ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ
องค์ประกอบของระบบนิเวศ
ความหลากหลายชนิดของสิ่งมีชีวิต
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
ระบบนิเวศมีองค์ประกอบที่สำคัญ 2 ส่วน คือ
2.องค์ประกอบทางกายภาพ(physical component)
สิ่งไม่มีชีวิตในระบบนิเวศ เช่น ดิน น้ำ แสง อุณหภูมิ เป็นต้น
1.องค์ประกอบทางชีวภาพ(biological component)
สิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ เช่น พืช สัตว์ มนุษย์ เห็ด รา จุลินทรีย์
ความหลากหลายทางพันธุกรรม
( Genetic diversity)
ภาวะพึ่งพาอาศัยกัน
ภาวะการได้ประโยชน์ร่วมกัน
ภาวะอิงอาศัยหรือภาวะเกื้อกูลกัน
ภาวะปรสิต
ภาวะการล่าเหยื่อ
ภาวะการแข่งขัน
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกัน โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้รับผลประโยชน์จากความสัมพันธ์นี้ สิ่งมีชีวิตทั้ง 2 ชนิดไม่สามารถแยกตัวออกจากกันได้
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกันและได้รับผลประโยชน์จากความสัมพันธ์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยที่สิ่งมีชีวิตทั้ง 2 ชนิดสามารถดำรงชีวิตอยู่ตามลำพังได้
องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต
- ผู้ผลิต(producer) คือ พวกที่สามารถนำเอาพลังงานจากแสงอาทิตย์มาสังเคราะห์ อาหารขึ้นได้เองได้ จากแร่ธาตุและสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ได้แก่ พืชสีเขียว แพลงค์ตอนพืช และแบคทีเรียบางชนิด พวกผู้ผลิตนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นส่วนเริ่มต้นและเชื่อมต่อระหว่างส่วนประกอบที่ไม่มีชีวิตกับส่วนที่มีชีวิตอื่น ๆ ในระบบนิเวศ
- ผู้บริโภค(consumer) ได้แก่ สัตว์ที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินสิ่งมีชีวิตอื่น
- ผู้บริโภคพืช (herbivore หรือ primary consumer) เช่น ช้าง ม้า โค กระบือ กระต่าย เป็นต้น
- ผู้บริโภคสัตว์ (carnivore หรือ secondary consumer) เช่น เสือ สิงโต เหยี่ยว งู เป็นต้น
- ผู้บริโภคทั้งสัตว์ทั้งพืช (omnivore) เช่น คน ไก่ ลิง เป็นต้น
- ผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์(decomposer) เช่น เห็ด รา แบคทีเรีย และจุลินทรีย์ต่างๆ ที่สามารถย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์ หรือสารอินทรีย์ ให้เป็นสารอนินทรีย์และพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกัน โดยที่ฝ่ายหนึ่งได้รับผลประโยชน์ ขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้รับหรือเสียผลประโยชน์ใดๆ
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกัน โดยที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสูญเสียผลประโยชน์จากการเป็นผู้ถูกอาศัยหรือเรียกว่า โฮสต์ ขณะที่ฝ่ายที่ได้รับประโยชน์จากความสัมพันธ์ลักษณะเรียกว่าปรสิต
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน โดยที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้รับผลประโยชน์โดยตรง เรียกกันว่า “ผู้ล่า” ขณะที่ฝ่ายซึ่งสูญ
เสียประโยชน์หรือเสียชีวิต คือ “ผู้ถูกล่า” หรือ “เหยื่อ”
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด ซึ่งดำรงอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมเดียวกัน และทั้งสองฝ่ายต่างจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรประเภทเดียวกัน จนก่อให้เกิดภาวะแก่งแย่งแข่งขันที่ส่งผลเสียแก่ทั้งสองฝ่าย
ความหลากหลายของระบบนิเวศ
(Ecological diversity)
ความหลากหลายทางสปีชีส์
(Species diversity)
ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity)
คือ การมีสิ่งมีชีวิตนานาชนิดในระบบนิเวศ มีความหลากหลายทางชีวภาพเกิดจากการสะสมความแตกต่างของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด โดยการเกิดความหลากหลายทางชีวภาพเริ่มจาก เกิดความหลากหลายทางพันธุกรรม เป็นผลให้เกิดความหลากหลายทางสปีชีส์ บนความแตกต่างความหลากหลายของระบบนิเวศ
ความหลากหลายทางพันธุกรรมที่สิ่งมีชีวิตแต่ละชีวิตได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นพ่อแม่และ ส่งต่อไปยังรุ่นต่อไป ตัวอย่างของความหลากหลาย ทางพันธุกรรมมีอยู่ทุกครอบครัวของสิ่งมีชีวิต เช่น พี่น้องอาจมีสีผม สีผิวและ สีของนัยน์ตาที่แตกต่างกัน เป็นต้น
มีจุดเริ่มมาจากความหลากหลายทางพันธุกรรม เกิดขึ้นโดยสะสมความแตกต่างเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และผ่านกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ หรืออาจเกิดจากการคัดเลือกพันธุ์โดยมนุษย์ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ใหม่ เช่น กล้วยไม้บางชนิด
มีลักษณะคล้ายกัน แต่ผสมพันธุ์กันไม่ได้
คือ ความแตกต่างของลักษณะของสิ่งมีชีวิต เป็นผลจากกลไกทางพันธุกรรม ลักษณะใดที่สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม จะทำให้ลักษณะนั้นถูกเลือกให้สืบพันธุ์และดำรงอยู่ต่อไป ดังนั้นสภาพแวดล้อมย่อมมีผลต่อทิศทาง การเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มของความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ในโลกมีระบบนิเวศมากมายหลายชนิดกระจัดกระจายตามภูมิศาสตร์ต่างๆ ระบบนิเวศแต่ละประเภทจะมีชนิดของสิ่งมีชีวิตที่พบไม่เหมือนกันทั้งนี้เนื่องจากมีปัจจัยทางกายภาพที่แตกต่างกัน