Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
chest injury
551726A3-3AA3-4C22-ABF0-4757BDF68E7D, 8E25EB04-F7C2-4B53…
chest injury
การบาดเจ็บที่ทรวงอกจะมีผลกระทบต่อหัวใจ การไหลเวียนเลือดและระบบหายใจ หากมีการบาดเจ็บร่วมหลายระบบจะต้องให้ความสำคัญและให้การช่วยเหลือการบาดเจ็บที่ทรวงอกเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะการแก้ไขช่วยทำทางเดินหายใจให้โล่งและช่วยการหายใจ บางครั้งการบาดเจ็บไม่สามารถมองเห็นบาดแผลจากภายนอก การตรวจร่างกายอาจพบเพียงแผลฟกช้ำจากแรงกระแทกแต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
พยาธิสภาพของบาดเจ็บทรวงอกเกิดได้ตั้ง แต่ผนังทรวงอก เช่น มีแผลถลอก ฟกช้ำ หรือมีการหักของซี่โครงซึ่งอาจหักซี่เดียวหรือหลายซี่ และหลายตำแหน่งทำให้ทรวงอกยุบเข้าออกตามการหายใจ ผลจากซี่โครงหักอาจทำให้เยื่อหุ้มปอดทะลุ มีลมหรือเลือดในโพรงเยื่อหุ้มปอด ผู้ป่วยจะมีอาการปวด ไม่กล้าหายใจลึกทำให้ปอดแฟบติดเชื้อที่ปอด หรือเกิดภาวะคาร์บอนไดออกไชด์คั่งและภาวะพร่องออกชิเจน นอกจากนี้อาจกดการ ทำงานของหัวใจ ทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดออกไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอและจำกัดการแลกเปลี่ยนออกซิเจนในปอด หรือช็อกจากการเสียเลือด
-
-
-
-
การดูแลเบื้องต้น
การใส่สายระบายทรวงอก ICD
การใส่ท่อระบายทรวงอก (Intercostal Chest Drainage/Chest tube/Thoracostomy) การใส่ท่อระบายทรวงอก หมายถึง การใส่สายยางเข้าไปในโพรงเยื่อหุ้มปอด (pleural cavity) หรือนอกเยื่อหุ้มปอด (extrapleural space) เพื่อระบายลม เลือดหรือสารเหลวโดยใช้หลักการของลิ้นกำกับทางเดียว กล่าวคือ ออก ลม เลือด น้ำเหลืองและสารเหลวจะไหลออกจากโพรงเยื่หุ้มปอด แต่ขณะหายใจเข้าลมไม่ เข้าไปในโพรงเยื่อหุ้มปอดได้เนื่องจากมีลิ้นกำกับทางเดียวปิดกั้นไว้ ช่วยให้ปอดขยาย การแลกเปลี่ยนอากาศดีขึ้นและ ขจัดแหล่งเชื้อโรค วงจรของสิ้นกำกับทางเดียวนี้จะเกิดต่อเนื่องตามการหายใจจนกว่าปอดจะขยายเต็มที่และความดัน ในโพรงเยื่อหุ้มปอดกลับคืนสู่ค่าปกติ
การพยาบาลก่อนใส่สายระบายทรวงอกการพยาบาลผู้ป่วยก่อนใส่ท่อระบายทรวงอก
1.อธิบายขั้นตอนการทำให้ผู้ป่วยทราบ ในต่างประเทศต้องให้ผู้ป่วยเซ็นใบยินยอมอนุญาตให้ทำหัตถการนี้
- เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ได้แก่ ชุดผ่าตัดเปิดหลอดเลือดดำ (set cut down) ยาชา ยาระงับปวด เช่น มอร์ฟิน 3-5 มก. บริหารทางหลอดเลือดดำ 30 นาทีก่อนทำหัตถการ
- จัดท่าให้เหมาะสม ถ้าเป็นไปได้ควรจัดท่นั่งเนื่องจากกระบังลมอยู่ต่ำกว่าท่านอน
- จัดเตรียมขวด สาย เครื่องดูด ตะแกรงใส่ขวด 5. ช่วยแพทย์ขณะทำหัตถการ หลังเย็บไหมผูกผิวหนังติดกับท่อระบายแล้วต้องปีดวาสลีนก๊อซก่อนทับด้วย ลอดเชื้อเพื่อป้องกันอากาศเซาะเข้าไปในแผล และข้อต่อทุกตำแหน่งต้องพันให้แน่นด้วยพลา เพื่อป้องกันลมรั่วและข้อต่อหลุด
การพยาบาลขณะใส่สายระบายทรวงอก
- ดูแลให้เป็นระบบปิด วางขวดอยู่ต่ำกว่าทรวงอก ข้อต่อทุกข้อต่อต้องปิดผนึกให้แน่นด้วยพลาสเตอร์เหนียว
- ในรายที่ต่อท่อระบายกับเครื่องดูด ต้องดูแลให้เครื่องดูดมีความดันตามแผนการรักษา
- บันทึกสัญญาณชีพ การหายใจ เสียงลมเข้าปอด การเคลื่อนไหวของทรวงอกทั้ง 2 ข้าง อัตราการหายใจ ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจน สีผิวหนัง รายงานแพทย์เมื่อผู้ป่วยมีความผิดปกติ ได้แก่ หายใจไม่ออก แน่นอึดอัด หรือ ไอเป็นเลือด
- ประเมินและบันทึก สี และปริมาณสารเหลวที่ออก หลังผ่าตัดหัวใจอาจต้องบันทึกทุก 15 นาที จนครบ 2 ชั่วโมง ถ้าใส่ในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอาจบันทึกทุก 1 ชั่วโมง หรือแล้วแต่ปัญหา พร้อมทั้งทำเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ ไว้ข้างขวดรองรับสารเหลวให้ชัดเจน ระบุวันเวลาที่บันทึกไว้ หากของเหลวที่ออกเป็นเลือดเกิน 200 มล./ชม. ติดต่อ กัน 2-4 ชั่วโมง หรือเลือดออกมากกว่า 200-300 มล./ซม. ต้องรีบรายงานแพทย์และเตรียมผู้ป่วยเพื่อฝ่าตัด โดย ทั่วไปหลังผ่าตัดในระยะแรกสารเหลวที่ออกจะเป็นสีแดงเข้ม วันต่อ ๆ มาสีควรจะจางลง ถ้าสารเหลวที่ออกมีสีแดง เข้มขึ้น แสดงว่าเลือดยังไหลไม่หยุด ควรติดตามค่าฮีมาโตคริตและสัญญาณชีพ เพื่อประเมินอาการช็อกและรายงาน แพทย์ถ้าพบความผิดปกติ
- ตรวจสอบผิวหนังตำแหน่งที่ใส่ (Insertion site โดยการสังเกตตัวเลขที่ท่อระบายว่าเลื่อนออกจากตำแหน่ง ที่เย็บไว้เดิมหรือไม่ นอกจากนี้ต้องตรวจสอบลมใต้ผิวหนัง โดยการคลำรอบ 1 สาย ถ้าคลำได้เสียงกรอบแกรบแสดง ว่ามีลมใต้ผิวหนัง ให้ใช้ปากกาเขียนขอบเขตของลมตามที่คลำได้ และรายงานแพทย์เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงว่า มีลมใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้นหรือลดลง
- ดูแลท่อระบายไม่ให้มีการหัก ขับ งอ หรืออุดตันและตรวจสอบสายยางที่ต่อระหว่างท่อระบายกับขวดให้ มีความยาวเหมาะสม
- ประเมินและบรรเทาอาการปวดแผล โดยสอนและแนะนำให้ผู้ป่วยใช้มือประคองแผลขณะหายใจเข้าออก ลึก ๆ หรือขณะไอรวมทั้งขณะเคลื่อนไหวจะช่วยลดความปวดบริเวณแผล ให้ยาระงับปวดตามแผนการรักษาพร้อมทั้ง ระวังภาวะแทรกซ้อนจากยา
- จัดให้นอนศีรษะสูง 20-30 องศา และกระตุ้นให้ผู้ป่วยบริหารการหายใจและการไอที่ถูกวิธี ช่วยเคาะปอด ให้หายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง ไอเพื่อขจัดเสมหะ ช่วยดูดเสมหะในภาวะที่ไม่สามารถไอออก ได้เอง สอนให้บริหารปอดเพื่อให้ปอดขยาย โดยสอนและแนะนำผู้ป่วยใช้เครื่องมือช่วยในการบริหารการหายใจ เช่น การใช้เครื่องบริหารปอด (incentive spirometer) อย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพโดยการปรับตัวเลข ให้เหมาะสมกับปริมาตรของอากาศที่ผู้ป่วยจะได้จากการหายใจ 1 ครั้ง โดยพิจารณาจากน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมคูณ ด้วย 5 เท่า หรือพิจารณาจากอาการของผู้ป่วย หลังจากนั้นให้ผู้ป่วยลองดูดลูกบอลในเครื่องและค้างไว้ประมาณ 10.- 15 วินาทีแล้วจึงปล่อยลูกบอลลง กระตุ้นให้ดูดอย่างน้อย 10 รอบ/ครั้ง และทำทุก 2 ชั่วโมง
- ดูแลให้ผู้ป่วยนอนในท่าศีรษะสูงหรือลุกนั่ง กระตุ้นให้พลิกตะแคงตัวและเปลี่ยนท่าบ่อย ๆ เพื่อไมให้สาร เหลวขังอยู่ที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งร่วมกับให้มีการระบายออกได้ดีขึ้น สำหรับการผ่าตัดปอดข้างใดข้างหนึ่งออกทั้งหมด (pneumonectomy) ให้หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงเนื่องจากจะทำให้อวัยวะที่อยู่ในประจันอกเคลื่อนไปกดปอดข้าง ที่เหลือ ส่วนรายที่ผ่าตัดเอาปอดออกบางส่วน (wedge resection/ segmentectomy) ให้หลีกเลี่ยงการนอนทับ ด้านที่ผ่าตัด เนื่องจากจะทำให้ปอดขยายตัวไม่ได้เต็มที่
- ในรายที่พอช่วยเหลือตัวเองได้และไม่มีอาการปวดมาก ควรกระตุ้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวขณะที่อยู่บนเตียง บริหารแขนและข้อไหล่เพื่อป้องกันข้อติดแข็ง โดยให้เคลื่อนไหวข้อไหลในท่างอและเหยียดข้อไหล่ กางและหุบข้อไหล่ หมุนข้อไหล่เข้าข้างในและออกข้างนอก และกระตุ้นให้บริหารเท้าและข้อเท้าโดยการกระดกฝ่าเท้าและหมุนข้อเท้า เพื่อป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดดำชั้นลึก และถ้าไม่มีข้อห้ามผู้ป่วยสามารถลุกลงจากเตียงได้
- ติดตามผลภาพถ่ายรังสีปอด เพื่อดูตำแหน่งสายระบายและติดตามผลการขยายตัวของปอดภายหลังใส่ว่า ดีขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ภาพถ่ายรังสีปอดยังช่วยทำให้ทราบอาการแทรกซ้อนที่เกิดจากการทำหัตถการ เช่น เลือดออก หลังใส่ท่อระบายทรวงอกได้
- ไม่หนีบท่อระบายระหว่างการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย และไม่หนีบท่อระบายก่อนปลดขวดที่ต่อกับเครื่องดูด เนื่องจากจะทำให้ปอดแฟบ
- หลีกเลี่ยงการบีบรูดสายโดยไม่จำเป็น เนื่องจากจะเพิ่มความดันลบในโพรงเยื่อหุ้มปอดมากเกินไป วังอาการแทรกซ้อนที่เกิดจากการคาท่อระบายทรวงอก ได้แก่ เลือดออกมาก ลมรั่ว เชื้อที่ท่อระบายและที่แผล
-
-
-
ข้อบ่งชี้ในการถอดท่อระบายทรวงอก
- ไม่มี bleeding ออกเพิ่ม ในราย Hemothorax
- มีสารเหลวหรือ exudate น้อยกว่า 50 ซี.ซี. ต่อวัน
- ไม่มีการขึ้นลงของระดับน้ำ(fluctuation) แสดงว่าปอดขยายตัวดี แต่ต้องแยกจาก tube อุดตัน
- X-ray chest ผลปรากฏว่าไม่มีเลือด หรือfluid ค้างอยู่และปอดขยายตัวดี
- ไม่มีแผนการรักษาโดยการผ่านตัดโดยใช้ยาสลบในระยะเวลาอันใกล
ความหมาย
การระบายทรวงอก หมายถึง การระบายเอาสารเหลวหรือลมออกจากเยื่อหุ้มปอด
การใส่สายระบายทรวงอก หมายถึง การใส่สายเพื่อระบายสารเหลวหรือลมออกจากเยื่อหุ้มปอด
-
-
NEEDLE DECOMPRESSION
การเจาะปอดเพื่อแก้ไข Tension Pneumothorax ในสถานที่ทุรกันดาร จะทำในกรณีที่มี Shock, เส้นเลือดที่คอโป่ง, หลอดลมถูกดันไปด้านตรงข้าม, เสียงปอดเบาลง และเคาะปอดโปร่ง โดยโรคนี้วินิจฉัยจากประวัติและตรวจร่างกาย เป็น Clinical Diagnosis ไม่ต้องใช้ Film Confirm สามารถทำได้ดังนี้ การทำ Needle Decompression คือการเปลี่ยน Tension Pneumothorax ให้เป็น Simple Pneumothorax ดังนั้นต้องใส่ ICD ต่อ
1.ให้ oxygen ถ้ามี
- เจาะที่บริเวณ 4-5th Intercostal Space Anterior to Midclavicular line ในผู้ใหญ่ (ประมาณระดับหัวนมหรือใต้ราวนม) หรือ บริเวณ 2nd Intercostal Space ในเด็ก ปักที่ขอบบนของซี่โครงเพราะเส้นเลือดจะอยู่ที่ขอบล่าง ทำในท่านั่งหรือยกหัวสูง 30-60 องศาจะดีกว่า ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะและงอศอกก็ช่วย
- ทำความสะอาดผิวหนัง
- ฉีดยาชา ถ้ามีเวลาเพียงพอ
- ใช้เข็มยาว 5 cm สำหรับผู้ใหญ่ตัวเล็ก หรือ 8 cm สำหรับผู้ใหญ่ตัวใหญ่ เข็มเบอร์ 10-16 G ต่อเข็มเข้ากับ Syringe 10 mL อาจใส่ NSS 3 mL เพื่อช่วยประเมินว่าดูดได้ลมไหม
- ตัดถุงมือบริเวณนิ้ว แล้วเสียบเข็มผ่านถุงมือ เพื่อสร้าง One-Way Valve เมื่อหายใจเข้า อากาศจะไม่ผ่านเข้ามาในช่องอก และเมื่อหายใจออก อากาศจะไหลออกนอกช่องอก (ถ้าในสภาวะปกติที่ไม่ใช่สภาวะทุรกันดาร กำลังออก EMS หรืออยู่ในโรงพยาบาล ไม่จำเป็นต้องตัดถุงมือให้ปล่อยเข็มพลาสติกคาทิ้งไว้อย่างเดียว)
- ปักเข็มวางมุม 90 องศากับผิว เจาะให้ทะลุ Pleura ในระหว่างนี้คอยดูด Syringe ตลอด ถ้าดูดได้ลมแสดงว่าเข้าเยื่อหุ้มปอดแล้ว ให้หยุดเพียงเท่านั้น
- ดึงเข็มออก ทิ้งเข็มพลาสติกปักคาไว้
- ยึดตรึงเข็มพลาสติกด้วยเทป ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะเข็มชอบหลุดออกมา
- เตรียมตัวใส่ ICD ทันที (ถ้าเป็นไปได้)
‼️ หมายเหตุ
❤️ ไม่แนะนำการทำ Needle Decompression ใน Simple Pneumothorax ในบริบทของการแพทย์ทุรกันดาร
❤️ การทำ Needle Decompression คือการเปลี่ยน Tension Pneumothorax ให้เป็น Simple Pneumothorax ดังนั้นต้องใส่ ICD ต่อ
❤️ ถ้าเป็นไปได้ ตาม ATLS Edition 10 และ PHTLS Edition 9 ควรใช้เข็มต่อกับ Syringe แต่ใน Roberts And Hedges’s Clinical Procedures เขียนไว้ว่าสามารถทำโดยใช้ หรือไม่ใช้ Syringe ก็ได้ เพราะการทำ Needle Decompression เป็นการแก้ไขภาวะ Tension Pneumothorax โดยชั่วคราว ไม่ว่าจะทำแล้วอาการเป็นอย่างไร ยังไงก็ต้องรีบใส่ ICD ต่ออยู่ดี
❤️ สาเหตุที่ต้องใช้เข็มยาวๆ เพราะถ้าหน้าอกหนา เข็มที่สั้นจะปักไม่ถึง Pleural Space โดยเข็ม 5 cm จะปักถึง Pleural Space > 50% ส่วนเข็ม 8 cm จะปักทะลุถึง Pleural Space > 90%
❤️ สาเหตุที่ ATLS แนะนำว่าในผู้ใหญ่ ให้ปักที่ 4-5th Intercostal Space เพราะพบว่าผิวที่ 2nd Intercostal Space หนา เข็มปักไม่เข้า Pleural Space และเสี่ยงโดนเส้นเลือด Subclavian Vessel, Internal Mammary Artery, Heart, Pulmonary Vessel แต่ในเด็ก หน้าอกบาง จึงปักที่ 2nd Intercostal Space ดังเดิม
❤️ ถ้าทำ Needle Decompression ไปแล้ว ควรปักเข็มคาไว้ต่อ ห้ามทำลายหลักฐานโดยการดึงเข็มออก
❤️ ถ้าผู้ป่วยมีภาวะ Tension Pneumothorax หลังปักเข็มแรกไปแล้ว อาจต้องปักเข็มที่ 2 เพิ่มไปทาง Lateral (ห้ามปัก Medial) เพราะเข็มแรกอาจตันจากเลือดหรือบิดงอ ทั้งนี้ต้องตรวจร่างกายอย่างละเอียดด้วยว่าเกิดจากภาวะนี้แน่ๆ❤️ ถ้าอยู่ในโรงพยาบาล ทำ Needle Decompression แล้วไม่สำเร็จ อาจทำ Finger Thoracostomy ต่อตามด้วย ICD
Chest anatomy
ทรวงอกประกอบด้วย
- กระดูกทรวงอก (Thoracic cage) ส่วนที่เป็นกระดูก ได้แก่ ซี่โครง ไหปลาร้า สะบัก (scapula) และกระดูกสันอก (sternum)
-
-
-
-