Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เคสเตียง 38 ( CA Prostate), พยาธิสภาพ - Coggle Diagram
เคสเตียง 38 ( CA Prostate)
Hypertension : HT
พยาธิสภาพ กลไกการเกิดโรคความดันโลหิตสูง เกิดจาก การเพิ่มขึ้นของปริมาตรเลือดส่งออกจากหัวใจต่อนาที (cardiac output) ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อปริมาตรเลือด กลไกการเกิดโรคความดันโลหิตสูง เกิดจาก การเพิ่มขึ้นของปริมาตรเลือดส่งออกจากหัวใจต่อนาที (cardiac output) ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อปริมาตรเลือดส่งออก จากหัวใจต่อนาที ได้แก่ ปริมาตรเลือดท่ีเพิ่มขึ้น และ การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการเกิดโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุน้ัน แตกต่างจากในผู้ใหญ่ เนื่องจากมีปัจจัยที่เพิ่มข้ึนจากส่งออกจากหัวใจต่อนาที ได้แก่ ปริมาตรเลือดท่ีเพิ่มขึ้น และ การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการเกิดโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุน้ัน แตกต่างจากในผู้ใหญ่ เนื่องจากมีปัจจัยที่เพิ่มข้ึน นอกจากน้ีโรคความดันโลหิตสูงยังอาจเกิดจากการมี โรคเรื้อรังหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ ท่ีทำให้หัวใจทำงาน เพิ่มขึ้น เช่น ภาวะโลหติ จางรุนแรง โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง โดยโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุมักมี ความผิดปกติของค่าความดันซิสโตลิกเพียงอย่างเดียว
Diabetes Mellitus: DM
คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของฮอร์โมนที่ชื่อว่า อินสุลิน (Insulin) ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจำเป็นต้องมีอินสุลิน เพื่อนำน้ำตาลในกระแสเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะสมองและกล้ามเนื้อ ในภาวะที่อินสุลินมีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการลดลงของปริมาณอินสุลินในร่างกาย หรือการที่อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายตอบสนองต่ออินสุลินลดลง (หรือที่เรียกว่า ภาวะดื้ออินสุลิน) จะทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลที่อยู่ในกระแสเลือดไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้มีปริมาณน้ำตาลคงเหลือในกระแสเลือดมากกว่าปกติ สาเหตุของโรคเบาหวานเกิดจากการที่ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงมากขึ้นถึงระดับหนึ่ง จนทำให้ไตดูดกลับน้ำตาลได้ไม่หมด ซึ่งปกติไตจะมีหน้าที่ดูดกลับน้ำตาลจากสารที่ถูกกรองจากหน่วยไตไปใช้ ส่งผลให้มีน้ำตาลรั่วออกมากับปัสสาวะ จึงเป็นที่มาของคำว่า “โรคเบาหวาน” หากเราปล่อยให้เกิดภาวะเช่นนี้ไปนาน ๆ โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมาในที่สุด
Benign Prostatic Hyperplasia : BPH
เป็นภาวะที่ต่อมลูกหมาก ซึ่งอยู่ล้อมรอบท่อปัสสาวะมีขนาดโตขึ้นอย่างผิดปกติจนไปเบียดท่อปัสสาวะให้แคบลง จึงส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะลำบากหรือติดขัด และยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะหนาขึ้นจากการต้องบีบตัวแรงขึ้นเพื่อขับปัสสาวะผ่านทางท่อแคบ ๆ เมื่อผนังกระเพาะปัสสาวะหนาตัวขึ้นก็จะส่งผลต่อความสามารถในการเก็บน้ำปัสสาวะที่ลดลง ทำให้ผู้ป่วยต้องปัสสาวะบ่อย โรคนี้เป็นโรคที่พบได้เป็นปกติและการเกิดมักจะสัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น โดยผู้ชายเมื่อมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ต่อมลูกหมากจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเป็นก้อนโตขึ้น แล้วจะโตขึ้นเรื่อย ๆ ไปตามอายุที่มากขึ้น เมื่อโตมากก็จะเกิดแรงกดต่อท่อปัสสาวะให้แคบลง ทำให้มีอาการปัสสาวะลำบาก ซึ่งผู้ป่วยมักจะเริ่มแสดงอาการเมื่อมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และจะพบอาการผิดปกติได้มากขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น โดยผู้ชายที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 50% จะเริ่มมีอาการชัดเจน เมื่อถึงอายุ 80 ปี ประมาณ 80-90% จะมีอาการต่อมลูกหมากโต หรืออาจพูดได้ว่ายิ่งอายุมากขึ้นเท่าใด โอกาสที่จะเป็นต่อมลูกหมากโตก็มีมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า ผู้ชายอายุ 55-74 ปี จะมีอาการแสดงของโรคนี้ประมาณ 20% บางคนอาจมีต่อมลูกหมากโตแต่ไม่แสดงอาการก็ได้
CA Prostate
โรคมะเร็งต่อมลูกหมากเกิดจากเซลล์หรือเนื้อเยื่อภายในต่อมลูกหมากที่ไม่สามารถควบคุมได้ จนเกิดสภาวะที่เกิดการสูญเสียแบบแผนของการเจริญเติบโตและไม่สามารถควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ในต่อมลูกหมากได้ และเกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ต่อมลูกหมากที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ มักจะเกิดในผู้ชาย และเมื่อมะเร็งขยายตัวมากขึ้นจนไปกด ทับท่อปัสสาวะ จะส่งผลให้ผู้ป่วยปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะไม่พุ่งหรือปัสสาวะหยุดเป็นช่วงๆ เเละปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะปัสสาวะบ่อยตอน กลางคืนหลังเข้านอนแล้ว ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะแสบหรือขัด เเละมีปัสสาวะหรือน้ำอสุจิเป็นเลือด โดยมีอาการปวดหลัง หรือปวดสะโพกตลอดเวลา หรือมีอาการปวดมากเวลาหลั่งน้ำอสุจิ โดยในระยะสุดท้ายมะเร็งจะแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง กระดูก และอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การยับยั้งการลุกลามของมะเร็ง และคงสภาพให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตปกติได้มากที่สุด โดยทั่วไปมะเร็งต่อมลูกหมากจะมีระยะเวลาการ พัฒนาจากระยะเบื้องต้น ไปสู่ระยะลุกลาม และเข้าสู่ระยะ สุดท้ายค่อนข้างนาน
มะเร็งต่อมลูกหมากสามารถแบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 ระยะแรกเริ่มของโรค เซลล์มะเร็งมีขนาดเล็กและไม่รุนแรงเมื่อส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์
ระยะที่ 2 เซลล์มะเร็งอาจยังมีขนาดเล็กอยู่ แต่ค่อนข้างมีความรุนแรง หรือในบางรายเซลล์มะเร็งอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นและเจริญเติบโตไปทั้ง 2 ข้างของต่อมลูกหมาก
ระยะที่ 3 เป็นระยะมะเร็งลุกลามออกจากบริเวณต่อมลูกหมากไปยังระบบสืบพันธุ์หรือเนื้อเยื่ออื่น ๆ รอบข้าง
ระยะที่ 4 เซลล์มะเร็งเติบโตจนรุกล้ำเข้าไปยังอวัยวะที่อยู่ใกล้อย่างกระเพาะปัสสาวะ หรือแพร่กระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลือง กระดูก ปอด หรืออวัยวะอื่น ๆ
ข้อมูลทั่วไป
อาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล : 2 hr ก่อนมาโรงพยาบาลมาด้วยอาการปัสสาวะเป็นเลือดและ ปวดแสบปวดร้อนเวลาขับถ่ายปัสสาวะ สภาพร่างกายปกติ รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง วัดสัญญาณชีพได้ T = 36.8 P= 72 R= 20 BP = 140/69 O2 Sat= 98
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต : 20 ปีที่เเล้ว ต่อมลูกหมากโต 10 ปีที่เเล้วผ่าตัด CA Prostate
ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
แม่เป็น Hypertension , DM
ผู้ป่วยชายไทย อายุ 76 ปี เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลวันที่ 21/02/2565 หอผู้ป่วยสามัญชาย(ชั้น3) เตียง 38
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
UA
CBC
RBC -> 3.27 (ต่ำกว่าปกติ)
MCHC -> 35.1 (สูงกว่าปกติ)
Lymphocyte -> 19 (ต่ำกว่าปกติ)
PT (Prothrombin time) -> 10.1 (ต่ำกว่าปกติ)
Hb -> 10.5 (ต่ำกว่าปกติ)
Hct -> 29.9 (ต่ำกว่าปกติ)
Urine color -> ปัสสาวะสีแดง มีเลือดปน
Urine RBC -> มากกว่า 100
Urine Bacteria -> Few
Urine WBC -> 10-20 (สูง)
Urine Protein-> 3+
Urine Appearance -> Turbid (สีปัสสาวะขุ่นมาก)
Urine Blood -> 3+ (สูง)
การรักษา
On 0.9% N.S.S 1000 ml เรท 80cc/hr
On CBI N.S.S. 0.9% เรท200cc/dayปรับสีตามปัสสาวะ
On Foley catheter
ยาที่ผู้ป่วยได้รับ
Vitamin K1(Phytomenidione) 10 mg เข้า IV
Paracetamol 500 mg ชนิดเม็ด รับประทานเมื่อมีอาการครั้งละ1เม็ด ห่างกัน 6 ชั่วโมง
Ceftriaxoneขนาด 1 g ให้ทาง IV ครั้งละ 2 g in 0.9% N.S.S. วันละ1ครั้ง
Tranexmic acid เข้าทาง IV 500 mg ทุก 8 ชั่วโมง
Glipizide 5 mg ชนิดเม็ด รับประทานวันละ1ครั้งก่อนอาหารเช้า
LOSARtan 50 mg ชนิดเม็ด รับประทานครั้งละ1เม็ด วันละ2ครั้ง หลังอาหารเช้าเย็น
Metformin 500 mg รับประทานครั้งละ1 เม็ด วันละ2ครั้งหลังอาหารเช้าเย็น
2 more items...
ยาลดความดันโลหิตประเภทหนึ่ง ซึ่งออกฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว และทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น
ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด ใช้ในการรักษาอาการผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยกลไกในการทำงานคือช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
เป็นยารักษาการตกเลือด ภาวะเลือดออกมาก หรือเลือดออกไม่หยุด โดยยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการสลายตัวของลิ่มเลือด
ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรีย
เป็นยาบรรเทาอาการปวด
เป็นวิตามินที่ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ป้องกันภาวะเลือดไหลมากจนเกินไป ร่างกายสังเคราะห์วิตามิน เค ขึ้นมาได้เอง และยังได้รับวิตามิน เค จากการรับประทานอาหารบางชนิด
สรุปข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.เสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
การพยาบาล 1.ดูแลวัดv/s ทุก4hr ตามแผนการรักษาเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพของผู้ป่วยเเละประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้อ 2.on 0.9% NSS ตามแผนการรักษาและให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา เพื่อให้ร่างกายได้รับสารน้ำและได้รับยาป้องกันการติดเชื้อ 3.ดูแลสายสวนปัสสาวะและ CBIให้อยู่ในระบบปิดจัดตรึงสายไม่ให้พับงอเพื่อให้น้ำปัสสาวะไหลได้สะดวก 4.ทำความสะอาดตรงบริเวณท่อปลายเปิดปัสสาวะที่คาสายสวนเป็รประจำเช้าเย็นเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการดูแลตรงบริเวณท่อรูเปิดของปัสสาวะให้สะอาด 5.ประเมินระดับความเจ็ปปวดและลักษณะสีของปัสสาวะเพื่อวางแผนการพยาบาลและรายงานแพทย์ หากมีอาการเจ็บปวดมากให้ให้ยาแก้ปวด Paracetamol 500 mg ห่างกัน q 6 hr 6.ให้การพยาบาลโดยใช้เทคนิคปลอดเชื้อเพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อมากขึ้น 7.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อประเมินอาการและวางแผนการพยาบาลต่อไป
การประเมินผล 1.อาการปวดแสบปวดร้อยลนขณะขับถ่ายปัสสาวะลดลง 2.ปัสสาวะมีสีเหลืองใส
3.เฝ้าระวังการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
การพยาบาล 1.วัดเเละประเมินสัญญาณชีพเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและการประเมินความเสี่ยงหรือโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อน 2.บอกอาการแสดงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนให้ผู้ป่วยทราบ เช่นการเจ็บปวดอย่างรุนแรงอาการมึนงง คลื่นไส้อาเจียน กล้ามเนื้ออ่อนแรง เนื่องจากมีการกระจายของcellมะเร็งไปยังอวัยวะอื่น เพื่อให้ผู้ป่วยรู้จักสังเกตอาการผิดปกติหากมีให้รีบแจ้งพยาบาลและรายงานแพทย์เพื่อวางแผนการพยาบาลต่อไป 3.ดูแลให้ On CBI ตามแผนการรักษา เพื่อสวนล้างกระเพาะปัสสาวะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและเกิดภาวะแทรกซ้อน 4.ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาเป็นยา Cef-3 2 g , Silodosin 4mg เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน 5.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เล่น ผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายลดโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
การประเมินผล 1.อาการปวดแสบปวดร้อนขณะขับถ่ายปัสสาวะลดลง 2.สีของปัสสาวะมีลักษณะเหลืองใสไม่มีเลือดปน 3.ผล Lab UA WBC อยู่ในเกณฑ์ปกติ ( 0-5 cell/PH)
7.นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
การพยาบาล 1.ประเมินอาการง่วงนอนและการพักผ่อนที่เพียงพอในแต่ละวันเพื่อวางแผนการดูแลเกี่ยวกับการนอนหลับพักผ่อน 2.ดูแลจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมไม่มีอะไรมารบกวนเพื่อให้ผู้ป่วยนอนหลับได้มากขึ้นไม่หลับๆตื่นๆ 3.หากในกรณีที่นอนไม่หลับมากๆให้รายงานแพทย์และพิจารณาให้ยานอนหลับตาาแผนการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้ 4.หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเพื่อไม่ให้ไปกระตุ้นการทำงานของร่างกายเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ 5.รับทานอาหารที่มี Mg สูง เช่นถั่วลิสง ปลากระพง เม็ดมะม่วงหิมพานและอาหารที่มีสารเมลาโทนินเพื่อส่งผลต่อกระบวนการนอนหลับโดยเมลาโทนินจะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น 6.หากนอนไม่หลับให้หากิจกรรมทำก่อนนอน เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงก่อนนอนเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและสามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
การประเมินผล 1.ผู้ป่วยนอนหลับได้มากขึ้นไม่มีอาการหลับๆตื่นๆ 2.ผู้ป่วยไม่มีสีหน้าท่าทางที่ดูอ่อนเพลีย
2.มีการอุดตันของระบบทางเดินปัสสาวะเนื่องจากมีอาการปวดแสบปวดร้อนขณะขับถ่ายปัสสาวะ
การพยาบาล 1.ดูแลวัดสัญญาณชีพและประเมินสัญญาณชีพของร่างกาย เพื่อดูแลและประเมินความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย 2.ประเมินระดับของอาการปวดแสบปวดร้อนขณะขับถ่ายปัสสาวะเพื่อวางแผนการพยาบาลลดระดับความเจ็บปวดขณะขับถ่ายปัสสาวะ 3.ให้การพยาบาลโดยการ On Foley catheter และ On CBI ตามแผนการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถขับถ่ายปัสสาวะได้ 4.ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา ยา Silodosin 4 mg เพื่อรักษาอาการปัสสาวะลำบากหรือปัสสาวะแสบขัด 5.จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในท่าที่สุขสบายดูแลสายสวนปัสสาวะและสาย CBIไม่ให้พับง้อ เพื่อให้น้ำปัสสาวะไหลออกได้สะดวก 6.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อประเมินผลตรวจทางห้องปฏิบัติการและวางแผนการพยาบาลต่อไป
การประเมินผล 1.ผู้ป่วยไม่มีอาการปวดแสบปวดร้อนขณะขับถ่ายปัสสาวะ 2.ปัสสาวะสีใสไม่ขุ่น
4.เฝ้าระวังภาวะ Hypoglycemia และ Hyperglycemia
การพยาบาล 1.วัดสัญญาณชีพและประเมิน v/s เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ 2.ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเบือดโดยการเจาะDTXเพื่อดูว่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ (SW.Keep 80-200mg/dl) 3.หากเจาะDTXเเล้สมีค่าน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติให้รีบรายงานแพทย์และรีบให้ผู้ป่วยดื่มน้ำหวานหรือพิจารณาให้ยาตามแผนการรักษาเพื่อให้ค่าระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหรืออยู่ในเกณฑ์ปกติ 4.หารเจาะ DTX เเล้วค่าระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยสูงกว่าปกติให้รายงานแพทย์และฉีดยา Insulin ตามแผนการรักษาเพื่อให้ค่าระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์ปกติและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ hyperglycemia 5.บอกถึงอาการและอาการแสดงของภาวะ Hypoglycemia เช่น อาการเหงื่อออกตามมั่ว เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย ใจสั่น และอาการของภาวะ hyperglycemia เช่นอาการปัสสาวะบ่อย หิวบ่อย รู้สึกหิวแม้พึ่งจะกินไป กระหายน้ำมาก บอกอาการเหล่านี้ให้ผู้ป่วยทราบและมั่นสังเกตตัวเองเพื่อให้ผู้ป่วยทราบถึงอาการของภาวะ hyperglycemia และ hypoglycemia หากมีอาการให้รีบเเจ้งแพทย์และพยาบาลเพื่อวางแผนการพยาบาลได้อยู่ทันถ่วงที
การประเมินผล 1.ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะ hyperglycemia 2.ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะ hypoglycemia 3.ค่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ( SW Keep 80-200% )
5.เฝ้าระวังภาวะ Hypertension
การพยาบาล 1.วัดและประเมินสัญญาณชีพเพื่อดูและประเมินความเปลี่ยนแปลงของร่างกายโดยเฉพาะค่าความดันโลหิตว่าสูงหรือต่ำ 2.ประเมินระดับความรู้สึกตัวของคนไข้ว่าอยู่ในระดับใดถามตอบรู้เรื่องหรือไม่ เพื่อดูและประเมินอาการแสดงของภาวะ hypertension หากมีอาการจะได้รีบวางแผนการพยาบาลการรักษาได้ทันเวลา 3.บอกอาการแสดงของภาวะ Hypertension ให้ผู้ป่วยทราบหากมีอาการแสดงเช่น อาการมึนงง เวียนศีรษะ บ้านหมุนปวดตรงบริเวณท้ายทอยให้รีบเเจ้งพยาบาลทันที เพื่อดูแลให้ได้รับการรักษาตามแผนการรักษา 4.หากผู้ป่วยมีอาการของภาวะ hypertension ให้รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาลดความดันโลหิตสูงเป็นยา LOSARtan 50 mg เพื่อควบคุมความดันโลหิตให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ (120/80 mmHg) 5.ติดตามค่าผลตรวจทาวห้องปฏิบัติการเพื่อประเมินและวางแผนการให้การพยาบาลแก่ผู้ป่วย
การประเมินผล 1.ค่าความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ (120/80 mmHg)
6.เฝ้าระวังการเกิดบาดแผลที่เท้าขณะทำไร่ทำสวน
การพยาบาล 1.ประเมินและสังเกตลักษณะบริเวณเท้าของผู้ป่วย เพื่อดูว่ามีบาดแผลหรือไม่หากมีให้ประเมินลักษณะของบาดแผล 2.สอบถามผู้ป่วยว่าเวบามีบาดแผลตรงเท้าหรือบริเวณอื่นๆหายช้าไหมหรือเป็นอย่างไรเพื่อประเมินว่าชณะมีบาดแผลแผลของผู้ป่วยนั้นหายเร็วหรือช้า 3.หากมีบาดแผลที่เท้าหรือบริเวณอื่นๆเป็นแผลที่ยังไม่หายให้ทำการทำแผลด้วยเทคนิค Sterlie เพื่อให้แผลของผู้ป่วยนั้นหายดีและไม่เกิดการติดเชื้อตรงบริเวณที่มีบาดแผล 4.บอกถึงความสำคัญในการดูแลไม่ให้เกิดบาดแผลที่เท้าและวิธีการดูแลตนเองขณะที่ต้องไปทำไร่ทำสวนโดยการบอกให้ผู้ป่วยสวมใส่รองเท้าตบอดเวลาขณะที่ออกจากบ้านหรือไปทำกิจกรรมต่างๆ ทำไร่ทำสวนและแนะนำให้ผู้ป่วยเลือกขณะของรองเท้าให้เหมาะสมก้บเท้าของตนเองไม่รัดหรือหลวมจนเกินไปเพื่อให้ผู้ป่วยตระหนักเเละเข้าใจถึงวิธีการดูแลตนเองไม่ให้เกิดบาดแผลที่เท้าได้อย่างถูกต้อง และป้องกันการเกิดการติดเชื้อที่เท้าหากมีบาดแผลและไม่ใส่รองเท้าที่หลวมหรือรัดหรือแน่นจนเกินไปเพราะอาจทำให้ไปกดทับเส้นประสาทส่วนปลายจนเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
การประเมินผล 1.ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลที่เท้า 2.ผู้ป่วยสามารถบอกได้ถึงความสำคัญในการดูแลไม่ให้เกิดบาดแผลที่เท้าและบอกได้อย่างถูกวิธี
แบบแผนที่ 1 การรับรู้และการดูและสุขภาพ
ข้อมูลอัตนัย : ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้เองปกติ ไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ไม่กินอาหารสุกๆดิบๆ เเละปฏิบัติตนตามที่แพทย์สั่ง
ข้อมูลปรนัย : ผู้ป่วยชายไทย อายุ76ปี รู้สึกตัวดี พูดจารู้เรื่อง ยิ้มเเย้มเเจ่มใส ถามตอบได้ดี ลักษณะรูปร่างปกติ ความตึงตัวของผิวเป็นไปตามวัย วัด สัญญาณชีพได้ T = 36.8 P= 72 R= 20 BP = 140/69 O2 Sat= 98s
ไม่พบปัญหาในแบบแผนนี้
แบบแผนที่ 2 โภชนาการและการเผาผลาญสารอาหาร
ข้อมูลอัตนัย : รับประทานอาหารวันละ3มื้อ แต่ไม่ค่อนตรงเวลา อาหารที่รับประทานเป็นประจำ ผักผลไม้เนื้อสัตว์ อาหารที่ไม่ค่อยรับประทานคือของหวาน เนื่องจากเป็นเบาหวานเลยหลีเลี่ยงการรับประทานของหวาน การเคี้ยวการกลืนกินได้ปกติไม่มีอาเจียน น้ำหนักคงที่ไม่ลดไม่เพิ่ม 62 kg
ข้อมูลปรนัย : รับประทานอาหารได้เอง on N.S.S. 0.9% น้ำหนัก 62.1 Kg อุณหภูมิร่างกายที่ผ่านมา 36.8-36.9 ความตึงตัวของผิวหนังปกติเป็นไปตามวัย มีรอยโรคบ้างเล็กน้อยตามลำตัว ไม่ซีดไม่บวม
ไม่พบปัญหาในแบบแผนนี้
แบบแผนที่ 3 การขับถ่าย
ข้อมูลปรนัย : ปัสสาวะเป็นสีแดง ปัสสาวะเป็นเลือด On CBI สวนล้างกระเพาะปัสสาวะ เป็น N.S.S. 1000 ml 5 ขวด/day
ข้อมูลอัตนัย : ผู้ป่วย On foley cather ขับถ่ายอุจจาระวันละ 1 ครั้ง ลักษณะเป็นเนื้อ
1.เสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
การพยาบาล 1.ดูแลวัดv/s ทุก4hr ตามแผนการรักษาเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพของผู้ป่วยเเละประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้อ 2.on 0.9% NSS ตามแผนการรักษาและให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา เพื่อให้ร่างกายได้รับสารน้ำและได้รับยาป้องกันการติดเชื้อ 3.ดูแลสายสวนปัสสาวะและ CBIให้อยู่ในระบบปิดจัดตรึงสายไม่ให้พับงอเพื่อให้น้ำปัสสาวะไหลได้สะดวก 4.ทำความสะอาดตรงบริเวณท่อปลายเปิดปัสสาวะที่คาสายสวนเป็รประจำเช้าเย็นเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการดูแลตรงบริเวณท่อรูเปิดของปัสสาวะให้สะอาด 5.ประเมินระดับความเจ็ปปวดและลักษณะสีของปัสสาวะเพื่อวางแผนการพยาบาลและรายงานแพทย์ หากมีอาการเจ็บปวดมากให้ให้ยาแก้ปวด Paracetamol 500 mg ห่างกัน q 6 hr 6.ให้การพยาบาลโดยใช้เทคนิคปลอดเชื้อเพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อมากขึ้น 7.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อประเมินอาการและวางแผนการพยาบาลต่อไป
การประเมินผล 1.อาการปวดแสบปวดร้อยลนขณะขับถ่ายปัสสาวะลดลง 2.ปัสสาวะมีสีเหลืองใส
แบบแผนที่ 4 กิจวัตรประจำวันเเละการออกกำลังกาย
ข้อมูลอัตนัย : อยู่บ้านมีออกกำลังกายบ้าง เดินเยอะเพราะทำงาน กิจกรรมที่ทำทุกวันคือทำสวนทำไร่ ปลูกผัก
ข้อมูลปรนัย : ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันเองได้ ช่วยเหลือตนเองได้ตามปกติ ความแข็งเเรงของกล้ามเนื้อ แขนขาได้เกรด 5 ทั้งสองข้าง ขณะอยู่โรงพยาบาลไม่ได้ออกกำล้งกาย ลักษณะรูปร่างร่างกายปกติสมมาตรกันดี
ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับแบบแผนนี้
แบบแผนที่ 5 การนอนหลับพักผ่อน
ข้อมูลอัตนัย : อยู่บ้านปกตินอนกลางวันวันละ 1- 2 ชั่วโมง นอนกลางคืนวันละ 5-7 ชั่วโมง ขณะมาอยู่โรงพยาบาล นอนกลางวันวันละ 2-3 ชั่วโมงกลางคืนวันละ 5-8 ชั่วโมง แต่จะนอนไม่ค่อยหลับจะหลับๆตื่นๆ ขณะอยู่บ้านมีงานอดิเรกคือดู TV ทำสวน ปลูกผัก
ข้อมูลปรนัย : ผู้ป่วยมีสีหน้าท่าทางดูอ่อนเพลีย
ข้อวินิจฉัยที่พบในแบบแผนนี้ : ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
การพยาบาล 1.ประเมินอาการง่วงนอนและการพักผ่อนที่เพียงพอในแต่ละวันเพื่อวางแผนการดูแลเกี่ยวกับการนอนหลับพักผ่อน 2.ดูแลจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมไม่มีอะไรมารบกวนเพื่อให้ผู้ป่วยนอนหลับได้มากขึ้นไม่หลับๆตื่นๆ 3.หากในกรณีที่นอนไม่หลับมากๆให้รายงานแพทย์และพิจารณาให้ยานอนหลับตาาแผนการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้ 4.หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเพื่อไม่ให้ไปกระตุ้นการทำงานของร่างกายเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ 5.รับทานอาหารที่มี Mg สูง เช่นถั่วลิสง ปลากระพง เม็ดมะม่วงหิมพานและอาหารที่มีสารเมลาโทนินเพื่อส่งผลต่อกระบวนการนอนหลับโดยเมลาโทนินจะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น 6.หากนอนไม่หลับให้หากิจกรรมทำก่อนนอน เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงก่อนนอนเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและสามารถนอนหลับพักผ่อนหด้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
การประเมินผล 1.ผู้ป่วยนอนหลับได้มากขึ้นไม่มีอาการหลับๆตื่นๆ 2.ผู้ป่วยไม่มีสีหน้าท่าทางที่ดูอ่อนเพลีย
แบบแผนที่ 6 สติปัญญาและการรับรู้
ข้อมูลอัตนัย : การมองเห็นและการได้ยินปกติเป็นไปตามวัย การรับรสปกติ เดินได้ปกติเคลื่อนไหวร่างกายได้ มีปวดขาบางเล็กน้อยเพราะทำงาน
ข้อมูลปรนัย : การรับรู้เวลา สถานที่ บุคคลปกติ สามารถบอกได้ว่าอยู่ที่ไหนอย่างไร ระดับความรู้สึกตัวดี conscious ถามตอบรู้เรื่อง สีหน้าท่าทางปกติยิ้มเเย้ม พูดคุยกับผู้อื่น
ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับแบบแผนนี้
แบบแผนที่ 7 การรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์
ข้อมูลอัตนัย : ก่อนการเจ็บป่วยดูแลตนเองได้ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขณะเจ็บป่วย: รู้และเข้าใจในโรคที่เป็นอยู่
อุปนิสัย : เป็นคนใจดี เข้าใจง่าย อัธยาศัยดี
ข้อมูลปรนัย : พฤติกรรมการแสดงออกพูดคุยสบตา น้ำเสียงอ่อนนุ่ม พูดจาดี ถามตอบรู้เรื่องให้ความร่วมมือ สีหน้ายิ้มเเย้มเป็นมิตร ดูใจดี
ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับแบบแผนนี้
แบบแผนที่ 8 บทบาทและสัมพันธภาพ
ข้อมูลอัตนัย : สมาชิกในครอบครัวมี 5 คน ตนเอง ภรรยา และลูกสามคน บทบาทหน้าที่คือดูแลบ้าน ความสัมพันธ์ในครอบครัวรักใคร่กันดีแต่ไม่ได้อยู่กับลูกเพราะลูกไปทำงานไม่ค่อยได้มาหาอยู่กะภรรยาสองคน ขณะเจ็บป่วยมีลูกมาเยี่ยมมาดูแล
ข้อมูลปรนัย : ความสัมพันธ์กับทีมสุขภาพ หมอพยาบาลผู้ป่วยให้ความร่วมมือดีมาก สัมพันธ์ภาพกับผู้อื่นก็เข้ากันได้ดี
ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับแบบแผนนี้
แบบแผนที่ 10 ค่านิยมและความเชื่อ
ข้อมูลอัตนัย : จะพยายามหลีกเสี่ยงสิ่งที่ทำให้อาการของโรคกำเริบหรือเป็นมากขึ้น สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ วัดพระสวดมนต์เข้าวัดทำบุญ
ข้อมูลปรนัย : สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน
ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับแบบแผนนี้
แบบแผนที่ 11 เพศและการเจริญพันธ์ุ
ข้อมุลอัตนัย : ผู้ป่วยเพศชาย อวัยวะเพศปกติ
ข้อมูลปรนัย : พัฒนาการการเจริญพันธ์ุเป็นไปตามวัย ลักษณะอวัยวะเพศชายปกติ ไม่มีสิ่งคัดหลั่งออกมาจากอวัยวะเพศ
ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับแบบแผนนี้
แบบแผนที่ 9 การเผชิญและการทนต่อความเครียด
ข้อมูลอัตนัย : ไม่มีเรื่องวิตกกังวงเพราะเข้าใจถึงการเจ็บป่วยของตนเอง
ข้อมูลปรนัย : การแสดงออกมีครุ่นคิดเป็นบางครั้ง
ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับแบบแผนนี้
พยาธิสภาพ