Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case Study LR - Coggle Diagram
Case Study LR
ข้อวินิจฉัยและกิจกรรมการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1: ผู้คลอดอาจมีอันตรายในการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสูญญากาศ
ข้อมูลสนับสนุน:
Subjective data : ผู้คลอด “เหนื่อย ไม่มีเเรงเบ่ง”
Objective data : 1. คลอด V/E Vacuum Extraction
- PV: 11.00 น. I :2 s D: 40s
- 5 % D/N 1000 ml + syntocinon 10 units/mL V drip
- FHS 152 Regular
- มารดาอ่อนเพลียไม่มีแรงเบ่งคลอด
เป้าหมายการพยาบาล:
- ผู้คลอดและทารกปลอดภัยจากอันตรายในการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ
เกณฑ์ประเมินผล
- สัญญาณชีพอยู่ใน เกณฑ์ปกติ ได้แก่ BP : SBP 90-120 mmHg DBP 60-90 mmHg - BT = 36.5-37.5 องศาเซลเซียส
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ เช่น ไม่มีภาวะตกเลือด หรือติดเชื้อ
กิจกรรมการพยาบาล
ก่อนทํา
- จัดเตรียมผู้คลอด โดยจัดให้นอนท่า Lithotomy position และทําความสะอาดอวัยวะ สืบพันธุ์
- เตรียมอุปกรณ์และเครื่องใช้ต่างๆ เช่นเดียวกับการคลอดปกติ และเตรียมเครื่องดูด สุญญากาศพร้อมทั้งถ้วยสุญญากาศให้เหมาะสมกับขนาดของศีรษะทารก และสายสวนปัสสาวะ
- สวนปัสสาวะออกให้หมด เพื่อลดการขัดขวางการเคลื่อนนำของส่วนนำ
- เตรียมเหมือนการทําคลอดปกติ ทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก ต้นขาด้านในเย็บ และรอบรูทวารหนัก ปูผ้าสะอาดปราศจากเชื้อ
- ฟังและนับอัตราการเต้นของหัวใจทารกทุกครั้งที่มดลูกคลายตัว เพื่อประเมินภาวะขาด ออกซิเจนของทารก
- จัดเตรียมอุปกรณ์ในการช่วยชีวิตทารกให้พร้อม และรายงานกุมารแพทย์ในกรณีที่ทารกอยู่ ในภาวะคับขัน
ขณะทำ
- อยู่เป็นเพื่อนผู้คลอดตลอดเวลา และให้กำลังใจแก่ผู้คลอด
- บอกให้ผู้คลอดทราบเป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้คลอดให้ความร่วมมือได้ถูกต้อง
- แนะนำให้ผู้คลอดใช้เทคนิคการหายใจเข้าออกช้าๆ ในขณะที่แพทย์ใส่เครื่องมือ เพื่อให้มีการ ผ่อนคลาย ไม่เกิดแรงต้าน
- ฟังและนับอัตราการเต้นของหัวใจทารกทุกครั้งที่มดลูกคลายตัว เพื่อประเมินภาวะขาด ออกซิเจนของทารกจนกระทั่งคลอด
- หลังจากผู้ทําคลอดใส่ถ้วยสุญญากาศแล้ว ผู้ช่วยสอดความดันของเครื่องดูดสุญญากาศ การ ลดความดันขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่อง) ลดความดันจนถึง 0.6 หรือ 0.8 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ซึ่ง ใช้เวลา 6-8 นาที แพทย์จะตัดเย็บเมื่อศีรษะทารกเคลื่อนำจนตุงฝีเย็บ
- ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก กระตุ้นให้ผู้คลอดเบ่งตามจังหวะการหดรัดตัวของมดลูก พร้อมกับแพทย์จะทําการดึงถ้วยจนศีรษะทารกคลอด
- เมื่อศีรษะทารกคลอด เพิ่มความดันเป็น 0 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร แล้วปิดเครื่องถ้วยจะ หลุดออกจากศีรษะทารก
- บอกความก้าวหน้าของการคลอดให้ผู้คลอดทราบเป็นระยะๆ รวมทั้งให้กำลังใจแก่ผู้คลอด
- ในกรณีที่การช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศไม่ประสบความสำเร็จ ควรรีบเตรียมคลอด และอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมสําหรับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องต่อไป
ภายหลังทํา
- บันทึกอุณหภูมิ ชีพจร การหายใจ ความดันโลหิต โดยต้องวัดทุก 15 นาที ใน 1 ชั่วโมงแรก ต่อมาวัดทุก 30 นาทีจนมารดาหลังคลอดอยู่ในภาวะปกติ เพื่อทราบสภาวะทั่วไปของมารดาหลัง คลอดและประเมินอาการผิดปกติ
- ดูแลมารดาหลังคลอดโดยเฉพาะประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ประเมินการเสียเลือดที่ออก จากช่องทางคลอด อาจมีการฉีกขาดของช่องทางคลอดหรือปากมดลูก ถ้ามีสิ่งผิดปกติให้รายงาน แพทย์
- ดูแลทารกแรกเกิดเช่นเดียวกับทารกแรกเกิดทั่วไป เน้นการสังเกตทารกตั้งแต่ศีรษะตลอด จนถึงปลายเท้าว่ามีความผิดปกติหรือไม่ นอกจากนี้สังเกตภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการใช้เครื่องดูด สุญญากาศ ได้แก่ รอยถลอกหรือแผลที่ศีรษะ บริเวณก้อนในที่หนังศีรษะ อาการผิดปกติที่เกิดจาก กะโหลกศีรษะและสมองกระทบกระเทือน และภาวะขาดออกซิเจน พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ แก้ไข และการพยาบาลทารกแรกเกิดต่อไป
- อำนวยความสะดวกให้มารดาหลังคลอดได้สัมผัสและโอบกอดบุตรตามความเหมาะสม รวมทั้งเปิดโอกาสให้พูดคุย ซักถามเกี่ยวกับบุตรและประสบการณ์การคลอดของตน
- ให้ข้อมูลผู้คลอดเกี่ยวกับก้อนโนที่ศีรษะทารกว่าเกิดจากการใช้เครื่องดูดสูญญากาศ และจะ หายไปเองภายในเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อลดความวิตกกังวล
- ดูแลให้มารดาหลังคลอดสุขสบาย เช่น เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ผ้าอนามัย ห่มผ้า ดื่มน้ำ และ ให้พักผ่อน
- ให้การดูแลด้านจิตใจ ช่วยให้มารดาหลังคลอดลดความวิตกกังวลและความเครียดจากการ คลอด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1: ทารกมีโอกาส Cephalhematoma เนื่องจากมีการทำสติศาสตร์หัตการเเบบ Vacuum Extraction
ข้อมูลสนับสนุน:
Subjective data : -
Objective data : 1. คลอด V/E Vacuum Extraction
- ทารก เส้นรอบศีรษะ (OF) 33.5
- มารดาอ่อนเพลียไม่มีแรงเบ่งคลอด
-
เกณฑ์ประเมินผล
- ทารก V/Sเกณฑ์ปกติ ได้แก่ BT = 36.5-37.5 องศาเซลเซียส RR = 30-60 ครั้ง/นาที PR = 120 - 160 ครั้ง/นาที
- ตรวจวัดรอบศีรษะ ปกติ ประมาณ 34 cm
กิจกรรมการพยาบาล
-
วัดรอบศีรษะทุก 6-12 ชั่วโมงการวัดเส้นรอบศีรษะของทารก ให้วัดจากบริเวณหน้าผากไปยังจุดนูนของกระดกู (occipital bone) ทางด้านหลัง โดยจะมีขนาดประมาณ 35เซนติเมตรตอนแรกเกิด
-
ติดตามภาวะแทรกซ้อน - หากทารกสงสัยซ็อก เช่น หายใจไม่สม่ำเสมอ,hypotension, poor tissue perfusion ซีดลง หรือ - รอบศีรษะทารกเพิ่มขึ้นเร็ว เพิ่มขึ้นเร็ว ≥ 1 cm ตรวจ Hct, DTx และรายงานแพทย์ทันที
วิตามิน เคฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ 0.5-1 มิลลิกรัม ภายใน 1 ชั่วโมงหลังคลอดเป็นวิตามินสำคัญที่ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ป้องกันภาวะเลือดไหลมากจนเกินไป
ชื่อ-สกุล นางสาว R(นามสมมติ) อายุ 30ปี เชื้อชาติ พม่าสัญชาติ พม่า ศาสนา พุทธ สถานภาพ คู่ การศึกษา - อาชีพ ทำร้านเสริมสวย รายได้ส่วนบุคคล 8,000บาท/ เดือน สิทธิการรักษา บัตรต่างด้าว
-
-
-
การคลอด
เริ่มเจ็บครรภ์จริงเวลา 02.00น. วันที่ 25 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ 2565 เริ่มมีมูกเลือดปนออกเวลา 05.00น. การตรวจหน้าท้อง ท่า LOA ลักษณะผิดปกติ ไม่มีเเรงเบ่ง ย้ายเข้าห้องคลอดเวลา 11.50น. ถุงน้ำแตกเวลา 10.00 น. วันที่ 25เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ 2565 โดย เเพทย์ เริ่มเบ่งเวลา 11.50น. วันที่ 25 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
เพศ ชาย มีชีวิต ตัวไม่ลอก น้ำหนัก 2,790 กรัม ตัวยาว 50 ซม เส้นรอบศีรษะ (OF) 33.5 ซม. BT 36.8๐C APGAR score: 1 นาที 9คะเเนน 5 นาที 10คะเเนน
ไม่มีสายสะดือพันคอ ฝีเย็บ ตัดเเบบMedian episiotomy การฉีกขาดระดับที่2 ( Second degree tear ) เป็นการฉีกขาดถึงชั้นกล้ามเนื้อ แต่ไม่ถึงanal ผู้ทำการเย็บ เเพทย์
รกและเยื่อหุ้มทารก
คลอดเวลา 12.15 น. จำนวนเลือดที่ออก 100ml. ความยาวสายสะดือ 60 ซม. รกกว้าง 16 ซม. ลักษณะรก ครบสมบูรณ์ เกรด2 เยื่อหุ้มครบสมบูรณ์ Chorion เยื่อหุ้มเด็กด้านที่ติดกับผนังมดลูก มีสีขาวขุ่น ไม่เรียบ ฉีกขาดง่ายAmnion เยื่อหุ้มเด็กด้านที่ติดกับตัวเด็ก มีลักษณะเหนียวและบางใส เป็นมัน ไม่มีเส้นเลือด cotyledon ครบไม่ขาดหาย ไม่พบการเหว่งของเนื้อรก
มารดา
1.ผู้คลอดอาจมีอันตรายในการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสูญญากาศ
- อาจเกิดภาวะเเทรกซ้อนจากการได้รับยาPethidine
- เจ็บครรภ์ เนื่องจากมดลูกหดรัดตัว
4.มารดาหลังคลอดเสี่ยงต่อการติดเชื้อแผลฝีเย็บ
5.อ่อนเพลียเนื่องจากเสียพลังงานจากการคลอดและสูญเสียเลือด
ทารก
- ทารกมีโอกาส Cephalhematoma เนื่องจากมีการทำสติศาสตร์หัตการเเบบ Vacuum Extraction
- ทารกในครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากได้รับยา syntocinon
3.ทารกมีโอกาสเกิด Hypothermia