Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ Gestational diabetes mellitus : GDM โดย นศพต.กนกวรรณ…
เบาหวานขณะตั้งครรภ์
Gestational diabetes mellitus : GDM
โดย นศพต.กนกวรรณ สมสะอาด เลขที่ 2
นศพต.กุลยา ชำนาญเนาว์ เลขที่ 3
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ไตรมาส 1
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 1 : หญิงตั้งครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational diabetes mellitus)
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยอายุ 34 ปี
บิดามารดาของผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคเบาหวาน
วัตถุประสงค์
เพื่อคัดกรองและวินิจฉัยภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
เกณฑ์การประเมินผล
ผลตรวจด้วยวิธี 50 grams glucose challenge test < 140 mg/dl
ผลตรวจด้วยวิธี Oral glucose tolerance test (OGTT)
ครั้งที่ 1 หากผิดปกติ 1 ค่า นัดตรวจซ้ำภายใน 1 เดือน ครั้งที่ 2 ผิดปกติมากกว่า 2 ค่า โดยพิจารณาดังนี้
GDMA1 วินิจฉัยโดยค่าดังกล่าวผิดปกติ 2 ค่าขึ้นไปโดยค่า fasting น้อยกว่า 95 mg/dl และค่า 2-hr postprandial น้อยกว่า 120 mg/dl
GDMA2 วินิจฉัยโดยค่าดังกล่าวผิดปกติ 2ค่าขึ้นไป โดยค่า fasting มากกว่าหรือเท่ากับ 95 mg/dl หรือค่า 2-hr postprandial มากกว่าหรือเท่ากับ 120 mg/dl
กิจกรรมการพยาบาล
ซักประวัติ
ซักประวัติเกี่ยวกับ อายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไปหรือไม่ เคยมีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือไม่ มีคนในครอบครัวหรือญาติสายตรงเป็นเบาหวาน และชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เพื่อทำการประเมิน BMI
วิธีการตรวจคัดกรองเบาหวาน
2.1 วิธี 50 grams glucose challenge test โดยผู้ป่วยไม่ต้องงดอาหาร ให้ผู้ป่วยรับประทานกลูโคส 50 กรัม จากนั้นเจาะเลือดตรวจหลังรับประทานกลูโคส
2.2 วิธี 100 gm Oral glucose tolerance test (OGTT) มีแนวทางดังนี้
คืนก่อนวันนัดตรวจ ต้องงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
เจาะเลือดเวลาเช้าขณะงดอาหาร (fasting) หลังจากนั้นให้รับประทานกลูโคส 100 กรัม และเจาะเลือดวัดระดับน้ำตาลชั่วโมงที่ 1, 2 และ 3 หลังรับประทานกลูโคส
ขณะทำการตรวจ ผู้ป่วยควรนั่งพัก งดรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มใดๆ ยกเว้นน้ำเปล่า
เกณฑ์การวินิจฉัยเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GMD)
3.1 การแปลผล 100 gm OGTT
Fasting 95 mg/dl 1 hr. 180 mg/dl
2 hr. 155mg/dl
3 hr. 140 mg/dl
ผิดปกติ 2 ค่าขึ้นไป วินิจฉัยว่า GDM
3.2GDMA1 วินิจฉัยโดยค่าดังกล่าวผิดปกติ 2 ค่าขึ้นไป โดยค่า fasting น้อยกว่า 95 mg/dl และค่า 2-hr postprandial น้อยกว่า 120 mg/dl
รักษาโดยการควบคุมอาหาร
3.3 GDMA2 วินิจฉัยโดยค่าดังกล่าวผิดปกติ 2 ค่าขึ้นไป โดยค่า fasting มากกว่าหรือเท่ากับ 95 mg/dl และหรือค่า 2-hr postprandial มากกว่าหรือเท่ากับ 120 mg/dl และได้รับการรักษาด้วยการฉีด Insulin
3.4 การวินิจฉัย Pregestational DM ในสตรีตั้งครรภ์
เป็นโรคเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์
Fasting plasma glucose จาก 100 gm OGTT มากกว่าหรือเท่ากับ 126 mg/dl
Random plasma glucose มากกว่าหรือเท่ากับ 200 mg/dl ร่วมกับมีอาการและอาการ แสดงของโรคเบาหวาน
(ตรวจ FBS และ HbA1C อีกครั้ง)
3.5ในกรณีผลตรวจค่า 100 gm. OGTT ผิดปกติ 1 ค่า ให้ตรวจซ้ำภายใน 1 เดือน
3.8 ในกรณีผลตรวจค่า 100 gm. OGTT ปกติทุกค่า ให้ตรวจซ้ำอีกเมื่ออายุครรภ์ 24 - 28 สัปดาห์
การประเมินผล
BMI ขณะการตั้งครรภ์ 17.78 kg/m2 (Underweight)
ค่า Blood sugar 50 gm. GCT = 296 (15+5 wks)
ค่า 100 gm OGTT = 200,342,364,328 (17+5 wks) ผิดปกติมากกว่า 2 ค่า แพทย์ Dx. GDMA2 ส่ง consult med start insulin
-INSULIN ISOPHANE
-NOVORAPID PENFILL
ไตรมาส 2
ข้อวินิฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 3 : มารดาเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการเป็น GDMA2
ข้อมูลสนับสนุน
น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 40 Kg ปัจจุบัน 52.5 Kg
น้ำหนักเพิ่มทั้งหมด 12.5 Kg
ผลตรวจน้ำตาลในเลือด (15/10/64) BS 50 GM 296 mg/dL
ผลตรวจน้ำตาลในเลือด (29/10/64) OGTT 200-342-364-328
มารดาได้รับยา Insulin Novorapid และ Insulin isophane
พบน้ำตาลในปัสสาวะ 4+ (GA 17+5 Wks)
วัตถุประสงค์
มารดาไม่เกิดอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนจาก GDMA 2 เช่น Hyperglycemia, Hypoglycemia , Pre-eclampsia, ติดเชื้อUTI
เกณฑ์การประเมินผล
มารดาไม่เกิดอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนจาก GDMA 2 เช่น Hyperglycemia, Hypoglycemia , Pre-eclampsia, ติดเชื้อUTI
มารดาสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้องตามคำแนะนำ
กิจกรรมการพยาบาล
1.เฝ้าระวังภาวะ Hyperglycemia ได้แก่ กระหายน้ำ, อ่อนเพลีย ,เหนื่อยง่าย ,น้ำหนักลด
,ปัสสาวะบ่อย,,ตาพร่ามัว,N/V
2.เฝ้าระวังภาวะ Hypoglycemia ได้แก่ หน้ามืด, เวียนศีรษะ, ตัวเย็น,ใจสั่น, HRเร็ว,หิวมาก,มือสั่น,,เหงื่อออกมาก
*ถ้ามีความผิดปกติแนะนำให้ดื่มน้ำหวาน/ลูกอมทันทีแล้วพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดดูระดับน้ำตาลในเลือด
3.เน้นย้ำเรื่องการรับประทานอาหารหลังฉีด Insulin เนื่องจากหากฉีดอินซูลินแล้วไม่ได้รับประทานอาหารอาจทำให้เกิด Hypoglycemia ได้
ทบทวนความรู้ในการปฏิบัติตัวเรื่องโภชนาการและควรชั่งน้ำหนักทุกวันและน้ำหนักควรเพิ่ม > 0.5 kg/wks. ตลอดการตั้งครรภ์ควรเพิ่ม 12.5-18 kg
7.เฝ้าระวังภาวะ
preeclampsia เช่น ความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 mmHg มีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ปวดศีรษะ ตาพร่ามัวจุกแน่นลิ้นปี่ ปัสสาวะออกน้อย
แนะนำการออกกำลังกายแก่หญิงตั้งครรภ์เพื่อช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เช่น การใช้แรงต้านกล้ามเนื้อ โยคะ การเดิน แอโรบิก เป็นต้น
เฝ้าระวังภาวะติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น อาการไข้ ปัสสาวะแสบขัด ถ่ายปัสสาวะกะปริดกะปรอย
4, แนะนำความรู้เรื่อง Insulin Novorapid ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ครั้งละ 6 U วันละ 3 ครั้ง พร้อมอาหารเช้า กลางวัน เย็น Insulin isophane ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ครั้งละ 8 U วันละ 2 ครั้ง 7.00 น.,19.00 น. แนะนำตำแหน่งในการฉีดยาบริเวณต้นแขน ต้นขา สะโพกโดยสลับด้านฉีดซ้าย-ขวา
การประเมินผล
มารดามีภาวะแทรกซ้อนจากคือ Acute cystitis
ไม่มีอาการของภาวะ Hyperglycemia,Hypoglycemia, Preeclampsia,UTI
ข้อวินิฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 4 : ทารกเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากมารดาเป็น GDMA2
ข้อมูลสนับสนุน
มารดาเป็น GDMA2
ผลตรวจน้ำตาลในเลือด (29/10/64)
OGTT 200-342-364-328
ผลตรวจน้ำตาลในเลือด (15/10/64) BS 50 GM 296 mg/dL
วัตถุประสงค์
เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน เช่น Preterm, Postterm, Macrosomia, Fetal distress,
Congesnital malformation,IUGR
เกณฑ์การประเมินผล
ผล NST ปกติ Rective
ตรวจครรภ์ปกติ ขนาดมดลูกสัมพันธ์กับ อายุครรภ์ ท่าปกติ FHS = 110-160 bpm
มารดาน้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์
ไม่มีอาการเจ็บครรภ์/น้ำเดินก่อนกำหนด
ทารกดิ้นดี
กิจกรรมการพยาบาล
2.ตรวจครรภ์ เพื่อดูความผิดปกติของทารก, ความสัมพันธ์กับ GA และหาส่วนนำและท่าของทารก, ประเมิน HE
4.ติดตามผล U/S เพื่อประเมินภาวะสุขภาพ น้ำหนักทารก และความผิดปกติของทารก
3.แนะนำไม่ให้มารดายกของหนัก /กิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมาก
ชั่งน้ำหนักสม่ำเสมอทุกอาทิตย์ เพื่อประเมินน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของมารดา
เพื่อประเมินภาวะสุขภาพของทารก โดยติดตามผล NST 2 ครั้ง/สัปดาห์ โดยมาตามนัดวันอังคารและวันศุกร์
การประเมินผล
ผล NST = Reactive ดี No UC.
ตรวจครรภ์ HF= 33 cm,3/4 > สะดือ, ส่วนนำ Vx., ท่า LOA,FHS 146 bpm
มารดาบอกว่าลูกดิ้นดี
มารดาน้ำหนักเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ 12.5 Kg
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 2 มีภาวะติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
ข้อมูลสนับสนุน
มารดามีอาการปัสสาวะแสบขัด
Dx.Acute cystitis (29/10/64)
ผลตรวจ Urine analysis : WBC 5-10 cell/HPF สูงกว่าปกติ (29/10/64)
วัตถุประสงค์ :
เพื่อไม่ให้มารดาและทารกเกิดอันตราย
จากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
เพื่อบรรเทาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และป้องกันไม่ให้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น
เกณฑ์การประเมินผล
ไม่มีอาการแสดงของการติดเชื้อ เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบขัด
2.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น
UA : WBC 0-5 cell/HPF
กิจกรรมการพยาบาล
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินของโรค ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับสตรีตั้งครรภ์และทารก
แนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว หรือ 2,000-3,000 มิลลิลิตร และไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายโดยเฉพาะอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกควรล้างมือให้สะอาดก่อนเข้าห้องน้ำ ทั้งนี้เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากมือสู่กระเพาะปัสสาวะ และเมื่อปัสสาวะเสร็จแล้ว ล้างอวัยวะสืบพันธุ์ให้สะอาดและเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่เช็ดย้อนไปมา
หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้ารัดรูปและการสวมถุงน่องเป็นเวลานาน แนะนำให้สวมกางเกงชั้นในที่เป็นผ้าฝ้าย เนื่องจากระบายอากาศได้ดี
เน้นความสำคัญของการมาตรวจครรภ์ตามนัดอย่างต่อเนื่องและ
สม่ำเสมอเพื่อประเมินอาการ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดกับหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
2.ประเมินเสียงหัวใจของทารกและการดิ้นของทารกเพื่อประเมินสภาวะของทารกในครรภ์
5.เเนะนำให้สังเกตอาการผิดปกติที่ควรรีบมาพบแพทย์ เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น มีอาการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด
3.ดูแลให้ยาปฏิชีวนะ amoxicillin ตามแผนการรักษา และเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่จุกเสียด แน่นท้อง หรือท้องเสีย
4.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยเฉพาะ Urine analysis เพื่อประเมินอาการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์
การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มีอาการแสดงของการติดเชื้อ ไม่มีไข้ ไม่มีปัสสาวะแสบขัด
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ผลตรวจ Urine analysis : WBC 1-2 cell/HPF ปกติ (05/11/64)
ไตรมาส 3
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล 5 : ทารกเสี่ยงต่อน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ และคลอดก่อนกำหนดเนื่องจากมารดามีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
ข้อมูลสนับสนุน
มารดาเป็นเบาหวาน GDMA2
-BMI ก่อนการตั้งครรภ์ 17.78 kg/m2 (ปกติ=18.5-24.9 kg/m2)
-มารดามีน้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์40 kg น้ำหนักปัจจุบัน 52.5 kg. TWG 12.5 (40>52.5)
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ทารกไม่เสี่ยงต่อน้ำหนักตัวน้อยและมารดามีความรู้เรื่องโภชนาการ
เกณฑ์การประเมินผล
มารดามีความรู้เรื่องโภชนาการ
ทารกมีน้ำหนักปกติและไม่คลอดก่อนกำหนด
กิจกกรมการพยาบาล
ประเมินความรู้เรื่องโภชนาการของมารดา และให้คำแนะนำเรื่องโภชนาการดังนี้
ลดอาหารจำพวก แป้งหรือน้ำตาลและเปลี่ยนมารับประทานข้าวจากข้าวขาวมาเป็นข้าวซ้อมมือ
-ห้นมาใช้น้ำมันพืชในการประกอบอาหารแทน เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน
เพิ่มอาหารจำพวกโปรตีน เนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ เลือกเป็นเนื้อล้วน ไม่ติดหนัง เช่น เนื้อปลา
รับประทานผักให้หลากหลายชนิด เน้นไปในผักที่มีกากใยสูง ผักใบเขียว เช่น บล็อคโคลี กะหล่ำปลี
เลือกดื่มนม ควรรับประทานนมสดชนิดจืดและพร่องมันเนย รับประทานเสริมวันละ 1 มื้อ
หลีกเลี่ยงของหวาน ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน มะม่วงสุก เงาะ เป็นต้น
• ชั่งน้ำหนักสับดาห์ละ 2 ครั้ง ถ้าน้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 2-3 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ แจ้งแพทย์ให้ทราบทันที
2.แนะนำให้สังเกตอาการคลอดก่อนกำหนด และเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด
5 more items...
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หรือตามแพทย์แนะนำ เพื่อลดปัญหาการขาดสารอาหารที่จำเป็น
การประเมินผล
มารดามีความรู้เรื่องโภชนาการและสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการดูแลตนเอง และสังเกตอาการผิดปกติได้
2.ผล NST reactive
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล 6 ไม่สุขสบาย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในไตรมาสที่ 3 (นอนไม่หลับ หายใจลำบาก ปัสสาวะบ่อย)
ข้อมูลสนับสนุน
-หญิงตั้งครรภ์บอกว่า " นอนไม่หลับ บางครั้งหายใจ ไม่ทั่วท้อง ปัสสาวะบ่อยครั้ง"
-หญิงตั้งครรภ์ GA 37+2 wks by U/S
วัตถุประสงค์ : เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์มีภาวะสุขสบาย
เกณฑ์การประเมิน
หญิงตั้งครรภ์รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
หญิงตั้งครรภ์เข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกาย
กิจกรรมการพยาบาล
อธิบายเกี่ยวกับอาการปัสสาวะบ่อย
-แนะนำสังเกตอาการผิดปกติที่แสดงถึงการติดเชื้อของ ทางเดินปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะแสบขัด , ปัสสาวะมีเลือดปน แนะนำการถ่ายปัสสาวะทุกครั้งที่ปวด ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ
-แนะนำให้ดื่มน้ำสะอาดในเวลากลางวัน 6-8 แก้ว และพยายามไม่ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนนอนเพราะจะกระตุ้นให้มีการปวดปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น
การประเมินผล
หญิงตั้งครรภ์เข้าใจและสามารถตอบคำถามได้ในการดูแลตนเอง หญิงตั้งครรภ์มีความสุขสบายมากขึ้นง่ายขึ้น
2.อธิบายเกี่ยวกับอาการนอนไม่หลับ
-แนะนำให้พยายามผ่อนคลายอารมณ์การอาบน้ำอุ่น ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ หรืออ่านหนังสือเบาสมองจะช่วยให้หลับง่ายขึ้น การนวดหลังด้วยโลชั่นจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับได้ ควรนอนพักกลางวันอย่างน้อยวันละ 30 นาที
-แนะนำให้นอนตะแคงให้หมอนบาง ๆ หนุนท้องและให้วางขาบนหมอนเพื่อให้กล้ามเนื้อหย่อนตัว
3.อธิบายเกี่ยวกับอาการหายใจลำบาก
อาการนี้จะเกิดขึ้นในระยะหนึ่ง เมื่อท้องลดอาการก็จะหายไปได้เอง
การรักษา
การควบคุมอาหาร (diet therapy)
ผู้ป่วย-รับประทานอาหารครบ 5 หมู่-มีการลดอาหารจำพวก แป้งหรือน้ำตาลและเปลี่ยนมารับประทานข้าวจากข้าวขาวมาเป็นข้าวซ้อมมือ หลีกเลี่ยงของหวาน ผลไม้ที่มีรสหวานจัด
การควบคุมอาหาร (diet therapy)
INSULIN ISOPHANE 100 IU/ML INJ.3ML
ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ครั้งละ 8 ยูนิต วันละ 2 ครั้ง 7.00น และ 19.00 น.
NOVORAPID PENFILL 100 IU/ML. INJ 3 ML
ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ครั้งละ 6 ยูนิต วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น
3.การตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือด
ผู้ป่วยเจาะ DTX ก่อน 7.00 น. และหลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น
4.การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์เมื่อหญิงตั้งครรภ์มารับการตรวจ
ผู้ป่วยได้รับการประเมินภาวะสุขภาพของทารก โดยติดตามผล NST 2 ครั้ง/สัปดาห์ ผล reactive No uterine contraction
ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์
มารดา
-ควบคุม DM ยากขึ้น
-Pre-eclampsia
-Polyhydramnios จาก Fetal polyuria
-abortion
-Preterm labour
-ติดเชื้อง่าย : UTI
หญิงตั้งครรภ์ GA 17+5 wks มีปัสสาวะแสบขัด Dx.Acute cystitis
Hypo-hyperglycemia
DKA
ทารกขณะอยู่ในครรภ์
Macrosomia,birth injury
ขาด 02, IUGR,congenital anomaly DFIU, RDS
ทารกแรกคลอด
-hyperbilirubin
-neonatal hypoglycemia
-polycythemia
-hypocalcemia
-hypomagnesemia
พยาธิสภาพ
GDM
ปัจจัยเสี่ยง
มีประวัติบิดา/มารดา/พี่/น้องเป็นเบาหวาน
อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป
ภาวะอ้วน โดยมี BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 27 kg/m2
ทารกเสียชีวิตในครรภ์ โดยไม่ทราบสาเหตุ
เคยคลอดบุตรน้ำหนักแรกเกิดตั้งแต่ 4 กิโลกรัมขึ้นไป
เคยคลอดบุตรที่มีความพิการแต่กำเนิดโดยไม่ทราบสาเหตุ
เคยมีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในท้องก่อน
เคยมีประวัติความดันโลหิตสูงในครรภ์ก่อน
ข้อมูลผู้ป่วย :
• บิดา-มารดาเป็นโรคเบาหวาน
• อายุ 34 ปี (elderly pregnancy)
อาการและอาการแสดง
Overt [DM]
ปัสสาวะมาก (polyuria)
หิวบ่อย(polyphagia)
กระหายน้ำบ่อย (polydypsia)
น้ำหนักลด (weight loss)
GDM ครั้งแรก
อาจไม่พบอาการชัดเจน
พบน้ำตาลในปัสสาวะ
พบ น้ำตาลในปัสสาวะ 4+ (29/10/64) GA 17+5 wks
ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูง
ผลตรวจน้ำตาลในเลือด (15/10/64) BS 50 GM 296 mg/dL
ผลตรวจน้ำตาลในเลือด (29/10/64) OGTT 200-342-364-328
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
คันตามตัว/อวัยวะสืบพันธุ์ ติดเชื้อง่าย
GA 17+5 wks มีปัสสาวะแสบขัด Dx.Acute cystitis
ความหมาย
ขณะตั้งครรภ์รกมีการสร้างฮอร์โมน Human placental lactogen (hPL) มีฤทธิ์ต้านอินซูลิน ทำให้เกิดภาวะ "Diabetogenic state" ในสตรีตั้งครรภ์ ฮอร์โมนดังกล่าวทำให้เนื้อเยื่อตอบสนองต่ออินซูลินลดลง (Insulin resistance) ซึ่งจะมีจนถึงไตรมาสที่สาม การพร่องของ Glucose tolerance สำหรับสตรีที่มีแนวโน้มที่จะมีความผิดปกติของตับอ่อนอาจมีการพร่องของอินซูลินเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะใกล้คลอด เป็นผลให้ตรวจพบโรคเบาหวานในสตรีกลุ่มนี้ได้เป็นครั้งแรก (Gestational diabetes mellitus: GDM)
รกนอกจากจะผลิตฮอร์โมนซึ่งมีผลต่อเมตาบอลิซึมของมารดาแล้ว ยังควบคุมการส่งผ่านสารอาหารไปสู่ทารกด้วยและระดับกลูโคสในเลือดทารกแปรผันตามระดับกลูโคสในเลือดมารดา นอกจากนี้แม้อินซูลินจะไม่สามารถส่งผ่านรกไปยังทารกได้ แต่ก็มีผลให้มีการส่งผ่านกลูโคสไปยังทารกเพิ่มขึ้น ดังนั้น ในสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคเบาหวานหากควบคุมระดับกลูโคสในเลือดได้ไม่ดีจะส่งผลให้ทารกมีระดับกลูโคสในเลือดสูง (Hyperglycemia) ขึ้นด้วย
เกณฑ์การวินิจฉัยเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM)
สตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงตรวจคัดกรองเบาหวานทันที โดยวิธี 50 gm GCT
50 gm GCT < 140 mg/dl
ตรวจ 50 gm GCT ซ้ำที่อายุครรภ์ 24-28 สัปดาห์ หรือ เมื่อมีอาการแสดงของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
50 gm GCT ≥ 140 mg/dl
ตรวจ 100 gm OGTT
ค่าผิดปกติ 1 ค่า
❗️
นัดตรวจ 100 gm OGTT ซ้ำ ภายใน 1 เดือน
ค่าผิดปกติ ≥ 2 ค่า
GDM
FBS < 95 mg/dl and 2 hr. postprandial < 120 mg/dl
GDMA1
FBS ≥ 95 mg/dl and / or 2 postprandial ≥ 120 mg/dl
GDMA2 (ที่ได้รับการรักษาด้วยการฉีด Insulin)
ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัย GDMA2 : FBS = 200 mg/dl
ค่าผิดปกติทุกค่า
❗️
ตรวจ 100 gm OGTT ซ้ำ เมื่ออายุครรภ์ 24-28 wk
ข้อมูลผู้ป่วย
ผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 34 ปี G2P1-0-0-1 GA 37+2 wks by u/s LMP 24 ก.ค. 2564 x 1 วัน EDC by u/s 3 เม.ย. 2565 ฝากครรภ์ครั้งแรก GA 15+5 wks by U/S ฝากครรภ์ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน 16 ครั้ง ได้รับ dT toxoid ครบ 2 เข็ม น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 40 kg. ส่วนสูง 150 cm. BMI ก่อนการตั้งครรภ์ 17.78 kg/m2 (Underweigh) น้ำหนักปัจจุบัน 52.5 kg. TWG 12.5 (40>52.5)
-ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
ไม่เคยได้รับการผ่าตัด ปฏิเสธการแพ้ยา ปฏิเสธการแพ้อาหาร
-ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
บิดา-มารดาเป็นโรคเบาหวาน
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
วันที่ 15 ตุลาคม 2564
มารดา -Hct= 34.7 % Hb= 11.0mg % MCV= 86.1 fL HBsAg= Negative Anti-HIv= Negative VDRL=Non-reactive
การให้คำแนะนำแต่ละไตรมาส
ไตรมาสที่ 1
แนะนำการปฏิบัติตัว การนอนหลับพักผ่อน 8-10 ชั่วโมง
การออกกำลังกายไม่ควรใช้แรงมาก ควรออกเบาๆเช่น ยืดเหยียดขา
ให้ความรู้และสังเกตอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ เช่น ปวดท้องน้อยหรือมีเลือดออกทางช่องคลอด
อาการที่พบบ่อยในหญิงตั้งครรภ์
ตกขาว > ล้างทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ ห้ามสวนล้าง หากตกขาวผิดปกติรีบพบแพทย์
ริดสีดวงทวาร > ดื่มน้ำ 8-10 แก้ว ทานอาหารที่มีกากใย
คลื่นไส้อาเจียน > แบ่งกินน้อย แต่บ่อยมื้อ
หน้ามืด > เปลี่ยนอิริยาบถช้าๆ นอนตะแคงซ้าย
ไตรมาสที่ 2
ส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์
นั่งเก้าอี้โยกมากกว่า 10 สัปดาห์
เล่านิทานให้ฟังหรือพูดคุยด้วยวลีสั้นๆมีความหมาย 10-15 นาที ควรทำหลังอายุครรภ์ 20 wks.
สัมผัสลูกน้อยและพูดคุยขณะลูบท้อง โดยสามารถเริ่ม ทำได้ตั้งแต่เริ่มเข้าไตรมาส 2
ให้สามีสัมผัสและคุยกับลูกน้อยประโยคเดิมๆ 5-10 นาทีทุกวัน
กระตุ้นและพัฒนา cell สมอง
ด้วยการส่องไฟบริเวณหน้าท้อง
มีเพศสัมพันธ์ได้ปกติ แต่ควรงดในรายที่มีประวัติการแท้ง หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดงดมี sex เด็ดขาด สามารถทำท่าที่ผู้หญิงอยู่ข้างบน ไม่รุนแรง
น้ำหนักควรขึ้น 0.5 kg/wk ควรชั่งน้ำหนักทุกสัปดาห์
สังเกตอาการผิดปกติที่ควรรีบมาพบแพทย์ เช่น
ตาพร่ามัว ปวดศีรษะ มีน้ำเดิน ปวดท้องน้อย
ระวังการติดเชื้อ โดยการดูแลความสะอาด ควรใส่หน้ากากอนามัยขณะออกข้างนอกและล้างมือบ่อยๆ
อาหาร
วิตามินบี 1 2 6 12 = เนื้อสัตว์ นม ปลา ข้าวซ้อมมือ
วิตามินเอ = นม ไข่แดง ตับ
วิตามินชี = ส้ม มะละกอ มะเขือเทศ ฝรั่ง มะนาว
วิตามินดี = ไข่แดง ปลา โยเกิร์ต นม
เบต้าแคโรทีน = แครอท บร็อกโคลี่
ทารกในครรภ์ได้รับสารอาหาร และออกชิเจนจากแม่ผ่านทางรกและสายสะดือ จึงควรที่จะมีลักษณะการทานอาหารที่เป็นสัดส่วน แบ่งทานมื้ออาหารเป็นมื้ออาหารย่อยๆ สัก 4-6 มื้อ แต่ทานครั้งละน้อยๆ พออิ่ม แต่ไม่ควรให้อิ่มมากจนแน่นท้อง
ทารกกำลังมีการสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างระบบอวัยวะต่างๆ
ไตรมาสที่ 3
แนะนำมารดาในการนับลูกดิ้นทุกวัน โดยการนับหลังรับประทานอาหาร เช้า กลางวัน เย็น เป็นเวลา 1 ชม. ลูกต้องดิ้นอย่างน้อย 3 ครั้ง รวมกัน 3 มื้อ ต้องดิ้นไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง จึงถือว่าปกติ และหากมีอาการผิดปกติ เช่น ลูกไม่ดิ้น หรือลูกดิ้นน้อยลง ให้รีบมาพบแพทย์
อาการเจ็บครรภ์
เจ็บครรภ์เตือน (False labor pain)
-อาการท้องแข็งเป็นพักๆ ไม่สม่ำเสมอ พักแล้วอาการหายไปได้เอง
-การเดินไม่มีผลต่อการเพิ่มหรือลดลงของการหดรัดตัวของมดลูก
-ไม่มี mucous bloody show
-ไม่สุขสบายบริเวณหน้าท้อง
เจ็บครรภ์จริง (True labor pain)
.
-ขณะเดินความรุนแรงของการหดรัดตัวของมดลูกเพิ่มขึ้น พักแล้วไม่หาย
-การหดรัดตัวสม่ำเสมอ เจ็บทุก 5 นาที
-ปวดร้าวลงหน้าขา
-ปากมดลูกถ่างขยายและบางลง
-ไม่สุขสบายบริเวณหลังและท้อง
-ความแข็งแรงของการหดรัดตัวของมดลูกเพิ่มขึ้นขณะเดิน
ยาที่ได้รับระหว่างการตั้งครรภ์
Natural multivitamin 1x1 po pc
ข้อบ่งใช้ :
เสริมวิตามินในหญิงตั้งครรภ์
ผลข้างเคียง :
คัน ปวดในช่องท้อง : ผื่นผิวหนัง
Caltab 1x1 po pc
ข้อบ่งใช้ :
ใช้เสริมแคลเซียมในหญิงตั้งครรภ์
ผลข้างเคียง :
เวียนหัว คลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูก
Ferrous fumarate 1x1 po pc
ข้อบ่งใช้ :
-เสริมธาตุเหล็ก
-ป้องกันการขาดธาตุเหล็ก
ผลข้างเคียง :
อาจเกิดอาการท้องผูก คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน อุจจาระ/ปัสสาวเปลี่ยนสี
Amoxicillin
ข้อบ่งใช้ :
ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
ผลข้างเคียง :
ปวดท้อง ท้องร่วง มีผื่นคัน ลมพิษ
INSULIN ISOPHANE 100 IU/ML INJ.3ML
Intermediate acting insulin
NOVORAPID PENFILL 100 IU/ML. INJ 3 ML
Rapid acting insulin
ผลข้างเคียง : น้ำตาลในเลือดต่ำ,โพแทสเซียมในเลือดต่ำ,ใจสั่น,หัวใจเต้นรัว,แพ้ยา,ลมพิษ