สาหร่ายสีแดง (red algae)
ลักษณะของทัลลัส
ทัลลัสของสาหร่ายสีแดงส่วนใหญ่จะเป็นเส้นสายที่แตกแขนงจ้านวนมาก มองดูคล้ายต้นไม้เล็ก ๆ
1.2 รงควัตถุรงควัตถุในสาหร่ายสีแดงประกอบด้วย
แคโรทีนอยด์ประกอบด้วย
ไฟโคบิลิน ประกอบด้วย
คลอโรฟิลล์ซึ่งจะเป็นคลอโรฟิลล์เอและดี
- แอลฟาและเบตา-แคโรทีน
- แซนโธฟิลล์มีหลายชนิด เช่น ลูเทอีน (lutein) ซีแซนธิน (zeaxanthin) ไวโอลาแซนธิน
- อาร์-ไฟโคไซยานิน
- อัลโลไฟโคไซยานิน
- อาร์-ไฟโคเออริธริน
- ซี-ไฟโคเออริธริน
- บี-ไฟโคเออริธริน
ส่วนประกอบของเซลล์
ผนังเซลล์ผนังเซลล์ของสาหร่ายสีแดงประกอบด้วยผนัง 2 ชั้น
คลอโรพลาสต์ในสาหร่ายสีแดงมีคลอโรพลาสต์ 2 แบบคือ คลอโรพลาสต์รูปดาว และ
รูปกลมแบน
ไซโตพลาสซึม ภายในไซโตพลาสซึมของสาหร่ายสีแดงจะมีส่วนประกอบคล้ายเซลล์ทั่วไป
อาหารสะสม จากกระบวนการสังเคราะห์แสงจะได้น ้าตาลและเปลี่ยนเป็นแป้งพวกฟลอริดีน
พิทคอนเนคชัน
การเกิดหินปูน
สาหร่ายสีแดงเป็นอีกดิวิชันหนึ่งที่สร้างและสะสมหินปูน นอกจากสาหร่ายสีเขียวและสาหร่ายไฟบางกลุ่ม ออร์เดอร์ที่มีการสร้างและสะสมหินปูนคือ Order Corallinales และบางออร์เดอร์ของ OrderNemaliales ซึ่งได้แก่ Liagora และ Galaxaura การสะสมหินปูนจะเกิดที่ผนังเซลล์ หินปูนที่สะสมอยู่จะมี 2แบบคือ แบบแคลไซด์ (calcite) ซึ่งจะมีรูปทรงของผลึก แบบรอมโบฮีดรัล (rhombohedral) โดยผลึกมีลักษณะเป็นก้อน จะพบใน Order Corallinales อีกแบบหนึ่งคือ แบบอะราโกไนต์ (aragonite) ซึ่งจะมีรูปทรงผลึก แบบออร์โธรอมบิค (orthorhombic) พบใน Order Nemaliales
เป็นรอยต่อระหว่างเซลล์ในสาหร่ายสีแดงซึ่งควรที่จะติดต่อถึงกันได้ แต่ปรากฏว่ามีสารบางอย่างมาอุดซึ่งเรียกว่า พลัก (plug) จึงท้าให้เซลล์แต่ละเซลล์ติดต่อกันไม่ได้ พบในสาหร่ายสีแดงทุกชนิด ยกเว้นใน OrderPorphyridiales และช่วงที่เป็นแฮพลอยด์ของ Order Bangiales
การอยู่ร่วมกับสาหร่ายชนิดอื่น
สาหร่ายสีแดงบางชนิดอาจแค่เจริญอยู่บนผิวของสาหร่ายชนิดอื่นเท่านั้น ในลักษณะอีพิไฟต์ เช่นLeveillea jungermannioides ที่เจริญอยู่บนทัลลัสของสาหร่ายสีน ้าตาล Sargassum แต่บางชนิดจะคล้ายพาราไซต์ เช่น Polysiphonia Ianosa ที่เจริญอยู่บนสาหร่ายสีน ้าตาล Ascophyllum จะชอนโฮลด์ฟาสต์เข้าในเนื อเยื่อของ Ascophyllum โดยใช้เอนไซม์ที่อยู่บริเวณปลายโฮลด์ฟาสต์ย่อยสลายเนื อเยื่อของโฮสต์จนสามารถถ่ายทอดอาหารจากเซลล์ของโฮสต์เข้าสู่เซลล์ของตัวเองได้
การสืบพันธุ์
แบบไม่อาศัยเพศ
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
ไบสปอร์เกิดบนทัลลัสที่เป็นดิพลอยด์สปอโรไฟต์
เตตราสปอร์ เกิดบนทัลลัสที่เป็นดิพลอยด์สปอโรไฟต์
โมโนสปอร์เกิดจากเซลล์ปกติ 1 เซลล์ เปลี่ยนเป็นโมโนสปอแรงเจียม
โพลีสปอร์เกิดในต้นดิพลอยด์สปอโรไฟต์ จะเกิดโพลีสปอแรงเจียม
เซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เรียกว่าคาร์โปโกนียม
การสร้างโกนิโมบลาสต์ (gonimoblast) และคาร์โปสปอร์(carpospore)
เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เรียกว่าสเปอร์มาเทียม