Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบ, สมาชิก - Coggle Diagram
บทที่ 5 การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบ
การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบโดยไม่ใช้วิธีการทางสถิติ
การตรวจสอบแบบทดสอบทั้งฉบับ
1.1 ขนิดของแบบทดสอบที่สร้างเหมาะสมกับลักษณะของเนื้อหาวิชา
1.2 ชนิดของแบบทดสอบที่สร้างเหมาะสมกับการตรวจให้คะแนน
1.3 ความชัดเจนของคำสั่งหรือคำชี้แจงเหมาะกับแบบทดสอบ
1.4 ความยาวของแบบทดสอบเหมาะสมกับเวลาที่กำหนดให้ทำ
1.5 แบบทดสอบทั้งฉบับมีความเที่ยงตรงหรือไม่
การตรวจสอบข้อสอบเป็นรายข้อ
2.1 ข้อสอบแต่ละข้อวัดได้ตรงตามวัตถุประสงค์
2.2 เนื้อหาถูกต้อง
2.3 ความยากของข้อสอบเหมาะสมกับระดับชั้นของผู้สอบ
2.4 ความยาวของข้อสอบแต่ละข้อเหมาะสม
2.5 ภาษาที่ใช้เหมาะสม
2.6 การเขียนข้อสอบถูกต้องตามหลักการเขียนข้อสอบต่างๆ
การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบโดยใช้วิธีการทางสถิติ
การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบอิงกลุ่ม
ความยากง่ายของข้อสอบ (Item Difficulty)
คือ สัดส่วนของคนที่ทำข้อสอบข้อนั้นถูก เทียบกับ จำนวนคนที่เข้าสอบทั้งหมด
อำนาญจำแนกของข้อสอบ(Item Discrimination)
คือ สัดส่วนของผลต่างระหว่างจำนวนผู้ตอบข้อสอบข้อนั้นถูกในกลุ่มสูง (เก่ง) กับกลุ่มต่ำ (อ่อน) ต่อ จำนวนผู้สอบในกลุ่มเก่งหรือกลุ่มอ่อน
ประสิทธิภาพของตัวลวง (Distracter Efficiency)
คือ ประสิทธิภาพของแบบทดสอบที่สามารถวัดลักษณะ (Trait) ที่ต้องการจะวัด มี 4 ชนิด คือ
: ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content validity)
: ความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้าง (Construct validity)
: ความเที่ยงตรงเชิงพยากรณ์ (Predictive validity)
: ความเที่ยงตรงเชิงตามสภาพ (Concurrent validity)
การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบอิงเกณฑ์
ความยากง่ายของข้อสอบ (Item Difficulty)
หมายถึง สัดส่วนของผู้ตอบข้อสอบข้อนั้น ๆ ได้ถูกต้อง โดยพิจารณาจากกลุ่มที่ได้เรียนเรื่องนั้นมาแล้ว กับกลุ่มที่ไม่ได้เรียนเรื่องนั้น ข้อสอบที่ง่ายสำหรับกลุ่มที่เคยเรียน สามารถเป็นข้อสอบอิงเกณฑ์ที่ดีได้ เพราะอาจารย์ผู้สอนสามารถจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนส่วนใหญ่เกิดการเรียนรู้และทำข้อสอบได้หรืออาจเป็นเพราะข้อสอบง่ายเกินไป จึงทำให้ผู้เรียนตอบถูกจากความรู้เดิมโดยไม่ได้เรียนรู้เพิ่มเติม ค่า Pi จะอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1
ดังนั้น การวิเคราะห์ข้อสอบอิงเกณฑ์ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบว่า ก่อนเรียนมีสัดส่วนของคำตอบถูกมากน้อยเพียงใดเพื่อนำผลมาเปรียบเทียบกันตอนหลังเรียน
การวิเคราะห์ข้อสอบแบบอิงเกณฑ์ จะพิจารณาค่าความยากของข้อสอบแตกต่างจากแบบอิงกลุ่ม เนื่องจากไม่ได้เน้นที่จะนำค่าความยากง่ายมาเพื่อเลือกข้อสอบ แต่จะเน้นที่คุณภาพในการสอน
อำนาญจำแนกของข้อสอบ(Item Discrimination)
หมายถึง ผลต่างระหว่างสัดส่วนของผู้ที่ตอบถูกหลังเรียน กับสัดส่วนผู้ที่ตอบถูกก่อนเรียน
Si มีค่าระหว่าง -1 ถึง 1 ค่า Si ควรมีค่าเป็นบวก ยิ่งเข้าใกล้ 1 ยิ่งมีความไว ซึ่งแสดงว่าข้อสอบข้อนั้นสามารถจำแนกผู้รอบรู้จากผู้ไม่รอบรู้ได้ดี และสามารถจำแนกการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น อำนาจจำแนกหรือดัชนีความไวของข้อสอบ ( Si ) ควรมีค่า > 0
ประสิทธิภาพของตัวลวง (Distracter Efficiency)
เมื่อสร้างข้อสอบอิงเกณฑ์แบบหลายคัวเลือก ( Multiple Choices ) ผู้ที่เลือกตัวลวง ถือว่า ตอบผิด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้นั้นยังไม่สัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมายของการวัด ในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพตัวลวงทำโดยการตรวจสอบความถี่ของผู้ที่เลือกตัวลวงนั้น ๆ และควรดูจากผลการสอบก่อนเรียน ( Pre – Test ) ถ้าตัวลวงใดมีผู้เลือกในสัดส่วนที่สูง ถือว่าเป็นตัวลวงที่ใช้ได้ แต่ถ้าตัวลวงใดมีผู้เลือกน้อย แสดงว่าตัวลวงนั้นขาดประสิทธิภาพ สมควรที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น และตัวลวงที่จัดว่าเป็นตัวลวงที่ดีนั้น ผู้ที่เรียนอ่อนควรจะเลือกตอบมากกว่าผู้ที่มีผลการเรียนดี
สมาชิก
นางสาว สุธาศินี ดวดกระโทก 6311070001
นางสาว ปัทมเกศร์ คงสวัสดิ์ 6311070002
นางสาว สุภานัน ธรมีฤทธิ์ 6311070008
นายณัฐวุฒิ วงษ์ชมภู 6311070010
นาย สุเมธ ชูแก้ว 6311070062
นางสาว นูรไอมาน ดอฆอ6311070087