Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินภาวะสุขภาพและการพยาบาลแม่หลังคลอดเตียง 19 นศพต.ภัทระ…
การประเมินภาวะสุขภาพและการพยาบาลแม่หลังคลอดเตียง 19
นศพต.ภัทระ ตันติเวชกุล เลขที่51
การประเมินมารดาหลังคลอด
ตามหลัก 13B
1.Background
ข้อมูลส่วนบุคคล -มารดาหลังคลอด ชาวไทย อายุ 36 ปี 6 เดือน ประกอบอาชีพรับจ้างอิสระ อาศัยอยู่กับสามี
-น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 54 กิโลกรัม ส่วนสูง 151 เซนติเมตร BMI 23.36 kg/m^2 (ปกติ)
-น้ำหนักปัจจุบัน 62 กิโลกรัม ส่วนสูง 151 เซนติเมตร BMI kg/m^2 (ค่อนข้างอ้วน)
-ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว : ปฏิเสธประวัติเจ็บป่วยในครอบครัว
-ประวัติการแพ้ยาและอาหาร : ปฏิเสธการแพ้ยาและอาหาร
-ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอด
ANC ที่โรงพยาบาลตำรวจ 10 ครั้ง
G3P2-0-0-2 GA 37+6 wks by date
LMP : 08 เดือนมิถุนายน 2564
EDC : 15 เดือนมีนาคม 2565
ครรภ์นี้ครรภ์ที่สาม Full term, Normal labor, เพศหญิง 2,300 กรัม เวลา 03.03 cord พันคอ 1 รอบ
คลอดรกเวลา 03.16น. น้ำหนักรก 500 g.
อาการสําคัญ เจ็บครรภ์คลอด 2 ชั่วโมง ก่อนมาโรงพยาบาล
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน 2ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล เจ็บครรภ์ท้องแข็งทุกๆ15-20นาที นาน4-5นาที มีลิ่มเลือดผสมปัสสาวะเล็กน้อย ไม่มีน้ำเดิน ไม่มีไข้ ลูกดิ้นมากกว่า10ครั้ง/วัน ไม่ปวดศีรษะ ไม่คลื่นไส้อาเจียน ไม่มีตาพร่ามัว ไม่จุกแน่นลิ้นปี่ จึงมาโรงพยาบาล
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลตำรวจ10ครั้ง ประวัติการคลอด ครรภ์แรก (2546) Full term , Normal labor เพศชาย น้ำหนัก 2,500 กรัม โรงพยาบาลศรีรัตนะ
ครรภ์สอง (2562) Full term Normal labor เพศชาย น้ำหนัก 3,300 กรัม โรงพยาบาลตำรวจ
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC
Hb =12.9 g/dL (ค่าปกติ > 11g/dL)
Hct = 39.1% (ค่าปกติ > 33%)
RBC = 4.31 10^6/uL (ค่าปกติ 3.96-5.96)
MCV = 90.8 fL(ค่าปกติ 80-100 fL)
MCH = 30.0 pg (ค่าปกติ 25.9-32.4 pg)
RDW = 13.0% (ค่าปกติ 11.9-16.5%)
WBC = 18.37 10^3/uL สูงกว่าปกติ (ค่าปกติ 4.24-10.18)
Neutrophil = 83.7% สูงกว่าปกติ (ค่าปกติ 48.2-71.2%)
Lymphocyte = 13.2% ต่ำกว่าปกติ (ค่าปกติ 21.1-42.7%)
Eosinophil 0.1% ต่ำกว่าปกติ (0.4-7.2%)
Platelet count = 303 10^3/uL (ค่าปกติ 152-387)
UA
Color = LT yellow
Transp = Clear
Blood = 3+
ketone = Negative
Glucose = Negative
Albumin = Negative
pH = 7.0 (4.5-8.5)
Specific gravity = 1.001 ต่ำกว่าปกติ(1.003-1.030)
Leucocyte = Negative
Nitrite = Negative
Ascorbic acid = Negative
RBC = 0-1 /HPF (0-5/HPF)
WBC = Not found (0-5/HPF)
Epithelial cell = 0-1 /HPF
2.Body condition
Day0
ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ถามตอบพูดคุยรู้เรื่อง ไม่มีอาการสับสน หายใจ room air ตาไม่ซีด conjunctiva สีชมพูแดง มีอาการคัดตึงเต้านม น้ำนมซึม grade 1+ มดลูกหดรัดตัวดี ขนาดยอดมดลูกถึงบริเวณหัวเหน่า 5 นิ้ว แผลฝีเย็บไม่บวมแดง มีปวดแผลฝีเย็บ 2 คะแนน น้ำคาวปลาสีแดงสด เปลี่ยนผ้าอนามัยไป 3 ครั้ง pad1 ชุ่ม100cc pad2 ประมาณ30cc pad3 ประมาณ20cc ขาไม่กดบุ๋ม สามารถเดินเข้าห้องน้ำได้ เดินไปปัสสาวะ 5 รอบ ยังไม่ขับถ่าย
Day1
ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ถามตอบพูดคุยรู้เรื่อง ไม่มีอาการสับสน หายใจ room air ตาไม่ซีด conjunctiva สีชมพูแดง มีอาการคัดตึงเต้านม น้ำนม1-2หยด grade 2+ มดลูกหดรัดตัวดี ขนาดยอดมดลูกถึงบริเวณหัวเหน่า 3.5 นิ้ว แผลฝีเย็บไม่บวมแดง มีปวดแผลฝีเย็บ 2 คะแนน น้ำคาวปลาสีแดงสด เปลี่ยนผ้าอนามัยไป 2 ครั้ง pad1 ประมาณ10cc pad2 ประมาณ20cc ขาไม่กดบุ๋ม สามารถเดินเข้าห้องน้ำได้ เดินไปปัสสาวะ 4 รอบ ยังไม่ขับถ่าย
3.Body temperature and
Blood pressure
Day0 (28/02/65)
T = 36.6 องศาเซลเซียส
Pulse = 92 ครั้ง/นาที
RR = 18 ครั้ง/นาที
BP = 111/71 mmHg
PS = 2 คะแนน
Oxygen saturation 98%
Day1 (01/03/65)
T = 36.2 องศาเซลเซียส
Pulse = 90 ครั้ง/นาที
RR = 18 ครั้ง/นาที
BP = 123/65 mmHg
PS = 1 คะแนน
Oxygen saturation 99%
4.Breast and lactation
Day0 (28/02/65)
คลำไม่พบก้อน ลานนมนิ่ม มีอาการคัดตึงเต้านม น้ำนมซึม ระดับ1+
Day1 (01/03/65) คลำไม่พบก้อน ลานนมไม่แข็ง มีอาการคัดตึงเต้านม น้ำไหล1-2หยด ระดับ2+
5.Belly and uterus
Day0 (28/02/65)
มดลูกหดรัดตัวดี ไม่มีอาการปวดเมื่อคลึงมดลูกคลำระดับยอดมดลูกอยู่เหนือสะดือเล็กน้อยวัดระดับยอดมดลูกจากขอบบนของรอยต่อกระดูก symphysis pubis ถึงยอดมดลูกได้ความสูงของยอดมดลูกเท่ากับ 5 นิ้ว
Day1 (01/03/65)
มดลูกหดรัดตัวดี ไม่มีอาการปวดเมื่อคลึงมดลูกคลำระดับยอดมดลูกอยู่ต่ำกว่าสะดือเล็กน้อยวัดระดับยอดมดลูกจากขอบบนของรอยต่อกระดูก symphysis pubis ถึงยอดมดลูกได้ความสูงของยอดมดลูกเท่ากับ 3.5 นิ้ว
6.Bladder
Day0 (28/02/65)
มารดาสามารถเดินปัสสาวะได้เอง ไม่มีbladder full
Day1 (01/03/65)
มารดาสามารถเดินปัสสาวะได้เอง ไม่มีbladder full
7.Bleed and lochia
Day0 (28/02/65)
น้ำคาวปลาเป็นแบบ Rubra สีแดงสด ปริมาณชั่วโมงละ30 ml
Day1 (01/03/65)
น้ำคาวปลาเป็นแบบ Rubra สีแดงสด ปริมาณชั่วโมงละ5 ml
8.Bottom
Day 0 (28/02/65)
ประเมินแผล เย็บตามหลัก REEDAไม่ตัดแผลฝีเย็บ
•Redness : แผลฝีเย็บไม่แดง
• Edema : ไม่บวม
• Echymosis : แผลไม่เขียวไม่มีช้ำเลือด
• Discharge: ไม่มีสิ่งคัดหลั่ง (discharge) ไม่มี bleed ซึม
• Approximation : ขอบแผลชิดสนิทดี
Day 1 (01/03/65)
ประเมินแผล เย็บตามหลัก REEDA ไม่ตัดแผลฝีเย็บ
•Redness : แผลฝีเย็บไม่แดง
• Edema : ไม่บวม
• Echymosis : แผลไม่เขียวไม่มีช้ำเลือด
• Discharge: ไม่มีสิ่งคัดหลั่ง (discharge) ไม่มี bleed ซึม
• Approximation : ขอบแผลชิดสนิทดี
9.Bowel movement
Day0 (28/02/65)
ยังไม่ขับถ่าย
Day1 (01/03/65)
ยังไม่ขับถ่าย
10.Blues
Day1 (01/03/65) มารดาปรับตัวเข้ากับทารกได้ดีขึ้น
Day0 (28/02/65) มารดาปรับตัวเข้าาทารกได้ดี สนใจทารก พยายามให้ทารกดูดนมเสมอ
11.Bonding and attachment
Day0 (28/02/65) เวลามารดาให้นมบุตรจะมองตาและพยายามพูดคุยกับบุตรอยู่เสมอ และติดต่อโทรศัพท์กับสามียู่บ่อยครั้ง
Day1 (01/03/65) เวลามารดาให้นมบุตรจะมองตาและพยายามพูดคุยกับบุตรอยู่เสมอ
12.Baby
Day1 (01/03/65) ทารกเพศหญิง คลอดวันที่28/02/65 เวลา 03.03น. น้ำหนัก 2,300กรัม ความยาว 45 ซม. Apgar score 9,10,10 problem at birth : cordพันคอ 1 รอบ ประเมิน LATCH
L : 2คะแนน อมถึงลานนม
A : 2 คะแนน ได้ยินเสียงดูดชัดและเป็นจังหวะ
T : 2 คะแนน หัวนมปกติ
C : 2 คะแนน มารดาไม่เจ็บเต้านม
H : 2 คะแนน มารดาสามารถอุ้มได้ไม่ต้องการความช่วยเหลือ
Day0 (28/02/65) ทารกเพศหญิง คลอดวันที่28/02/65 เวลา 03.03น. น้ำหนัก 2,300กรัม ความยาว 45 ซม. Apgar score 9,10,10 problem at birth : cordพันคอ 1 รอบ ประเมิน LATCH
L : 1คะแนน อมไม่ถึงลานนม
A : 2 คะแนน ได้ยินเสียงดูดชัดและเป็นจังหวะ
T : 2 คะแนน หัวนมปกติ
C : 2 คะแนน มารดาไม่เจ็บเต้านม
H : 2 คะแนน มารดาสามารถอุ้มได้ไม่ต้องการความช่วยเหลือ
13.Belief model
มารดาตั้งใจจะเลี้ยงทารกด้วยนมแม่ถึง 6 เดือน
มารดามีความเชื่อเกี่ยวกับการอาบน้ำร้อน ดื่มน้ำร้อนหลังคลอด
การตรวจร่างกายตามระบบ
(28/02/65)
ศีรษะ : ผมสีดำ ไม่มีรังแค ไม่มีเหา
ใบหน้า : ไม่มีอาการบวม มีรอยฝ้าที่ใบหน้า
ตา : conjuncjiva สีแดงดี ไม่ซีด
จมูก : ไม่มีอาการบวมของเยื่อบุในจมูก ไม่คัดจมูก ไม่มีสิ่งคัดหลั่ง
ปาก : ปากชุ่มชื้น ไม่มีฟันผุ เหงือกไม่บวม
คอ : ต่อมน้ำเหลืองไม่โต กดไม่เจ็บ ต่อม thyroid ไม่โต กดไม่เจ็บ
ทรวงอกและปอด : ทรวงอกสมมาตร อกไม่บุ๋ม ขณะหายใจไม่มีเหนื่อยหอบ เสียงหายใจปกติ
เต้านมและหัวนม : เต้านมและลานนมนุ่ม หัวนมไม่บอด ไม่บุ๋ม หัวนมมีสีคล้ำ ไม่แตก ไม่มีแผล
หน้าท้อง : การประเมินระดับยอดมดลูก คลำระดับยอดมดลูกอยู่เหนือสะดือเล็กน้อย วัดระดับยอดมดลูกจากขอบบนของรอยต่อกระดูก symphysis pubis ถึงยอดมดลูกได้ ความสูงของยอดมดลูกเท่ากับ 5 นิ้ว
ผิวหนัง : มี linea nigra มี striae gravidarum สีน้ำตาล ไม่มีอาการบวม ไม่มีเส้นเลือดขอด
แขนขา : ขยับเคลื่อนไหวปกติ
ประเมินระดับยอดมดลูก
ประเมินระดับยอดมดลูก
Day 0 (28/02/65)
คลำระดับยอดมดลูกเหนือสะดือเล็กน้อย
วัดระดับยอดมดลูกจากขอบบนของรอยต่อกระดูก symphysis pubis ถึงยอดมดลูกได้ความสูงของยอดมดลูกเท่ากับ 5 นิ้ว
ประเมินระดับยอดมดลูก
Day1 คลำระดับยอดมดลูกต่ำกว่าสะดือเล็กน้อย
วัดระดับยอดมดลูกจากขอบบนของรอยต่อกระดูก symphysis pubis ถึงยอดมดลูกได้ความสูงของยอดมดลูกเท่ากับ 3.5 นิ้ว
การประเมินแผลฝีเย็บ
ประเมินแผลฝีเย็บตามหลัก REEDA (28/02/65)
ไม่ตัดแผลฝีเย็บ
Redness : แผลฝีเย็บไม่แดง
Edema : ไม่บวม
Echymosis :แผลไม่เขียวช้ำ ไม่มีช้ำเลือด
Discharge : ไม่มีสิ่งคัดหลั่ง ไม่มี bleed ซึม
Approximation : ขอบแผลชิดสนิทดี
ประเมินแผลฝีเย็บตามหลัก REEDA (01/03/65)
ไม่ตัดแผลฝีเย็บ
Redness : แผลฝีเย็บไม่แดง
Edema : ไม่บวม
Echymosis :แผลไม่เขียวช้ำ ไม่มีช้ำเลือด
Discharge : ไม่มีสิ่งคัดหลั่ง ไม่มี bleed ซึม
Approximation : ขอบแผลชิดสนิทดี
การประเมินน้ำคาวปลา
Day0 (28/02/65) : น้ำคาวปลาสีแดงสด (Rubra Lochia) เปลี่ยนpad 3 แผ่น pad ประมาณ 150ml.
Day1 (01/03/65) : น้ำคาวปลาสี แดงสด (Rubra Lochia) เปลี่ยนpad 2 แผ่น pad ประมาณ 30ml
(01/03/65)
ศีรษะ : ผมสีดำ ไม่มีรังแค ไม่มีเหา
ใบหน้า : ไม่มีอาการบวม มีรอยฝ้าที่หน้า
ตา : conjuncjiva สีแดงดี ไม่ชัด
จมูก : ไม่มีอาการบวมของเยื่อบุในจมูก ไม่คัดจมูก ไม่มีสิ่งคัดหลั่ง
ปาก : ปากชุ่มชื้น ไม่มีฟันผุ เหงือกไม่บวม
คอ : ต่อมน้ำเหลืองไม่โต กดไม่เจ็บ ต่อม thyroid ไม่โต กดไม่เจ็บ
ทรวงอกและปอด : ทรวงอกสมมาตร อกไม่บุ๋ม ขณะหายใจไม่มีเหนื่อยหอบ เสียงหายใจปกติ
เต้านมและหัวนม : เต้านมและลานนมนุ่ม หัวนมไม่บอด ไม่บุ๋ม หัวนมมีสีคล้ำ ไม่แตก ไม่มีแผล
หน้าท้อง : การประเมินระดับยอดมดลูก คลำระดับยอดมดลูกอยู่ต่ำกว่าสะดือเล็กน้อย วัดระดับยอดมดลูกจากขอบบนของรอยต่อกระดูก symphysis pubis ถึงยอดมดลูกได้ ความสูงของยอดมดลูกเท่ากับ 3.5 นิ้ว
ผิวหนัง : มี linea nigra มี striae gravidarum สีน้ำตาลไม่มีอาการบวม ไม่มีเส้นเลือดขอด
แขนขา : ขยับเคลื่อนไหวปกติ
คำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน
อาการผิดปกติที่ต้องมาโรงพยาบาล
ด้านแม่
ปวดท้องมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ
น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นหรือมีสีแดงไม่จางตลอด15วัน
แผลผ่าตัดคลอดแยก บวมแดง มีหนอง
เต้านมอักเสบ บวม แดง กด เจ็บ มีไข้ หนาวสั่น
มีอาการการปวดแสบขัด เวลาถ่ายปัสสาวะ
หลังคลอด 2 สัปดาห์ยังคลำพบก้อนทางหน้าท้อง
ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน
ด้านลูก
อาการตัวเหลียง เขียว ขณะกินนมหรือขณะร้อง หายใจหอบรอบปากเขียวคล้ำ มีไข้สูง เช็ดตัวแล้วไข้ยังไม่ลดลง ร้องกวน ไม่ดูดนม อาเจียนทุกครั้งที่กินนม สะดือมีหนองกลิ่นเหม็น อุจจาระเหลวปนน้ำ มีเลือดหรือมีมูก ปนตาแฉะบวมแดง หูมีนํ้าไหลออกมา มีบวมแดงมีตุ่มหนองบริเวณผิวหนัง หรือมีเลือดออก
การดูแลบุตร
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลักการให้นมแม่ 4 ด.
1.ดูดเร็ว : ได้ดูดนมแม่หลังคลอดทันทีจะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนม ทำให้น้ำนมมาเร็วขึ้น ถ้าให้ลูกดูดนมแม่ช้า น้ำนมก็จะมาช้าด้วย
2.ดูดบ่อย : ให้ลูกดูดนมแม่บ่อยตามที่ลูกต้องการ คือหิวเมื่อไหร่ก็ให้ดูดทันที เพราะทารกมักหิวนมทุก 2-3 ชั่วโมงมีข้อยกเว้นระยะ 2-3 วันแรกหลังคลอดเท่านั้นที่จะต้องให้ลูกดูดนมบ่อยๆประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นให้น้ำนมมารดาหลั่ง
3.ดูดถูกวิธี : ท่าดูดนมที่ถูกต้องถูกต้องของลูก คือ ปลายจมูกชิดเต้า ปากอมจนมิดลานหัวนม ถ้าลานนมกว้าง ให้อมให้มากที่สุด คางชิดเต้านม ลูกดูดแรงและเป็นจังหวะสม่ำเสมอได้ยินเสียงกลืนน้ำนมเป็นจังหวะ ถ้าลูกไม่ค่อยดูด หรือดูดช้าลงให้บีบเต้านมเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำนมเข้าปากลูก
4.ดูดเกลี้ยงเค้า : การให้นมแม่แต่ละครั้งต้องนานพอให้ลูกดูดนมให้เกลี้ยงเต้า เพราะน้ำนมในส่วนหลังจะมี ไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อสมองและร่างกาย ช่วยให้ลูกอิ่มนานไม่หิวบ่อย
เลี้ยงลูกด้วยนมม่อย่างน้อย 6 เดือนและต่อเนื่อง 2 ปีร่วมกับอาหารเสริมเป็นมื้อๆ
การดูแลตนเอง
การรักษาความสะอาดและป้องกันการติดเชื้อ
-ดูแลความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ โดยล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง
-เปลี่ยนและใส่ผ้าอนามัยจากด้านหน้าไปด้านหลังเมื่อชุ่ม หรือ ทุก 3-4 ซม
-ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังการขับถ่าย
การพักผ่อน
-ควรนอนให้ได้มากที่สุดเมื่อลูกหลับ เพราะร่างกายของคุณแม่ จะยังคงอ่อนเพลียจากการผ่าตัดและการให้นมลูกในตอนกลางคืน
ทํากิจวัตรประจําวัน
-กระตุ้นให้มารดามีการ Early ambulate ภายใน 24-48 ชม เช่น ลุกนั่ง หรือยืนข้างๆเตียง เพื่อป้องกันท้องอืดและทําให้ลำไส้ได้ขยับและกลับมาทํางานได้ตามปกติเร็วขึ้น และจะช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว แต่ถ้ามีอาการมึนศีรษะ ควรนอนราบบนเตียง
-รับประทานอาหารให้ครบ5หมู่ ทานผัก ผลไม้ที่มีกากใยเพื่อป้องกันท้องผูก หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารผักดอง
การออกกําลังกายและการทํางาน (เมื่อกลับบ้าน)
-ไม่ควรยกของหนัก เดินขึ้นลงบันไดบ่อยๆในระยะหลังคลอด 6 สัปดาห์แรก
-สามารถทํางานบ้านที่เบาๆได้ เช่น ปรุงอาหาร ล้างจาน เก็บเสื้อผ้า รวมทั้งดูแลบุตร
การมีเพศสัมพันธ์
-งดมีเพศสัมพันธ์ในระยะหลังคลอดอย่างน้อย 6 สัปดาห์หลังคลอดหรือจนกว่าจะได้รับการตรวจหลังคลอด
การดูแลน้ำคาวปลา
วันแรกๆน้ำควาปลาจะมีสีแดงสด ต่อมาจะจางลงจนหมดไป โดยน้ำคาวปลาควรจะหมดไม่เกิน 2 สัปดาห์ หากหลังจาก 2 สัปดาห์ น้ำคาวปลายังมีสีแดง และมีกลิ่นเหม็น ควรมาพบแพทย์ เนื่องจากอาจจะเกิดการติดเชื้อหรือมีเศษรกตกค้างในมดลูกได้
มาตรวจตามนัด 6 สัปดาห์หลังคลอดเพื่อประเมิน น้ำคาวปลา การเข้าอู่ของมดลูก ตรวจประเมินปากมดลูก
การคุมกำเนิด
แบบกิน ต้องทานยาคุมกําเนิดอย่างสม่ำเสมอ เมื่อหยุดทานยาคุมกำเนิดสามารถมีลูกได้แนะนําให้ทานยาคุมกำเนิดแบบhormone เดียวที่มีprogesterone ขนาดน้อย เพราะยาจะไม่สามารถผ่านทางนานมได้ อาจจะคุมร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัย
แบบฉีด มีแบบ 1และ 3 เดือน จะไม่ส่งผลถึงนานม สามารถฉีดได้เมื่อมาตรวจติดตาม6สัปดาห์หลังคลอด
แบบฝัง จะมีแบบคุม 3 - 5 ปี ไม่มีผลต่อน้ำนม สามารถคุมกำเนิดได้นาน 3 ปี สามารถฝังได้หลัง 6 สัปดาห์หลังคลอด หากต้องการมีบุตรสามารถเอาออกได้
Problem list
Day0
เสี่ยงตกเลือดหลังคลอด
มีอาการคัดตึงเต้านม
เสี่ยงพลัดตกหกล้ม
ไม่สุขสบายหลังคลอด
ข้อวินิจฉัยฉัยการพยาบาล มารดาเสี่ยงต่อการตกเลือดหลังคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
-เสียเลือด 200ml หลังคลอด
-เปลี่ยนผ้าอนามัย 3 รอบ ประมาณ 150ml
วัตถุประสงค์ : เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการตกเลือดหลังคลอด
เกณฑ์การประเมิน
1.ปริมาณเลือดไม่มากกว่า50ml/hr
2.ไม่มีอาการแสดงของตกเลือด เช่น หน้ามืด เพลีย ความดันโลหิตต่ำ
3.มดลูกหดรัดตัวดี
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินสภาพทั่วไป สัญญาณชีพจะอยู่ในระดับปกติ เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงอาการอาการแสดงภาวะตกเลือด เช่น หน้าซีด เพลีย ความรู้สึกตัวลดลง ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
ตรวจคลึงมดถูกด้วยท่าที่นุ่มนวล เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวเป็นระยะๆ เส้นเลือดส่วนปลายปิดลดการเสียเลือด
ตรวจสุขภาพกระเพาะปัสสาวะโดยกระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำและเที่ยงรับประทานอาหารธรรมดา ให้ผู้ป่วยปัสสาวะภายใน6-8 ชั่วโมง และประเมินอาการปัสสาวะแสบขัดขณะปัสสาวะ
จัดให้มารดานอนพักบนเตียง เพื่อลดการใช้พลังงาน ถ้าเลือดออกมากจัดให้นอนในท่าศีรษะต่ำ เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ เป็นการป้องกันสมองขาดเลือด
ให้มารดากระตุ้นให้ลูกดูดดมจากเต้านมมารดาเพื่อเป็นการกระตุ้นการหลั่งน้ำนมของแม่ให้ไหล และกระตุ้นฮอร์โมนoxytocin เพื่อกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
บันทึกปริมาณและสังเกตสีน้ำคาวปลาหลังคลอด เพื่อประเมินความผิดปกติของน้ำคาวปลา
ประเมินผลทางการพยาบาล
1.ปริมาณเลือด 30ml/hr
2.ไม่มีอาการแสดงภาวะตกเลือด
3.มดลูกหดรัดตัวได้ดี
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล มารดามีภาวะไม่สุขสบายเนื่องจากอาการปวดมดลูกและฝีเย็บ
ข้อมูลสนับสนุน
OD : pain score ฝีเย็บและมดลูก 2 คะแนน
วัตถุประสงค์ เพื่อลดอาการปวดของมารดาหลังคลอด
เกณฑ์การประเมิน 1.คะแนน pain score ลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลง
ประเมินระดับความปวด โดยใช้คะแนนความปวด (Pain score) คะแนน 1-2 หมายถึงยอมรับได้ไม่ต้องการรักษาพยาบาล คะแนน 3-4 หมายถึงมีอาการปวดเล็กน้อยพอทนได้ คะแนน 5-6 หมายถึงปวดปานกลาง บางครั้งต้องการบรรเทาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง อาจไม่จําเป็นต้องใช้ยาแก้ปวด คะแนนมากกว่า 6 ขึ้นไป ควรได้รับการบำบัดรักษา อาจใช้ยาแก้ปวดร่วมด้วยโดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 10 หรือผู้ป่วยบอกว่าทนไม่ไหว
ให้ยาบรรเทาปวดตามแผนการรักษา คือ Paracetamol 500 mg 1 tab เมื่ออาการปวดทุก 6 ชั่วโมงและ Nataral ครั้งละ1เม็ด วันละครั้ง และควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดหลังให้ยา 4. จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาดและสงบ เพื่อให้มารดาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
ประเมินผลทางการพยาบาล
1.ไม่ปวดฝีเย็บและมดลูกแล้วแต่มีปวดเต้านม pain score = 1
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล มารดามีอาการคัดตึงเต้านม
ข้อมูลสนับสนุน
มารดาบอกว่าคัดๆตึงเต้านม
วัตถุประสงค์ : เพื่อลดการคัดตึงเต้านมของมารดา
เกณฑ์การประเมิน 1. อาการคัดตึงเต้านมลดลง เต้านมไม่บวม แดง ร้อน
กิจกรรมการพยาบาล
อธิบายสาเหตุที่ทําให้เค้านมคัดตึง คือการที่ลูกดูดนมไม่ถูกวิธี ลูกอมแค่หัวนมไม่ลึกถึงลานนม
ดูแลให้ได้รับยาบรรเทาปวดตามแผนการรักษา คือ Paracetamol 500 mg 1 tab เมื่ออาการปวดทุก 6 ชั่วโมง
ดูแลและฝึกให้มารดาใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจัด ประคบเต้านมพร้อมนวดคลึงเต้านม เพื่อให้การไหลเวียนของน้ำนมดี
ดูแลการบีบนํ้านมออกจากเต้าด้วยมือ จนกระทั่งลานนมนิ่ม ทารกสามารถอมลานนมได้ติด
สอนให้มารดานวดคลึงเต้านมและบีบน้ำนมออกจนเกลี้ยงเต้าด้วยตัวเอง
แนะนํามารดาให้ลูกดูดนมบ่อยขึ้นอย่างน้อยทุก 1 - 2ชั่วโมง ให้ลูกดูดอย่างน้อย 15 - 20 นาที
ดูแลหลังลูกดูดนมเสร็จแล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นมาประคบเพื่อบรรเทาปวด
ติดตามมารดาหลังคลอดให้ทําด้วยตัวเอง เพื่อทําให้มารดามั่นใจในการเลี้ยงดูทารก
ประเมินผลทางการพยาบาล
1.มีอาการปวดเต้านมอยู่ pain score = 1
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล มารดาเสี่ยงต่อภาวะพลัดตกหกล้มเนื่องจากมารดามีอาการอ่อนเพลียจากเสียพลังงานจากการคลอดบุตร
ข้อมูลสนับสนุน
Subjective Data (SD) : - มารดาบอกว่ารู้สึกอ่อนเพลีย
Objective Data (OD) : - สูญเสียเลือดขณะคลอด 200 ml -มารดามีสีหน้าอ่อนเพลีย
วัตถุประสงค์ • เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มและลดอาการอ่อนเพลียหลังคลอดบุตรในผู้ป่วย
เกณฑ์การประเมินผล
ไม่มีอาการขาดสารน้ำสารอาหาร(Dehydration) เช่น ปากแห้ง ตาแห้ง ปัสสาวะสีเข้ม
มารดามีสีหน้าสดชื่น ไม่มีอาการวิงเวียน อาการอ่อนเพลียลดลง
นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้มารดาได้รับการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ โดยทําหัตถการและการพยาบาลให้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน
จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการพักผ่อนลดแสงและเสียงรบกวน
ดูแลให้มารดาได้รับน้ำและอาหารตามแผนการรักษาของแพทย์
ดูแลให้มารดาพักผ่อนบนเตียง ยกไม้กั้นเตียงขึ้น ปรับเตียงให้ทุกครั้งหลังให้การพยาบาลเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้ม
ช่วยเหลือผู้ป่วยหลังคลอดช่วยอำนวยความสะดวก
ดูแลผู้ป่วยไปเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
จัดวางสิ่งของให้เป็นระเบียบมีแสงสว่างเพียงพอเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มและจัดของให้ผู้ป่วยสามารถหยิบใช้งานได้สะดวก
ประเมินผลทางการพยาบาล
1.มารดาไม่มีอาการของขาดสารน้ำ
2.มารดามีสีหน้าสดชื่น ปกติดี
3.มารดาบอกว่าหลับๆตื่นๆตอนกลางคืน
Day1
เสี่ยงติดเชื้อ
เสี่ยงท้องผูก
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล เสี่ยงต่อการติดเชื้อในระยะหลังคลอดเนื่องจากมีแผลในโพรงมดลูก
ข้อมูลสนับสนุน Objective Data (OD) : - ผู้ป่วยคลอดแบบ normal labor มีtear 1
-ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (28/02/65) WBC = 18.37 10^3/uL สูงกว่าปกติ (ค่าปกติ 4.24-10.18) Neutrophil = 83.7% สูงกว่าปกติ (ค่าปกติ 48.2-71.2%) Lymphocyte = 13.2% ต่ำกว่าปกติ (ค่าปกติ 21.1-42.7%)
วัตถุประสงค์ • ป้องกันการติดเชื้อในร่างกาย
เกณฑ์การประเมินผล
สัญญาณชีพ อยู่ในเกณฑ์ปกติ Temperature 36.5-37.4 องศาเซลเซียส Pluse 60-100 ครั้งต่อนาที Respiratory 12-20 ครั้งต่อนาที Blood pressure 90-120/60-90 mmHg
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติ WBC 4.24-10.18 10^ 3/ uL, Neutrophil 48.2- 71.2%, Lymphocyte 21.1- 42.7%, Eosinophil 0.4-7.2% 3. น้ำคาวปลาไม่มีสีที่ผิดปกติ ไม่มีกลิ่นเหม็น 4. มดลูกหดรัดตัวกลมแข็ง
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพและบันทึก 4 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการของการติดเชื้อหลังคลอดโดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย หากผิดปกติควรรีบรายงานแพทย์
ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อหลังคลอด เช่น มีไข้ ปวดบริเวณแผลผ่าตัดมาก แผลมีหนองมี discharge ซึม นํ้าคาวปลามีสีปกติ และกลิ่นเหม็น
ให้คําแนะนําในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อหลังคลอด หลังทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์อย่างถูกวิธี ล้างจากข้างหน้าไปข้าง
• แนะนำให้เปลี่ยนผ้าอนามัยทุกครั้งที่นําคาวปลาเปียกชุ่มหรือทุก 3-4ชั่วโมง ไม่เช็ดย้อนไปมา ไม่ปล่อยให้น้ำคาวปลาสะสมจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อก่อให้เกิดการติดเชื้อได้
• หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ หนาวสั่น ปวดแผลผ่าตัดมาก น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น ควรแจ้งพยาบาลให้ทราบทันที
แนะนํามารดาให้ดูแลแผลผ่าตัด ไม่ใช้มือจับ แกะ เกาแผลและสังเกตสิ่งคัดหลั่งที่ออกมาจากแผลเพราะทําให้แผลมีโอกาสติดเชื้ออักเสบหรือหายช้าได้
จัดหาและแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ผักและผลไม้เพราะอาหารที่มีโปรตีนและวิตามินซีจะช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
ตรวจวัดระดับยอดมดลูกทุกวันในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อประเมินการติดเชื้อในโพรงมดลูกและก่อนตรวจให้มารดาหลังคลอด ถ่ายปัสสาวะก่อนทุกครั้ง
ประเมินผลทาการพยาบาล
1.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ T = 36.2 PR = 90 ครั้ง/นาที RR 18 ครั้ง/นาที BP 123/65 mmHg
2.ยังไม่ตรวจผลทางห้องปฏิบัติการเพิ่ม
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล มารดาเสี่ยงต่อภาวะท้องผูกเนื่องจากลำไส้ยังทำงานได้ไม่ดี
ข้อมูลสนับสนุน O.D. -มารดาไม่ขับถ่าย 2 วันหลังคลอด
วัตถุประสงค์ : • มารดาไม่เกิดอาการท้องผูก
เกณฑ์การประเมินผล 1. มารดามีอาการแสดงถึงการทำงานของลำไส้ เช่น การเรอ การผายลม 2. มารดาไม่เกิดอาการท้องอืด
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลมารดาให้ดื่มน้ำวันละ 2000-3000 ลิตรต่อวัน
กระตุ้นให้มารดามีการเคลื่อนไหวหลังผ่าตัด โดยเริ่มจากพลิกตะแคงตัวทุก2-3ชั่วโมง หลังจากนั้นให้เริ่มลุกเดินรอบๆเตียง และเดินไปสถานที่ใกล้ๆได้ด้วยตนเองอย่างเช่นห้องน้ำเพื่อที่ลำไส้จะได้มีการเคลื่อนไหวตัวได้ดีขึ้นไม่เกิดอาการท้องผูก
จัดสภาพแวดล้อมบริเวณรอบเตียงของมารดาให้สะอาดและอากาศถ่ายเทอยู่เสมอเพื่อให้มารดามีความสุขสบายในการเคลื่อนไหว และเพิ่มบรรยากาศในการรับประทานอาหารมากขึ้น
ประเมินผลทางการพยาบาล
1.มารดาบอกว่ามีผายลมอยู่บ้าง
2.มารดายังไม่ขับถ่าย