Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 ชีวิตกับการดำเนินตามแนวทางปรัชญาและศาสนา - Coggle Diagram
บทที่ 6 ชีวิตกับการดำเนินตามแนวทางปรัชญาและศาสนา
ชีวิตกับการดำเนินตามแนวทางปรัชญา
ชีวิตกับการดำเนินตามแนวทางปรัชญาแบบจิตนิยม
จิตนิยมมีความเชื่อว่าชีวิตประกอบไปด้วยร่างกายและจิตใจ จิตเป็นผู้ใช้ร่างกายเป็นผู้รับใช้ ชีวิตไม่ควรเป็นทาสของวัตถุ แต่ต้องเป็นนายของตนเองและของวัตถุ
จิตนิยมมีความเชื่อว่าความจริงที่เป็นนามธรรม เช่น ความดี ความงามความถูกต้อง ความชอบธรรม ความยุติธรรมเป็นสิ่งที่ตายตัวไม่ขึ้นกับกาลเวลา บุคคลสังคมและสภาพแวดล้อม ไม่ว่าบุคคลจะเกิดในที่ใด ยุคใดสมัยใดก็สามารถเข้าถึงความจริงที่เป็นนามธรรมเดียวกันได้ทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่แน่นอนตายตัว เป็นนิรันดรและอกาลิโก
จิตนิยมมีความเชื่อว่ากฎที่เกี่ยวกับความจริงที่เป็นนามธรรมเป็นกฎสากล เป็นเช่นนั้นเสมอเช่นเดียวกับกฎธรรมชาติทางวัตถุ เช่น กฎฟิสิกส์ที่เป็นอยู่เช่นนั้นโดยธรรมชาติ
จิตนิยมมีความเชื่อว่าการที่ชีวิตมีมาตรฐานทางคุณค่าแตกต่างกันเป็นเพราะชีวิตยังไม่เข้าถึงความจริงแท้ เมื่อเข้าถึงแล้วก็พบความจริงสากลเดียวกัน
ชีวิตกับการดำเนินตามแนวทางปรัชญาแบบสสารนิยม
สสารนิยมมีความเชื่อว่าสสารและพลังงานเท่านั้นที่เป็นจริงทำให้เชื่อว่าจักรวาลประกอบขึ้นด้วยสสารและพลังงาน สิ่งมีชีวิตนั้นโดยเนื้อแท้แล้วก็ไม่ต่างกันชีวิตเป็นเพียงปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของสสารและพลังงานไม่มีสิ่งที่เรียกว่า จิต หรือนามธรรมที่เกี่ยวกับจิต
สสารนิยมมีความเชื่อว่าธรรมชาติมีกฎเกณฑ์ของมันเอง และดำเนินไปเหมือนเครื่องจักร แม้ชีวิตก็เทียบได้กับเครื่องจักร มีการประกอบขึ้นจากส่วนย่อยแล้วก็แยกสลายไปในที่สุด ทุกสิ่งเมื่อสลายก็กลายเป็นธาตุต่างๆ ดังนั้น มนุษย์เมื่อตายแล้วก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่ ไม่มีภพ มีชาตินี้ชาติหน้าดังที่ศาสนาต่างๆ สอน
สสารนิยมมีความเชื่อว่าชีวิตเกิดในสภาพแวดล้อมธรรมชาติและสังคมสภาพแวดล้อมสร้างชีวิตแต่ละชีวิตให้เป็นไปตามสภาพแวดล้อมนั้นๆ การที่ชีวิตสนองตอบสภาพแวดล้อมทำให้เกิดการตัดสินใจและพฤติกรรมต่างๆ เช่นเดียวกับสนองตอบสภาพแวดล้อมทำให้เกิดการตัดสินใจและพฤติกรรมต่างๆ เช่นเดียวกับ
สสารนิยมมีความเชื่อว่าชีวิตรับความสุขและความทุกข์หรือความพึงพอใจและความเจ็บปวดที่ได้มาจากประสาทสัมผัส ความสุขและความทุกข์มาจากทางประสาทสัมผัสชนิดเดียวของชีวิต ความสุขและความทุกข์อื่นๆ ล้วนมาจากความสุขและความทุกข์ทางประสาทสัมผัสหรือความสุข ความทุกข์ทางกายทั้งสิ้นชีวิตควรแสวงหาความสุขและเลี่ยงความทุกข์ ความสุขชนิดนี้หาได้ด้วย เงินทองดังนั้น เงินทองจึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในการดำเนินชีวิต ความสำเร็จในชีวิตคือการเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวย
สสารนิยมมีความเชื่อว่าคุณค่าไม่ใช่สสารและพลังงาน จึงไม่มีอยู่จริง เป็นสิ่งที่ชีวิตสมมติขึ้น ดังนั้น ชีวิตไม่จำเป็นต้องยึดถือคุณค่าใดๆ อย่างถาวรถ้าสถานการณ์เปลี่ยนคุณค่าก็เปลี่ยนได้ไม่มีอะไรดีหรือชั่วอย่างแท้จริง ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์และความสุขทางวัตถุที่จะได้รับ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มิใช่สัจธรรมเป็นวีรบุรุษแล้วยากจนสู้เป็นคนมั่งมีธรรมดาๆ จะดีกว่า
ชีวิตกับการดำเนินตามแนวทางปรัชญาแบบธรรมชาตินิยม
ธรรมชาตินิยมเห็นด้วยกับจิตนิยมที่ว่าชีวิตคือ จิตวิญญาณซึ่งเป็นอสสารและเป็นตัวตนที่แท้จริงของชีวิตร่างกายที่เป็นสสารหรือวัตถุมิใช่ตัวตนที่แท้จริงเพราะมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จิตวิญญาณไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอมตะและสามารถอยู่เป็นอิสระได้โดยปราศจากร่างกาย และในขณะเดียวกันธรรมชาตินิยมก็เห็นด้วยกับสสารนิยมที่ว่าชีวิตมีแต่เพียงร่างกายซึ่งเป็นสสารไม่มีจิตวิญญาณ จิตวิญญาณมีก็เป็นสสารเช่นเดียวกับร่างกาย จึงมีการสลายเน่าเปื่อย ผุพังไปพร้อมกับร่างกายเมื่อมนุษย์ตายลง
ชีวิตกับการดำเนินตามแนวทางศาสนา
ชีวิตกับการดำเนินตามแนวทางศาสนาแบบศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือทั่วโลกเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามถือกำเนิดขึ้นในดินแดนตะวันออกกลางศาสนาอิสลามเป็นศาสนาเทวนิยมเช่นเดียวกับคริสต์ศาสนาและศาสนาทั้งสองยังมีลักษณะคล้ายคลึงกันกล่าวคือ นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ประทานลงมาสู่โลกมนุษย์โดยพระเจ้า (Revealed Religion) หลักการและคำสอนที่สำคัญของศาสนาอิสลามได้มาจากคัมภีร์อัล-กุรอาน (แปลว่า การอ่าน) ฉะนั้นศาสนิกชนผู้นับถือศาสนาอิสลาม เรียกว่า มุสลิมจะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่ปรากฏอยู่ในอัล-กุรอาน โดยมีความเชื่อและศรัทธาว่าอัล-กุรอานเป็นคำสอนและเป็นบัญญัติของพระเจ้า คัมภีร์อัล-กุรอาน มีความสำคัญต่อชาวมุสลิมเช่นเดียวกับคัมภีร์ไบเบิลของชาวคริสต์ ศาสนาอิสลามสอนให้ทุกคนดำเนินชีวิตโดยมีเป้าหมายเพื่อ“พระเจ้า” มิใช่เพื่อ “ตัวเอง” ผู้นับถือศาสนาอิสลามจะต้องคำถึงตลอดเวลาว่าชีวิตนี้ได้มอบและอุทิศแล้วแต่พระเจ้า เจ้าของชีวิตมิใช่ตัวเองและมิใช่บุคคลใดๆ พระเจ้าเท่านั้นที่เป็นเจ้าของชีวิตอย่างแท้จริง และจะไม่ปฏิบัติการใดๆ เพื่อผลประโยชน์ รางวัลหรือลาภผลจากมนุษย์ด้วยกัน
ชีวิตกับการดำเนินตามแนวทางศาสนาแบบศาสนาคริสต์
ถ้ามองคริสต์ศาสนาในแง่ปรัชญา จะเห็นว่าคริสต์ศาสนามีลักษณะเป็นจิตนิยม เพราะเชื่อว่าจิตเป็นอมตะและพระเจ้าตามความเชื่อของคริสต์ศาสนาก็มีลักษณะเป็นจิตนิยม การดำเนินชีวิตของชาวไทยคริสต์ จึงได้แก่การเข้าถึงอาณาจักรพระเจ้าซึ่งเป็นสวรรค์นิรันดร เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตนิรันดรหลังความตาย(Eternal Life after Death)
เป้าหมายเพื่อความสุขนิรันดร (Supernatural End) เป็นเป้าหมายของมนุษย์ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด อุทิศตนและการกระทำของตนเองเพื่อพระเจ้า
เป้าหมายตามหน้าที่และบทบาทของมนุษย์แต่ละคนในสังคม
ชีวิตกับการดำเนินตามแนวทางศาสนาแบบศาสนาพุทธ
คุณสมบัติทั้งสองประการดังกล่าวต้องมีอยู่ในตัวมนุษย์ จึงจะทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ การมีความรู้ดีเพียงอย่างเดียว แต่ขาดการปฏิบัติให้บังเกิดผลดี ก็ยังถือว่าไม่สมบูรณ์แบบ มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบจักต้องเป็นผู้รู้ดีและการกระทำดี
เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยการกระทำที่ชอบ หมายถึง การประพฤติชอบทั้งกายวาจา ใจ ไม่ข่มขู่ หลอกลวง เหยียดหยาม เอาเปรียบผู้อื่น ควบคุมตัวเองได้ เคารพและปฏิบัติตามกฎกติกาของสังคม มีศีลธรรม คุณธรรม และปัญญาธรรม
เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยความรู้ชอบกล่าวคือเป็นผู้ที่รู้ในสิ่งที่ควรไม่ควร ซึ่งเกิดจากการศึกษา การฟัง การคิดพิจารณาด้วยปัญญา
ชีวิตกับหลักการพัฒนาตนตามหลักธรรมทางศาสนาพุทธ
หลักธรรมการพัฒนาชีวิต
ความอดทน (ขันติ) ความอดทนเป็นลักษณะความเข้มแข็งของจิตใจและเป็นกำลังสำคัญในการทำงานทุกชนิด
ความสงบเสงี่ยม (โสรัจจะ) ความสงบเสงี่ยมเป็นธรรมคู่กับความอดทน(ขันติ) จะต้องใช้ร่วมกันจึงจะเป็นธรรมทำให้งามได้ ความสงบเสงี่ยมแบ่งออกเป็น2 ลักษณะคือ ความสงบเสงี่ยมทางอารมณ์ ฉะนั้นความสงบเสงี่ยมจึงเป็นธรรมหรือจริยธรรมส่งเสริมให้บุคคลมีมารยาทงาม ช่วยส่งเสริมการดำรงชีวิตให้ราบรื่น และยังเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์น่ารัก น่าคบหาอีกด้วย
ความจริงใจ (สัจจะ) ความจริงใจก็คือ ความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาทั้งต่อบุคคล ต่อกาลเวลา และต่อหน้าและลับหลัง ความจริงใจจึงเป็นทั้งจริยธรรมและคุณธรรมที่ช่วยพัฒนาชีวิต บุคคลที่มีความจริงใจย่อมจะประสบผลสำเร็จทั้งในการทำงาน และการคบมิตรทำให้เป็นคนหนักแน่นมั่นคง เป็นที่เคารพนับถือของผู้อื่น
หลักธรรมนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิต
ฉันทะ คือ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้นๆ ความพอใจเป็นคุณธรรมเบื้องต้นที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้
วิริยะ คือ ความเพียรพยายามในสิ่งนั้นๆ เมื่อบุคคลมีความพอใจรักใคร่งานที่จะกระทำนั้นแล้ว ก็ลงมือทพระหว่างที่ทำงานให้สำเร็จย่อมมีปัญหาอุปสรรค
จิตตะ คือ ความเอาใจใส่ในสิ่งนั้นๆ เมื่อบุคคลหมั่นตรวจตราดูแลเอาใจใส่ต่องานที่รับผิดชอบอย่างสม่ำเสมอ ย่อมทราบปัญหาอุปสรรคต่างๆ และสามารถตัดสินใจแก้ไขสถานการณ์ ที่เกิดปัญหาอุปสรรคนั้นได้อย่างทันการณ์
วิมังสา คือ ความหมั่นตริตรองพิจารณาหาเหตุในสิ่งนั้นๆ โดยการใช้ปัญญาพิจารณางานที่ทำนั้นว่ามีข้อบกพร่องอะไรบ้าง พิจารณาผลได้ผลเสียของงานรู้วิธีทำงานให้ได้ผลดี ซึ่งปัญญาในที่นี้ก็คือวิชาความรู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียน เพื่อจะนำไปใช้ในการปฏิบัติงานต่อไป
หลักธรรมสำหรับคนดี
ความเป็นผู้รู้จักเหตุ (ธัมมัญญุตา) หมายถึง ความรู้มูลเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตามวิถีทางวิทยาศาสตร์ การแก้ปัญหาทุกอย่างต้องรู้เหตุก่อนจึงจะหาทางแก้ไข ฉะนั้นการที่เราเป็นผู้รู้จักเหตุจะช่วยให้แก้ปัญหาได้ถูกจุดและเป็นผลดี ทำให้รู้จักเหตุแห่งความสุข ความทุกข์ ผู้ที่ปฏิบัติธรรมข้อนี้จะไม่เป็นผู้งมงายหลงเชื่อผิดๆ เป็นผู้รู้จักใช้ความคิดอย่างมีเหตุผล
ความเป็นผู้รู้จักผล (อัตถัญญุตา) หมายความว่า ความรู้เหตุแล้วผลที่เกิดจะเป็นอย่างไร สามารถคาดการณ์ได้ หรือรู้ผลที่จะเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการกระทำ
ความเป็นผู้รู้จักตน (อัตตัญญุตา) หมายความว่า ต้องเข้าใจตนเองการสำรวจตนเองอยู่เสมอช่วยให้รู้จักตน การรู้จักตนเองจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและสังคมจะลดปัญหาลงได้มาก เพราะทุกคนต้องการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขฉะนั้นผู้ที่รู้จักตนจะประพฤติตนได้เหมาะสม มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมอยู่เสมอ ตัวเองและสังคมก็จะมีความสุข
ความเป็นผู้รู้จักประมาณ (มัตตัญญุตา) หมายความว่า ความรู้จักประมาณ คือ ความพอดี ไม่แสวงหาลาภ ยศ ให้แก่ตนเองจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อตนเองต่อวิชาชีพของตนเอง รู้จักความพอดีความเหมาะสม
ความเป็นผู้รู้จักชุมชน (ปริสัญญุตา) หมายความว่า การรู้จักปรับปรุงตนเองให้เข้ากับสังคมหรือชุมชนต่างๆ รู้ว่าอยู่ในสังคมหรือชุมชนใดจะต้องพูดอย่างไร มีกิริยาอย่างไรจึงจะเป็นที่นิยมของชุมชนนั้นๆ ทุกสังคมจะต้องมีวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี ฉะนั้นผู้ที่จะเข้ากับสังคมใดๆ ได้ดีต้องศึกษาและรู้จักวัฒนธรรมแบบแผนของสังคมนั้นดีพอ จะได้วางตนให้ถูกต้องเหมาะสมกับสังคมนั้นๆ
ความเป็นผู้รู้จักเลือกบุคคล (ปุคคลปโรปรัญญุตา) หมายความว่าดูคนเป็นเลือกคบคนเป็น ความเป็นผู้รู้จักเลือกบุคคลเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเลือกคบคนดีจะมีประโยชน์ร่วมกันอำนวยประโยชน์สุขต่อกันได้ยืนนาน