Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
(ส่วนการจัดการองค, ์, ความรู้, (Knowledge Management), ในส่วนของระบบสนับสน…
ส่วนการจัดการองค
์
ความรู้
(Knowledge Management)
ในส่วนของระบบสนับสนนุ การ
ตัดสินใจนัน
จะเกิดขึนกับผู้บรหิ ารขององค
์
กรทุก องค
์
กร
ที จะต้องมีการตัดสินใจแก้ไขป$
ญหาที เกิดขึน
หรอืตัดสินใจวางแผนการดําเ
นินงานทางธุรกิจ
เพ ือใหส้ ามารถดําเนินการไปไ
ด้ด้วยดี
ซ ึงต้องอาศัยทังความรู้
ประกอบกับประสบการณ
์
ของผู้บรหิ าร
ที จะใชใ้นการวเิคราะหท
์
างเลือ
กต่างๆ
เพ ือประกอบการตัดสินใจต่าง
ๆ
องค
์
ความรู้
เป2นส่วนหน ึงที ต้องมีในระบบสนับสนนุ การตัดสินใจ
เพราะการที ชอฟต์แวรส์ นับสนนุ การตัดสินใจต่างๆ
จะสามารถชว่ ยสรา้งทางเลือกต่างๆ
หรอืทางเลือกที ดีที สุดโดยนอกจากจะอาศัยข้อมูลเบืองต้นจากผู้ตัดสินใจแล้ว
ยงัจะต้องอาศัยข้อมูลซ ึงรวบรวมมาจากความรูแ้ ละประสบการณ์ของผู้เชยี วชาญต่า
งๆ มากมายอกี ด้วย
ส่วนการจัดการองค
์
ความรู้
องค์ความรู้(Knowledge)
ชนิดขององค์ความรู้(Types of Knowledge)
นําข้อมูลที เป2นข้อเท็จจรงิไปประมวลผลแล้วเกิดเป2นสารสนเทศและ
สามารถนําไปใชใ้นการแก้ไขป$ญหาหรอืใชใ้นการตัดสินใจ
โดยนําสารสนเทศมาสัง สมไวเ้ป2นประสบการณ์จึงเกิดเป2นองค์ความ
รู้
จําแนกโดยแบ่งเป2น
3.จําแนกตามประโยชน์ที ใหใ้ชง้ านขององค์ความรู้
4.จําแนกตามลักษณะองค์ตวามรู
ู
้
2.จําแนกตามประโยชน์ทางธุรกิจ
1.จําแนกตามลักษณะองค์ความรู้
Descriptive Knowledge
Procedural Knowledge
Reasoning Knowledge
Presentation Knowledge
Linguistic Knowledge
Assimilative Knowledge
ฺBase Knowledge
Trivial Knowledge
องค์ความรูเ้กี ยวกับวธิกี ารปฏิบัติ(Knowledge of mathod)
องค์ความรูท้ ี ไม่มีโครงสรา้ง (Tactic Knowledge)
องค์ความรูท้ ี มีโครงสรา้ง (Explicit Knowledge)
องค์ความรูเ้กี ยวกับอุปกรณ์และเครอ ืงมือ
องค์ความรูเ้ชงิสถิต (Static Knowledge)
องค์ความรูเ้ชงิกล (Dynamic Knowledge)
องค์ความรูเ้ชงิประกาศ (Declarative Knowledge)
องค์ความรูเ้ชงิระเบียบวธิ ี(Procedural Knowledge)
องค์ความรูฮ้ วิรสิติค (Heuristic Knowledge)
ระบบการจัดการองค์ความรู้(Knowledge Management System)
เป2นระบบคอมพิวเตอรท์ ี ทําการเก็บรวบรวมข้อมูลที เป2น
ประโยชน์ในการดําเนินงานขององค์กร
เพ ือใหผ้ ู้ใชส้ ามารถเรยีกใชง้ านเพ ือการ แก้ป$ญหาต่างๆ
ที มักจะพบในการปฏิบัติงาน
โดยผู้ใชจ้ ะต้องส่งคําถามที เหมาะสมเข้าไป ยงัระบบ
ระบบจะทําการประมวลผลและเลือกข้อมูลที เหมาะสมสําหรบั ใชใ้นก
าร
แก้ป$ญหาไปยงัผู้ใชร้ ะบบจัดการองค์ความรูจ้ ึงมีการทํางานในลักษณ
ะการประมวลผล รว่ มกัน (Collaborative Computing)
ระบบจัดการองค์ความรู้
หว
ั
หน
้
าส
่
วนการจ
ั
ดการความร
ู
้(Chief
Knowledge officer: CKO)
ค
ุ
ณสมบ
ั
ติ
เคยทํางานในองค์กรหรอืเทคโนโลยที ี จัดการเกี ยวกับองค์ความรูม้ าก่อน เชน่ งาน
หอ้ งสมุด หรอื Groupware
มีความสามารถแสดงใหเ้หน็ ถึงประโยชน์และความสําเรจ็ที จะได้รบั จากระบบ
จัดการองค์ความรูไ้ด้
มีประสบการณ
์
เกี ยวกับการจัดการองค
์
ความรูอ้ ยา่ งลึกซึง
รวมถึงการสรา้ง การ เผยแพร่
และการทําโปรแกรมประยุกต
์
เกี ยวกับการจัดการองค
์
ความรู้
หน
้
าที
1.วางกลยุทธเ์พ ือจัดการองค์ความรูใ้หใ้ชป้ ระโยชน์ได้สูงสุด
2.จัดเก็บองค์ความรูใ้หเ้หมาะสมเพ ือใหส้ ามารถนําไปใชใ้นการปฏิบัติ
งานใหไ้ด้ประโยชน์สูงสุด
ความสําเรจ็ ของการพัฒนาระบบจัดการองค์ความรู้
3.ต้องได้รบั อนมุ ัติจากผู้บรหิ ารระดับสูงเพ ือสนับสนนุ การเ
รยีนรูส้ ิง แวดล้อมในองค
์
กร
องค์กรแหง่ การเรยีนรู้(The Learning Organization) หมายถึง
ความสามารถขององค์กรใน การเรยีนรู้ประสบการณ์จากอดีต
เพ ือนํามาใชใ้นการปรบัปรุงความสามารถในการดําเนินงานใหม้ ี
ประสิทธภิ าพมากขึน
4.สอนผู้ที ต้องการหาสารสนเทศเกี ยวกับการตังคําถามใหเ้
หมาะสม
5.กําหนดกระบวนการจัดการทรพั ยส
์ ินทางป$ญญา
5.สามารถหาสารสนเทศเกี ยวกับความต้องการของลูกค้าซ ึงมีการเปลี ยนแปลงบ่อยครงัได้ทั
น
เหตุการณ์
6.จัดการองค
์
ความรูไ้ด้อยา่ งกวา้งขวาง
การจัดการ (Management)
เป2นการพิจารณาวา่ จะต้องทําอยา่ งไรใหอ้ งค์กรสามารถ
ดําเนินงานไปได้ด้วยดี
การวดั ผล (Measurement)
เป2นการประเมินอตั ราหรอืวดั ระดับการเรยีนรู้
การใหค้ วามหมาย (Meaning)
เป2นการพิจารณาวา่ องค์กรแหง่ การเรยีนรูน้ ันจ
ะมุ่งเน้นการ เรยีนรูเ้รอ ืงอะไร
ส่งผลดีอยา่ งไร ?
สามารถแก้ป$ญหาได้อยา่ งเป2นระบบ
มีการทดลองสรา้งสรรค์สิง ใหม่ๆ
มีการเรยีนรูจ้ ากประสบการณ์ที ผ่านมา
มีการเรยีนรูจ้ ากการกระทําที ดีที สุดของผู้อ นื
มีการส่งผ่านองค์ความรูไ้ปยงัส่วนต่างๆ
ขององค์กรได้อยา่ งรวดเรว็และมีประสิทธภิ าพ