านเครือข่าย
เริ่มต้นจากเครือข่ายที่เรียกว่า ARPANET ซึ่งกระทรวงกลาโหมของรัฐบาลอเมริกาทําการทดลอง
สําหรับการติดต่อหน่วยงานระหว่างทหาร หน่วยงานรัฐบาล นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ต่อมามีเครือข่ายเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะเครือข่ายของมูลนิธินักวิทยาศาสตร์ ทําให้มีการเชื่อมโยงนักวิจัยทั่วประเทศโดยผ่านศูนย์กลางที่ใช้ซุปเปอร้คอมพิวเตอร์
ทําให้มีการเชื่อมโยงนักวิจัยทั่วประเทศโดยผ่านศูนย์กลางที่ใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
จึงทําให้การติดต่อระหว่างเครือข่าย ขยายตัวจนเป็นอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันในการติดสื่อสารแรกๆนั้นพัฒนาไปพร้อม
การพัฒนาระบบปฏิบัติการ โดยเริ่มแรกจะติดต่อสื่อสารผ่านระบบปฏิบัติการที่เป็นการติดต่อสื่อสารผ่านระบบ command line
ผ่านตัวหนังอักษรเท่านั้น แต่เมื่อมีการพัฒนาส่วนประสานงานผู้ใช้
รูปแบบการติดต่อสื่อสารมีรูปแบบที่เป็นภาพกราฟ็กมากขึ้น รวมถึงมี
การใช้งานง่ายขึ้นด้วยมีการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสาร ดังนี้
ปี 1992 SMS ผู้ให้บริการโทรศัพท์เปิดบริการ
ปี 1995 NSFNET พัฒนาโครงการวิจัย ระบบอินเตอร์เน็ตสู่รูปแบบพาณิชย์
ปี 1996 Microsoft ได้พัฒนา web browser ชื่อ Internet Explorer และมีการสร้างโมเด็ม
ปี1998 VoIP/Video Conference มาตรฐานแรกสําหรับการสื่อสารและเสียงผ่านทางแพ็กเกจข้อมูลถูกพัฒนาขึ้นโดยมีชื่อเรียกว่าโพรโตคอล H.323
ปี 2000 จํานวน Host เพิ่มขึ้นเป็น 93,047,785 Hosts
ปี 2001 American Online (AOL) มีสมาชิกถึง 28 ล้านคนและได้เกิดรูปแบบการแบ่งปันเพลงในลักษณะออนไลน์ขึ้นที่ชื่อว่า Napster
ปี 2002 พัฒนาระบบสารสื่อสารผ่าน weblog (Blog) และได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น Friendster
ปี 2003 เกิดรูปแบบการแผ่กระจายของข้อมูลข่าวสารในรูปแบบ Flash Mobs โดยเริ่มที่เมือง New York ได้แก่ Facebook Myspace
ปี 2004 มี Host มากกว่า 285,000,000 Hosts บนอินเทอร์เน็ต และเกิดSocial Communities เครือข่ายสังคมออนไลน์
ปี 2005 –2009 มี YouTube Microblog Twitter Skype ตามลําดับ
ปี 2009 มี Host 625,226,456 Hosts บนอินเทอร์เน็ต โดยประเทศที่ใช้อินเทอร์เน็ตมาก
ปี 2009 Google Waveเป็นครั้งแรกที่สื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ วิดีโอ
ปี 2009- 2030 เป็นเครือข่ายที่รวมการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นหนึ่งเดียว คือการใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า “Singularity”
6.2องค์ประกอบของการสื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
ความเร็วการส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย ข้อมูลที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ใช้เลขฐานสอง
ซึ่งหนึ่งหลักของเลขฐานสองมีได้ 2ค่า (0,1) หรือเรียกว่า 1 บิต และใช้เลขฐานสองจํานวน 8 หลัก
แทนอักขระ ทั้งตัวหนังสือ ตัวเลข ตัวอักษร และสัญลักษณ์ต่าง ๆ
ตามข้อกําหนดมาตรฐาน เช่น รหัส ASSCI ,Unicode เป็นต้น ดังนี้ข้อมูล 8 บิต คืออักขระ 1 ตัวนั่นเอง
6.3 องค์ประกอบของการสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
6.3.1 พื้นฐานการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ข้อมูลที่เก็บในคอมพิวเตอร์มีพื้นฐานจากเลขฐานสอง การส่งข้อมูลจึงใช้การส่งข้อมูลเป็นแพคเก็จ
โดยตัดแบ่งข้อมูลที่ต้องการส่งผ่านเครือข่าย ด้วยอัลกอริทึมต่าง ๆ
และส่งไปในเครือข่ายผ่านสื่อทั้งแบบมีสายและไร้สาย ดังนั้นการสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์
จึงเหมือนกันการสื่อสารทั่วไป คือประกอบด้วยผู้ส่งสาร สื่อ ผู้รับสาร และสาร
เพียงแค่เปลี่ยนบทบาทจากการสื่อสารทั่วไปเป็นสารสื่อสารด้วย
คอมพิวเตอร์
6.3.2 ตัวกลางการส่งข้อมูล
ตัวกลางการส่งข้อมูล เป็นสื่อที่ใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยมีการส่งผ่านสายด้วยสื่อต่าง ๆ แบบมีสายและไร้สาย ได้แก่
สายคู่ตีเกลียว เป็นสายทองแดงแบบเส้น มาตรฐานของสายโทรศัพท์ความเร็วในการส่งข้อมูลหาเป็นสายโทรศัพท์ความเร็วอยู่ที่ 14.4 Kpbs
สายโคแอกเชียล สายเป็นทองแดงแบบแท่ง มีความจุในการส่งมากกว่าสายคู่ตีเกลียวประมาณ 80 เท่า สามารถส่งข้อมูลได้ 10 Mbps – 150 Mbps
สายเส้นใยนําแสง เป็นการส่งข้อมูลโดยใช้แสง มีความจุในการส่งข้อมูลมากกว่าสายคู่ตีเกลียว 26,000 เท่า สามารถส่งข้อมูลได้ 100 Mbps-1.6 Tbps
6.3.3 รูปแบบการส่งข้อมูลตามลักษณะการใช้งานระบบเครือข่าย
การส่งข้อมูลจึงมีทั้งผู้ส่งและผู้รับ โดยผู้ที่ทําหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ คือเครื่องแม่ข่าย
ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการให้บริการเช่น เครื่องให้บริการด้านเว็บขององค์กร
เครื่องให้บริการระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องให้บริการด้านแอพพลิเคชั่น
ดังนั้นการเชื่อมต่อตามภาระหน้าที่จึงแบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ
แบบเครื่องแม่และลูกข่าย
แบบเครื่องเพียร์-ทู-เพียร์
6.3.4 อุปกรณ์สําหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบการสื่อสารคือระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทําหน้าที่ส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
โดยใช้แบบมีสายหรือไร้สาย การพัฒนาระบบเครือข่าย
คือ การเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้าหากัน โดยมีหน่วยที่เรียกว่า
โหนด ได้แก่ เครื่องพิมพ์ เครื่องคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์ที่ช่วยในการสนับสนุนการส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย เพื่อการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
6.3.4.1 แลนการ์ด ทําหน้าที่ในระดับกายภาพ เพื่อส่งข้อมูลไปยังเครือข่าย
6.3.4.2 สายแลน เป็นสื่อสําหรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
6.3.4.3 ตัวกระจายสัญญาณ
ฮับ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยคันหาหรือสําหรับจดจําตําแหน่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายที่อยู่บนโครงข่าย
สวิทซ์ เป็นอุปกรณ์ที่ทําหน้าที่เหมือนกับฮับแต่สามารถควบคมการใช้งานแบนด์วิดธ์บนโครงข่ายได้
เราเตอร์ สามารถทําหน้าที่คันหาเส้นทางเพื่อส่งหรือรับข้อมูลให้กับทั้งโครงข่าย
6.3.4.4 Gateway ทําหน้าที่ดูแลการรับส่งข้อมูลที่เข้าออกระหว่างโครงข่ายคอมพิวเตอร์ โดยอาจกําหนดพอร์ต เพื่อกรองข้อมูลผ่านเข้าออกเครือข่าย
6.3.4.5 Bridges เป็นอุปกรณ์สําหรับเชื่อมต่อสองเครือข่ายเข้าด้วยกัน
6.3.4.6 อุปกรณ์อื่น ๆ บนโครงข่าย ที่รองรับการทํางานแบบ IP
โมเด็ม เป็นอุปกรณ์ในการแปลงสัญญาณ ย่อมาจากโมดูเลชัน-ดีโมดูเลชัน
6.4 ประสิทธิภาพการทํางานของเครือข่าย
6.4.1 ปัจจัยที่มีผลกับความเร็วในตัวกลางของสื่อ
6.4.1.1 แบนด์วิดธ์
เป็นการวัดความจุของช่องทางสื่อสาร ซึ่งประสิทธิภาพของการส่ง
จะขึ้นอยู่กับการส่งผ่านข้อมูลในช่องสัญญาณวาาสามารถส่งได้มากน้อยเพียงใดต่อหน่วยเวลา
วอยซ์แบนด์ ใช้สําหรับโมเด็มธรรมดา มีเดียมแบนด์ สายเชาาพิเศษระหว่างมินิคอมพิวเตอร์กับเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ บอร์ดแบนด์
6.4.1.2 ความสูญเสียต่อการส่งผ่าน
ระยะทางในการส่งข้อมูลมีความสําคัญในการวางโครงข่าย
การวางระบบสายแลนไม่ควรเกินระยะ 100 เมตร เพื่อประสิทธิภาพในการส่งข้อมูล
หากเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ยิ่งใกล้อุปกรณ์กระจายสัญณาณก็จะยิ่งส่งข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น
6.4.1.3 การรบกวนของสัญญาณ
เป็นการถูกรบกวนการส่งสัญญาณรูปแบบต่าง ๆเช่น สายแลนจะมีการพันเป็นเกลียวเพื่อลดการรบกวนสัญญาณระหว่างเส้นเมื่อมีการส่งข้อมูล
หากเป็นการส่งสัญญาณแบบไร้สายก็จะเกิดปัญหาจากสัญญาณรบกวนจากสภาพอากาศ
6.4.1.4 จํานวนโหนดในการเชื่อมต่อ
การจัดการจราจรบนเครือข่าย เป็นปัจจัยสําคัญในการเพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูล
โดยผู้บริหารเครือข่ายจะทำ หน้าที่ตรวจ ติดตามการเข้าออกเครือข่ายของผู้ใช้
การรายงานจำนวนผู้ใช้จึงเป็นเหมือนการรายงานสภาพการจราจรของเครือข่ายว่ามีผู้ใช้ข้อมูลอยู่เท่าไหร่
ยิ่งจำนวนโหนดน้อยการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะเร็วกว่าจำนวนคนมาก
6.4.2 การวัดประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่าย
6.4.2.1 ประสิทธิภาพ
คือ ความสามารถในการรองรับจำนวนผู้ใช้ในเครือข่าย หรือจำนวนโหนกในเครือข่าย
ทำให้หลายเครือข่ายจำเป็นต้องมีระยะเวลาสำหรับผู้ใช้แต่ละคนเพื่อลดการจอง
ช่องสัญญาณแล้วไม่มีการใช้ข้อมูลผ่านเครือข่าย เมื่อมีการ Log in เข้าใช้เครือข่าย
6.4.2.2 ความน่าเชื่อถือ
คือ ความถี่ในการล้มเหลวของเครือข่าย รวมถึงการใช้เวลาในการกู้ระบบให้ทำงานได้อย่างปกติ
ในทางธุรกิจจะมีแผนการกู้คืนระบบตามแนวมาตรฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
โดยเฉพาะแผนการกู้คืนกรณีฉุกเฉิน คือองค์กรสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องกรณีที่เกิดปัญหากับระบบเครือข่ายในรูปแบบต่าง ๆ
6.4.2.3 ความปลอดภัย
คือ ระบบป้องกัน การบุกรุก หรือทำลายข้อมูล จากทั้งบุคคลภายในและภายนอก รวมถึง ไวรัส
อาชญากรทางเครือข่าย เป็นต้น อุปกรณ์เบื้องต้นที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการเข้าออกเครือข่ายคือ ไฟล์วอลล์
หากมีข้อมูลผิดปกติก็จะป้องกัน และตรวจสอบข้อมูลที่สงสัยว่าผิดปกติ โดยกรองข้อมูลและติดตามพฤติกรรมการเข้าใช้ที่ต้องสงสัยผ่านโปรแกรม
6.4.3 การวัดประสิทธิภาพของการสื่อสารข้อมูลที่ดี
6.4.3.1 การส่งข้อมูล
คือ การส่งข้อมูลจากผู้ส่งได้ถูกต้องกับผู้รับ การส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายเป็นลักษณะแตกข้อมูลเป็นแพคเก็ต
และส่งไปในเครือข่ายในเส้นทางต่าง ๆ และจะนำไปรวมกันอีกครั้งเมื่อถึงผู้รับ
ในแต่ละแพคเก็ตจะมีส่วนหัว เพื่อบอกตำแหน่งข้อมูลของผู้รับ
6.4.3.2 ความถูกต้อง
คือ ข้อมูลที่ส่งให้ผู้รับถูกต้อง ไม่มีการผิดพลาด การส่งข้อมูลสามารถตรวจสอบเส้นทางได้ว่าข้อมูลวิ่งในทิศทางใด
และด้านความปลอดภัยจะต้องมีการตรวจสอบจำนวนบิตที่ส่งว่าผู้ส่งและฝั่งผู้รับได้จำนวนบิตที่ตรงกันเพื่อลดความผิดพลาดในการส่งข้อมูล
6.4.3.3 ตรงเวลา
คือ การส่งข้อมูลได้ตรงเวลา เป็นการวัดประสิทธิภาพด้านความเร็ว
ในการส่งข้อมูลทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรบนเครือข่าย อุปกรณ์เครือข่าย และสื่อกลางในการส่งข้อมูลด้วย
6.4.4 ประโยชน์ของเครือข่าย
6.4.4.1 การใช้ทรัพยากรร่วมกัน
โดยการแบ่งปันข้อมูลผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การใช้การโปรแกรมและข้อมูลจากฐานข้อมูล
การค้นหาข้อมูลตารางสอนของอาจารย์ในระบบทะเบียนของมหาวิทยาลัยเป็นต้น
6.4.4.2 ช่วยลดต้นทุน
โดยใช้ระบบการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายแทนรูปแบบการสื่อสารแบบเดิมรวมถึงการลดต้นทุนด้านธุรกรรมขององค์กรด้วย
6.4.4.3 ความสะดวกในการสื่อสาร
ได้รวดเร็วมากขึ้น ทั้งการสื่อสารผ่านข้อความ เสียง และภาพเคลื่อนไหวทำให้ลดข้อจำกัดด้านสถานที่ในการทำงาน และการเข้าถึงข้อมูลขององค์กร
6.4.4.4 ความน่าเชื่อถือและปลอดภัย
ในการเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูล เพราะมีผู้ดูแลระบบในการตรวจสอบการเข้าใช้งานข้อมูล การกำหนดสิทธิ์และควบคุมการเข้าถึงข้อมูลในแต่ละระดับ
6.4.5 ชนิดของเครือข่าย
6.4.5.1 เครือข่ายส่วนบุคคล เป็นเครือข่ายที่แลกเปลี่ยนข้อมูลระยะใกล้ ระยะประมาณ 1 เมตร
6.4.5.2 เครือข่ายบริเวณเฉพาะที่หรือแลน เป็นเครือข่ายเฉพาะที่ ภายในบ้าน ในห้องระยะ 10 เมตร ในอาคาระยะ100 เมตร ในพื้นที่เดียวกันไม่เกิน 1กิโลเมตร
6.4.5.3 เครือข่ายบริเวณนครหลวงหรือแมน เครือข่ายใน
ระยะ 10 กิโลเมตร
6.4.5.4 เครือข่ายบริเวณกว้างหรือแวน เครือข่ายระดับประเทศ
6.4.5.5 เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายที่สื่อสารกันทั่วโลก
6.5 สถาปัตยกรรมเครือข่าย
สถาปัตยกรรมเครือข่าย เป็นการอธิบายเกี่ยวกับโครงร่างเครือข่ายแบบต่างๆ วิธีการเชื่อมต่อเครือข่าย
ลักษณะการใช้งานเครือข่าย การแลกเปลี่ยนทรัพยากรต่างๆสถาปัตยกรรมเครือข่ายสามารถแบ่งออกได้ 4 แบบ
6.5.1 โทโพโลยีแบบดาว
การนำเอาเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งหรืออุปกรณ์ต่อพ่วงเชื่อมต่อกับ
คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ส่วนกลาง
การสื่อสารทำได้โดยการขนส่งข้อมูลเข้าออกไปยังส่วนกลางซึ่งจะถูกควบคุมโดยการหยั่งสัญญาณ
นั่นคือแต่ละอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่ายจะมีการถามหรือการหยั่งสัญญาณว่ามีเครื่องหนึ่งเครื่องใดส่งสัญญาณอยู่ในระบบหรือไม่
6.5.2 โทโพโลยีแบบบัส
เป็นการนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันบนสายเส้นเดียวกันตลอดทั้ง
สายสัญญาณ
การส่งข้อมูลจะผ่านไปในสายที่เชื่อมต่อที่เรียกว่าบัส (BUS) ข้อมูลที่ส่งผ่านไปในบัส
จะถูกตรวจสอบโดยอุปกรณ์แผ่นวงจรเครือข่ายที่ติดอยู่ที่คอมพิวเตอร์แต่ละตัวว่าเป็นข้อมูลของตนเองหรือไม่
6.5.3 โทโพโลยีแบบวงแหวน
จะมีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นวงกลม ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์บริการไฟล์หรือคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลาง
แต่ละคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อื่น การเชื่อมต่อมีลักษณะเป็นวงแหวน การสื่อสารจะส่งผ่านไปยังวงแหวน
ส่วนมากใช้กับการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์แมนเฟรมในองค์กรที่มีการประมวลผลแบบกระจายศูนย์
6.5.4 โทโพโลยีแบบลำดับชั้น
ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์หลายเครื่องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แม่ข่ายหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางคล้ายกับเครือข่ายแบบดาว
คอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่อยู่สูงที่สุดของชั้นจะเป็นเมนเฟรม คอมพิวเตอร์ชั้นล่างของเมนเฟรมอาจจะเป็นมินิคอมพิวเตอร์
และชั้นล่างสุดอาจจะเป็นไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่อยู่สูงที่สุดเชื่อมกับคอมพิวเตอร์หลายๆ
6.6 เครือข่ายสำหรับองค์กร
6.6.1 อินทราเน็ต จะต้องมีรหัสบัญชีผู้ใช้ ใช้งานเฉพาะภายในองค์กร เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในองค์กรที่ใช้เทคโนโลยี
6.6.2 เอ็กซ์ทราเน็ต เป็นเครือข่ายยุคแรกสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ใช้ติดต่อสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
6.7 อินเทอร์เน็ต
6.7.1 การใช้งานอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน
มีทั้งระดับบุคคลเพื่อติดต่อสื่อสาร นำเสนอข้อมูล สร้างเนื้อหาด้วยตัวผู้ใช้เอง
ซึ่งเป็นยุค Web 2.0 ที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบสองทางคือผู้ใช้สามารสร้างเนื้อหาได้เอง
ไม่ต้องรอการบริการข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์ทั่วไปเหมือนในอดีตที่เป็นการสื่อสารแบบทางเดียว ยุค 1.0
และกำลังพัฒนาสู่ยุค web 3.0 ที่สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาข่าวสารที่เฉพาะเจาะจงผู้ใช้แต่ละคน
6.7.2 การบริการบนอินเตอร์เน็ต
อีเมลล์ ช่วยในการติดต่อสื่อสารทั้งแบบข้อความ รูปภาพ เสียง หรือ ภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น
ชื่อผู้ใช้
ชื่อโดเมนหรือหน่วยงาน
Chattingการสนทนาโต้ตอบระหว่างสองคนหรือมากกว่า Telnet
ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้คอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งเพื่อไปเปิดใช้อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป Internet Telephone การพูดคุยผ่านอินเตอร์เน็ต
6.7.3 การทำงานของอินเทอร์เน็ต
6.7.3.1 การรับส่งข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
โดยผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีกฎเกณฑ์ที่เรียกว่า TCP(Transmission Control Protocol) หรือ IP (Internet Protocol)
คอมพิวเตอร์แต่ละตัวจะมีที่อยู่โดยเฉพาะเรียกว่า IP Address ประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด ที่คั่นด้วยจุด IP address (IPv4)
ที่ใช้ในอินเตอร์เน็ตปัจจุบัน มีขนาด 32 บิต แบ่งเป็น 4 ชุดๆละ 8 bit โดยแปลงเป็นเลขฐาน 10 เพื่อความสะดวกในการอ้างถึง IP ขนาด 32 บิต ให้
6.7.3.2 Domain Name System: DNS
ระบบการตั้งชื่อบนอินเทอร์เน็ต ทรัพยากรบนอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่ออยู่นั้นต้องมีหมายเลขประจำเครื่อง ซึ่งหมายเลขนี้เรียกว่า IP
โดยการที่จะจดจำหมายเลขประจำเครื่องนั้นทำได้ยาก จึงมีวิธีการตั้งชื่อให้จดจำและใช้งานง่าย
ระบบชื่อจึงถูกกำหนดให้เป็นมาตรฐาน โดยแบ่งตามลำดับขั้นตามสภาพภูมิศาสตร์ เป็นประเทศ
ประเภทขององค์กร และชื่อองค์กร DNS server เป็นเครื่องที่ใช้เก็บข้อมูล ชื่อเครื่องตาม IP Address
6.7.3.3 ภาษาที่ใช้ในอินเตอร์เน็ต
Hypertext Markup Language: HTML เป็นภาษาในการสร้างเว็บและเอกสารต่าง ๆ
บนเว็บ Extensible Hypertext Markup Language: XHTML เป็นภาษาที่พัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ของ HTMLปัจจุบันใช้ HTML5
6.7.4 โปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์
เว็บเซิร์ฟเวอร์ คือพื้นที่ของเครื่องแม่ข่ายเว็บที่เก็บข้อมูล ไฟล์ต่าง ๆ
ของเว็บไซต์ การทำงานต้องมีระบบปฏิบัติการเฉพาะของเครื่องและโปรแกรมประยุกต์ที่สอดคล้องกับระบบปฏิบัติการของเครื่อง
โดยหน้าที่หลักของเว็บเซิร์ฟเวอร์คือ เป็นพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลไฟล์เอกสาร ภาพ กราฟฟิก สคริปต่าง ๆ
6.7.5 ประเด็นทางการบริหารของอินเตอร์เน็ต
เทคโนโลยีที่เปลี่ยนรวดเร็วจึงต้องมีการตามเทคโนโลยีให้ทัน ต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ รวมทั้งรูปแบบการสื่อสาร
กฎระเบียบของอินเตอร์เน็ตการออกกฎหมายควบคุมมาตรฐานบนอินเตอร์เน็ต
การขยายตัวของอินเตอร์เน็ตอินเตอร์เน็ตมีปริมาณข้อมูลข่าวสารอยู่อย่างมหาศาล การขยายตัวทำให้ลดความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล