Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
มารดาหลังคลอด อายุ 38 ปี Dx. Previous Cesarean Section นศพต.เสาวลักษณ์…
มารดาหลังคลอด อายุ 38 ปี
Dx. Previous Cesarean Section
นศพต.เสาวลักษณ์ เลิศไกร เลขที่ 71
Problem list
Day 1
น้ำนมไม่ไหล
ปวดแผลผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
pain score = 8 คะแนน
มีอาการท้องผูก
ปัสสาวะแสบขัดเล็กน้อยหลัง off Foley catheter
Day 2
เริ่มคัดตึงเต้านม น้ำนมไหลระดับ 2+
ปวดแผลผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง pain score = 3 คะแนน
มีอาการท้องผูก ไม่ถ่ายอุจจาระ
การประเมินมารดาหลังคลอดตามหลัก 13 B
Background
ข้อมูลส่วนบุคคล
มารดาหลังคลอด เตียง 19 อายุ 38 ปี
สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย ศาสนาพุทธ
ประกอบอาชีพ ค้าขายของออนไลน์
ที่อยู่อาศัยเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น
น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 43 กิโลกรัม ส่วนสูง 162 เซนติเมตร BMI 16.38 kg/m^2
น้ำหนักปัจจุบัน 58.5 กิโลกรัม
น้ำหนักขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ 15.5 กิโลกรัม
ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอด
G1 25/09/52 ทารกเพศหญิง อายุครรภ์ 37 wks ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง น้ำหนักแรกเกิด 3,200 กรัม ไม่มีภาวะแทรกซ้อนขณะคลอด
G2 25/12/55 ทารกเพศชาย อายุครรภ์ 37 wks ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง น้ำหนักแรกเกิด 3,200 กรัม ไม่มีภาวะแทรกซ้อนขณะคลอด
LMP 20/11/64 x 5 วัน
EDC by date 24/02/65
อาการสำคัญ
มาตามนัดฝากครรภ์ G3P2A0 GA 39+5 wks by date
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน
9 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาลมีจุกแน่นใต้ลิ้นปี่คล้ายกรดไหลย้อน มีปวดศีรษะ ตาพร่ามัว
2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล มีท้องแข็ง หายใจหอบเหนื่อยและอ่อนเพลีย ไม่มีเจ็บครรภ์ มีคลื่นไส้อาเจียน ไม่มีมูกเลือด ไม่มีน้ำเดิน ไม่มีไข้ ลูกดิ้นดี ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะไม่สุด ขับถ่ายปกติ มา Admit มีนัดผ่าคลอด 23/02/65
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
ปฏิเสธแพ้ยาแพ้อาหาร
ปฏิเสธการเจ็บป่วยในครอบครัว
ปฏิเสธการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
ประวัติการฝากครรภ์
G3P2A0 GA 39+5 wks ฝากครรภ์ครั้งแรก
GA 7+5 wks
ANC risk : Previous c/s และ elderly pregnancy
ตรวจโปรตีนและน้ำตาลในปัสสาวะ ผล Negative
เจาะเลือดส่งตรวจ
VDRL = Non reactive
Anti-HIV = Negative
HBsAg = Negative
DCIP = Negative
Complete Blood Count
Hb = 11.4 mg% (ปกติ)
Hct = 35.3% (ปกติ)
MCV = 92.3 fL (ปกติ)
ฝากครรภ์ทั้งหมด 16 ครั้งที่โรงพยาบาลตำรวจ
Body condition
ศีรษะ : ผมสีดำปนน้ำตาล หนังศีรษะสะอาด ไม่มีรังแค ไม่มีเหา
ตา : conjunctiva สีแดง ไม่ซีด
จมูก : เยื่อบุในโพรงจมูกไม่บวม ไม่คัดจมูก
ไม่มีสิ่งคัดหลั่ง
คอ : ต่อมน้ำเหลืองไม่โต ต่อมไทรอย์ไม่โต ไม่มีก้อน
กดไม่เจ็บ
ทรวงอกและปอด : อกไม่บุ๋ม สมมาตรกันทั้งสองข้าง ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ
เต้านมและหัวนม : เต้านมมีลานนมนิ่ม ไม่มีคัดตึงเต้านม น้ำนมไม่ไหล
หน้าท้อง : มารดามีแผลผ่าตัดคลอด Lt. c/s due to previous c/s มีเส้น linea nigra
แขนขา : แขนและขาเคลื่อนไหวได้ปกติ motor power grade 5
Body temperature & Blood pressure
Day 1 เวลา 10.00 น.
Body Temperature = 37.5 องศาเซลเซียส
Pulse = 78 ครั้งต่อนาที
Respiratory = 18 ครั้งต่อนาที
Blood Pressure = 108/62 mmHg
O2 saturation = 99%
Day 2 เวลา 10.00 น.
Body Temperature = 36.7 องศาเซลเซียส
Pulse = 82 ครั้งต่อนาที
Respiratory = 18 ครั้งต่อนาที
Blood Pressure = 112/65 mmHg
O2 saturation = 99%
Breast & Lactation
Day 1 (24/02/65)
ไม่มีคัดตึงเต้านม ลานนมนิ่ม น้ำนมไม่ไหล
Day 2 (25/02/65)
เริ่มคัดตึงเต้านม ลานนมนิ่ม น้ำนมไหลระดับ +2
Belly & Fundus
ผู้ป่วยมีแผลผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแบบ low transverse cesarean section
Bladder
Day 1 24/02/65 off Foley catheter เวลา 10.00 น.
ปัสสาวะได้เอง มีอาการแสบขัดเล็กน้อย ปัสสาวะสีเหลืองใส ไม่มีตะกอน
Day 2 25/02/65 ปัสสาวะได้เองจำนวน 3 ครั้ง
มีอาการแสบขัดเล็กน้อย ปัสสาวะสีเหลืองใส ไม่มีตะกอน
Bleeding & Lochia
Day 1
น้ำคาวปลา rubra สีแดง 50 ml ในเวรเช้า
Day 2
น้ำคาวปลา rubra สีแดงจาง 30 ml ในเวรเช้า
Bottom
ผู้ป่วยไม่มีแผลฝีเย็บเนื่องจากผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
แบบ low transverse caesarean section
Bowel movement
Day 1 เริ่ม step diet จิบน้ำได้ ไม่มีอาการท้องอืด ยังไม่ได้ถ่ายอุจจาระ
Day 2 เริ่มรับประทานอาหารธรรมดา เวลา 13.00 น. ไม่มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ยังไม่ได้ถ่ายอุจจาระ
Blues
มารดามีความสนใจในทารกดี วิตกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับการให้นมทารกเนื่องจากน้ำนมไม่ไหล
Baby
ทารกเพศชาย คลอดวันที่
23 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 09.18 น. น้ำหนัก 3,490 กรัม
Apgar scores 9 10 10 No problem at birth
มี Moro reflex, Tonic neck reflex และ Sucking reflex
Bonding & Attachment
มารดามีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับทารก ให้ความสนใจทารกดี
คุยโทรศัพท์ติดต่อกับลูกและสามีที่อยู่ที่บ้านบ่อยครั้ง
Belief
ไม่มีความเชื่อที่ขัดกับแผนการรักษาของแพทย์
มารดาจะเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตนเองจนครบ 6 เดือน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มารดามีโอกาสติดเชื้อจากแผลผ่าตัดคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
มารดามีแผลผ่าตัดคลอด Lt. c/s due to previous c/s
มีน้ำคาวปลาออกทางช่องคลอดปริมาณ 50 ml (24/02/2565)
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาวะติดเชื้อ
เกณฑ์การประเมิน
อุณหภูมิร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ 36.5 - 37.4 องศาเซลเซียส
ผ้าก๊อซปิดแผลผ่าตัดไม่มีเลือดซึม หรือ discharge
ซึมออกมา
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิของร่างกาย เนื่องจากเป็นอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อในร่างกาย
ดูแลสิ่งแวดล้อมผู้ป่วยให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค และป้องกันการติดเชื้อจากภายนอกเข้าสู่ร่างกาย
ล้างมือให้สะอาดตามหลัก Hand hygiene 5 moments
1.ก่อนสัมผัสผู้ป่วย
2.ก่อนทำหัตถการ
3.หลังสัมผัสอุปกรณ์และสารคัดหลั่งผู้ป่วย
4.หลังสัมผัสผู้ป่วย
5.หลังสัมผัสสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วย
ประเมินแผลบริเวณที่ผ่าตัด โดยสังเกตที่ผ้าก๊อซว่ามีเลือดซึม หรือมี discharge ออกมาหรือไม่
กระตุ้นให้มารดาลุกเดินบ่อยๆ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงแผลได้ดีขึ้น
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา ได้แก่ Dicloxacillin 500 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน
การประเมิน
มารดามีอุณหภูมิร่างกาย
• 37.5 องศาเซลเซียส (เวลา 10.00 น.)
• 37.4 องศาเซลเซียส (เวลา 14.00 น.)
ผ้าก๊อซปิดแผลผ่าตัดไม่มีเลือดซึม หรือ discharge
ซึมออกมา
4.มารดาวิตกกังวลเนื่องจากน้ำนมไหลน้อย
และมีอาการคัดตึงเต้านม
ข้อมูลสนับสนุน
มารดาน้ำนมไหลน้อย
การประเมินการไหลของน้ำนมระดับ 2+
มารดาบอกว่า ‘ รู้สึกเจ็บและคัดตึงเต้านม ’
Latch score 6 คะแนน
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ทารกได้รับนมมารดาอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เกณฑ์การประเมินผล
ระดับการไหลของน้ำนมอยู่ในระดับ +4
เต้านมมารดาไม่คัดตึง ลานนมนิ่ม ไม่มีการอักเสบ
กิจกรรมการพยาบาล
ให้คำแนะนำในการกระตุ้นน้ำนม โดยให้ทารกดูดนม
จากเต้าบ่อยๆ อย่างน้อย 8-12 ครั้งต่อวัน ทุกวัน 2-3 ชม.
กระตุ้นเต้านมโดยการนวดและใช้ผ้าอุ่นประคบ โดยนวดเบาๆบริเวณเต้านมก่อนและระหว่างการป้อนนม จะช่วยให้หลั่งน้ำนมได้ดี
การให้แม่และลูกได้สัมผัสกันแบบแนบเนื้อ (Skin-To-Skin contact) โดยให้คุณแม่กอดทารกไว้แนบอก โดยให้ผิวหนังของแม่และทารกสัมผัสกัน เป็นวิธีช่วยกระตุ้นการการหลั่งฮอร์โมนโพรแลคตินอละฮอร์โมนออกซิโทซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในกระบวนการผลิตน้ำนม
รับประทานอาหารที่กระตุ้นน้ำนม เช่น น้ำขิง กระชาย ตำลึง หัวปลี อินทผลัม เป็นต้น
งดการสูบบุหรี่หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การประเมิน
การประเมินการไหลของน้ำนมระดับ +1
ลานนมนิ่ม คัดตึงเต้านม
มารดาหลังคลอดไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัด
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. : มารดาบ่นปวดแผลผ่าตัดเมื่อขยับตัว
: มารดาบอกว่านอนไม่หลับเนื่องจากมีอาการปวดแผล
O.D. : สีหน้าไม่สุขสบาย คะแนนความปวด (pain score) 8 คะแนน
วัตถุประสงค์
เพื่อบรรเทาอาการปวดให้ลดลง มารดารู้สึกสุขสบายขึ้น
เกณฑ์การประเมิน
มารดาปวดแผลลดลง หรือคะแนนความปวด (pain score) น้อยกว่าหรือเท่ากับ 3 คะแนน
มารดามีสีหน้าสดชื่นขึ้น นอนหลับพักผ่อนได้
กิจกรรมทางการพยาบาล
ประเมินความเจ็บปวดของอาการปวดแผลผ่าตัดด้วยการสอบถามระดับคะแนนความเจ็บปวด (Pain score)
สังเกตจากสีหน้าท่าทาง เพื่อเป็นข้อมูลในการช่วยเหลือและเลือกวิธีบรรเทาอาการปวด
แนะนำให้นอนในท่าที่สบายเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด และจัดให้นอนท่าศีรษะสูง ชันเข่า เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนตัว ลดการดึงรั้งของแผล ช่วยให้อาการปวดทุเลาลง
แนะนำให้ใช้มือหรือหมอนประคองแผลผ่าตัดขณะไอ หรือมีการเคลื่อนไหว และแนะนำ
ให้เคลื่อนไหวช้า ๆ ใช้มือประคองแผลขณะลุกนั่งหรือเดิน เพื่อลดการกระทบกระเทือนแผลผ่าตัด
สอนเทคนิคการหายใจลดปวด โดยให้หายใจเข้าทางจมูกลึกๆ และผ่อนลมหายใจออก ทางปากเพราะการหายใจสามารถควบคุมความเจ็บปวดได้ โดยเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจมาที่การควบคุมหายใจเข้า ออก
ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล ช่วยให้อาการปวดแผลลดลงได้
ดูแลให้ได้รับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา คือ Paracetamol 500 mg tab รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ทุก 6 ชั่วโมงหรือเวลาปวด หรือมีไข้
Ibuprofen 400 mg tab รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
Morphine sulphate 2 mg IV prn q 2 hr
พูดคุยให้กำลังใจ เพื่อลดความวิตกกังวล ช่วยให้มารดาผ่อนคลายบรรเทาความเจ็บปวดลงได้
การประเมินผล
มารดาหลังคลอดมีสีหน้าสดชื่นขึ้น นอนหลับพักผ่อนได้ ระดับความปวดลดลง (Pain score = 3 คะแนน)
มารดามีโอกาสตกเลือดในระยะ 24 ชั่วโมงแรก
หลังคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
มารดามีแผลผ่าตัด low transverse cesarean section ที่บริเวณหน้าท้องและแผลที่โพรงมดลูก
Blood loss ที่ห้องคลอด 400 ml.
น้ำคาวปลาใน 24 ชม.แรกหลังผ่าตัด 50 ml.
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันไม่ให้มารดาเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด
เกณฑ์การประเมิน
ไม่มีอาการและอาหารของภาวะซีด เช่น เยื่อบุตา
ริมฝีปาก หรือผิวหนังซีด
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
• ชีพจร 60 - 100 ครั้ง/นาที
• ความดันโลหิต systolic 90 - 140 mmHg
Diastolic 60 - 90 mmHg
• อัตราการหายใจ 18 - 24 ครั้ง/นาที
• อุณหภูมิร่างกาย 36.5 - 37.4 องศาเซลเซียส
• O2 saturation > 95 %
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะซีด เช่น
เยื่อบุตา ริมฝีปาก หรือผิวหนังซีด
ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชม. เพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เกณฑ์ปกติ คือ
• ชีพจร 60 - 100 ครั้ง/นาที
• ความดันโลหิต systolic 90 - 140 mmHg
Diastolic 60 x 90 mmHg
• อัตราการหายใจ 18 - 24 ครั้ง/นาที
อุณหภูมิร่างกาย 36.5 - 37.4 องศาเซลเซียส
• O2 saturation > 95 %
กระตุ้นให้มารดาปัสสาวะเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่าง ลดการขัดขวางของการหดรัดตัวของมดลูก
สังเกตและบันทึกลักษณะปริมาณเลือดที่ออกจากช่องคลอด
การประเมิน
ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะซีด
สัญญาณชีพ (25/02/65)
• Body Temperature = 36.7 องศาเซลเซียส
• Pulse = 82 ครั้งต่อนาที
• Respiratory = 18 ครั้งต่อนาที
• Blood Pressure = 112/65 mmHg
• O2 saturation = 99%
มารดาเสี่ยงพลัดตกหกล้ม เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลียและปวดแผลบริเวณผ่าตัด
ข้อมูลสนับสนุน
มารดามีแผลผ่าตัด low transverse cesarean section ที่บริเวณหน้าท้อง
มารดามีอาการอ่อนเพลีย สีหน้าไม่สดชื่น
มารดาบอกว่า ‘ ปวดแผลเวลาเดิน ’
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม
ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลบนร่างกาย
กิจกรรมการพยาบาล
ปรับเตียงผู้ป่วยให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อลดความรุนแรงหากเกิดอุบัติเหตุ
ตรวจสอบล้อของเตียงให้ล็อคอยู่เสมอ และยกราวกั้นเตียงขึ้นทุกครั้งหลังให้การพยาบาลเสร็จ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
ตรวจสอบความแข็งแรงของราวกั้นเตียง เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการพลัดตกหกล้ม
จัดผู้ป่วยให้อยู่ใกล้ Nurse station เพื่อให้พยาบาลสามารถมองเห็นและดูแลได้อย่างใกล้ชิด
จัดสิ่งแวดล้อมให้เป็นระเบียบ และจัดของใช้ที่จำเป็นให้อยู่ใกล้ตัวผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถหยิบของได้อย่างสะดวก
การประเมิน
ผู้ป่วยไม่เกิดการพลัดตกหกล้ม
ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลตามร่างกาย
แนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน
การดูแลบุตร
การดูแลตนเอง
อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์
อาหาร
รับประทานให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารประเภทโปรตีน เช่น ไข่ นม เนื้อสัตว์ เนื้อปลา เป็นต้น เพื่อส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้แผลสมานและหายเร็วขึ้น
รับประทานอาหารที่กระตุ้นน้ำนม เช่น น้ำขิง กระชาย ตำลึง หัวปลี อินทผลัม เป็นต้น
ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8-10 แก้ว/วัน
เลี่ยงอาหารหมักดอง ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ เพราะสามารถผ่านจากนมไปสู่ลูกได้
การออกกำลังกาย
ไม่สามารถออกกำลังกายได้ทันทีหลังผ่าตัด แต่สามารถทำได้หลังจากผ่าตัดคลอดอย่างน้อย 6 สัปดาห์ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำการออกกำลังกาย
มีไข้ (อุณหภูมิร่างกาย > 37.5 องศาเซลเซียส)
น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น มีจำนวนมากขึ้น
เต้านมอักเสบ แดง กดแล้วเจ็บ
บริเวณแผลผ่าตัดมีเลือดซึม หรือมี discharge ออกมา
หากมีอาการคัดตึงเต้านม ให้นวดและใช้ผ้าอุ่นประคบ โดยนวดเบาๆบริเวณเต้านมก่อนและระหว่างการป้อนนม จะช่วยให้หลั่งน้ำนมได้ดี
สังเกตบริเวณแผลผ่าตัด หากมีอาการปวด บวม แดง ร้อน มีเลือดซึม หรือมีสิ่งคัดหลั่งออกมา ให้รีบมาพบแพทย์
ส่งเสริมให้บุตรรับประทานนมแม่อย่างเดียว
ใน 6 เดือนแรก
ไม่ควรให้บุตรรับประทานอาหารเสริม เช่นข้าวบดหรือกล้วยบดก่อนอายุ 6 เดือน เพราะระบบการย่อยของทารกยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ เพราะยังไม่มีเอนไซม์ที่จะย่อย อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อย
แนะนำให้บิดามารดาสังเกตอาการผิดปกติของบุตร เช่น มีไข้ ซึม ไม่ดูดนม ร้องกวน กระตุ้นให้ดูดนมแต่ไม่ยอมดูด ควรพาบุตรมาพบแพทย์
แนะนำมารดามาตรวจหลังคลอดตามนัด ครั้งแรกประมาณ 6 สัปดาห์หลังคลอด เนื่องจากแพทย์จะทำการตรวจร่างกายทุกระบบและมีการตรวจมะเร็งปากมดลูก
การพยาบาลหลังผ่าตัด
ระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัดคลอด
งดน้ำงดอาหารต่อเนื่องจนกว่าลำไส้จะเริ่มทำงาน
โดยการฟังเสียง bowel sound 1 นาที หรือมีการเรอหรือผายลมออกมา และแพทย์จะพิจารณาให้มารดารับประทานอาหาร
ในระหว่างนี้มารดาจะได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำและคาสายสวนปัสสาวะ หากไม่มีภาวะแทรก็ซ้อน และมารดาสามารถลุกไปเข้าห้องน้ำเองได้ มารดาจะได้รับการเอาสายสวนปัสสาะออกในวันรุ่งขึ้น
หากมารดามีอาการปวดแผลมาก สามารถแจ้งเพื่อขอรับยาแก้ปวดตามแผนการรักษาได้ คือ paracetamol 500 MG. TAB. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ทุก 6 ชม. เวลาปวดหรือมีไข้
หลังผ่าตัดคลอด 24 ชั่วโมง
กรณีไม่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะเริ่มให้จิบน้ำ รับประทานอาหารเหลวใส และหลังจากนั้นจะเป็นอาหารอ่อน
แพทย์จะมีคำสั่งการรักษาให้หยุดการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและให้นำสายสวนปัสสาวะออก ซึ่งภายหลังจากที่เอาสายสวนปัสสาวะออกแล้ว ควรแนะนำให้มารดาปัสสาวะได้เองภายใน 6-8 ชั่วโมง
จัดท่านอนปรับศีรษะสูงเรื่อยๆจนเป็นท่านั่งตรง เมื่อไม่เวียนศีรษะ หน้ามืด ให้พยายามลุกนั่ง ยืนและเดินให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ป้องกันภาวะไม่สุขสบายจากท้องอืด
หลังผ่าตัดคลอด 3 วัน หากมารดาและทารกไม่มีภาวะแทรกซ้อนแพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้
การคุมกำเนิด
ก่อนคลอด
: ไม่ได้คุมกำเนิด 5 ปี
หลังคลอด
: มารดาปฏิเสธการทำหมัน แต่วางแผนที่จะคุมกำเนิดโดยการฝังยาคุม
คำแนะนำ
หลังฝังยาให้พันแผลไว้ 24 ชม. เพื่อป้องกันการคั่งของเลือด ปิดแผลไว้ 3 - 5 วัน และไม่ควรให้แผลถูกน้ำ
หลีกเลี่ยงการทำงานหนัก หรือถูกกระแทกอย่างแรงบริเวณที่ฝังยาคุมกำเนิด
ควรมาตรวจหลังจากฝังยา 7 วันเพื่อดูความผิดปกติ
อาจมีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก และการผิดปกติของประจำเดือน เช่น เลือดออกกระปริดกระปรอย
ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไม่มีประจำเดือน และมีอาการของการตั้งครรภ์ เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เจ็บคัดเต้านม และที่บริเวณแผลมีเลือดหรือน้ำเหลือง มีหนอง บวมแดง ให้รีบมาพบแพทย์ทันที
มาเปลี่ยนยาฝังคุมกำเนิดตามกำหนด