Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 67 ปี, นางสาวจีราวรรณ ทองเจียม เลขที่ 5 …
ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 67 ปี
Ischemic stroke
ภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน หรือภาวะสมองขาดเลือด
Chief complain
แขน ขาอ่อนแรง ทรงตัวไม่ได้ พูดสับสน 1 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล
Present illness
14 ปี ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง(Hypertension,HT)
13 ปี ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว คือ ไขมันในเลือดสูง(Dyslipidemia,DLP)
1 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล รับrefer กลับจากโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ได้ทำCT+Dx.AC ischemic stroke ถามไม่ตอบ แขน ขาอ่อนแรง ทรงตัวไม่ได้ ปากเบี้ยว พูดลิ้นคับปาก สับสน
Underlying
โรคความดันโลหิตสูง(Hypertension,HT)
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 3
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนเส้นเลือดในสมองแตก เนื่องจากมีความดันโลหิตสูง
ข้อมูลสนับสนุน
O : ผู้ป่วยมีภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน
O : ได้รับยา Clopidogrel
วัตถุประสงค์
ปลอดภัยจากภาวะเส้นเลือดในสมองแตก
เกณฑ์การประเมินผล
1.ผู้ป่วยไม่มีภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน
2.ฺBPปกติ ไม่เกิน 140/85 mmHg
กิจกรรมการพยาบาล
1.ติดตามประเมินความดันทุก 4 ชั่วโมงเพื่อประเมินสภาพร่างกายของผู้ป่วย
2.ประเมินอาการที่แสดงถึงการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากกากความดันโลหิต เช่นหายใจเร็ว ปวดศีรษะ กระสับกระส่าย พูดไม่ชัด เพื่อประเมินความผิดปกติของผู้ป่วย
3.ดูแลให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ เช่น ยาRnalapril เพื่อรักษาอาการของผู้ป่วย
ดูแลให้การพักผ่อน ลดการทำกิจกรรมเพื่อคลายความเครียด และให้ความสุขสบาย
แนะนำอาหารที่ช่วยลดไขมันในเลือดโดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงและลดอาหารเค็ม เพื่อป้องกันความดันโลหิตสูงขึ้น
แนะนำผู้ป่วยให้ระมัดระวังการเปลี่ยนท่า เพราะอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและเกิดอุบัติเหตุได้ เพื่อให้ผู้ป่วยตระหนักในการดูแลตนเอง
การประเมินผล
ไม่เกิดอันตรายจากภาวะความดันโลหิตสูง มีความดันโลหิตระหว่าง 150/90-130/80 mmHg และให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมันและเค็ม
โรคไขมันในเลือดสูง(Dyslipidemia,DLP)
โรคเบาหวาน(Diabetes Mellitus)
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ผิดปกติ
MCV 79.7 fL ต่ำ เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะสมองขาดเลือด ทำให้ร่างกายไม่สามารถลำเลียงเลือดไปเลี้ยงสมองได้
MCH 26.9 pg ต่ำ เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะสมองขาดเลือด ทำให้ร่างกายไม่สามารถลำเลียงเลือดไปเลี้ยงสมองได้
FBS 169 md/dL สูง เนื่องจากผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
พยาธิสภาพของผู้รับบริการ
ผู้ป่วยมาด้วยภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน(Ischemic stroke) แรกรับผู้ป่วยถามไม่ตอบ ปากเบี้ยวด้านขวา พูดลิ้นคับปาก แขนขาอ่อนแรง และผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และโรคความดันโลหิตสูง จากการที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมกินตามใจปากกินอาหารทอดและมัน ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคประจำตัวและผู้ป่วยมีความเครียด วิตกกังวลเกี่ยวกับผู้ชายที่สติไม่ดี พฤติกรรมเหล่านี้จึงส่งผลให้ผู้ป่วยมีการอุดตันของหลอดเลือดที่ไขมันไปเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้มีการตีบแคบและอุดตันจนทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองเพียงพอและความดันโลหิตร่วมด้วย ซึ่งเกิดจากความเครียด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 1
เสี่ยงภาวะเลือดออกง่าย เนื่องจากได้รับยาละลายลิ่มเลือด Clopidogrel
ข้อมูลสนับสนุน
O : ผู้ป่วยได้รับยา Clopidogrel
วัตถุประสงค์
ไม่เป็นอันตรายภาวะเลือดออกง่าย หยุดง่าย
เกณฑ์การประเมินผล
ไม่มีรอยจ้ำเลือดตามร่างกาย ไม่มีเลือดออกที่ใด
BP ไม่ต่ำกว่า 90/60 mmHg , Pulse = 60-100 /min
กิจกรรมการพยาบาล
1.สังเกตลักษณะจำนวน และตำแหน่งของเลือดออกภายนอกร่างกาย เช่นจุดเลือดออกตามร่างกาย เพื่อติดตามอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
2.สังเกตอาการและอาการแสดงของการที่มีเลือดออกภายในร่างกาย เช่น ปัสสาวะมีเลือดปน เพ่อติดตามอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
3.ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและภาวะสุขภาพของผู้ป่วย
4.ป้องกันอุบัติเหตุหรือการกระทบกระแทกที่อาจทำให้เสียเลือดได้ เช่น การตกเตียง เพื่อป้องกันการกระทบกระแทก
5.ดูแลเรื่องกิจวัตรประจำวัน เช่น การอาบน้ำต้องระวังการลื่นล้มในห้องน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยพลัดตกหกล้ม
6.ระวังการฉีดยา ต้องใช้เข็มเล็กๆ เพื่อป้องกันการเกิดจ้ำเลือด เลือดออกง่าย
การประเมินผล
-ไม่มีเลือดออกภายนอกร่างกายและไม่มีอาการแสดงถึงการมีเลือดออกภายในร่างกาย ไม่มีจ้ำเลือดตามร่างกาย
-BP = 140/90 mmHg
-Pluse = 70/min
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 2
เสี่ยงต่อการสำลัก เนื่องจากกลืนลำบาก
ข้อมูลสนับสนุน
O : ผู้ป่วยมีอาการปากเบี้ยว
O : ผู้ป่วยสำลักอาหารบ่อย
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่มีการสำลักขณะรับประทานอาหาร ได้รับน้ำและสารอาหารเพียงพอ
เกณฑ์การประเมินผล
1.รับประทานอาหารได้เพียงพอ
2.ไม่สำลักในขณะรับประทานอาหาร
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินสภาพในการคืนของผู้ป่วย เพื่อประเมินอาการการเปลี่ยนแปลงการกลืนของผู้ป่วย
2.บริหารกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืนคือกล้ามเนื้อปากและกล้ามเนื้อลิ้น เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมากลืนได้ปกติ วิธีการบริหาร
1)อ้าปากกว้างออกเสียง”อ”เม้มริมฝีปากแน่นๆแล้วคลายออกและทำปากจู๋สลับกับฉีกยิ้มหรือออกเสียง”อู”สลับเสียง”อี”กักลมในปากให้แก้มป๋องแล้วเป่าลมออกช้าๆ
2)ให้ผู้ป่วยใช้ลิ้นแตะมุมปากทั้งสองข้างสลับกัน และใช้ลิ้นแตะกระพุ้งแก้มทั้งสองข้างสลับกัน
3) ให้การดูแลเกี่ยวกับการรับประทานอาหารควรเป็นอาหารอ่อนหรืออาหารเหลวข้น เพื่อให้ผู้ป่วยกลืนได้ง่าย ไม่สำลัก
4) แนะนำให้อาหารครั้งละน้อยๆและเพิ่มจำนวนมื้ออาหารเป็นวันละ 5-6 มื้อ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
5)จัดให้ท่าผู้ป่วยนอนศีรษะสูงขณะรับประทานอาหาร เพื่อป้องกันการสำลักขณะรับประทานอาหาร
การประเมินผล
ผู้ป่วยสามารถฝึกการบริหารกล้ามเนื้อปากและกล้ามเนื้อลิ้นได้วันละ 2 ครั้งและญาติสามารถบริหารกล้ามเนื้อให้ผู้ป่วยได้ถูกต้อง และไม่สำลัก
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 4
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากผู้ป่วยแขน ขาอ่อนแรง และทรงตัวไม่ได้
ข้อมูลสนับสนุน
O : ผู้ป่วยแขน ขาอ่อนแรง และทรงตัวไม่ได้
O : motor power E4V2M6
วัตถุประสงค์
ปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุ
เกณฑ์การประเมินผล
1.ไม่เกิดอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ตกเตียง
2.ไม่มีบาดแผลเกิดขึ้นตามร่างกาย
กิจกรรมการพยาบาล
1) ดึงไม้กั้นเตียงขึ้นทั้ง 2 ข้างทุกครั้งเมื่อผู้ป่วยอยู่ตามลำพัง เพื่อป้องกันผู้ป่วยพลัดตกเตียง
2)สาธิตหรือให้นักกายภาพมาสอนในการกระตุ้นการทำกายภาพ เพื่อกระตุ้นให้การขยับกล้ามเนื้อแขนขา
3)กระตุ้นให้ญาติมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย เพื่อให้ญาติมีทักษะในการช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างปลอดภัย
4)แนะนำผู้ป่วยให้ระมัดระวังในเคลื่อนไหว เช่น การลงจากเตียง การเดินเพื่อป้องกันการพัดตกหกล้ม
การประเมินผล
ผู้ป่วยปลอดภัยไม่เกิดการตกเตียง ไม่มีบาดแผลเกิดขึ้นตามร่างกาย
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 5
ความสามารถในการสื่อสารลดลง เนื่องจากผู้ป่วยพูดไม่ชัด ปากเบี้ยว ลิ้นคับปาก
ข้อมูลสนับสนุน
O : ผู้ป่วยพูดไม่ชัด ปากเบี้ยว ลิ้นคับปาก
O : motor power E4V2M6
วัตถุประสงค์
ส่งเสริมให้มีการสื่อสารที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
เกณฑ์การประเมินผล
1.ผู้ป่วยสามารถเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นต้องการบอกผู้ป่วย
2.พยาบาลและคนอื่นๆ เข้าใจในสิ่งท่ผู้ป่วยต้องการสื่อสาร
3.ไม่แสดงทีท่า หรืออารมณ์ในระหว่างคุย
กิจกรรมการพยาบาล
1.การสื่อสารพูดคุยกับผู้ป่วย ควรจัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ เพื่อให้ผู้ป่วยได้ยินเสียงพูดชัด
2.ขณะพูดคุยกับผู้ป่วยให้พูดตรงหน้าหรือยืนให้ผู้ป่วยมองเห็นได้ชัดและอยู่ใกล้ เพื่อให้ผู้ป่วยจะได้มองเห็นปากของผู้พูดซึ่งจะช่วยให้เข้าใจได้ดีขึ้น
ไม่ควรรีบร้อนในการพูด ควรพูดกับผู้ป่วยอย่างช้าๆชัดเจน และอาจต้องพูดซ้ำ เพื่อให้ผู้ป่วยจับใจความที่พูดและเข้าใจ
4.ถ้าผู้ป่วยไม่เข้าใจในเรื่องที่พูดคุยอย่าแสดงท่าทีรำคาญ เพราะจะทำให้ผู้ป่วยวิตกกังวลได้
5.พูดประโยคสั้นๆ ไม่ควรพูดประโยคยาวๆ หรือคำศัพท์ยากๆในการสนทนากับผู้ป่วยเพื่อให้กระชับ เข้าใจง่าย
การประเมินผล
ผู้ป่วยสามารถเข้าใจสิ่งที่พยาบาลหรือญาติต้องการสื่อสารได้และปฏิบัติตามได้อย่างดี และการสนทนาทำให้พยาบาลและญาติสามารถเข้าใจในสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการ
ยาที่ผู้ป่วยได้รับ
Aspirin 80 mg. 1 tab PO OD pc
เหตุผลในการใช้ยา : เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะหลอดเลือดสมองอุดตัน
Clopidogrel 75 mg. 1 tab PO OD pc
เหตุผลในการใช้ยา : เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะหลอดเลือดสมองอุดตัน
Atorvastatin 40 mg. 1 tab PO OD hs
เหตุผลในการใช้ยา : เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะคอเลสเตอรอลสูง
Omeprazole 20 id mg. 1 tab PO bid ac เหตุผลในการใช้ยา : ช่วยป้องกันการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร เพราะคนไข้ได้รับยาละลายลิ่มเลือด
นางสาวจีราวรรณ ทองเจียม เลขที่ 5
รหัสนักศึกษา 6317701001006