Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคอารมณ์แปรปรวนในเด็ก(Mood disorder in children, . - Coggle Diagram
โรคอารมณ์แปรปรวนในเด็ก(Mood disorder in children
สาเหตุ
พันธุกรรม เด็กที่มีผู้ปกครองเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนมีโอกาสเกิดโรคอารมณ์แปรปรวนสูงกว่าเด็กทั่วไป
ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเกิดภาวะวิกฤติในชีวิตที่รุนแรงซ้ำ ๆ จะส่งผลให้สารสื่อประสาททำงานผิดปกติได้
ความผิดปกติในการทำงานของสมอง โดยพบว่ามีการทำงานของสารสื่อประสาทในสมองที่ผิดปกติในส่วนควบคุมการแสดงออกของอารมณ์
อาการของโรค
Bipolar II disorder อาการขั้วลบ หรือขั้วซึมเศร้า (Depression)
เด็กจะมีอารมณ์เบื่อหน่าย ไม่เพลิดเพลิน ไม่สนใจทำกิจกรรมที่เคยชอบทำ ไม่มั่นใจในตนเอง มองสิ่งต่าง ๆ ในแง่ลบ คิดว่าตนเองเป็นภาระของคนอื่น รู้สึกอยากตาย
Bipolar I disorder อาการขั้วบวก หรือขั้วครื้นเครง (mania หรือ hyper-mania) เด็กจะมีอาการมั่นใจในตนเองมากเกินไป คิดว่าตนเองเก่งกว่าคนอื่นมาก มีความคิดฟุ้งซ่าน พูดมาก พูดเสียงดัง อยากทำโน่นทำนี่ใช้เงินฟุ่มเฟือยนอนน้อยถ้าไม่ได้ดั่งใจจะโกรธรุนแรง อาละวาดก้าวร้าว
การวินิจฉัย
ความรุนแรง พิจารณาจากผลกระทบต่อการดําเนินชีวิต, อันตรายต่อชีวิตตนเองหรือผู้อื่น
โรคทางกายหรือการใช้ยาบางอย่างที่อาจเป็นสาเหตุของอารมณ์ผิดปกติ
ลักษณะอารมณ์ สังเกตจากการตรวจสภาพจิต,
ประวัติจากเด็กและญาติ
ลักษณะการดําเนินโรค จะช่วยในการวินิจฉัยโรคอารมณ์แปรปรวนจากโรคที่มีอาการคล้ายกันตลอดจนมีผลต่อการกําหนดแผนการรักษาและพยากรณ์โรค
ความหมาย
โรคอารมณ์แปรปรวน หรือโรคไบโพลาร์นั้น ทั้งอารมณ์ พฤติกรรม และความคิดที่แสดงออกจะอยู่ในระดับที่มากเกินขอบเขตที่แสดงออกในคนปกติทั่วไป
คำว่า “ไบโพลาร์” แปลว่า 2 ขั้ว โรคไบโพลาร์หรือที่เรียกกันว่า โรคอารมณ์แปรปรวน เป็นโรคที่อารมณ์พฤติกรรม และความคิดเปลี่ยนกลับไปมาระหว่างขั้วลบและขั้วบวก โดยอาการของเด็กที่เป็นโรคอารมณ์แปรปรวน มักจะรบกวนผู้อื่น ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับสมาธิในการเรียน ทำให้ผลการเรียนตกลง
การรักษา
การทำจิตบำบัดรายบุคคล / การทำครอบครัวบำบัด / การให้คำปรึกษาในโรงเรียน
การรับประทานยา เป็นวิธีการรักษาหลัก และมีความสำคัญมากในการรักษาโรคนี้ ยาทำหน้าที่ปรับสารสื่อประสาทในสมอง เด็กที่เพิ่งป่วยเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนครั้งแรก และมารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เมื่อได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจะสามารถหายเป็นปกติได้ แต่ยังคงต้องรับประทานยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งแพทย์ผู้ดูแลจะเป็นผู้พิจารณาว่าผู้ป่วยแต่ละรายจำเป็นต้องรับประทานยาต่อเนื่องนานแค่ไหน ปัญหาที่พบบ่อย คือ เมื่อเด็กอาการดีขึ้นหลังรับประทานยาไปได้เพียง 1-2 เดือน ผู้ปกครองมักไม่พาเด็กมารักษาต่อ หลายรายหยุดยาเองเพราะคิดว่าหายดีแล้ว หรือกลัวว่าเด็กจะติดหรือเกิดภาวะสะสมของยาในร่างกาย ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นความเข้าใจผิด การหยุดยาเร็วเกินไปจะทำให้โรคมีโอกาสกำเริบสูงมาก ซึ่งเมื่อโรคกำเริบ อาการมักจะรุนแรง และรักษายากมากกว่าเดิม ทำให้จำเป็นต้องใช้ยาในปริมาณมากกว่าเดิม
การปรับพฤติกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการนอนหลับ การนอนน้อยติดต่อกันหลายวันทำให้อาการของโรคกำเริบได้ ผู้ป่วยโรคอารมณ์แปรปรวนควรเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงการนอนดึก นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือสารที่กระตุ้น
ประสาท เช่น ยาลดน้ำหนัก ดังนั้น ผู้ปกครองจึงมีส่วนสำคัญมากในการรักษาโรคอารมณ์แปรปรวนหรือโรคไบโพลาร์นี้ ผู้ปกครองที่เข้าใจ คอยให้กำลังใจ และสามารถสังเกตอาการเด็กที่เปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น รวมถึงแจ้งอาการต่อแพทย์ผู้ดูแลอย่างเปิดเผยจะช่วยให้ผลการรักษาดี รวมทั้งป้องกันโรคอารมณ์แปรปรวนไม่ให้
กำเริบได้อีกด้วย
.