Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Normal Labor Preterm with Low birth weight - Coggle Diagram
Normal Labor
Preterm with Low birth weight
การประเมินภาวะสุขภาพของมารดาหลังคลอดตามหลัก13B
Background(ภูมิหลัง)
ข้อมูลส่วนบุคคล : มารดาหญิงไทย อายุ21ปี อาชีพพนักงาน7-11 อาศัยอยู่กับบิดาและมารดา
น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 44 kg. ส่วนสูง 162 cm. BMI=16.77 kg/m2
ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว:มารดาเป็นDM,HT และบิดาเป็นHT
ปฏิเสธประวัติการแพ้ยาและอาหาร
ประวัติการตั้งครรภ์ : G1P0 GA 34 wks by dateTotal ANC 8ครั้งที่คลินิก3ครั้ง รพ.ตร.5ครั้ง LMP 30/6/64 x 2 days EDC 6/4/65 by date ได้รับการตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์ พบว่าไม่มีความเสี่ยง
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC:ปกติทุกตัว UA:ปกติทุกตัว
Hb E screening(DCIP): Negative
ABO group: B Rh+ Indirect anti globulin Test: Negative
HBs AG:Negative HIV Ab:Negative VDRL:non-reactive
ANC risk preterm with low birth weight 2,120g
อาการสำคัญ : น้ำเดิน 3hr.PTA
อาการปัจจุบัน : 3 hr. PTA มีน้ำเดิน ไม่มีมูกเลือด ไม่มีเจ็บท้อง ไม่มีท้องแข็ง ไม่มีเวียนศีรษะ ไม่มีตาพร่ามัว ไม่มีจุกแน่นลิ้นปี่ ลูกดิ้นดี
Body condition(สภาวะสุขภาพทั่วไปของร่างกาย)
Day 1(24/2/65)มารดารู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง conjunctivaสีแดงอมชมพู หายใจRoom Airไม่มีหอบเหนื่อย เต้านมนิ่ม ไม่มีคัดตึง ลานนมนิ่ม มีน้ำนมออกเล็กน้อย มีแผลฝีเย็บ pain score=2 น้ำคาวปลา lochia rubra 20 ml. ขาไม่บวมไม่กดบุ๋ม ลุกจากเตียงไปห้องน้ำได้
Day 2(25/2/65)มารดารู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง conjuntiva สีแดงดี ไม่ซีด หายใจRoom Air จมูกไม่คด ไม่บวม ไม่มีฟันผุ เต้านมนิ่ม กดไม่เจ็บ คลำไม่พบก้อน ลานนมไม่แข็ง มีแผลฝีเย็บ pain score=1 น้ำคาวปลา lochia ruba 10ml. ขาไม่บวมกดไม่บุ๋ม ลุกจากเตียงไปห้องน้ำได้
Body temperature and blood pressure(อุณหภูมิร่างกายและความดันโลหิต)
24/2/65 BT=36.3 องศาเซลเซียส BP=120/70 (10.00น.)
25/2/65 BT=36.8 องศาเซลเซียส BP=137/82 (10.00น.)
Breast and lactation (เต้านมและการหลั่งน้ำนม)
Day 1(24/2/65)เต้านมนิ่ม ลานนมนิ่ม ไม่ปวด ไม่คัดตึง หัวนมยาวประมาณ 1 cm. น้ำนมไหล 1+ทั้งสองข้าง
Day2(25/2/65) เต้านมนิ่ม คัดตึงเล็กน้อย กดไม่เจ็บ คลำไม่พบก้อน ลานนมไม่แข็ง หัวนมไม่สั้น ไม่บอด ไม่บุ๋ม น้ำนมไหล1+ทั้งสองข้าง
Belly and uterus (หน้าท้องและมดลูก)
Day1(24/2/65)หน้าท้องมี striae gravidarum ระดับยอดมดลูกอยู่ที่ 4 นิ้ว
Day2(25/2/65) หน้าท้องมีstriae gravidarum สีชมพู ระดับยอดมดลูกอยู่ที่3.5 นิ้ว
Bladder (กระเพาะปัสสาวะ) แม่ปัสสาวะเองไม่มี Bladder full
Bleeding and lochia (เลือดและน้ำคาวปลา) แผลฝีเย็บไม่มีเลือดซึม น้ำคาวปลาเป็นสีแดง rubra ปริมาณ 20 c.c.
Bottom (ฝีเย็บและทวารหนัก)ผลลฝีเย็บตามหลัก REEDAR:แผลฝีเย็บไม่แดงE:ไม่แดงE:ไม่ฟกช้ำD:ไม่มีdischarge ซึมA:ขอบแผลไม่แยก
Bowel movement (การทำงานของลำไส้) หลังคลออดยังไม่อุจจระ ไม่มีท้องอืด
Blues (ภาวะด้านจิตใจ) มารดาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแต่ไม่มีภาวะซึมเศร้า มั่นใจในการเลี้ยงลูก
Bonding and attachment (สัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก) มารดามีสัมพันธภาพที่ดีกับทารก ไปเยี่ยมบุตรที่SNCU วันละ2-3ครั้ง
Baby (ทารก)
ทารกเพศหญิง น้ำหนักแรกเกิด2,120g. APGAR 9-10-10
Belief (ความเชื่อ) มารดามีความเชื่อเรื่องการอยู่ไฟ และมีทัศนะคติที่ดีต่อการเลี้ยงลูดโดยใช้นมแม่และคาดว่าจะให้นมแม่ไปจนกว่าจะหมดนม
การตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกายตามระบบ
ผม : สีดำ ไม่แห้งเสีย สะอาด ไม่มีรังแค
ใบหน้า : ไม่มีอาการบวม สีหน้าสดชื่น
Conjunctiva : สีแดงดี ไม่มีภาวะซีด
จมูก : ไม่มีสารคัดหลั่ง ไม่มีบวม
ปาก : ริมฝีปากไม่แห้ง มีฟันผุ 1 ซี่
เล็บ : capillary refill 2s
skin : ชุ่มชื้นดี ไม่แห้ง
Thyroid gland: ไม่มีบวม
แขน : no injection plug
เต้านม : ไม่มีคัดตึงเต้านม ลานนมนุ่ม หัวนมไม่มีสั้น บอด บุ๋ม
ขา : ไม่มีกดบวม
การประเมินแผลฝีเย็บ
ประเมินแผลลฝีเย็บตามหลัก REEDA
Day1 (24/2/65)
R:แผลฝีเย็บไม่แดง
E:ไม่บวม
E:ไม่ฟกช้ำ
D:ไม่มีdischarge ซึม
A:ขอบแผลไม่แยก
Day2 (25/2/65)
R:แผลฝีเย็บไม่แดง
E:ไม่บวม
E:ไม่ฟกช้ำ
D:ไม่มีdischarge ซึม
A:ขอบแผลไม่แยก
การประเมินระดับยอดมดลูก
Day1
วัดระดับยอดมดลูกอยู่ต่ำกว่าสะดือ วัดจาก symphisis pubis จนถึงยอดมดลูกอยู่ที่4นิ้ว
Day2
วัดระดับยอดมดลูกอยู่ต่ำกว่าสะดือ วัดจาก symphisis pubis จนถึงยอดมดลูกอยู่ที่3.5นิ้ว
การประเมินการเข้าเต้าของมารดา
LATCH
Latch:1คะแนน
Audible:0คะแนน
Types:2คะแนน
Comfort:1คะแนน
Hold:1คะแนน
รวม5คะแนน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มารดาเสี่ยงตกเลือดหลังคลอด
ข้อมูลสนับสนุน SD : มารดาบ่นปวดแผลฝีเย็บ
OD : pain score = 5
4T : Tone - มารดาคลอดบุตรคนแรก
Trauma - มีแผลจากการลอกตัวของรกที่มดลูก
Tissue - ไม่มีรกค้าง
Thrombin - ไม่มีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอด
เกณฑ์การประเมินผล
1.น้ำคาวปลาควรออกไม่เกิน 50 ml./hrและภายใน24ชม.ไม่มีเลือดออกมากกว่า 500 ml.
2.ไม่มีอาการแสดงของภาวะช็อคจากการเสียเลือด ได้แก่ หน้ามืด ใจสั่น เหงื่ออก ตัวเย็น ซีด ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
กิจกรรมการพยาบาล
1.บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติและให้การช่วยเหลือได้ทันที
2.ดูแลกระตุ้นให้ผู้ป่วยปัสสาวะ เพื่อป้องกันไม่ให้กระเพาะปัสสาวะเต็มเพราะไปขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก
3.สังเกตลักษณะและจํานวนน้ำคาวปลาและเลือดที่ออกทางช่องคลอด โดยสังเกตจากความชุ่มของผ้าอนามัย ให้เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2-4 ชั่วโมงหรือเมื่อผ้าอนามัยเปียกชุ่ม
4.สังเกตระดับความรู้สึกตัวและอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ซีด เพื่อประเมินการตอบสนองของร่างกายต่อปริมาณเลือดที่ลดลงในระบบไหลเวียนเลือด
5.ดูแลให้มารดาพักอย่างเพียงพอ จัดการลําดับขั้นตอนการพยาบาลอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดการรบกวนมารดาในระหว่างที่มารดาพักผ่อน
การประเมินผล:
1.lochia rubra มีปริมาณ 20cc./day
2..ผู้ป่วยไม่มีอาการ หน้ามืด ใจสั่น เหงื่ออก ตัวเย็น ซีด
มารดาไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลฝีเย็บ
ข้อมูลสนับสนุน
SD: มารดาบอกว่าปวดแผลผีเย็บ
OD: สีหน้าไม่สุขสบาย pain score 5 คะแนน
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยสุขสบายอาการปวดลดลง
เกณฑ์การประเมินผล
1.มารดาปวดแผลลดลง pain score น้อยกว่าเท่ากับ 5
2.สีหน้าสุขสบาย นอนหลับพักผ่อนได้
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินความเจ็บปวดของอาการปวดแผลผ่าตัดด้วยการสอบถาม สังเกตสีหน้าและใช้การประเมินpain scoreเพื่อนำไปการวางแผนการพยาบาลและเลือกวิธีบรรเทาอาการปวด
2.ให้คำแนะนำมารดาในการปฏิบัติตัว ดังนี้- นอนในท่าที่สบาย เพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อมารดารู้สึกตัวดีจัดให้ให้นอนท่านอนยืดหลังไม่ทิ้งน้ำหนักไปยังแผลฝีเย็บโดยหลีกเลี่ยงการตะแคงไปทางด้านขวา ขณะลุกนั่งเพื่อเดินให้ปฏิบัติเช่นเดียวกัน
3.ให้การพยาบาลหลายๆอย่างในครั้งเดียว และ ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวลเพื่อลดการกระทบกระเทือนแผล
ประเมินแผลฝีเย็บตามหลัก REEDA
5.พูดคุยให้กำลังใจมารดาเพื่อให้มารดารู้สึกผ่อนคลายช่วยให้ลดความเจ็บปวด
การประเมินผล:
1.pain score=1คะแนน
2.มารดามีสีหน้าสุขสบาย นอนหลับพักผ่อนได้
มารดาเสี่ยงต่อการเกิดภาวะพลัดตกหกล้ม
ข้อมูลสนับสนุนOD : มารดาหลังคลอดมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม
เกณฑ์การประเมินผล
มารดาไม่เกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินระดับความรู้สึกตัวของมารดา อาการอ่อนเพลีย
2.ดูแลให้ผู้คลอดนอนพักบนเตียง 8 ชั่วโมง
3.ช่วยเหลือมารดาหลังคลอดทำกิจกรรมที่มารดาหลังคลอดไม่สามารถทำได้ หรือช่วยอำนวยความสะดวก
4.จัดวางสิ่งของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มีแสงสว่างเพียงพอ และจัดของให้มารดาสามารถหยิบใช้งานได้สะดวก
5.ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทั้ง 2 ข้างทุกครั้งหลังให้การพยาบาล เพื่อป้องกันมารดาพลัดตกเตียง
6.ให้ความช่วยเหลือขณะขึ้น-ลงเตียงและขณะทำกิจกรรมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
7.ปรับเตียงให้ต่ำสุดเพื่อป้องกันการตกเตียง
8.นำกริ่งมาไว้ใกล้ตัวเพื่อให้สะดวกกับการให้ความช่วยเหลือมารดา
การประเมินผล:มารดาไม่เกิดการพลัดตกหกล้ม ไม่เกิดบาดแผล
ขาดทักษะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ข้อมูลสนับสนุน
OD: -มารดามีบุตรคนแรก- มารดาไม่สามารถให้นมได้ด้วยตนเอง ต้องมีพยาบาลคอยช่วยเหลือจัดท่า - LATCH score5/10
วัตถุประสงค์การพยาบาล มารดาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้
เกณฑ์การประเมินผล
1.มีทักษะในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ได้แก่ สามารถอุ้มลูกดูดนมได้ถูกวิธี บีบน้ำนมออกจากเต้าได้
2.ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวนมแตก เต้านมคัด
3.LATCH score > 8
กิจกรรมการพยาบาล1.พูดคุยให้คำแนะนำให้ความรู้ถึงประโยชน์ของนมแม่ที่มีต่อลูกและแม่ แนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวนาน6เดือนเพราะน้ำนมแม่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางสารอาหารสูง และมีภูมิคุ้มกันสูง2.ให้คำแนะนำสอนและฝึกปฏิบัติการให้นมลูกในท่าที่ถูกต้องและสอนวิธีการให้นมอย่างถูกวิธีดังนี้ นั่งให้สบายบนเก้าอี้ที่มีพนักพิงอุ้มลูกไว้แนบชิดและพยายามให้ศีรษะ ไหล่ และตัวลูกอยู่ในแนวตรงให้จมูกของลูกอยู่ตรงบริเวณหัวนม แล้วใช้นิ้วเขี่ยปากเบาๆเมื่อลูกอ้าปากกว้าง ให้อุ้มลูกเข้าหาเต้านม (ไม่ใช่ยื่นตัวคุณเข้าหาลูก)คุณแม่จะรู้ว่าลูกดูดนมถูกวิธีหรือไม่จากการสังเกตริมฝีปากล่างซึ่งควรเผยอออก และส่วนเดียวที่คุณแม่จะมองเห็นได้คือ ส่วนที่อยู่เหนือริมฝีปากบนที่อยู่บริเวณลานหัวนม (บริเวณที่เป็นสีเข้มรอบหัวนม) และคุณแม่ต้องคอยฟังเสียงกลืนของลูกด้วยถ้าลูกเอามือปัดป่ายไปมาอยู่เสมอ ให้ใช้ผ้าห่อตัวลูกไว้เพื่อให้แขนแนบอยู่ข้างลำตัวท่าให้นมลูก cradle hold แบบนั่งอุ้มเห่กล่อม ทำได้โดยให้คุณแม่อุ้มลูกวางนอนขวางบนตัก ใช้มือและแขนโอบลูกนอนตะแคงเข้าหาแนบท้องแม่ ศีรษะลูกอยู่สูงกว่าลำตัวเล็กน้อย ส่วนท้ายทอยลูกอยู่บริเวณแขนของคุณแม่ และใช้มืออีกข้างช่วยประคองเต้านม- ใช้มือจับเต้านม โดยใช้นิ้วหัวแม่มืออยู่ด้านบน และนิ้วอื่นๆ รองรับเต้านม ปากทารกอยู่บริเวณลานหัวนม เพื่อให้มารดามีความมั่นใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่3.สอนและจัดท่านอนที่ถูกต้องหลังการให้นม โดยให้มารดาจับลูกเรอทุกครั้งหลังการให้นม
การประเมินผล:
1.มารดายังอุ้มลูกเข้าเต้าได้ไม่ถูกวิธี และยังต้องการการช่วยเหลือ
2.มารดาไม่มีอาการคัดตึงเต้านม หัวนมไม่แตก
3.LATCH score=5
ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก
ข้อมูลสนับสนุน
SD - แม่บอกว่าลูกน่าจะไม่ได้กลับบ้านพร้อมแม่
OD - ทารกอยู่ SNCU เนื่องจากตลอดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ 2120 กรัม
วัตถุประสงค์ เพื่อให้มารดาและทารกมีสัมพันธืภาพที่ดีต่อกัน
เกณฑ์การประเมินผล มารดามีความใส่ใจที่จะไปเยี่ยมบุตรด้วยตนเอง
กิจกรรมการพยาบาล1. เนื่องจากทารกมีความเสี่ยงสูงจึงต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดที่ SNCU มารดาและทารกจึงต้องแยกจากกันมีการจำกัดเวลาที่ไปเยี่ยมลูกดังนั้นการให้คำแนะนำมารดาในการสร้างปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องเช่น การสัมผัส การอุ้ม กอด การประสานสายตา การยิ้ม การพูดคุย การเรียกชื่อทารก การปลอบโยนเมื่อทารกร้องไห้ ซึ่งช่วยส่งเสริมพัมนาการทางด้านสัมธภาพและการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา 2.ให้ความรู้และกระตุ้นคนในครอบครัว 3.คอยให้ความรู้ และให้กำลังใจแก่มารดา เพื่อให้สามรถพัฒนาการเลี้ยงบุตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การประเมินผลทางการพยาบาล มารดามีความใส่ใจไปเยี่ยมบุตรและสามารถปฏิบัติตามที่พยาบาลให้คำแนะนำได้
การวางแผนจำหน่ายมารดาและทารกตามหลัก DMETHOD
Diagnosis
ในระยะหลังคลอดจะมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา และจิตสังคม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของหญิงหลังคลอดมีดังนี้ ได้แก่ ระบบอวัยวะสืบพันธุ์ มดลูกจะลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉลี่ยประมาณวันละครึ่งนิ้ว เรียกว่า มดลูกเข้าอู่ ช่องคลอด ความตึงตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะลดลง ทำให้มารดาไม่รู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะ เต้านมขนาดจะใหญ่ขึ้นเพราะถุงผลิตน้ำนมมีการสร้างน้ำนม โดยท่อน้ำนมมีการขยายใหญ่เต็มที่ เพื่อเก็บน้ำนมสำหรับเลี้ยงทารก ลานนม จะขยายกว้างและสีเข้ม การเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการรับบทบาทในการเป็นแม่ ในการรับสมาชิกใหม่
M (Medication) ไม่มี Home med
E (Environment & Economic)
ความรู้เรื่องการดูแลรักษาความสะอาดบ้านเรือนและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมสุขภาพไม่ควรดูแลสัตว์เลี้ยงหรือทำความสะอาดกรงสัตว์เพราะอาจติดเชื้อโรคจากสัตว์ได้
จัดบ้านเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีการกำจัดขยะมูลฝอยได้ถูกต้อง
-ถ้าห้องที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศควรเปิดหน้าต่างเพื่อให้มีลมผ่านเข้ามา ถ่ายเทอากาศในห้องได้สะดวก
-ห้องที่อยู่ควรเป็นห้องที่เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน เป็นห้องที่จัดวางสิ่งของให้สะดวกแก่การหยิบใช้
การกำจัดทำลายเชื้อจากสารคัดหลั่งต่างๆได้ถูกวิธี เช่น เสื้อผ้าซักทันทีด้วยผงซักฟอก ตากให้แห้ง
มารดาไม่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจแม้จะแยกทางกับสามี
T (Treatment)
รับรู้ปัญหาการเจ็บป่วยของตนเองแนะนำให้เฝ้าระวังสุขภาพโดยมาพบแพทย์ตามนัด- ดูแลรักษาความสะอาดแผลฝีเย็บ ล้างฟอกด้วยสบู่ ซับให้แห้ง เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3 ชั่วโมงหรือเมื่อเปียกชุ่ม- มีอาการผิดปกติ เช่น แผลฝีเย็บบวมแดง แผลแยก น้ำคาวปลามีสีแดงเข้ม หรือมีกลิ่น เหม็นต้องมาพบแพทย์ - บุตรมีไข้ ตัวตาเหลือง สะดือบวมแดง ไม่ดูดนม ท้องอืด ต้องมาพบแพทย์
H (Health)
เพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ร่างกายกลับสู่สภาพเดิมได้ตามปกติโดย
การออกกำลังกาย สม่ำเสมอ อย่างน้อย 3 ครั้ง/ สัปดาห์- การพักผ่อนนอนหลับ การขจัดความเครียดต่างๆ เช่น การพูดคุยกับเพื่อนๆ
การดูหนัง ฟังเพลง การทำงานอดิเรกที่พึงพอใจส่งเสริมสุขภาพให้ทารกมีพัฒนาการตามวัย โดย
การดูแลรักษาความสะอาดสะดือบุตร สอนสาธิตการเช็ดสะดือบุตรด้วยแอลกอฮอล์ 70% เช้า-เย็น และหลังอาบน้ำ จนกว่าสะดือจะหลุด และแห้งดี
ส่งเสริมการกระตุ้นพัฒนาการของบุตรตามแนวปฏิบัติจากสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก
ให้ทารกดูดนมมารดาทุก 2 ชั่วโมงหรือเมื่อทารกต้องการอย่างเดียว 6 เดือน
O (Outpatient)
อธิบายให้มารดาเข้าใจความสำคัญของการมาตรวจตามนัด ทั้ง วัน เวลา และสถานที่
-มารดา นัดตรวจหลังคลอด ตรวจมะเร็งปากมดลูก และการวางแผนครอบครัว เมื่อหลังคลอด 6 สัปดาห์และหากมีอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ เช่น การอักเสบ และการแยกของแผลผีเย็บ ความผิดปกติของน้ำคาวปลา การหดรัดตัวของมคลูกไม่ดี และถ่ายปัสสาวะแสบขัด
-บุตร นัดพาบุตรมารับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี เข็มที่ 2 เมื่ออายุ 1 เดือน และเข็มที่ 3 เมื่ออายุ 6 เดือน
D (Diet)
อาหารสำหรับคุณแม่หลังคลอด คุณแม่ต้องหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ให้กินอาหารอ่อน ย่อยง่าย ป้องกันท้องผูกและกินอาหารที่กระตุ้นน้ำนมสำหรับทารก เช่น
1.แกงเลียง ที่ประกอบไปด้วยผักนานาชนิด รวมไปถึงสมุนไพรอีกหลายอย่างที่อุดมไปด้วยสารอาหาร อาทิ แครอท ฟักทอง ใบแมงลัก ใบตำลึง กระชาย หอมแดง ฯ ช่วยเพิ่มพลังงานและกระตุ้นน้ำนมของคุณแม่หลังคลอดได้เป็นอย่างดี
2.แกงหัวปลี ซึ่ง"หัวปลี" เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับกระตุ้นน้ำนมแม่ เพราะหัวปลีช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และทำให้น้ำนมแม่เพิ่มขึ้น
3.ไก่ผัดขิง ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน เข้าไปช่วยกระตุ้นน้ำนมของคุณแม่ได้ส่วนเมนูอาหารที่อ่อนง่าย เช่น
1.แกงจืดเต้าหู้ เป็นอาหารที่ได้สารอาหารครบถ้วน
2.เมนูปลา ซึ่งปลาอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายและยังมีโอเมก้า 3 ซึ่งจำเป็นสำหรับคุณแม่หลังคลอด
3.เมนูไข่ ไข่เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงและย่อยง่าย สามารถเพิ่มพลังงานให้กับคุณแม่หลังคลอดได้
4.ผัดผัก หรือผัดเห็ด ซึ่งในผักต่างๆมีวิตามิน เกลือแร่ แลสารอาหารมากมาย ได้แก่ ฟักทองที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและสังกะสี ช่วยบำรุงกระดูกและฟันของคุณแม่ให้กลับมาแข็งแรง ทั้งยังมีเส้นใยแก้ท้องผูก และช่วยระบบขับถ่ายของคุณแม่ได้ นอกจากนี้ฟักทองยังช่วยกระตุ้นน้ำนมได้อีกด้วย
5.ผัดเห็ด “เห็ด” จัดเป็นอาหารสุขภาพ อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นของร่างกาย อาทิ โปรตีน ไขมัน และกรดอะมิโน ผัดเห็ดรวมจึงเป็นอีกหนึ่งเมนูที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่กลับเข้าสู่ภาวะสมดุล พร้อมสำหรับการให้นมลูกได้เป็นอย่างดี