Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Term pregnancy with chronic Hypertension with elderly gravidarum, นศพต…
Term pregnancy with chronic Hypertension with elderly gravidarum
Problemlists
Day 0 - ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการให้ยาระงับความรู้สึก
-ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการตกเลือดในระยะแรกหลังคลอด
-ผู้ป่วยไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัด
-ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะพลัดตกหกล้ม
Day 1
-ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะท้องอืดเนื่องจากลำไส้ยังทำงานได้ไม่ดี
-ผู้ป่วยไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัด
-ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะพลัดตกหกล้ม
-ปัสสาวะลำบากจากoff foley
-มารดามีความวิตกกังวลเรื่องบุตร
-ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะพลัดตกหกล้ม
การประเมินภาวะสุขภาพของมารดาหลังคลอด
ประเมินตามหลัก 13 B
Backgroung (ภูมิหลังของมารดา)
ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ได้ประกอบอาชีพ อาศัยอยู่กับสามีและลูก
-มารดาหลังคลอด ชาวไทย อายุ 40 ปี
-โรคประจำตัว โรคความดันโลหิตสูง 3 ปี รักษาที่โรงพยาบาลสำโรง รักษา ด้วยยา Methidopa 250 mg 1x3 po pc
-น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 51 กิโลกรัม ส่วนสูง 158 เชนติเมตร BMI 21.23 kg/m^2
-น้ำหนักปัจจุบัน 66.7 กิโลกรัม totall weight gain 15.7 กิโลกรัม
-ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว : ปฏิเสธการเจ็บป่วยในครอบครัว
-ประวัติการแพ้อาหาร : แพ้กุ้ง มีผื่นขึ้นเมื่อกิน
-ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอด :
-G1 (ปี 2547) Normal Labor full term เพศชาย 3,510 กรัม
-G2P1A0 GA 38+2wks by u/s
-LMP 24 เดือนมิถุนายน 2564
-EDC 31 เดือนมีนาคม 2565 by u/s
อาการสำคัญ : มาตามนัดแพทย์
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน : มาตามนัดแพทย์ แพทย์ admit ให้ LT C/S
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต : Total ANC 4 ครั้ง ที่โรงพยาบาลตำรวจ ครั้งแรก GA 29 +1 wks by u/s
ANC risks: Chronic HT, elderly gravidarum, late ANC
การผ่าตัด low transverse cesarean section
Body condition (การประเมินภาวะร่างกาย)
Day 0 (22/2/2565) ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่อง หายใจ Room Air ตา conjunctiva ไม่ซีด ไม่มีอาการคัดตึงเต้านม แผล low transverse cesarean section ไม่มีเลือดซึม น้ำคาวปลาสีแดงสด on foley catheter ขาไม่กดบุ๋ม
Day 1 (23/2/2565) ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่อง หายใจ Room Air ตา conjunctiva ไม่ซีด ไม่มีอาการคัดตึงเต้านม แผล low transverse cesarean section ไม่มีเลือดซึม น้ำคาวปลาสีแดงสด ขาไม่กดบุ๋ม ไม่มีอาการท้องอืด หน้าท้องไม่โป่งพอง
Body temperature & Blood pressure
Day 0 (22/2/2565)
Body temperature =36.8 องศาเซลเซียส
Pulse = 78 bpm
Respiratory Rate = 18 bpm
Blood Pressure = 126/80mmHg
Oxygen saturation = 99 %
PS = 7
Day 1 (23/2/2565)
Body temperature =36.5 องศาเซลเซียส
Pulse = 80 bpm
Respiratory Rate = 18 bpm
Blood Pressure = 130/78mmHg
Oxygen saturation = 99 % PS = 5
Breast & lactation
Day 0 (22/02/2565) เต้านม ลานนมนิ่ม ไม่มีอาการคัดตึงเต้านม น้ำนมไม่ไหล
Day 1 (23/02/2565) เต้านม ลานนมนิ่ม ไม่มีอาการคัดตึงเต้านม น้ำนมไม่ไหล
5.Belly & Uterus
ผู้ป่วยมีแผลผ่าตัดหน้าท้องจากการคลอดแบบ low transverse cesarean section
มดลูกแข็งตัวดี ยอดมดลูก 2/3 < สะดือ
Bladder
Day 0 (22/02/2565) ผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ urine output = 100 ml 3 ชม. หลังออกจากห้องผ่าตัด
Day 1 (23/02/2456) ผู้ป่วยปัสสาวะเองได้
Bleeding & Lochia
Day 0 (22/02/2565) น้ำคาวปลา rubra มีสีแดง 340 cc ใน 24 ชั่วโมง
Day 1 น้ำคาวปลาrubra สีแดง เปลี่ยนผ้าอนามัย 2 รอบรวม 50 cc ใน 1 เวร
Bottom ฝีเย็บและทวารหนัก
ผู้ป่วยไม่มีแผลฝีเย็บ เพราะผู้ป่วยทำคลอดแบบ low transverse cesarean section
Bowel movement
Day 0 (22/2/2565) ผู้ป่วย NPO ยังไม่ได้ขับถ่าย
Day 1 (23/2/2565) เริ่ม step diet เช้าจิบน้ำ เที่ยงอาหารเหลว กระตุ้น ambulate ผู้ป่วยไม่มีอาการท้องอืด ท้องโป่งพอง และผู้ป่วยเรอ ยังไม่ได้ขับถ่าย
Blues
day 0 (22/2/2565) มารดายังไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเลี้ยงดูทารก ถามถึงทารก
day 1 (23/2/2565) มารดามีความวิตกกังวลเนื่องจากยังไม่ได้เจอหน้าลูก
Baby
male fullterm DOB : 22/02/2565 น้ำหนัก 3205 กรัม ยาว 50 เซนติเมตร APGAR score 9 9 10 หัดคะแนนสีผิว
-ทารกมีปัญหาเรื่องการหายใจ SpO2 = 80-82 % หายใจRoom Air
-CPAP 10 LPM fiO2 0.6 for 1 min
-At 8 min On O2 low 10 LPM FiO2 (96-97%)
Bonding & attachment
day 0 (22/2/2565) มารดายังไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเลี้ยงดูทารก
day1 มารดาและบุตร ยังไม่มีปฏิสัมพันธ์กัน เนื่องจากบุตรมีภาวะหายใจลำบาก
Bonding & attachment
มารดาจะเลี้ยงลูกด้วยตนเองและเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตนเองจนครบ 6 เดือน และจนกว่าน้ำนมจะหมด เชื่อว่ามดลูกจะหดลงจากการประคบร้อนและอยู่ไฟ ละรับประทานยาสมุนไพรขับน้ำคาวปลา
การตรวจร่างกายตามระบบ Head to Toe
ผม:ดำ ยาว สะอาด ไม่มีรังแค
ตา:บริเวณ conjunctiva สีแดง ไม่ซีด
จมูก:ไม่บวมแดง ไม่มีdischarge
ปาก:ชุ่มชื่น ไม่แห้ง ไม่มีฟันผุ
ต่อมไทรอยด์:ไม่โต คลำไม่พบก้อน
เต้านม: ไม่คัดตึง หัวนมนิ่ม ลานนมนิ่ม
ท้อง:มีรอยแผลผ่าตัดแบบbikini line
แขน: ไม่มีกระดูกผิดปกติ ไม่มีอาการบวม
ขา:ขาทั้งสองข้างไม่มีบวมกดบุ๋ม
การแนะนำการปฏิบัติเมื่อกลับบ้าน
การดูแลตัวเอง
ไม่ควรยกของหนักหรือทำกิจกรรมที่เป็นการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง เพราะอาจทำให้เจ็บแผล
รับประทานอาหารให้ครบ5หมู่ ทานผักผลไม้ที่มีกากใยเพื่อป้องกันอาการท้องผูก
การดูแลแผลผ่าตัด
มารดาเย็บแลผ่าตัดแบบไหมละละาย หากเย็บเป็นไหมละลายรอจนครบ6-7วันก็สามารถอาบน้ำได้ปกติ
-ไม่ให้แผลโดนน้ำ ป้องกันการติดเชื้อ -สังเกตุถ้าผ้าปิดแผลมีเลือดซึมออกมาให้แจ้งพยาาบลหรือพทย์
อาบน้ำด้วยสบู่ที่มีฤทธิ์อ่อน และไม่ถูสบู่ เจลอาบน้ำ หรือทาแป้งลงบนแผลโดยตรง
การดูแลน้ำคาวปลา
วันแรกๆน้ำคาวปลาจะมีสีแดงสด ต่อมาจะจางลงจนหมดไป โดยน้ำคาวปลาควรจะหมดไม่เกิน2สัปดาห์ หากหลังจาก2สัปดาห์ น้ำคาวปลายังมีสีแดงและมีกลิ่นเหม็น ควรมาพบแพทย์ เนื่องจากอาจจะเกิดการติดเชื้อหรือมีเศษรกตกค้างในมดลูกได้
อาการผิดปกติที่มาพบแพทย์
มีไข้
เต้านมอักเสบ คัดตึงมาก
น้ำคาวปลาสีแดงไม่จางลง และมีกลิ่นเหม็น
หลังคลอด2สัปดาห์ หากยังคลำพบก้อนหรือมดลูกอยู่
ปัสสาวะบ่อย และมีอาการแสบขัด
มีเลือดสดออกทางห้องคลอด
ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน
การคุมกำเนิด
แบบกิน
ต้องทานยาคุมกำเนิดอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อหยุดทานยาคุมกำเนิดจะสามารถมีลูกได้
แนะนำให้ทานยาคุมกำเนิดแบบhormoneเดี่ยวที่มีprogesteroneขนาดน้อย เพราะยาจะไม่สามารถผ่านทางน้ำนมได้ อาจจะคุมร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัย
แบบฉีด
มีแบบ1และ3เดือนจะไม่ส่งผลถึงน้ำนม
สามารถฉีดได้เมื่อมาตรวจติดตาม6สัปดาห์หลังคลอด
แบบฝัง
จะมีแบบคุม3-5ปี ไม่มีผลต่อน้ำนม
สามารถคุมกำเนิดได้นาน3ปี สามารถฝังได้6สัปดาห์หลังคลอด
หากต้องการมีบุตรสามารเอาออกได้
คำแนะนำ
หากเลือกทานยาคุมควรคุมแบบตามเวลาให้ครบตามกำหนด
หากเป็นแบบฉีดควรไปตามนัด
การคุมกำเนิดที่เหมาะสมสำหรับรายนี้คือแบบฉีดและแบบฝังเนื่องจากมารดาให้ข้อมูลว่าชอบลืมทานยาคุมกำเนิด
การดูแลบุตร
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย6เดือน และต่อเนื่อง2ปีร่วมกับอาหารเสริม
หลัก4ด
ดูดบ่อย:ทุกๆ2-3ชั่วโมง
ดูดไว:ระยะลูกตื่นตัว1.30-2ชั่วโมงหลังคลอด
ดูดเกลี้ยงเต้า:ดูดเกลี้ยงเต้าทั้ง2ข้าง
ดูดถูกวิธี:จัดท่าเหมาะสม พุงชิดพุง คางชิดอก อ้าปากอมมิดลานนมแม่
ให้คำแนะนำเพิ่มเติม ท่าให้นมบุตรสำหรับมารดาผ่าตัดคลอด
ท่าfootball hold (ท่าอุ้มลูกฟุตบอล) ท่านี้ลูกอยู่ในท่ากึ่งตะแคงกึ่งนอนหงาย ขาชี้ไปทางด้านหลังของแม่ มือแม่จับที่ต้นคอและท้ายทอยของลูก กอดลูกให้กระชับกับสีข้างแม่ ลูกดูดนมจากเต้านมข้างเดียวกับมือที่จับลูก มืออีกข้างประคองเต้านมไว้ ท่านี้เหมาะสำหรับ : แม่ที่ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องเพราะตัวของลูกจะไม่ไปสัมผัสและกดทับแผลผ่าตัดที่หน้าท้องของแม่ คุณแม่ที่มีเต้านมใหญ่หรือลูกตัวเล็กเพราะลูกจะเข้าอมงับเต้านมได้ดีกว่า และคุณแม่ที่คลอดลูกแฝด เพราะสามารถให้ลูกดูดนมจากทั้งสองเต้าพร้อมๆกันได้
ท่านอน ( Side lying position ) แม่ลูกนอนตะแคงเข้าหากัน แม่นอนศีรษะสูงเล็กน้อยหลังและสะโพกตรง ให้ปากลูกอยู่ตรงกับหัวนมของแม่ มือที่อยู่ด้านล่างประคองตัวลูกให้ชิดลำตัวแม่อาจใช้ผ้าขนหนูที่ม้วนไว้ หรือหมอนหนุนหลังลูกแทนแขนแม่ก็ได้ มือที่อยู่ด้านบนประคองเต้านมในช่วงแรกที่เริ่มเอาหัวนมเข้าปากลูก เมื่อลูกดูดได้ดีก็ขยับออกได้
ท่านี้เหมาะสมสำหรับ : แม่ที่ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องต้องการพักผ่อน หรือให้นมลูกเวลากลางคืน
ในกรณีที่มารดากลับบ้านก่อนบุตร เนื่องจากบุตรจะต้องได้รับการรักษาต่อที่โรงพยาบาล แนะนำให้แม่ปั๊มนมเก็บไว้เพื่อเป็นการกระตุ้นการหลั่งน้ำนม ไม่ให้เกิดเต้านมคัดตึง และเกิดการอักเสบของเต้านม
อาหาร
รับประทานอาหารให้ครบ5หมู่
แนะนำให้รับประทานอาหารบำรุงน้ำนม เช่น เมนูแกงเลียง ขิง ตำลึง มะละกอ
ให้รับประทานผลไม้
แนะนำให้ดื่มวันละ8แก้ว หรืออย่างน้อยวันละ 1.5ลิตร
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด อาหารหมักดอง เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
day 0 (22/02/2565)
มารดามีภาวะไม่สุขสบายเนื่องจากมีอาการปวดแผล
ข้อมูลสนับสนุน
SD : ผู้ป่วยหลังคลอดบอกว่า “ปวดแผลผ่าตัด”
OD : ระดับคะแนนความปวด 2 คะแนน (22/02/2565)
วัตถุประสงค์
1.ผู้ป่วยหลังคลอดปวดแผลผ่าตัดลดลง
2.มารดาหลังคลอดสุขสบายขึ้นสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้
เกณฑ์การประเมิน
1.มารดาหลังคลอดปวดแผลผ่าคลอดลดลง
2.เคลื่อนไหวร่างกาย และสามารถนั่งให้นมบุตรได้
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินอาการปวด โดยสอบถามเกี่ยวกับอาการปวดมดลูกและแผลผ่าคลอด สังเกตลักษณะของแผลผ่าคลอดว่ามีลักษณะผิดปกติหรือไม่
2.อธิบายให้มารดาหลังคลอดเข้าใจว่า อาการปวดของหญิงหลังคลอดทุกรายเนื่องจากมดลูกมีการหดรัดตัวตามธรรมชาติ เพื่อให้มดลูกเข้าสู่อุ้งเชิงกราน
3.จัดท่าให้สุขสบาย สอนท่าให้นมบุตรหากผู้ป่วยสามรถเลี้ยงบุตรด้วยตนเองได้ โดยนั่งท่า Football hold
4.ช่วยเหลือกิจกรรมบางอย่างที่มารดาหลังคลอดยังไม่สามารถทำได้
5.ทำความสะอาดแผลผ่าคลอดและอวัยวะสืบพันธ์ุภายนอกโดยล้างจากหน้าไปหลัง เพื่อลดการติดเชื้อ
6.พูดคุยเบี่ยงเบนความสนใจอาจทำให้ลดอาการเจ็บปวดได้
7.ให้ผู้ป่วยได้รับประทานยาบรรเทาปวด Paracetamol (500 mg) 2 เม็ด ตามแผนการรักษาของแพทย์เพื่อลดอาการเจ็บปวดและสุขสบายขึ้น
8.ดูแลให้ใช้ห่วงยางฟองน้ำรองเวลานั่งให้นมบุตร เพื่อบรรเทาอาการปวดบริเวณมดลูกและแผลผ่าคลอด
การประเมินผล1.ผู้ป่วยปวดแผลลดลง 2.pain score =1 22.00 น. (22/2/65)
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังได้ยาระงับความรู้สึก
ข้อมูลสนับสนุน : ผู้ป่วยได้รับยาระงับความรู้สึกแบบ spinalblock
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันอันตรายจากการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังได้รับยาระงับความรู้สึก
เกณฑ์การประเมินผล
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
2.ไม่มีภาวะแททรกซ้อนหลังได้รับยาระยาระงับความรู้สึก เช่น ภาวะความดันเลือดต่ำ อาการคลื่นไส้อาเจียน อาการคัน
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินระดับความรู้สึกตัว เรียกชื่อ นามสกุลผู้ป่วย ถามวัน เวลา และสถานที่เพื่อประเมินระดับความรู้สึกตัว
2.ประเมินสัญญาณชีพหลังทำหัตถการห้องผ่าตัด เพื่อประเมินอาการผิดปกติ โดยเฉพาะความดันโลหิต เนื่องจากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง โอยวัด 15 นาที 4 ครั้ง 30 นาที 2ครั้ง และ 1ชั่วโมงจนกว่าจะคงที่
3.จัดท่านอนให้ผู้ป่วยนอนราบ เพื่อป้องกันการปวดศีรษะ และอาการคลื่นไส้
ดูแลให้สารน้ำ สารอาหาร ทางหลอดเลือดคำตามแผนการรักษาของแพทย์ Acetar 1000 ml + Syntocinon 10 unit และ 5%DN2 1000 ml IV drip rate 120 ml/hr เพื่อรักษาสมดุลสารน้ำในร่างกาย และป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ
การประเมินผล
-สัญญาณชีพ หลังมารดากลับจากห้องผ่าตัด
12.15น. BP 128/78 mmHg PR 80 bpm RR 18 bpm T 36.0 องศาเซลเซียส
12.30น. BP120/84 mmHg PR 68 bpm RR 18 bpm 12.45น. BP129/78 mmHg PR 68 bpm RR 18 bpm 13.00น. BP135/79 mmHg PR 76 bpm RR 16 bpm 13.45น. BP136/85 mmHg PR 68 bpm RR 18 bpm 14.15น. BP 129/80 mmHg PR 82 bpm RR 18 bpm 15.00น. BP127/83 mmHg PR 108 bpm RR 18 bpm
-ไม่มีภาวะแททรกซ้อนหลังได้รับยาระยาระงับความรู้สึก เช่น ภาวะความดันเลือดต่ำ อาการคลื่นไส้อาเจียน อาการคัน
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดตกเลือดหลังคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
-เสียเลือด 300 cc หลังออกห้องผ่าตัด
-มีแผลจากผ่าตัด Lt C/S
-มีแผลจากชากโพรงมดลูก
-มารดาเป็นครรภ์ที่ 2
-ไม่ได้รับการกระตุ้นจากการดูดนมจากลูก
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด
เกณฑ์ การประเมินผล
-เสียเลือดไม่เกิน 1000 cc ใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด
-ไม่มีอาการแสดงตกเลือด เช่นหน้ามืด เพลีย ความรู้สึกตัวลดลง ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตตัน
-มดลูกหดรัดตัวดี ก้อนกลมแข็งใต้สะดือ
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินสภาพทั่วไป สัญญาณชีพจะอยู่ในระดับปกติ เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงอาการอาการแสดงภาวะตกเลือด เช่น หน้าซีด เพลีย ความรู้สึกตัวลดลง ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
ดูแลให้สารน้ำ สารอาหาร สารเลือดทางหลอดเลือดคำตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อทคแทนปริมาณเลือดและสารน้ำที่สูญเสียไปและยากระตุ้นการหครัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา เพื่อเพิ่มการหครัดตัวของมดลูกส่งผลให้การเสียเลือดลง Acetar 1000 ml + Syntocinon 10 unit และ 5%DN2 1000 ml IV drip rate 120 ml/hr
ตรวจคลึงมดถูกด้วยท่าที่นุ่มนวล เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวเป็นระยะๆ เส้นเลือดส่วนปลายปิดลดการเสียเลือด
ตรวจสภาพกระเพาะปัสสาวะโดย สวนสายปัสสาวะค้าง เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่างเป็นการลดสิ่งขัดขวางการหครัดตัวของมดถูก มดถูกจะหดรัดตัวดีขึ้น อาการเลือดออกจะลดลงและเป็นการประเมินภาวะขาคน้ำจากการเสียเลือด และดูและไม่ให้สายสวนปัสสาวะหัก พับ งอ และ วางถุงปัสสาวะให้ต่ำกว่า
จัดให้มารดานอนพักบนเตียง เพื่อลดการใช้พลังงาน ถ้าเลือดออกมากจัดให้นอนในท่าศีรษะต่ำ เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ เป็นการป้องกันสมองขาดเลือด
6.หากแม่มีโอกาสได้เจอทารกกระตุ้นให้ลูกดูดดมจากเต้านมมารดาเพื่อเป็นการกระตุ้นการหลั่งน้ำนมของแม่ให้ไหล และกระตุ้นฮอร์โมนoxytocin เพื่อนกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
7.บันทึกปริมาณและสังเกตสีน้ำคาวปลาหลังคลอดบันทึกสารน้ำเข้าสารน้ำออกจากร่างกายตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประเมินภาวะตกเลือดหลังคลอด
การประเมินผล
-เสียเลือดและน้ำคาวปลา 340 cc ใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด
-ไม่มีอาการแสดงตกเลือด เช่นหน้ามืด เพลีย ความรู้สึกตัวลดลง ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตตัน
-มดลูกหดรัดตัวดี ก้อนกลม 2/3แข็งใต้สะดือ
-มารดายังไม่ได้พบลูก
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะพลัดตกหกล้ม
ข้อสนับสนุน
SD : -ผู้ป่วยบอกว่า รู้สึกเคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่สะดวกเนื่องจากตึงและปวดบริเวณแผลผ่าตัด
OD :- ผู้ป่วยได้รับการผ่าคลอด low transverse cesarean section
-ผู้ป่วยหลังคลอดมีอาการอ่อนเพลีย
วัตถุประสงค์ -เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มในผู้ป่วย
เกณฑ์การประเมินผล
-ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินระดับความรู้สึกตัวจองผู้ป่วย อาการอ่อนเพลีย และ fall score เพื่อวางแผนการพยาบาล ป้องกันการพลัดตกหกล้ม
2.ดูแลให้ผู้ป่วยนอนพักบนเตียง 8-10 ชั่วโมง
3.ช่วยเหลือผู้ป่วยหลังคลอดไม่สามารถทำได้ หรือช่วยอำนวยความสะดวก
4.จัดวางสิ่งของให้เป็นระเบียบ กมีแสงสว่างเพียงพอ และจัดของให้ผู้ป่วยสามารถหยิบใช้งานได้สะดวก
5.ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทั้ง 2 ข้างทุกครั้งหลังให้การพยาบาล เพื่อป้องกันผู้ป่วยพลัดตกหกล้ม
การประเมินผล 1.ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะพลัดตกหกล้ม
Day 1 (23/02/2565)
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะท้องอืดเนื่องจากลำไส้ยังทำงานได้ไม่ดี
ข้อมูลสนับสนุน
S.D.: -
O.D.: -มารดาได้รับการอดอาหารก่อนได้รับการผ่าตัด
วัตถุประสงค์ : ผู้ป่วยไม่เกิดอาการท้องอืด
เกณฑ์การประเมินผล
1.ผุ้ป่วยมีอาการแสดงถึงการทำงานของลำไส้ เช่น การเรอ การผายลม
2.ผู้ป่วยไม่เกิดอาการท้องอืด
3.เสียงBowel sound 5-35 ครั้ง/นาที
กิจกรรมการพยาบาล
1.ดูแลผู้ป่วยให้จิบน้ำในเมื้อเช้า ทานอาหารเหลวในเมื้อกลางวัน ทานอาหารอ่อนในตอนเย็นตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อปรับการทำงานของลำไส้หลังจากการอดอาหารเพื่อทำการผ่าตัด
2.กระตุ้นให้ผู้ป่วยผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหวหลังผ่าตัด โดยเริ่มจากพลิกตะแคงตัวทุก2-3ชั่วโมง หลังจากนั้นให้เริ่มลุกเดินรอบๆเตียง และเดินไปสถานที่ใกล้ๆได้ด้วยตนเองอย่างเช่นห้องน้ำ เพื่อที่ลำไส้จะได้มีการเคลื่อนไหวตัวได้ดีขึ้นไม่เกิดอาการท้องอืด
3.จัดสภาพแวดล้อมบริเวณรอบเตียงของผู้ป่วยให้สะอาดและอากาศถ่ายเทอยู่เสมอเพื่อให้มารดามีความสุขสบายในการเคลื่อนไหวและเพิ่มบรรยากาศในการรับประทานอาหาร มากขึ้น
4.ดูแลให้มารดาได้รับยา Air x 1x3 po pcตามแผนการรักาของแพทย์ เพื่อป้องกันอาการท้องอืด
การประเมินผล (23/02/2565) 1.ผู้ป่วยบอกว่าเรอได้และมีการผายลม 2. ผู้ป่วยบอกว่าไม่มีอาการท้องอืด 3. ฟังเสียงBowel sound ได้ 12 ครั้ง/นาที
ผู้ป่วยไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
SD : ผู้ป่วยหลังคลอดบอกว่า “ปวดแผลผ่าตัด”
OD : ระดับคะแนนความปวด 2 คะแนน (22/02/2565)
วัตถุประสงค์
1.ผู้ป่วยหลังคลอดปวดแผลผ่าตัดลดลง
2.มารดาหลังคลอดสุขสบายขึ้นสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้
เกณฑ์การประเมิน
1.มารดาหลังคลอดปวดแผลผ่าคลอดลดลง
2.เคลื่อนไหวร่างกาย และสามารถนั่งให้นมบุตรได้
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินอาการปวด โดยสอบถามเกี่ยวกับอาการปวดมดลูกและแผลผ่าคลอด สังเกตลักษณะของแผลผ่าคลอดว่ามีลักษณะผิดปกติหรือไม่
2.อธิบายให้ผู้ป่วยหลังคลอดเข้าใจว่า อาการปวดของหญิงหลังคลอดทุกรายเกิดจากมดลูกมีการหดรัดตัวตามธรรมชาติ เพื่อให้มดลูกเข้าสู่อุ้งเชิงกราน
3.จัดท่าให้สุขสบาย สอนท่าให้นมบุตรหากผู้ป่วยสามารถเลี้ยงบุตรด้วยตนเองได้ โดยนั่งท่า Football hold
4.ช่วยเหลือกิจกรรมบางอย่างที่ผู้ป่วยหลังคลอดยังไม่สามารถทำได้
5.ทำความสะอาดแผลผ่าคลอดและอวัยวะสืบพันธ์ุภายนอกโดยล้างจากหน้าไปหลัง เพื่อลดการติดเชื้อ6.พูดคุยเบี่ยงเบนความสนใจอาจทำให้ลดอาการเจ็บปวดได้
7.ให้ผู้ป่วยได้รับประทานยาบรรเทาปวด Paracetamol (500 mg) 2 เม็ด ตามแผนการรักษาของแพทย์เพื่อลดอาการเจ็บปวดและสุขสบายขึ้น
8.ดูแลให้ใช้ห่วงยางฟองน้ำรองเวลานั่งให้นมบุตร เพื่อบรรเทาอาการปวดบริเวณมดลูกและแผลผ่าคลอด
การประเมินผล
1.ผู้ป่วยหลังคลอดปวดแผลผ่าคลอดลดลง
2.Pain score = 1 (23/2/2565)
ผู้ป่วยมีภาวะปัสสาวะลำบากจากการ off foley catheter
ข้อมูลสนับสนุน SD : ผู้ป่วยบอกว่า รู้สึกปัสสาวะแสบขัดเล็กน้อย OD : ผู้ป่วย off foley catheter
วัตถุประสงค์
1.ผู้ป่วยปัสสาวะแสบขัดลดลง
เกณฑ์การประเมิน
1.ผู้ป่วยไม่แสบขัดเมื่อปัสสาวะ
2.ผู้ป่วยปัสสาวะได้โดยไม่ต้องใช้แรงเบ่ง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินสี และปริมาณปัสสาวะแและสังเกตสีหย้าผู้ป่วยเพื่อแก้ไขปัญหาปัสสาวะแสบขัด
2.ผู้ป่วยควรจะปัสสาวะ 50 cc/1hr หากผู้ป่วยไม่ปัสสาวะ ควรรีบรายงานแพทย์ทันที
3.ดูแลความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
4.บันทึกปริมานน้ำที่ผู้ป่วยได้รับและปริมาณปัสสาวะออกทุก 8 ชั่วโมง
5.แนะนำให้ผู้ป่วยไม่กลั้นปัสสาวะ และไม่เบ่งปัสสาวะ เพื่อไม่ให้ขัดขวางการบีบรัดตัวของมดลูก
การประเมิน
1.ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะแสบขัดลดลง
มารดามีความวิตกกังวลเรื่องบุตร
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. : - มารดาถามถึงลูกบ่อยครั้ง
O.D. : - มารดายังไม่ได้พบบุตรหลังการคลอด
บุตรของมารดาอยู่ที่หน่วยSNCU
วัตถุประสงค์ : เพื่อให้มารดาคลายความวิตกกังวลลง
เกณฑ์การประเมินผล
1.มารดามีสีหน้าท่าทางที่คลายความวิตกกังวลลง
2.มารดารับรู้และเข้าใจอาการของบุตร
กิจกรรมการพยาบาล
1.เปิดโอกาสให้มารดาหลังคลอด ระบายความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของบุตรภายให้บรรยากาศผ่อยคลาย รับฟังผู้คลอดด้วยความสนใจและตั้งใจ อธิบายหรือตอบคำถามด้วยความนุ่มนวล เพื่อให้มารดาได้ระบายความตึงเครียดออกมา
2.อธิบายให้มารดาหลังคลอด ทราบถึงอาการของบุตรที่มีอาการหายใจเร็ว อธิบายถึงแผนการรักษาพยาบาลต่างๆที่บุตรได้รับ ก็คือการให้ออกซิเจนเพื่อให้ทารกสามารถหายใจได้อย่างปกติ เพื่อให้มารดามีความมั่นใจในการรักษาพยาบาล และคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับบุตร
3.แนะนำมารดาว่าเมื่อมารดาสามารถเดินได้อย่างสะดวกสามารถติดต่อพยาบาลเพื่อที่จะไปพบบุตรที่หอผู้ป่วยSNCUได้ เพื่อส่งเสริมสายสัมพันธ์แม่และลูก
การประเมินผล
1.มารดามีสีหน้าท่าทางที่คลายความวิตกกังวลลง
2.มารดารับรู้และเข้าใจอาการของบุตร
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดตกเลือดหลังคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
OD : -เสียเลือด 340 cc 24 ชั่วโมงหลังคลอด
-มีแผลจากผ่าตัด Lt C/S -มีแผลจากชากโพรงมดลูก
-มารดาเป็นครรภ์ที่ 2
-ไม่ได้รับการกระตุ้นจากการดูดนมจากลูก
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด
กิจกรรมพยาบาล
ประเมินสภาพทั่วไป สัญญาณชีพจะอยู่ในระดับปกติ เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงอาการอาการแสดงภาวะตกเลือด เช่น หน้าซีค เพลีย ความรู้สึกตัวลดลง ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
ดูแลให้สารน้ำ สารอาหาร สารเลือดทางหลอดเลือดคำตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อทคแทนปริมาณเลือดและสารน้ำที่สูญเสียไปและยากระตุ้นการหครัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา เพื่อเพิ่มการหครัดตัวของมดลูกส่งผลให้การเสียเลือดลง 5%DN2 1000 ml IV drip rate 120 ml/hr
ตรวจคลึงมดถูกด้วยท่าที่นุ่มนวล เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวเป็นระยะๆ เส้นเลือดส่วนปลายปิดลดการเสียเลือด
ตรวจสภาพกระเพาะปัสสาวะโดย กระตุ้นให้ผู้ป่วยจิบน้ำ และเที่ยงรับประทานอาหารเหลว ให้ผู้ป่วยปัสสาวะภายใน6-8 ชั่วโมงและประเมินอาการปัสสาวะแสบขัดขณะปัสสาวะ
จัดให้มารดานอนพักบนเตียง เพื่อลดการใช้พลังงาน ถ้าเลือดออกมากจัดให้นอนในท่าศีรษะต่ำ เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ เป็นการป้องกันสมองขาดเลือด 6.หากแม่มีโอกาสได้เจอทารกกระตุ้นให้ลูกดูดดมจากเต้านมมารดาเพื่อเป็นการกระตุ้นการหลั่งน้ำนมของแม่ให้ไหล และกระตุ้นฮอร์โมนoxytocin เพื่อนกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
7.บันทึกปริมาณและสังเกตสีน้ำคาวปลาหลังคลอด เพื่อประเมินความผิดปกติของน้ำคาวปลา
การประเมินผล
-ไม่มีอาการแสดงตกเลือด เช่นหน้ามืด เพลีย ความรู้สึกตัวลดลง ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
-มดลูกหดรัดตัวดี ก้อนกลม 2/3แข็งใต้สะดือ
-มารดายังไม่ได้พบลูก
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะพลัดตกหกล้ม
ข้อสนับสนุน
SD : -ผู้ป่วยบอกว่า รู้สึกเคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่สะดวกเนื่องจากตึงและปวดบริเวณแผลผ่าตัด
OD :- ผู้ป่วยได้รับการผ่าคลอด low transverse cesarean section
-ผู้ป่วยหลังคลอดมีอาการอ่อนเพลีย
วัตถุประสงค์ -เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มในผู้ป่วย
เกณฑ์การประเมินผล
-ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินระดับความรู้สึกตัวจองผู้ป่วย อาการอ่อนเพลีย และ fall score เพื่อวางแผนการพยาบาล ป้องกันการพลัดตกหกล้ม
2.ดูแลให้ผู้ป่วยนอนพักบนเตียง 8-10 ชั่วโมง
3.ช่วยเหลือผู้ป่วยหลังคลอดไม่สามารถทำได้ หรือช่วยอำนวยความสะดวก
4.ดูแลและพยุงผู้ป่วยไปเข้าห้องน้ำทุกครั้ง เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้ม
5.จัดวางสิ่งของให้เป็นระเบียบ กมีแสงสว่างเพียงพอ และจัดของให้ผู้ป่วยสามารถหยิบใช้งานได้สะดวก
6.ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทั้ง 2 ข้างทุกครั้งหลังให้การพยาบาล เพื่อป้องกันผู้ป่วยพลัดตกหกล้ม
การประเมินผล 1.ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะพลัดตกหกล้ม
นศพต.อาทิตยา ชัยมี เลขที่ 76 ชั้นปีที่ 3