Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การป้องกันความเสี่ยต่อการใช้ยา - Coggle Diagram
การป้องกันความเสี่ยต่อการใช้ยา
:red_flag:
คุยกับแพทย์ หรือเภสัชกร โดยบอกรายลยดเกี่ยวกับผู้ป่วยในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาการป่วยให้มากที่สุด ในประเด็นต่อไปนี้
๑. ประวัติการแพ้ยาของผู้ป่วย
๒. ข้อจำกัดของผู้ป่วยบางประการต่อการใช้ยา เช่น ปัญหาการกลืนยา หรือผู้ป่วยต้องอันตราย ไม่สามารถกินยาที่ทำให้ง่วงได้
๓.ภาวะของร่างกายในขณะนั้น เช่น อยู่ระหร่าวการตั้ครรภ์ หรือให้นมเด็ก
๔.สอบถามข้อสงสัยอย่างะเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาอย่างผิดๆ
:red_flag:
ทำความรู้
จักยาที่ใช้ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่าย หรือซื้อเองจากร้านขายยา เช่น
๑.ชื่อสามัญทางยา เพื่อลีกเลี่ยงการใช้ยาซ้ำซ้อน
๒.ชื่อทางงการค้าของยา
๓.ลักษณะทางกายภาพของยา เช่น สี กลิ่น รูปร่าง
๔.ข้อกำหนดการใช้ยา เช่น กินอย่างไร เวลาไหน จำนวนเท่าไร เเละควรกิินนานเเค่ไหน
๕.ข้อำกัดขอยาภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ที่กำหนดให้หยุดใช้ยาทันที
๖.ผลข้างเคียงของยาหรือปฎิกิริยาขของยาี่ควรระมังระวัง
:red_flag:
อ่านฉลากยาปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยปฏิบัติดังนี้
๑. ทำความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับยาจากฉลากยาให้ชัดเจน ควรอ่าน ฉลากยาอย่างน้อย ๒ ครั้งก่อนใช้ เพื่อความมั่นใจว่ากินยาถูกต้อง หากไม่เข้าใจประการใด ควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญให้เข้าใจชัดเจนเสมอ
๒. เก็บยาในที่เหมาะสมตามที่ระบุในฉลากยา เช่น เก็บในที่เย็น หรือให้พ้นจากแสงแดด เป็นต้น
๓. ไม่ควรเก็บยาต่างชนิดกันในภาชนะเดียวกัน และไม่ควรเก็บยาสำหรับใช้ภายนอก และยาสำหรับใช้ภายในไว้ใกล้กัน
:red_flag:
หลีกเลี่ยงการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาเพราะจะทำให้เกิด
อันตรายได้ โดยปฏิบัติดังนี้
๑. ระลึกถึงและหลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัดต่อการกินยา อาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยากับยาที่กิน ซึ่งทำให้เกิดผลเบี่ยงเบนจากการออกฤทธิ์ และเพิ่มอันตรายจากยาได้
๒. ทุกครั้งที่ผู้ป่วยจะต้องรับยาใหม่เพิ่มเติม ควรนำยาเต็มที่กินอยู่ไปแสดงให้แพทย์ หรือเภสัชกรได้ตรวจสอบด้วยว่ามียาใดที่ซ้ำซ้อน หรือทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างกันได้ เพื่อแพทย์หรือ เภสัชกรจะได้จัดยาใหม่ให้ร่วมกันได้เหมาะสม
:red_flag:
สังเกตตนเองต่อผลของยาและอาการข้างเคี
ยงจากการใช้ยา ด้วยการปฏิบัติดังนี้
๒. ให้ความสำคัญกับอาการต่าง ๆ ของร่างกายตนเองหรือผู้ป่วย หากพบสิ่งผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ความผิดปกติขยายตัว หรือรุนแรงมากขึ้น
๑.สังเกตตนเองหรือผู้ป่วยว่าผลของการใช้ยาเป็นไปตามแผนการใช้ยาหรือไม่ หากไม่เป็นเช่นนั้น ควรไปพบแพทย์หรือเภสัชกรอีกครั้ง เพื่อประเมินและปรับการรักษา