Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Reproductive System and Physiology of Reproductive System, 60690717-CFB6…
Reproductive System
and
Physiology of Reproductive System
MALE REPRODUCTIVE SYSTEM
external genital organs
Scrotum
ไม่มีไขมันใต้ผิวหนัง และยื่นออกมาจากหน้าท้อง
มีกล้ามเนื้อเรียบ เรียกว่า Dartos muscle และ Cremaster muscle
ช่วยปรับอุณหภูมิของอัณฑะ
ภายในมีอัณฑะ (testis) และบางส่วนของ spermatic cords
Penis ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ (Erectiletissue) 3 อันคือ
Corpus cavernosum หรือcorpora cavernosum 2 อันอยู่ทางด้านบน
Corpus spongiosum 1 อันอยู่ทางด้านล่าง มี urethra ผ่านกลาง
Internal genital organs
มีลักษณะรูปไข่
ขอบด้านหน้ากลม ขอบหลังจะติดกับหลอดอสุจิ(Epididymis)
มีผนังหุ้ม 2 ชั้นคือ
Tunica vaginalis
Tunica albuginea
ภายในท่อสร้างอสุจิ
(Seminiferous tubule )
Seminiferous tubule
• Spermatogenic cell จะเจริญไปเป็น mature sperm (ตัวอสุจิ)
• Interstitial cell หรือ Leydig’s cell ทำหน้าท่ีสร้างฮอร์โมน Testosterone
• Sertoli cell ทำหน้าที่ผลิตของเหลว ใช้หล่อเลี้ยงเซลล์อสุจิ
• หน้าที่ของอัณฑะคือสร้างตัวอสุจิและฮอร์โมนเพศชาย
Epididymis
• วางตัวติดกับด้านหลังของอวัยวะ
• มีหน้าที่สำคัญ คือ เก็บ sperm ไว้จนกว่าจะโตเต็มที่ เพื่อพร้อมที่จะหลั่งออก
Vas deferens or Ductus deferens
• เป็นท่อที่ต่อจากหางของ epididymis และมีส่วนที่พองออกเป็นกระเปราะเรียกว่า Ampulla of vas deferens ซึ่งเป็นที่เก็บอสุจิก่อนปล่อยออกสู่ภายนอก
• เป็นที่เก็บอสุจิก่อนปล่อยออกสู่ภายนอก
Seminal Vesicle
• อยู่ด้านหลังกระเพาะปัสสาวะ
• ทำหน้าที่สร้างน้ำกาม (semem) เพื่อสร้างเป็นอาหารมาเลี้ยง sperm
Ejaculatory Duct
• เปิดเข้าสู่ prostatic urethra ตรงบริเวณต่อมลูกหมาก
• ทำหน้าที่บีบตัว เพื่อขับน้ำอสุจิ
Prostate Gland
• อยู่ด้านล่างกระเพาะปัสสาวะ และหลัง pubic symphysis
• มีหน้าที่สร้าง Prostate fluid ที่มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ
Cowper’s gland
• รูปร่างกลมเท่าเม็ดถั่ว
• มีหน้าที่หลั่งสารเมือก เพื่อช่วยหล่อลื่นขณะร่วมเพศ และช่วยลดความเป็นกรดของน้ำปัสสาวะ
Spermatozoa
• ส่วนหัว (Head )มีลักษณะกลมรี มีสารพันธุกรรมและ Acrosome บรรจุเอนไซม์ที่ช่วยในการเจาะเข้าสู่ไข่
• ส่วงกลาง (Body )เป็นส่วนคอมี Mitochondia จำนวนมาก
• ส่วนหาง (Tail ) เป็น Flagellum
Female reproductive system
อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกเพศหญิง
Mons pubis
• มีหน้าที่ป้องกันการกระแทกของ Pubic bone ในขณะร่วมเพศ และสร้างกลิ่นทางเพศ(Pheromone)
Labia majora
• มีลักษะเป็นกลีบเนื้อนูน
• เทียบเท่ากับ Scrotum ของเพศชาย
Labia minora
• ด้านบนจรดเป็นหนังหุ้ม Clitoris เรียกว่า frenulum
• ด้านล่างจะมารวมกันเป็น Fourchette
• ทำหน้าที่ล้อมรอบและปกปิดรูเปิดของท่อปัสสาวะและช่องคลอด
Clitoris
• เป็นก้อนเนื้อเล็กๆ ตั้งอยู่อนบนของแคมเล็ก (Labia minora) และใต้ต่อ mons pubis
• ภายในประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ (Erectile tissue)
• เทียบได้กับอวัยวะเพศชาย คือ Penis
Vestibule
• เป็นบริเวณตั้งแต่ clitoris จนถึง fourchette
• อยู่นอก hymen มีช่องสำคัญๆ มาเปิดคือ vagina urethral orifice และ bartholin duct
Bartholin gland
• เป็นต่อมที่สำคัญ ทำหน้าที่ขับเมือกสีเหลืองข้นๆ ออกมาช่วยหล่อลื่นช่องคลอดระหว่างร่วมเพศ
Skene’s glands หรือ paraurethral gland
• เป็นช่องเปิดเล็กๆ 2 ช่อง เทียบเท่ากับต่อมลูกหมากในเพศชาย
เยื่อพรหมจารี (Hymen)
• เป็นเยี่อที่ยืดหดได้ปิดปากช่องคลอดเกือบหมดเว้นช่องเล็กๆไว้ตรงกลาง เพื่อให้ประจำเดือนผ่าน
ฝีเย็บ (Perineum)
• ทำหน้าที่พยุงอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน
• ประกอบด้วย perineal body ก้ามเนื้อ levator ani,External anal sphincter,
Superficial transverse perinesl
อวัยวะสืบพันธุ์ภายในเพศหญิง
Cervix
• Internal os เปิดเข้าสู่โพรงมดลูก
• External os ยื่นเข้าไปในช่องคลอด
Uterine หรือ Fallopian tube แบ่งออกเป็น 4 ส่วน
Interstitial portion (Cornu)
Isthmus
Ampulla
Infundibulum
ทำหน้าที่เก็บเซลล์ไข่ที่หลุดออกจากรังไข่ เป็นบริเวณที่เกิดการปฏิสนธิ และนำเซลล์ไข่ที่ผสมติดแล้วเดินทางเข้าสู่โพรงมดลูก
Uterus
• อยู่ใน Pelvic cavity ด้านหน้าเป็บ urinary bladder ด้านหลังเป็น rectum
แบ่งออกเป็น 4 ส่วน
• ยอดมดลูก (Fundus)
• ตัวมดลูก (Body หรือ corpus)
• Isthmus
• ปากมดลูก (Cervix)
ผนังมดลูก
• เส้นเลือดที่มาเลี้ยงมดลูก มาจาก
Uterine artery เป็นแขนงมาจาก internal lilac ateries
Ovarian artery เป็นแขนงมาจาก abdominal artery
Endometrium แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
Stratum functionalis
Stratum basalis
Ligament ที่ยึดมดลกู (Uterus)
• Broad ligament
• Round ligament
• Uterosacral ligament
• Transverse cervical ligament หรือ (Cardinal ligament)
Ovary
• ทำหน้าที่ สร้างเซลล์ไข่ และสร้างฮอรโมน 2 ชนิด คือ EstrogenและProgesterone
• แรกคลอดมีถุงไข่ประมาณ 2 ล้านใบ —> แรกแรกรุ่น 4 แสนใบ —> 400 ใบที่จะเจริญเต็มที่เป็น graffian follicle
Vagina
• มีหน้าที่เป็นทางผ่านของเชื้ออสุจิเข้าภายใน และเป็นทางผ่านของเด็กขณะคลอด
• เยื่อบุภายในช่องคลอดสามารถสลายตัวเกิดระดูขาวปกติในช่องคลอด
หน้าที่การทำงานของระบบสืบพันธุ์ —> ดำรงค์พันธุ์ให้คงอยู่ในโลกสืบต่อไปไม่ให้สูญพันธุ์
ระบบสืบพันธุ์
Primary sex organs, Gonads
• สร้างเซลล์สืบพันธุ์(Gametes)→Testes(Male),Ovaries(Female)
อัณฑะ (Testes) →สร้างอสุจิ(Sperm)
→ ผลิต Testosterone
Secondary sex organs, Accessory
• ท่อต่าง ๆ (Various ducts), ต่อม (Glands), และอวัยวะเพศภายนอก (External genitalia)
การควบคุมการทำงานโดย Hypothalamic-Pituitary-Gonadal axis
Testes
• อวัยวะสืบพันธุ์ระดับปซมภูมิ (Primary sex organs, Gonads)
• Sertoli cells มีกระบวนการ Spermatogenesis สร้างอสุจิ
• Leydig cells มีกระบวนการ Steroidogenesis ผลิตฮอร์โมน Testosterone
อวัยวะต่างๆ ในระบบสืบพันธ์เพศหญิง
อวัยวะสืบพันธุ์ระดับปฐมภูมิ
รังไข่ (Ovaries) → สร้างไข่ (Ovum)
→ ผลิต Estrogen, Progesterone
Oogenesis and Ovarian cycle
Estrogen, Progesterone
อวัยวะสืบพันธุ์ระดับทุติยภูมิ
Uterus, Fallopian tube, Vagina, Mammary glands
Ovaries
• อวัยวะสืบพันธุ์ระดับปฐมภูมิ (Primary sex organs, Gonads)
• มีกระบวนการ Oogenesis สร้างไข่ (Oocyte/Ovum)
• Follicle ผลติ ฮอร์โมน Estrogen
• Corpus luteum ผลติ ฮอร์โมน Progesterone
การตั้งครรภ์
ใช้เวลา 266-270 วัน นับตั้งแต่ปฏิสนธิถึงคลอด
การคลอด
การให้นม
• Oxytocin หลั่งน้ำนม
• Prolactin ผลิตน้ำนม
เอ็นที่ยึด ovary กับ uterus