Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

หน่วยที่ 4 การออกแบบการวิจัยทางส่งเสริมและ พัฒนาการเกษตร - Coggle Diagram

- - - - ใช้เมื่อต้องการหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัวหรือมากกว่าเพื่อทดสอบว่าตัวแปรทั้งสองมีอิทธิพลต่อกันหรือไม่
      - ใช้สำหรับการทำนายผลลัพธ์ว่าจะเป็นเช่นไร
    - - 1 แบบการวิจัยเชิงอธิบาย
      - 2 แบบการวิจัยเชิงทำนาย
    - - 3 ระบุการวัดตัวแปรของข้อมูลที่จะศึกษา
      - 4 เก็บรวบรวมข้อมูลและเตรียมการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น
      - 2 กำหนดผู้ที่จะถูกศึกษา
      - 5 วิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอผลการวิจัย
      - 1 พิจารณาว่าแบบการวิจัยเชิงสหสัมพันธ์สอดคล้อง กับปัญหาการวิจัยหรือไม่
      - 6 แปลความข้อมูล
  - - - หมายถึง การวิจัยที่ผู้วิจัยต้องการทดสอบแนวความคิดหรือการปฏิบัติหรือวิธีการว่ามีผลกระทบต่อผลลัพธ์หรือไม่ ในการวิจัยเชิงทดลองผู้วิจัยเลือกสิ่งที่ต้องการจะทดลองและสุ่มคนจำนวนหนึ่งเข้าไปในกลุ่ม ซึ่งได้รับสิ่งที่ต้องการทดลองนั้นในขณะเดียวกันผู้วิจัยก็ทำการสุ่มคนอีกจำนวนหนึ่งเข้าไปในกลุ่มที่ได้รับสิ่งอื่นที่แตกต่างไปจากกลุ่มแรก จากนั้นทำการวัดว่ากลุ่มที่ได้รับสิ่งที่ต้องการทดลองนั้นทำบางอย่างที่ต้องการจะทราบได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับหรือไม่
    - - นำไปใช้ประโยชน์เมื่อนักวิจัยต้องการศึกษาสาเหตุและผลระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตามที่ผู้วิจัยสนใจโดยผู้วิจัยจะต้องควบคุมตัวแปรอื่นๆทั้งหมดที่คาดว่าจะมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ยกเว้นเฉพาะตัวแปรอิสระเท่านั้นซึ่งทำให้เราสามารถกล่าวได้ว่าตัวแปรอิสระเป็นสาเหตุหรือมีผลต่อตัวแปรตามเนื่องจากว่าการทดลองเป็นการควบคุมตัวแปรต่างๆตามที่ผู้วิจัยต้องการจึงเป็นแบบการวิจัยที่ดีที่สุดในบรรดาการออกแบบวิจัยเชิงปริมาณ ที่ใช้สำหรับศึกษาโอกาสของสาเหตุที่จะทำให้เกิดผลในสิ่งที่ต้องการศึกษา
    - - 4 การวัดผลที่เกิดขึ้น
      - 5 การเปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม
      - 3 การจัดกระทำตัวแปรสาเหตุที่ผู้วิจัยสนใจ
      - 6 การคำนึงถึงสิ่งที่มีผลต่อความถูกต้องของการวิจัย
      - 2 การควบคุมตัวแปรภายนอก
      - 1 การสุ่มเข้ากลุ่มแบบสมบูรณ์
    - - กลุ่มที่ 1 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้เข้ารับการทดลอง และประสบการณ์ของผู้เข้ารับการทดลอง ได้แก่ History of maturation interaction with Selection
      - กลุ่มที่ 2 ปัจจัยที่เกี่ยวกับทรีทเม้นท์ที่ใช้ในการทดลองได้แก่ Distribution of Treatment conceptualization decentralization
      - กลุ่มที่ 3 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับวิธีการวิจัยได้แก่ testing และ Insulation
    - - intersection of settings and Treatment
      - interaction of History and Treatment
      - intersection of Selection and Treatment
    - - 1 แบบเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม แบ่งย่อยออกได้เป็น
        
        2 Quasi-experiments (pre-and posttest, posttest only)
        
        3 Factorial designs
        
        1 True experiments (pre-and posttest, posttest only)
      - 2 แบบเปรียบเทียบความแตกต่างภายในกลุ่มหรือแต่ละบุคคล (within group or individual Designs)
        แบ่งออกเป็น
        
        1 Time series experiments(interrupted,equivalent)
        
        2 Repeated measures experiments
        
        3 Single subject experiments
    - - ขั้นที่ 1 พิจารณาว่าแบบการวิจัยเชิงทดลองเป็นวิธีการวิจัยที่สามารถค้นหาคำตอบของคำถามการวิจัยได้หรือไม่
      - ขั้นที่ 6 ดำเนินการทดลอง โดยมีขั้นตอนดังนี้
        
        1 ทำการวัดผลคะแนนก่อนทดลอง ถ้ากำหนดในแบบการวิจัย
        
        2 ให้ Treatment แตกกลุ่มทดลองหรือกลุ่มที่เกี่ยวข้อง
        
        3 ควบคุมตัวแปรภายนอกที่จะมีอิทธิพลต่อผลการทดลอง
        
        4 ทำการวัดผลหลังการทดลอง Posttest
        
        5 ปฏิบัติตามหลักจริยธรรมในการวิจัยโดยให้ข้อมูลแก่ผู้เข้ารับการทดลองเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายในการวิจัยเหตุผลในการวิจัยและอ่านให้การชดเชยเกี่ยวกับ Treatment ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เข้ารับการทดลองในกลุ่มควบคุม
      - ขั้นที่ 5 เลือกชนิดของแบบการวิจัยเชิงทดลอง
      - ขั้นที่ 7 จัดเตรียมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล สถิติที่ใช้ในการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มได้แก่ t-test หรือ ANOVA หรือ ANCOVA
      - ขั้นที่ 8 เขียนรายงานการวิจัยเชิงทดลอง ในส่วนของวิธีดำเนินการศึกษาจะประกอบด้วย 1 ผู้เข้ารับการทดลองและการจัดเข้ากลุ่ม 2 ชนิดของแบบการวิจัยเชิงทดลอง 3 การให้ Treatment และอุปกรณ์ต่างๆ 4 การควบคุมตัวแปรภายนอก 5 การวัดตัวแปรตามหรือการสังเกตผล
      - ขั้นที่ 2 ตั้งสมมติฐานเพื่อทดสอบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ
        
        ขั้นที่ 3 เลือกหน่วยทดลองและระบุผู้ที่จะเข้ารับการทดลอง
        
        ขั้นที่ 4 กำหนด Treatment ในการทดลอง หลักการของการออกแบบการวิจัยเชิงทดลองคือการกำหนดระดับของ Treatment หลักในการเลือก Treatment คือจะต้องมีความเข้มข้นพอและคงอยู่ได้นานตลอดการทดลองและต้องมีผลกระทบต่อ outcome
  - - - 2 แบบการวิจัยเชิงสำรวจแบบระยะยาวต่อเนื่อง ที่สำคัญและเป็นที่นิยมใช้มี 3 แบบได้แก่
        
        2 แบบการศึกษากลุ่มร่วมรุ่น cohort study
        
        3 แบบการศึกษาคณะบุคคล panel Group Study
        
        1 แบบการศึกษาแนวโน้ม Trend study
      - 1 แบบการวิจัยเชิงสำรวจแบบตัดขวาง Cross sectional Survey Design หมายถึงผู้วิจัยเก็บข้อมูลณจุดหนึ่งของเวลา เป็นการวัดตัวแปร แบบวิจัยชนิดนี้ให้ข้อมูลในช่วงเวลาที่ไม่นาน การวิจัยแบบภาคตัดขวางคือการศึกษาในลักษณะการเปรียบเทียบคนส่งกลุ่มหรือมากกว่าในเรื่องทัศนคติความเชื่อความคิดเห็นหรือการปฏิบัติ สามารถนำมาใช้ในการวัดความต้องการของกลุ่มบุคคลเป้าหมายในงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรได้สามารถนำมาใช้ในการประเมินโครงการ
      - ลักษณะเด่นของการวิจัยเชิงสำรวจ ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวางหรือแบบการวิจัยเชิงสำรวจแบบระยะยาวต่อเนื่องมีลักษณะเด่นคือ
        
        2 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามหรือการสัมภาษณ์
        
        3 มีการออกแบบเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล
        
        1 มีการสุ่มตัวอย่างจากประชากรเป้าหมายที่ใช้ศึกษา
        
        4 ต้องได้รับการตอบกลับจากผู้ตอบเป็นจำนวนมากพอ
      - ขั้นตอนในการวิจัยตามแบบการวิจัยเชิงสำรวจ
        
        5 สร้างเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล คำนึงถึงความถูกต้องและความเชื่อถือได้
        
        4 กำหนดแบบการวิจัยเชิงสำรวจและวิธีการการเก็บรวบรวมข้อมูล
        
        3 ระบุประชากรที่ใช้ศึกษากรอบตัวอย่างและตัวอย่าง
        
        6 ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล
        
        2 ระบุคำถามการวิจัยหรือสมมติฐานการวิจัย รูปแบบของคำถามหรือสมมติฐานมีลักษณะดังนี้
        
        1 อธิบายลักษณะหรือแนวโน้มของประชากรที่ใช้ศึกษา
        
        2 เปรียบเทียบกลุ่มในด้านทัศนคติความเชื่อความพึงพอใจและพฤติกรรมบางอย่าง
        
        3 หาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัวหรือมากกว่า
        
        7 วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตอบคำถามการวิจัย
        
        1 ตัดสินใจว่าการสำรวจเป็นแบบการวิจัยที่เหมาะสมที่สุดในการตอบคำถามการวิจัยโดยพิจารณาจากกระบวนการในการเก็บรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูลและการเขียนรายงานการวิจัย
        
        8 เขียนรายงานการวิจัย
- - - - 1 แบบการวิจัยเชิงทดลอง
      - 2 แบบการวิจัยระยะยาว
      - 3 แบบการวิจัยภาคตัดขวาง
      - 4 แบบการวิจัยกรณีศึกษา
    - - 2 แบบการวิจัยประยุกต์
      - 3 แบบการวิจัยประเมินผล
      - 1 แบบการวิจัยพื้นฐาน
    - - 2 ขั้นตอนทั่วไปของการวิจัยที่เรียกว่ากลยุทธ์ของการค้นหาคำตอบ
      - 3 รายละเอียดของขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลและการเขียนซึ่งเรียกว่า วิธีการ
      - 1 สมมติฐานเชิงปรัชญาในการอ้างว่าสิ่งที่ได้มาคือความรู้
    - - 2 แบบการวิจัยเชิงคุณภาพ
        
        2.3 แบบการวิจัยเชิงกรณีศึกษา
        
        2.4 แบบการวิจัยแนวปรากฏการณ์วิทยา
        
        2.2 แบบการวิจัยการสร้างทฤษฎีจากข้อมูล
        
        2.5 แบบการวิจัยจากข้อมูลเล่าเรื่อง
        
        2.1 แบบการวิจัยเชิงชาติพันธุ์วรรณา
      - 3 แบบการวิจัยแบบผสานวิธี ในการออกแบบการวิจัยทางส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรจะใช้หลักการแบ่งประเภทของแบบการวิจัยตามแนวคิดของ John W. Creswell
        
        3.3 แบบการวิจัยเชิงสำรวจตามลำดับ
        
        3.4 แบบการวิจัยแบบฝังตัว
        
        3.2 แบบการวิจัยเชิงอธิบายตามลำดับ
        
        3.5 แบบการวิจัยเชิงแปลงผล
        
        3.6 แบบการวิจัยหลายระยะ
        
        3.1 แบบการวิจัยเชิงคู่ขนานประจบกัน
        
        แบบการวิจัยแบบผสานวิธียังมีแบบการวิจัย
        
        คือแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ
        
        1) Practical action Research
        
        2) Participatory action Research
      - 1 แบบการวิจัยเชิงปริมาณ
        
        1.2 แบบไม่ทดลองซึ่งประกอบด้วยแบบการวิจัยที่สำคัญได้แก่
        
        1.2.1 แบบการวิจัยเชิงสำรวจ
        
        1 แบบการวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวาง
        
        2 แบบการวิจัยเชิงสำรวจแบบระยะยาวต่อเนื่อง
        
        1.2.2 แบบการวิจัยเชิงสหสัมพันธ์
        
        1.1 แบบการทดลอง ได้แก่
        
        1.1.2 แบบการวิจัยกึ่งทดลองวิธีนี้ไม่ใช้การสุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่ม
        
        1.1.3 แบบการวิจัยเชิงทดลองที่ศึกษาเฉพาะกรณี
        
        1.1.1 แบบการวิจัยเชิงทดลองเต็มรูปแบบโดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่มแบบสมบูรณ์
  - - - 2 เป็นยุทธวิธีที่ระบุถึงวิธีการที่จะใช้สำหรับรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
      - 3 ระบุด้วยเวลาและงบประมาณเนื่องจากการวิจัยส่วนใหญ่จะดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดของ 2 สิ่งนี้ ซึ่งแบบการวิจัยจะต้องชี้ให้เห็นสิ่งนี้
      - 1 แบบการวิจัยคือแผนโครงงานที่ระบุแหล่งที่มาและชนิดของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการวิจัยอย่างชัดเจน
    - - 1 วิธีการในการที่จะได้รับข้อมูลโดยพิจารณาแบบการวิจัยที่บอกวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการที่จะได้มาซึ่งข้อมูลและบ่งบอกถึงข้อมูลหรือตัวแปรที่จำเป็นในการนำมาทดสอบสมมติฐานหรือสามารถให้คำตอบของคำถามการวิจัยได้
      - 2 ความพร้อมและทักษะของผู้วิจัยและทีมงานวิจัยโดยพิจารณาว่ามีความสามารถในการค้นหาข้อมูลรวบรวมข้อมูลและสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ตามวิธีการในแบบการวิจัยที่เลือกใช้หรือไม่
      - 3 แบบการวิจัยนั้นอธิบายถึงวิธีการที่จะได้มาซึ่งข้อมูลที่ต้องการนั้นว่าทำอย่างไรและเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกวิธีการนั้น
      - 4 เวลาที่ใช้ในการวิจัย
      - 5 งบประมาณที่มีอยู่
  - - - 5 มีส่วนช่วยอย่างมากในการรวบรวมเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัยและการทดสอบสมมติฐาน
      - 6 เป็นแนวทางที่ถูกต้องสำหรับการวิจัย
      - 4 ลดความไม่แน่นอนความสับสนและความผิดพลาดในการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการวิจัย
      - 7 กำจัดอคติและข้อผิดพลาดบางประการที่จะเกิดขึ้น
      - 3 ช่วยให้ผู้วิจัยได้รับประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือได้สูงสุด
      - 8 ให้แนวความคิดเกี่ยวกับประเภทของทรัพยากรที่ต้องการใช้ในการวิจัยได้แก่เงินทุนความสามารถเวลาและกำลังคน
      - 2 ช่วยลดความไม่ถูกต้องในการวิจัยให้หน่อยลง
      - 9 เพิ่มความน่าเชื่อ ถือได้ ของผลลัพธ์การวิจัย
      - 1 ทำให้เกิดการศึกษาที่เป็นไปตามความต้องการและได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์
      - 10 เป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับความพยายามในการทำวิจัย
      - 11 สามารถคาดการณ์ข้อบกพร่องหรือความไม่เพียงพอที่จะเกิดขึ้น
      - 12 เป็นผลรวมที่ได้จากการเรียนรู้จากการวิพากษ์และประเมินผลของผู้รู้
- - - - ประเภทของแบบการวิจัยเชิงชาติพันธุ์วรรณา
      - 1 แบบการวิจัย Realist Ethnographies
      - 1.1 นักวิจัยเล่าถึงสิ่งที่ศึกษาจากปากคำของบุคคลที่ 3 และรายงานผลจากการสังเกต
      - 1.2 ผู้วิจัยรายงานผลข้อมูลที่ต้องการในรูปแบบที่ไม่ถูกปนเปื้อนโดยอคติของตน
      - 1.3 ผู้วิจัยแสดงให้เห็นถึงมุมมองด้านความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมการวิจัย โดยใช้เครื่องมืออ้างอิงคำพูด
      - 2 แบบการวิจัยแบบ Case Studies
      - 3 การวิจัยแบบ Critical Ethnographies องค์ประกอบสำคัญ คือ ปัจจัยเกี่ยวกับระบบคุณค่า การเพิ่มขีดความสามารถของประชาชนโดยการให้อำนาจหน้าที่มากขึ้น ความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงสถานที่เป็นอยู่และความตระหนักเกี่ยวกับอำนาจและการบังคับควบคุม
    - - ขั้นตอนในการดำเนินการวิจัยเชิงชาติพันธุ์วรรณา
      - ขั้นที่ 1 เลือกแบบการวิจัย เชิงชาติพันธุ์วรรณาให้สอดคล้องเหมาะสมกับคำถามของการวิจัย
      - ขั้นที่ 2 ปรึกษาผู้ที่มีอำนาจในการอนุมัติโครงการโดยพิจารณาถึงกลุ่ม และสถานที่วิจัย การคัดเลือกตัวอย่างการเก็บรวบรวมข้อมูลตลอดจนจริยธรรม
      - ขั้นที่ 3 ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เหมาะสม
      - ขั้นที่ 4 วิเคราะห์และตีความข้อมูล
      - ขั้นที่ 5 เขียนรายงานการวิจัยให้สอดคล้องกับแบบการวิจัยที่เลือกใช้
  - - - ขั้นตอนในการทำวิจัยแบบวิจัยจากข้อมูลเล่าเรื่อง
      - ขั้นตอนที่ 1 ระบุปรากฏการณ์ เพื่อที่จะสำรวจว่าตรงปัญหาการศึกษาหรือไม่
      - ขั้นตอนที่ 2 เลือกอย่างเจาะจงบุคคลที่ผู้วิจัยสามารถเรียนรู้จากปรากฏการณ์นั้นได้
      - ขั้นตอนที่ 3 รวบรวมเรื่องราวจากบุคคลนั้น
      - ขั้นตอนที่ 4 ทบทวนหรือเล่าเรื่องราวของแต่ละบุคคลอีกครั้ง
      - ขั้นตอนที่ 5 ร่วมมือกับผู้เล่าเรื่องผู้ให้ข้อมูล
      - ขั้นตอนที่ 6 เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ที่ให้ข้อมูล
      - ขั้นตอนที่ 7 ตรวจสอบความถูกต้องของรายงาน
  - - - ประเภทของแบบการวิจัยการสร้างทฤษฎีจากข้อมูล
        
        1 The Systematic Design ขั้นตอนที่ 1 การกำหนดรหัสเพื่อจำแนกข้อมูลขั้นตอนที่ 2 การเชื่อมโยงข้อมูลที่ให้รหัสแล้ว 3 การบูรณาการข้อมูลที่จัดกลุ่มแล้วให้มีความหมายเป็นเรื่องราว
      - 2 แบบการวิจัยแบบ The emerging Design
      - 3 แบบการวิจัยแบบ The Constructivist Design
      - แนวทางการเลือกแบบวิจัยการสร้างทฤษฎีจากข้อมูล
    - - ขั้นตอนในการทำการวิจัยแบบสร้างทฤษฎีจากข้อมูล
      - 1 พิจารณาและตัดสินใจเลือกแบบการวิจัยที่เหมาะสมที่สุดในการค้นหาคำตอบของคำถามการวิจัย
      - 2 ระบุกระบวนการที่ต้องการศึกษาให้ชัดเจน
      - 3 ใช้ทฤษฎีในการสุ่มตัวอย่าง
      - 4 กำหนดรหัสข้อมูล
      - 5 ใช้ selective coding และพัฒนาทฤษฎี
      - 6 ตรวจสอบความถูกต้องของทฤษฎี
      - 7 เขียนรายงานการวิจัย
- - - - สัญลักษณ์ที่ใช้ระบบการวิจัยแบบผสมผสาน
        
        Creswell (2012) ได้ปรับการอธิบายการกำหนดสัญลักษณ์ในการออกแบบการวิจัยเชิงผสมผสานของ Morse (1991) เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้
        
        Study#1 QUAL + QUAN
        
        Study#2 QUAN qual
  - - - ความสำคัญของการวิจัยวิจัยเชิงปฏิบัติการคือ
        
        1 กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชน
        
        2 เสริมสร้างความสามารถของบุคคลโดยการเช่าช่วงโครงการ
        
        3 เป็นกระบวนการในการทดสอบแนวคิดใหม่
        
        4 เป็นวิธีการที่ทำให้ผู้วิจัยได้ศึกษาโดยมีฐานะเสมือนกับเป็นผู้ที่ถูกศึกษาที่ต้องการลดช่องว่างระหว่างการปฏิบัติจริงกับความคิดของนักวิจัย
        
        5 เติมเต็มบทบาทของนักวิจัยทางส่งเสริมการเกษตรและทีมงานผู้เกี่ยวข้องในการค้นคว้าและศึกษาประเด็นปัญหาในท้องถิ่นทั้งยังเป็นแบบการวิจัยที่ส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ปัญหาการปฏิบัติงาน ส่งเสริมการเกษตรระหว่างนักวิจัยกับเกษตรกรในชุมชนที่เข้าร่วมโครงการวิจัย
    - - ประเภทของแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ
      - 1 Practical Action Research
      - 2 Participatory action Research
    - - ลักษณะของการวิจัยเชิงปฏิบัติการ
      - 1 มุ่งเน้นไปในด้านการปฏิบัติ
      - 2 การปฏิบัติงานของตัวนักวิจัยส่งเสริม
      - 3 ความร่วมมือ
      - 4 เป็นกระบวนการพลวัต
      - 5 เป็นแผนการปฏิบัติงาน
      - 6 เป็นการวิจัยร่วมกัน
    - - ขั้นตอนในการทำการวิจัยเชิงปฏิบัติการ
      - 1 พิจารณาว่าการวิจัยเชิงปฏิบัติการเป็นแบบวิจัยที่ดีที่สุดที่จะใช้หรือไม่
      - 2 ระบุปัญหาที่จะทำการศึกษา
      - 3 ค้นหาแหล่งข้อมูลเพื่อศึกษาปัญหานั้น
      - 4 ระบุข้อมูลที่ผู้วิจัยต้องการ
      - 5 ทำการเก็บรวบรวมข้อมูล
      - 6 วิเคราะห์ข้อมูล
      - 7 พัฒนาแผนปฏิบัติการ
      - 8 นำแผนปฏิบัติการไปปฏิบัติและสะท้อนให้เห็นภาพ