มารดาหลังคลอด อายุ 38 ปี
Dx. Previous Cesarean Section
นศพต.เสาวลักษณ์ เลิศไกร เลขที่ 71
Problem list
- Day 1
- น้ำนมไม่ไหล
- ปวดแผลผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
pain score = 8 คะแนน - มีอาการท้องผูก
- ปัสสาวะแสบขัดเล็กน้อยหลัง off Foley catheter
- Day 2
- เริ่มคัดตึงเต้านม น้ำนมไหลระดับ 2+
- ปวดแผลผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง pain score = 3 คะแนน
- มีอาการท้องผูก ไม่ถ่ายอุจจาระ
การประเมินมารดาหลังคลอดตามหลัก 13 B
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
แนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน
- มารดามีโอกาสติดเชื้อจากแผลผ่าตัดคลอด
- Background
ข้อมูลสนับสนุน
- มารดามีแผลผ่าตัดคลอด Lt. c/s due to previous c/s
- มีน้ำคาวปลาออกทางช่องคลอดปริมาณ 50 ml (24/02/2565)
- ข้อมูลส่วนบุคคล
มารดาหลังคลอด เตียง 19 อายุ 38 ปี
สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย ศาสนาพุทธ
ประกอบอาชีพ ค้าขายของออนไลน์
ที่อยู่อาศัยเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น
น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 43 กิโลกรัม ส่วนสูง 162 เซนติเมตร BMI 16.38 kg/m^2
น้ำหนักปัจจุบัน 58.5 กิโลกรัม
น้ำหนักขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ 15.5 กิโลกรัม
วัตถุประสงค์
เกณฑ์การประเมิน
กิจกรรมการพยาบาล
การประเมิน
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาวะติดเชื้อ
- อุณหภูมิร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ 36.5 - 37.4 องศาเซลเซียส
- ผ้าก๊อซปิดแผลผ่าตัดไม่มีเลือดซึม หรือ discharge
ซึมออกมา
การพยาบาลหลังผ่าตัด
ระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัดคลอด
- งดน้ำงดอาหารต่อเนื่องจนกว่าลำไส้จะเริ่มทำงาน
โดยการฟังเสียง bowel sound 1 นาที หรือมีการเรอหรือผายลมออกมา และแพทย์จะพิจารณาให้มารดารับประทานอาหาร - ในระหว่างนี้มารดาจะได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำและคาสายสวนปัสสาวะ หากไม่มีภาวะแทรก็ซ้อน และมารดาสามารถลุกไปเข้าห้องน้ำเองได้ มารดาจะได้รับการเอาสายสวนปัสสาะออกในวันรุ่งขึ้น
- หากมารดามีอาการปวดแผลมาก สามารถแจ้งเพื่อขอรับยาแก้ปวดตามแผนการรักษาได้ คือ paracetamol 500 MG. TAB. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ทุก 6 ชม. เวลาปวดหรือมีไข้
- ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิของร่างกาย เนื่องจากเป็นอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อในร่างกาย
- ดูแลสิ่งแวดล้อมผู้ป่วยให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค และป้องกันการติดเชื้อจากภายนอกเข้าสู่ร่างกาย
- ล้างมือให้สะอาดตามหลัก Hand hygiene 5 moments
1.ก่อนสัมผัสผู้ป่วย
2.ก่อนทำหัตถการ
3.หลังสัมผัสอุปกรณ์และสารคัดหลั่งผู้ป่วย
4.หลังสัมผัสผู้ป่วย
5.หลังสัมผัสสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วย - ประเมินแผลบริเวณที่ผ่าตัด โดยสังเกตที่ผ้าก๊อซว่ามีเลือดซึม หรือมี discharge ออกมาหรือไม่
- กระตุ้นให้มารดาลุกเดินบ่อยๆ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงแผลได้ดีขึ้น
- ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา ได้แก่ Dicloxacillin 500 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน
- ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอด
G1 25/09/52 ทารกเพศหญิง อายุครรภ์ 37 wks ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง น้ำหนักแรกเกิด 3,200 กรัม ไม่มีภาวะแทรกซ้อนขณะคลอด
G2 25/12/55 ทารกเพศชาย อายุครรภ์ 37 wks ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง น้ำหนักแรกเกิด 3,200 กรัม ไม่มีภาวะแทรกซ้อนขณะคลอด
LMP 20/11/64 x 5 วัน
EDC by date 24/02/65
- อาการสำคัญ
มาตามนัดฝากครรภ์ G3P2A0 GA 39+5 wks by date
- ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน
9 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาลมีจุกแน่นใต้ลิ้นปี่คล้ายกรดไหลย้อน มีปวดศีรษะ ตาพร่ามัว
2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล มีท้องแข็ง หายใจหอบเหนื่อยและอ่อนเพลีย ไม่มีเจ็บครรภ์ มีคลื่นไส้อาเจียน ไม่มีมูกเลือด ไม่มีน้ำเดิน ไม่มีไข้ ลูกดิ้นดี ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะไม่สุด ขับถ่ายปกติ มา Admit มีนัดผ่าคลอด 23/02/65
- มารดามีอุณหภูมิร่างกาย
• 37.5 องศาเซลเซียส (เวลา 10.00 น.)
• 37.4 องศาเซลเซียส (เวลา 14.00 น.) - ผ้าก๊อซปิดแผลผ่าตัดไม่มีเลือดซึม หรือ discharge
ซึมออกมา
- ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
ปฏิเสธแพ้ยาแพ้อาหาร
ปฏิเสธการเจ็บป่วยในครอบครัว
ปฏิเสธการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
4.มารดาวิตกกังวลเนื่องจากน้ำนมไหลน้อย
และมีอาการคัดตึงเต้านม
- Body condition
- ศีรษะ : ผมสีดำปนน้ำตาล หนังศีรษะสะอาด ไม่มีรังแค ไม่มีเหา
- ตา : conjunctiva สีแดง ไม่ซีด
- จมูก : เยื่อบุในโพรงจมูกไม่บวม ไม่คัดจมูก
ไม่มีสิ่งคัดหลั่ง - คอ : ต่อมน้ำเหลืองไม่โต ต่อมไทรอย์ไม่โต ไม่มีก้อน
กดไม่เจ็บ - ทรวงอกและปอด : อกไม่บุ๋ม สมมาตรกันทั้งสองข้าง ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ
- เต้านมและหัวนม : เต้านมมีลานนมนิ่ม ไม่มีคัดตึงเต้านม น้ำนมไม่ไหล
- หน้าท้อง : มารดามีแผลผ่าตัดคลอด Lt. c/s due to previous c/s มีเส้น linea nigra
- แขนขา : แขนและขาเคลื่อนไหวได้ปกติ motor power grade 5
ข้อมูลสนับสนุน
- มารดาน้ำนมไหลน้อย
- การประเมินการไหลของน้ำนมระดับ 2+
- มารดาบอกว่า ‘ รู้สึกเจ็บและคัดตึงเต้านม ’
- Latch score 6 คะแนน
- Body temperature & Blood pressure
วัตถุประสงค์
เกณฑ์การประเมินผล
กิจกรรมการพยาบาล
- Day 1 เวลา 10.00 น.
Body Temperature = 37.5 องศาเซลเซียส
Pulse = 78 ครั้งต่อนาที
Respiratory = 18 ครั้งต่อนาที
Blood Pressure = 108/62 mmHg
O2 saturation = 99%
การประเมิน
การดูแลบุตร
- Breast & Lactation
การดูแลตนเอง
อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์
อาหาร
- รับประทานให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารประเภทโปรตีน เช่น ไข่ นม เนื้อสัตว์ เนื้อปลา เป็นต้น เพื่อส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้แผลสมานและหายเร็วขึ้น
- รับประทานอาหารที่กระตุ้นน้ำนม เช่น น้ำขิง กระชาย ตำลึง หัวปลี อินทผลัม เป็นต้น
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8-10 แก้ว/วัน
- เลี่ยงอาหารหมักดอง ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ เพราะสามารถผ่านจากนมไปสู่ลูกได้
- Day 1 (24/02/65)
ไม่มีคัดตึงเต้านม ลานนมนิ่ม น้ำนมไม่ไหล
- Belly & Fundus
- Bladder
- มีไข้ (อุณหภูมิร่างกาย > 37.5 องศาเซลเซียส)
- น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น มีจำนวนมากขึ้น
- เต้านมอักเสบ แดง กดแล้วเจ็บ
- บริเวณแผลผ่าตัดมีเลือดซึม หรือมี discharge ออกมา
- Bleeding & Lochia
- Day 1
น้ำคาวปลา rubra สีแดง 50 ml ในเวรเช้า
- Bottom
ผู้ป่วยไม่มีแผลฝีเย็บเนื่องจากผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
แบบ low transverse caesarean section
- ส่งเสริมให้บุตรรับประทานนมแม่อย่างเดียว
ใน 6 เดือนแรก - ไม่ควรให้บุตรรับประทานอาหารเสริม เช่นข้าวบดหรือกล้วยบดก่อนอายุ 6 เดือน เพราะระบบการย่อยของทารกยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ เพราะยังไม่มีเอนไซม์ที่จะย่อย อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อย
- แนะนำให้บิดามารดาสังเกตอาการผิดปกติของบุตร เช่น มีไข้ ซึม ไม่ดูดนม ร้องกวน กระตุ้นให้ดูดนมแต่ไม่ยอมดูด ควรพาบุตรมาพบแพทย์
ผู้ป่วยมีแผลผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแบบ low transverse cesarean section
- Bowel movement
- Day 1 เริ่ม step diet จิบน้ำได้ ไม่มีอาการท้องอืด ยังไม่ได้ถ่ายอุจจาระ
- Blues
มารดามีความสนใจในทารกดี วิตกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับการให้นมทารกเนื่องจากน้ำนมไม่ไหล
- หากมีอาการคัดตึงเต้านม ให้นวดและใช้ผ้าอุ่นประคบ โดยนวดเบาๆบริเวณเต้านมก่อนและระหว่างการป้อนนม จะช่วยให้หลั่งน้ำนมได้ดี
- สังเกตบริเวณแผลผ่าตัด หากมีอาการปวด บวม แดง ร้อน มีเลือดซึม หรือมีสิ่งคัดหลั่งออกมา ให้รีบมาพบแพทย์
- Baby
ทารกเพศชาย คลอดวันที่
23 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 09.18 น. น้ำหนัก 3,490 กรัม
Apgar scores 9 10 10 No problem at birth
มี Moro reflex, Tonic neck reflex และ Sucking reflex
- Bonding & Attachment
มารดามีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับทารก ให้ความสนใจทารกดี
คุยโทรศัพท์ติดต่อกับลูกและสามีที่อยู่ที่บ้านบ่อยครั้ง
- Belief
ไม่มีความเชื่อที่ขัดกับแผนการรักษาของแพทย์
มารดาจะเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตนเองจนครบ 6 เดือน
เพื่อให้ทารกได้รับนมมารดาอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- มารดาหลังคลอดไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัด
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. : มารดาบ่นปวดแผลผ่าตัดเมื่อขยับตัว
: มารดาบอกว่านอนไม่หลับเนื่องจากมีอาการปวดแผล
O.D. : สีหน้าไม่สุขสบาย คะแนนความปวด (pain score) 8 คะแนน
วัตถุประสงค์
เพื่อบรรเทาอาการปวดให้ลดลง มารดารู้สึกสุขสบายขึ้น
- ระดับการไหลของน้ำนมอยู่ในระดับ +4
- เต้านมมารดาไม่คัดตึง ลานนมนิ่ม ไม่มีการอักเสบ
- ให้คำแนะนำในการกระตุ้นน้ำนม โดยให้ทารกดูดนม
จากเต้าบ่อยๆ อย่างน้อย 8-12 ครั้งต่อวัน ทุกวัน 2-3 ชม. - กระตุ้นเต้านมโดยการนวดและใช้ผ้าอุ่นประคบ โดยนวดเบาๆบริเวณเต้านมก่อนและระหว่างการป้อนนม จะช่วยให้หลั่งน้ำนมได้ดี
- การให้แม่และลูกได้สัมผัสกันแบบแนบเนื้อ (Skin-To-Skin contact) โดยให้คุณแม่กอดทารกไว้แนบอก โดยให้ผิวหนังของแม่และทารกสัมผัสกัน เป็นวิธีช่วยกระตุ้นการการหลั่งฮอร์โมนโพรแลคตินอละฮอร์โมนออกซิโทซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในกระบวนการผลิตน้ำนม
- รับประทานอาหารที่กระตุ้นน้ำนม เช่น น้ำขิง กระชาย ตำลึง หัวปลี อินทผลัม เป็นต้น
- งดการสูบบุหรี่หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- การประเมินการไหลของน้ำนมระดับ +1
- ลานนมนิ่ม คัดตึงเต้านม
เกณฑ์การประเมิน
- มารดาปวดแผลลดลง หรือคะแนนความปวด (pain score) น้อยกว่าหรือเท่ากับ 3 คะแนน
- มารดามีสีหน้าสดชื่นขึ้น นอนหลับพักผ่อนได้
กิจกรรมทางการพยาบาล
- ประเมินความเจ็บปวดของอาการปวดแผลผ่าตัดด้วยการสอบถามระดับคะแนนความเจ็บปวด (Pain score)
สังเกตจากสีหน้าท่าทาง เพื่อเป็นข้อมูลในการช่วยเหลือและเลือกวิธีบรรเทาอาการปวด - แนะนำให้นอนในท่าที่สบายเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด และจัดให้นอนท่าศีรษะสูง ชันเข่า เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนตัว ลดการดึงรั้งของแผล ช่วยให้อาการปวดทุเลาลง
- แนะนำให้ใช้มือหรือหมอนประคองแผลผ่าตัดขณะไอ หรือมีการเคลื่อนไหว และแนะนำ
ให้เคลื่อนไหวช้า ๆ ใช้มือประคองแผลขณะลุกนั่งหรือเดิน เพื่อลดการกระทบกระเทือนแผลผ่าตัด - สอนเทคนิคการหายใจลดปวด โดยให้หายใจเข้าทางจมูกลึกๆ และผ่อนลมหายใจออก ทางปากเพราะการหายใจสามารถควบคุมความเจ็บปวดได้ โดยเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจมาที่การควบคุมหายใจเข้า ออก
- ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล ช่วยให้อาการปวดแผลลดลงได้
- ดูแลให้ได้รับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา คือ Paracetamol 500 mg tab รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ทุก 6 ชั่วโมงหรือเวลาปวด หรือมีไข้
Ibuprofen 400 mg tab รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
Morphine sulphate 2 mg IV prn q 2 hr - พูดคุยให้กำลังใจ เพื่อลดความวิตกกังวล ช่วยให้มารดาผ่อนคลายบรรเทาความเจ็บปวดลงได้
การประเมินผล
มารดาหลังคลอดมีสีหน้าสดชื่นขึ้น นอนหลับพักผ่อนได้ ระดับความปวดลดลง (Pain score = 3 คะแนน)
หลังผ่าตัดคลอด 24 ชั่วโมง
- กรณีไม่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะเริ่มให้จิบน้ำ รับประทานอาหารเหลวใส และหลังจากนั้นจะเป็นอาหารอ่อน
- แพทย์จะมีคำสั่งการรักษาให้หยุดการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและให้นำสายสวนปัสสาวะออก ซึ่งภายหลังจากที่เอาสายสวนปัสสาวะออกแล้ว ควรแนะนำให้มารดาปัสสาวะได้เองภายใน 6-8 ชั่วโมง
- จัดท่านอนปรับศีรษะสูงเรื่อยๆจนเป็นท่านั่งตรง เมื่อไม่เวียนศีรษะ หน้ามืด ให้พยายามลุกนั่ง ยืนและเดินให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ป้องกันภาวะไม่สุขสบายจากท้องอืด
- หลังผ่าตัดคลอด 3 วัน หากมารดาและทารกไม่มีภาวะแทรกซ้อนแพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้
- มารดามีโอกาสตกเลือดในระยะ 24 ชั่วโมงแรก
หลังคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
วัตถุประสงค์
เกณฑ์การประเมิน
กิจกรรมการพยาบาล
การประเมิน
การคุมกำเนิด
- ก่อนคลอด : ไม่ได้คุมกำเนิด 5 ปี
- หลังคลอด : มารดาปฏิเสธการทำหมัน แต่วางแผนที่จะคุมกำเนิดโดยการฝังยาคุม
- ประวัติการฝากครรภ์
G3P2A0 GA 39+5 wks ฝากครรภ์ครั้งแรก
GA 7+5 wks
ANC risk : Previous c/s และ elderly pregnancy
ตรวจโปรตีนและน้ำตาลในปัสสาวะ ผล Negative
เจาะเลือดส่งตรวจ
VDRL = Non reactive
Anti-HIV = Negative
HBsAg = Negative
DCIP = Negative
Complete Blood Count
Hb = 11.4 mg% (ปกติ)
Hct = 35.3% (ปกติ)
MCV = 92.3 fL (ปกติ)
ฝากครรภ์ทั้งหมด 16 ครั้งที่โรงพยาบาลตำรวจ
- Day 2 (25/02/65)
เริ่มคัดตึงเต้านม ลานนมนิ่ม น้ำนมไหลระดับ +2
- Day 2
น้ำคาวปลา rubra สีแดงจาง 30 ml ในเวรเช้า
- มารดามีแผลผ่าตัด low transverse cesarean section ที่บริเวณหน้าท้องและแผลที่โพรงมดลูก
- Blood loss ที่ห้องคลอด 400 ml.
- น้ำคาวปลาใน 24 ชม.แรกหลังผ่าตัด 50 ml.
เพื่อป้องกันไม่ให้มารดาเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด
- ไม่มีอาการและอาหารของภาวะซีด เช่น เยื่อบุตา
ริมฝีปาก หรือผิวหนังซีด - สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
• ชีพจร 60 - 100 ครั้ง/นาที
• ความดันโลหิต systolic 90 - 140 mmHg
Diastolic 60 - 90 mmHg
• อัตราการหายใจ 18 - 24 ครั้ง/นาที
• อุณหภูมิร่างกาย 36.5 - 37.4 องศาเซลเซียส
• O2 saturation > 95 %
- ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะซีด เช่น
เยื่อบุตา ริมฝีปาก หรือผิวหนังซีด- ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชม. เพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เกณฑ์ปกติ คือ
• ชีพจร 60 - 100 ครั้ง/นาที
• ความดันโลหิต systolic 90 - 140 mmHg
Diastolic 60 x 90 mmHg
• อัตราการหายใจ 18 - 24 ครั้ง/นาที
อุณหภูมิร่างกาย 36.5 - 37.4 องศาเซลเซียส
• O2 saturation > 95 % - กระตุ้นให้มารดาปัสสาวะเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่าง ลดการขัดขวางของการหดรัดตัวของมดลูก
- สังเกตและบันทึกลักษณะปริมาณเลือดที่ออกจากช่องคลอด
- ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชม. เพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เกณฑ์ปกติ คือ
- ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะซีด
- สัญญาณชีพ (25/02/65)
• Body Temperature = 36.7 องศาเซลเซียส
• Pulse = 82 ครั้งต่อนาที
• Respiratory = 18 ครั้งต่อนาที
• Blood Pressure = 112/65 mmHg
• O2 saturation = 99%
- Day 2 เวลา 10.00 น.
Body Temperature = 36.7 องศาเซลเซียส
Pulse = 82 ครั้งต่อนาที
Respiratory = 18 ครั้งต่อนาที
Blood Pressure = 112/65 mmHg
O2 saturation = 99%
- Day 1 24/02/65 off Foley catheter เวลา 10.00 น.
ปัสสาวะได้เอง มีอาการแสบขัดเล็กน้อย ปัสสาวะสีเหลืองใส ไม่มีตะกอน
- Day 2 25/02/65 ปัสสาวะได้เองจำนวน 3 ครั้ง
มีอาการแสบขัดเล็กน้อย ปัสสาวะสีเหลืองใส ไม่มีตะกอน
- Day 2 เริ่มรับประทานอาหารธรรมดา เวลา 13.00 น. ไม่มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ยังไม่ได้ถ่ายอุจจาระ
คำแนะนำ
- หลังฝังยาให้พันแผลไว้ 24 ชม. เพื่อป้องกันการคั่งของเลือด ปิดแผลไว้ 3 - 5 วัน และไม่ควรให้แผลถูกน้ำ
- หลีกเลี่ยงการทำงานหนัก หรือถูกกระแทกอย่างแรงบริเวณที่ฝังยาคุมกำเนิด
- ควรมาตรวจหลังจากฝังยา 7 วันเพื่อดูความผิดปกติ
- อาจมีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก และการผิดปกติของประจำเดือน เช่น เลือดออกกระปริดกระปรอย
ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ - หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไม่มีประจำเดือน และมีอาการของการตั้งครรภ์ เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เจ็บคัดเต้านม และที่บริเวณแผลมีเลือดหรือน้ำเหลือง มีหนอง บวมแดง ให้รีบมาพบแพทย์ทันที
- มาเปลี่ยนยาฝังคุมกำเนิดตามกำหนด
- มารดาเสี่ยงพลัดตกหกล้ม เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลียและปวดแผลบริเวณผ่าตัด
ข้อมูลสนับสนุน
วัตถุประสงค์
เกณฑ์การประเมินผล
กิจกรรมการพยาบาล
การประเมิน
- มารดามีแผลผ่าตัด low transverse cesarean section ที่บริเวณหน้าท้อง
มารดามีอาการอ่อนเพลีย สีหน้าไม่สดชื่น
มารดาบอกว่า ‘ ปวดแผลเวลาเดิน ’
เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม
- ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม
- ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลบนร่างกาย
- ปรับเตียงผู้ป่วยให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อลดความรุนแรงหากเกิดอุบัติเหตุ
- ตรวจสอบล้อของเตียงให้ล็อคอยู่เสมอ และยกราวกั้นเตียงขึ้นทุกครั้งหลังให้การพยาบาลเสร็จ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
- ตรวจสอบความแข็งแรงของราวกั้นเตียง เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการพลัดตกหกล้ม
- จัดผู้ป่วยให้อยู่ใกล้ Nurse station เพื่อให้พยาบาลสามารถมองเห็นและดูแลได้อย่างใกล้ชิด
- จัดสิ่งแวดล้อมให้เป็นระเบียบ และจัดของใช้ที่จำเป็นให้อยู่ใกล้ตัวผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถหยิบของได้อย่างสะดวก
แนะนำมารดามาตรวจหลังคลอดตามนัด ครั้งแรกประมาณ 6 สัปดาห์หลังคลอด เนื่องจากแพทย์จะทำการตรวจร่างกายทุกระบบและมีการตรวจมะเร็งปากมดลูก
- ผู้ป่วยไม่เกิดการพลัดตกหกล้ม
- ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลตามร่างกาย
การออกกำลังกาย
ไม่สามารถออกกำลังกายได้ทันทีหลังผ่าตัด แต่สามารถทำได้หลังจากผ่าตัดคลอดอย่างน้อย 6 สัปดาห์ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำการออกกำลังกาย