Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Myasthenia Gravis 33B41C0D-CD39-43AC-9C89-E47B1D45D00C, สาเหตุ - Coggle…

- - - - 💥 ซึ่งตัวรับสารดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อ เมื่อขาดสารตัวนี้ ทำให้กล้ามเนื้อไม่มีแรง อ่อนตัว จึงทำให้เกิดอาการล้าในที่สุด💥
  - - - ต่อมไทมัสโตกว่าปกติ
      - ผิดปกติในการควบคุมการสร้างภูมิคุ้มกัน
        
        ทำลาย Acetylcholine recepter
- - - - Case :
        5 ปีก่อน มีอาการหนังตาตก
        1 วันก่อนมีอาการหนังตาตก
    - - กลืนน้ำลำบากมากกว่าของแข็ง
      - กลืนแล้วสำลัก หลังจากกลืนไปแล้วระยะหนึ่ง
      - เคี้ยวอาหารลำบาก
    - - ลักษณะเฉพาะ : อ่อนแรงของกล้ามเนื้อต้นแขน ต้นขา เช่น การหยิบของบนชั้นสูง การเดินขึ้นบันได การนั่งยองๆ แล้วลุกขึ้น
      - อาการเป็นมากในช่วงสายหรือบ่ายของวัน พักแล้วดีขึ้น
      - Case : 1 วันก่อน แขนไม่มีแรง ไม่สามารถยกสูงกว่าระดับไหล่ได้
    - - พูดนานๆแล้วเสียงหาย/เสียงแหบ
      - ปวดศีรษะ
      - เหนื่อย หายใจไม่ไหว และถ้าเป็นรุนแรงอาจมีอาการหายใจล้มเหลวได้
        
        Case : 1 วันก่อนมา รพ. บ่นเหนื่อย หายใจเร็วตื้น พูดไม่ชัดเสียงแหบ (hoarseness)
- - - - อาการอ่อนแรงทั่วตัว
        
        แขนขนอ่อนเเรงไม่มาก
      - การหายใจปกติ และยังคงสามารถปฏิบัติงานได้ปกติ
      - ไม่มีอาการกลืนลำบาก
      - พูดไม่ชัด
    - - อาการอ่อนแรงทั่วตัว
        
        แขนขนอ่อนเเรงร่วมกับกลืนลำบาก
        
        Case : 5 ก่อน แขนขาอ่อนแรงทั้งสองข้าง
        1 วันก่อนมาโรงพยาบาล แขนไม่มีแแรง ไม่สามารถยกสูงกว่าระดับไหล่ได้ :star:
      - พูดไม่ชัด
  - - - มีการหายใจล้มเหลว :
  - - - Case : เป็น Myasthenia Gravis มา 5 ปี :star:
- - - - Case : Hydrocortisone 100 mg OD.
        :star:
        
        ยับยั้งการผลิตแอนติบอดี้
        
        ผลข้างเคียง
        
        กระดูกบางลง
        
        น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
        
        เสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่น ๆ รวมไปถึงโรคเบาหวาน
    - - Case : 5 ปีก่อน รับประทานยาMestinon 6 เม็ดต่อวัน :star:
      - Case : Pyridostigmine 60 mg q 6 hrs. :star:
        
        ช่วยเพิ่มการทำงานระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้ดีขึ้น
        
        ผลข้างเคียง
        
        เหงื่อออกและน้ำลายไหลมาก
        
        ระบบทางเดินอาหาร
        
        ปวดท้อง ท้องเสีย
        
        ปัสสาวะบ่อย
        
        ความรู้สึกที่ไวต่อการกระตุ้น
        
        การสัมผัส
        
        การได้ยิน
        
        ความเจ็บปวด
  - - - เนื้องอกที่ต่อมไทมัสที่อาจกระจายสู่หน้าอก
  - - - ผลข้างเคียง
        
        ความดันเลือดลดลง
        
        จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติการหายใจลำบาก
        
        ปวดกล้ามเนื้อ
        
        ส่งผลต่อการกลืน
- - - - ข้อวินิจฉัยที่1 : เสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากการบีบตัวของหัวใจผิดปกติทำให้ประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนแก๊สลดลง
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        S: ผู้ป่วยบอกว่าเหนื่อยหายใจเร็ว พูดไม่ชัด เสียงแหบ
        
        O: สัญญาณชีพ T=37.2 C PR=76 bpm RR30 bpm BP=204/120mmHg O2 Sat=89% PaO2=62mmHg
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        -ผู้ป่วยไม่มีอาการหายใจเร็ว
        
        -สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินสัญญาณชีพและอาการซึ่งแสดงถึงภาวะพร่องออกซิเจน ได้แก่ ความดันโลหิตชีพจรอัตราและลักษณะการหายใจ ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนระดับความรู้สึกตัวลักษณะการซีดและเขียวบริเวณเล็บปลายมือปลายเท้าและเยี่ยเบื่ผิวหนังอย่างใกล้ชิด ทุก 1 ชั่วโมง ในรายที่พบว่ามีความเสี่ยงต่อการขาดออกซิเจนรุนแรงเช่นอัตราการหายใจมากกว่า 30 ครั้ง/นาที
        
        กรณีที่พบภาวะพร่องออกซิเจนให้รายงานแพทย์เพื่อทำการตรวจและพิจารณาให้ออกซิเจนเลยแนะนำให้ออกซิเจนในผู้ป่วยที่มีPaO2ขณะพัก<60 มิลลิเมตรปรอท
        
        ดูแลสอนการไออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดการข้างค้างของเสมหะทำให้ปอดขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยจัดให้ผู้ป่วย นั่งกอดหมอนหรือผ้าห่มไว้บริเวณหน้าท้องก้มหน้าให้หลายโค้งเล็กน้อยหายใจเข้าออกลึกๆช้าๆ2-3ครั้ง จากนั้นหายใจเข้าลึกลึกและการหายใจไว้ประมาณ1-2 นาที จากนั้นให้ไอออกมาแรงแรงโดยใช้แรงดันจากช่องท้องร่วมกับกล้ามเนื้อช่วยหายใจเนื่องจากการใช้แรงดันจากช่องท้องจะทำให้เกิดแรงดันมากเสมหะจะหลุดออกมาได้ง่ายส่วนผู้ป่วยที่ไม่สามารถไอเอาเสมหะออกเองได้ดูแลช่วยดูดเสมหะ
      - ข้อวินิจฉัยที่2. ไม่สามารถทำให้ทางเดินหายใจโล่งได้เนื่องจากศูนย์ควบคุมการหายใจถูกกดการไอบกพร่อง
        
        วัตถุประสงค์
        
        การหายใจปกติไม่มีเสมหะอุดตันการแลกเปลี่ยนก๊าซในถุงลมเป็นไปตามปกติ
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ทางเดินหายใจโล่งเสียงลมผ่านปอดสะดวก
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ดูแลทางเดินหายใจโดยการจัดถ้าให้เหมาะสมในผู้ป่วยที่ไม่ค่อยรู้สึกตัวควรใส่ท่อลมทาง(airway)
        
        ดูดเสมหะได้สะดวกใน LINE ที่เสมหะอยู่ลึกมากผู้ป่วยไม่สามารถไอหรือบ้วนออกได้ควรใส่ท่อช่วยหายใจ
        
        ดูดเสมหะทุกครั้งที่มีเสมหะในการดูดเสมหะผู้ป่วยที่มีความดันในสมองสูงก่อนดูเสมหะควรให้ออกซิเจนบริสุทธิ์นาน 1 นาทีในการดูดเสมหะแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 10-15 วินาที
        
        ประเมินการหายใจผู้ป่วยทุก 15 นาที- 1 ชั่วโมงสังเกตลักษณะและอัตราการหายใจฟังเสียงลมที่ผ่านปอดไปบ่อยในผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจเพราะการมีเสมหะอุดตันย่อมหมายถึงการแลกเปลี่ยนอากาศในปอดลดลงและเกิดคาร์บอนไดออกไซด์คั่ง
      - ข้อวินิจฉัยที่3. เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายเนื่องจากระบบการรับสัมผัสและการเคลื่อนไหวบกพร่อง
        
        วัตถุประสงค์
        
        ผู้ป่วยปลอดภัยไม่มีภาวะแทรกซ้อน
        
        เกณฑ์การประเมินผล
        
        ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอุณหภูมิอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่มีอาการชักเกร็ง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ควรให้นอนศีรษะสูงและเพื่อความปลอดภัยต้องยกไม้กั้นเตียง
        
        หลีกเลี่ยงการผูกมัดผู้ป่วยที่ดินมากๆเพราะผู้ป่วยเกร็งแขนเพื่อผุดลุกนั่งทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น ลดการไหลกลับของเลือดจากสมองทำให้ความดันในสมองสูงขึ้น
        
        ในผู้ป่วยที่มีแขนขาอ่อนแรงอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายนอกจากจะไม่ยกไม้กั้นเตียงแล้วการช่วยเหลือผู้ป่วยพลิกตะแคงหรือลุกนั่งจะต้องมีผ้ารองแขนส่วนที่อ่อนแรงนั้นเสมอเพื่อป้องกันข้อไหล่เลื่อนหยุด
        
        ระวังไม่ให้เกิดอาการชักเกร็งเพราะการชักทำให้กล้ามเนื้อเกร็งและเพิ่มการใช้ออกซิเจนและกลูโคสมาก
  - - - เกี่ยวข้องโดยตรงกับปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายได้รับและปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้องการ
      - ทำให้มีค่าแรงดันย่อย คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดแดงสูงขึ้น
        
        (Partial pressure of arterial carbondioxide) PaCO2 = 55 mmHg ค่าปกติ 35-45 mmHg
        
        ร่างกายเกิดการคั่งของก๊าซ CO2
        
        (Partial pressure of arterial oxygen) PaO2 = 62 mmHg ค่าปกติ 80-100 mmHg
        
        รับเอา O2 เข้าสู่ถุงลมลดลง
    - - เส้นเลือดฝอยปอดและผนังถุงลมหนาตัวขึ้น
        
        มีของเหลวสะสมในถุงลมทำให้การเคลื่อนที่ของก๊าซจากถุงลมไปที่ผนังถุงลมลดลง
        
        การแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลง
        
        เกิดภาวะพร่อง O2 Hypoxia :star:
        
        O2 Sat = 89% (ค่าปกติ 95-100%)
        
        BP = 204/120 mmHg. (140/90 mmHg.)
        
        RR = 30 bpm. (ค่าปกติ 16-20 bpm.)
    - - การระบายอากาศเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้
      - การไหลเวียนของเลือดเปลี่ยนแปลง
  - - - 1.ผู้ป่วยที่มีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก ซึมจนหมดสติหรือระบบประสาทซิมพาเธติกถูกกระตุ้นการทำงาน
        
        Case:ผู้ป่วยบ่นเหนื่อย หายใจเร็วตื้น
      - 2.ผู้ป่วยที่มารับการให้ยาระงับความรู้สึกแบบ General anesthesia โดนคำนึงถึง
        
        ชนิดการผ่าตัด เช่น ผ่าตัดสมอง หู คอ จมูก
        
        การผ่าตัดที่ใช้เวลานานมาก
        
        มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดหรือดมยาสลบที่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เช่น เกิด total spinal anesthesia
    - - 1.Barotrauma
        
        ใช้แรงดันสูงสุดขณะหายใจเข้า โดยเฉพาะเกิน 40Mmhg ขึ้นไปทำให้ถุงลมปอดแตก
      - 2.Atelectasis
        
        เกิดจากการที่ได้ TV จาก Ventilator ในปริมาณเดิมนานๆทำให้ปอดไม่ขยายตัว หรือมีแรงดันน้อยกว่าปกติ
      - 3.Oxygen Toxicity
        
        กรณีผู้ป่วยได้รับ O2 ที่มีความเข้มข้น >50% จะมีการอักเสบของหลอดลมและเยื่อหุ้มปอด ไอแห้งฟังเจ็บหน้าอก
      - 4.ventilator Associates pneumonia
        
        เกิดจาก Aspirate แม้จะใส่Et-tube ก็ป้องกันไม่ได้
  - - - ความดันก๊าซออกซิเจน < 60 mmHg
        
        ภาวะที่มีการแลกเปลี่ยนก๊าซผิดปกติ ( diffusion impairment )
        
        ภาวะการระบายอากาศลดลง (hypoventilation)
        
        ภาวะไม่สมดุลระหว่างการระบายอากาศและการไหลเวียนเลือด (ventilation/ perfusion mismatch)
        
        ภาวะที่มีแรงดันออกซิเจนในบรรยากาศต่ำ(low inspired FiO2)
        
        ภาวะเลือดดำไหลลัดทางเดินเลือดแดง(righttoleftshunt)
    - - คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงกว่า ปกติ > 50 mmHg
        
        ร่างกายมีการผลิตคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มข้ึน
        
        การระบายอากาศลดลง (hypoventilation)
        
        มีภาวะสูญเปล่าในการแลกเปลี่ยนก๊าซกับ หลอดเลือด (dead space)
  - - - ออกซิเจนไปยังเน้ือเยื่อต่างๆของร่างกายอย่างเพียงพอ
      - คือPaO2 เท่ากับ 60 mmHg
    - - ช่วยเพิ่ม PaO2 และลด PaCO2
        
        ⭐️Case : ใส่เครื่องช่วยหายใจ (Intubation)
        ตั้ง setting ventilator PC-CMV mode =16 mmHg RR = 14 bpm FiO2 = 0.4 , PEEP = 5 cmH2O
        
        มี 4 วิธีข
        
        1.continuous mandatory ventilation (CMV) คือโหมดที่เครื่องช่วยหายใจเป็นตัวกำหนดลมหายใจโดยผู้ป่วยไม่มีการกระตุ้น
        
        1.Volume control ventilation (VCV) setting ประกอบด้วย VT,PF,RR,FiO2,PEEP
        
        2.Pressure control ventilation (PVP) setting ประกอบด้วย
        
        Inspiratory pressure (Pi) : ความดันอากาศขณะหายใจเข้า
        
        1 more item...
        
        Inspiratory Time (Ti) : ระยะเวลาที่ใช้ในการหายใจเข้า มีหน่วยเป็นวินาที
        
        Respiratory rate (RR) : อัตราการหายใจโดยเครื่องช่วยหายใจ ควรตั้ง RR ที่ 12-16 bpm
        
        1 more item...
        
        Fraction inspired concentration (FiO2) : ความเข้มข้นของออกซิเจนที่หายใจเข้าไปโดยใช้เครื่องช่วยหายใจ ถ้าความเข้มข้นของ O2 เกิน 60% จะเกิด Toxicity โดยทั่วไปควรใช้ FiO2 น้อยที่สุด 0.21-1
        
        1 more item...
        
        Positive end expiratory Pressure (PEEP) คือ การเพิ่มแรงต้านขณะหายใจออก ทำให้ความดันเป็นบวก ขณะสิ้นสุดการหายใจออก
        
        1 more item...
        
        2.Assisted cotrolled ventilation (A/CMV หรือ A/C mode) คือ โหมดผสมผสานระหว่าง Assisted กับ Control
        
        3.Synchonized intermittent mandatory ventilation (SIMV) คือ โหมด Spontaneous ventilation สลับกับการหายใจจากเครื่องตามที่ตั้งไว้
        
        4.Spontaneous หรือ Pressure support ventilation (PSV) คือ โหมดที่ผู้ป่วยกำหนดอัตราการหายใจ Inspiratory time และ VT ด้วยตนเองโดยไม่มีการตั้ง RR เข้าชวย ผู้ป่วยเลย
        นิยมใช้ใน ผู้ป่วยที่หย่าเครื่องช่วยหายใจ
        
        2วันหลังจากใส่เครื่องช่วยหายใจเกิดVentilator Associated Pneumonia
        
        มีไข้ T 39.2 C(ค่าปกติ 36.5-37.4C)
        
        ฟังปอดพบเสียง Rhonchi at right lung
        
        WBC=16,300 ค่าปกติ5,000- 10,000
        
        Neutrophil=90.8%(ค่าปกติ 50-70%)
        Lymphocyte=6.4%(ค่าปกติ 20-40%) monocyte=2.6%(ค่าปกติ 0-6%)
        
        ติดเชื้อแบคทีเรีย
        
        Chest X-ray พบ Infiltrations at Right
        lower lobe
        
        RR=28 bpm (ค่าปกติ 16-20 bpm)
  - - - ระบบหายใจ
        
        อัตราการหายใจเร็วข้ึน หายใจหอบเหนื่อย
        
        ⭐️Case : RR 28 bpm ค่าปกติ 16-20 bpm
      - ระบบหัวใจและหลอดเลือด
        
        Hct สูง เลือดหนืด
        
        ⭐️Case: Hct 35% ค่าปกติ ญ 37-47%
        
        ความต้านทานของหลอดเลือดปอดสูงข้ึนเกิดภาวะหัวใจซีกขวาล้มเหลว
        
        หัวใจเต้นเร็วความดันโลหิตสูง
      - ระบบไต
        
        ระยะแรกของการขาดO2
        
        ปัสสาวะออกลดลง < 0.5-1 ml/kg/hr
        
        ระยะขาดO2รุนแรง
        
        เกิดภาวะไตวาย
      - ระบบผิวหนัง
        
        ระยะแรกของการขาดO2
        
        เหงื่อออก ตัวเย็น
        
        ระยะขาดO2รุนแรง
        
        PaO2 < 40 mmHg หรือO2 Sat < 70 %
        
        cyanosis
      - ระบบประสาท
        
        ขาดออกซิเจนระยะแรก
        
        กระสับกระส่าย สับสน ไม่มีสมาธิ
        
        ระยะขาดออกซิเจนรุนแรง
        
        อาการซึมถึงขั้น หมดสติ รูม่านตาอาจขยาย
        ไม่ตอบสนองต่อแสงอาจมีกลา้มเน้ือกระตุก
    - - ระบบหายใจ
        
        หายใจเร็วและตื้น
      - ระบบหัวใจและหลอดเลือด
        
        ชีพจรเต้นแรง (bounding pulse)
        
        ความดันโลหิตสูง จากการเพิ่ม cardiac output
      - ระบบประสาทส่วนกลาง
        
        ตื่นตอนกลางคืนง่วงนอนตอนกลางวัน
        
        ง่วงซึม(drowsiness)
        
        สับสน (confusion)
  - - - รับประทานยา Pyridostigmineวันละ6เม็ด
        
        ยาออกฤทธิ์โดยยับยั้งเอนไซม์ cholinesterase
        
        เพื่อเพิ่มระดับ Acetylcholine
        
        เกิดภาวะcholinergic crisis
        
        Myasthenic crisis
- - - - การอุดกั้นจากหอบหืด
      - การอุดกั้นเรื้อรัง
      - หลอดลมใหญ่ตีบ
    - - ปอดอักเสบ
      - ปอดแฟบ
  - - - โรคบาดทะยัก
      - :star:โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมัยแอสทีเนียกราวิส Myasthenia gravis : MG
    - - เยื่อหุ้มปอดอักเสบ
      - ภาวะอกรวน
    - - หัวใจเต้นผิดจังหวะ
      - pulmonary embolism
    - - ทำให้ปริมาณ tidal volume ลดลง :star:cases : Vital Capacity = 500-600 CC