การซักประวัติ
G2-P1-0-0-1
GA9+6 wks.by date

การวินิจฉัยการตั้งครรภ์

ทฤษฎี
• Presumptive sing (คาดว่า/สงสัย) : ขาดประจำเดือน,คลื่นไส้ อาเจียน,ถ่ายปัสสาวะบ่อย,เหนื่อยล้า,รู้สึกลูกดิ้นครั้งแรก,การเปลื่ยนแปลงของเต้านม,การเปลื่ยนแปลงของสีผิวและรอยแตกของผิว
Probable sign (อาจจะ) : หน้าท้องโตขึ้น,การหดรัดตัวของมดลูก (Braxton Hicks contraction),การเปลื่ยนแปลงของมดลูกและปากมดลูก มดลูกนิ่มขึ้น (Hegar'sign) ปากมดลูกนิ่ม (Goodell's sing),การขยับคลอดทารก,คลำขอบเขตทารกได้,Urine Pregnancy Test ผล Positive
Positive sign (แน่นอน) : ได้ยินเสียงหัวใจทารก,เห็นการเคลื่อนไหวและคลำส่วนต่างๆ ของทารกได้,เหฺ็นทารกผ่านคลื่ยนเสียงความถี่สูง (Ultrasound)

ข้อมูลหญิงตั้งครรภ์
Presumptive : ประจำเดือนขาด 1 เดือน
,มีอาการคัดตึงเต้านม ซื้อที่ตรวจมาตรวจขึ้น 2 ขีด
LPM ; 23 ธันวาคม 2564 x 3 วัน
Probable signs : Urine pregnancy test ที่ รพ.ตำรวจ ผลเป็น Positive

ข้อมูลส่วนบุคคล

หญิงตั้งครรภ์
สัญชาติ : ไทย
อายุ : 27 ปี
อาชีพ : พนักงานบริษัท
-G2P1-0-0-1 GA 9+6 wks. by date
-น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 74 kg. ส่วนสูง 156 cm.
BMI : 30.41 kg/m^2
สัญญาณชีพ 118/76 mmHg PR 80 bmp.
มารดาของหญิงตั้งครรภ์เป้นเบาหวาน
ปฎิเสธการผ่าตัด
ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก

ยาที่ได้รับ

ผลตรวจทางห้องปฎิบัติการ
2 มีนาคม 2565
Ab Screening : Negative
Glucose(50 gm) : 115 mg/dL

Complete blood count
Hemoglobin (Hb) 10.7 g/dL (ค่าปกติ >12.3-15.5 g/dL)
Hematocrit 33.9 % (ค่าปกติ > 36.8-46.6)
MCV 72.3 fL (ค่าปกติ 79.9-32.4)
RBC 4.69 10^6/uL (ค่าปกติ 3.96-5.29)
MCH 22.8 pg (ค่าปกติ 25.9-32.4)
MCHC 31.5 g/dL (ค่าปกติ 31.5-34.5)
RDW 14.6 % (ค่าปกติ11.9-16.5)
WBC 12.63 10^3/uL (ค่าปกติ4.24-10.18)
NRBC 0 /WBC (ค่าปกติ0-1)
Corrected WBC 12.63 10^3/uL (ค่าปกติ 4.24-10.18)
Neutrophil 70.5 % (ค่าปกติ48.2-71.2)
Lymphocyte 22.3 % (ค่าปกติ 21.1-42.7)
Monocyte 4.8 % (ค่าปกติ 3.3-10.2)
Eosinphil 2.2 % (ค่าปกติ 0.4-7.2)
Basophil 0.2 % (ค่าปกติ 0.1-1.2)
Platelet Count 337 10^3/uL (ค่าปกติ 152-387)
MPV 10.4 fL (ค่าปกติ 7.5-11.9)

ABO Group : B
RH Group : Positive
Ab Screening : Negative

ภูมิคุ้มกันวิทยา
HBs Ag : Negative
HIV Ab : Negative
VDRL : non-reactive

-Folic acid 5 MG.TAB
ทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1ครั้ง หลังอาหารเช้า
สรรพคุณ : เป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่่ร่างกายต้องการ จะช่วยเสริมสร้างกระบวนการผลิตเซลล์ใหม่ให้มีสุขภาพดี โดยเฉพาะหญฺิงตั้งครรภ์ ป้องกันการแท้งบุตร

-Calcium carbonate 1250 mg
ทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเย็น
สรรพคุณ : เสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟันจำเป็นสำหรับหญิงตั้งครรภ์

Iodine GPO 150 mg 1 TAB
ทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้งหลังอาหารเช้า
สรรพคุณ : เป็นสารไอโอดีนมีประโยชน์ต่อน่างกายคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ เนื่องจากจะช่วยในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ที่เป็นส่วนจำเป็นการพัฒนาสมองทารกในครรภ์และทารกแรกเกิด

-Ferrous Fumarate 200 mg 1 TAB
ทานครั้งละ 3 เวลา (เช้า,กลางวัน,เย็น)
สรรพคุณ : เป็นยาประเภทธาตุเหล็ก รับประทานเพื่อเสริมธาตุเหล็กเนื่องจากมารดาตั้งครรภ์มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก/เสริมสร้างธาตุเหล็ก)

ปัญหาที่พบ

มีโอกาสเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์

หญิงตั้งครรภ์ BMI = 30.41 kg/m^2 (BMIมากกว่า27)
ประวัติมารดาของหญิงตั้งครรภ์เป็นเบาหวาน

เสี่ยงเป็น Thalassemia

CBC
Hb 10.7 g/dL (ค่าปกติ >12.3-15.5 g/dL)
Hematocrit 33.9 % (ค่าปกติ > 36.8-46.6)
MCV 72.3 fL (ค่าปกติ 79.9-32.4)
RDW 14.6 % (ค่าปกติ11.9-16.5)
WBC 12.63 10^3/uL (ค่าปกติ4.24-10.18)
DCIP : Negative

สามีมีค่า MCV หรือ DCIP Positive ค่าใดค่าหนึ่ง

สามีมีค่า MCV หรือ DCIP Negative

ปกติ

Hb typing เพื่อหา major thalassemia

หากพบ Major thalassemia
ปรึกษาแพทย์และหญิงตั้งครรภ์เรื่องการทำแท้งก่อน 24 wks.

ตั้งครรภ์ได้ปกติ

จำแนก Thalassemia

Thalassemia major (รุนแรงมาก)

Hb Bart's hydros fetalis แอลฟา+แอลฟา รุนแรงสุด ตายคลอด
มีลักษณะบวมซีด รกใหญ่ ท้องป่อง ตับ ม้ามโต

Homozygous beta-thalassemia เบต้า-เบต้า
ซีดตั้งแต่ขวบแรก อ่อนเพลีย ตับม้ามโต ท้องป่อง

Beta-thalassemia/HbE บางราย

ทารกมักเสียชีวิตก่อนคลอด ทารกที่เสี่ยงรอดชีวิตได้หลังหลอด มักจะมีความผิดปกติทางสมอง และการยุติการตั้งครรภ์ได้ โดยต้องดำเนินการต้องดำเนินการก่อนอายุครรภ์ 24 wks.

Thalassemia intermedia
(รุนแรงปานกลาง)

Hb H disease with Hb CS และHbH diasease
ซีด ตัวเหลือง ตีบม้ามโตเล็กน้อย

Beta-thalassemia/HbE บางราย

Homozygous Hb CS

สามารถตั้งครรภ์ต่อได้ โดยเลือกการรักษาได้หลายวิธีเช่น การดูแลการรักษาทางการแพทย์ประจำบ้าน การถ่ายเลือด กรดโโลิก การทาน hydroxyurea และทานอาหารที่มีเหล็กต่ำ

Thalassemia minor ไม้ต้องรักษา

Hb E trait ไม่มีอาการหรืออาการซีดเล็กน้อย ไม่ต้องรักษา

Homozygous HbE ภาวะเลือดจางเล็กน้อย ไม่ต้องรักษา

สามารถตั้งครรภ์ต่อไปได้

11 แบบแผนของกอร์ดอน

แบบแผนที่1 การรับรู้และจัดการดูแลภาวะสุขภาพ
ก่อนการตั้งครรภ์ : หญิงไทยตั้งครรภ์ อายุ 27 ปี ตั้งครรภ์ ไม่ได้คุมกำเนิด
ไม่มีโรคประจำตัว : ปฎิเสธการแพ้ยาและอาหาร มารดาของหญิงตั้งครรภ์เป็นโรคเบาหวาน
ขณะตั้งครรภ์ : นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ ไม่ดื่มแอลกลอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่
ทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งแถวอ่อนนุช

แบบแผนที่2 โภชนาการและการเผาผลาญสารอาหาร
ก่อนกตั้งครรภ์ : รับประทานอาหารครบ 3 มื้อ ชอบทานสายไหม
น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 74 kg.ส่วนสูง 156 cm. BMI : 30.41 kg/m^2
ขณะตั้งครรภ์ : รับประทานอาหาร 3 มื้อ ทานอาหารจำพวก เนื้อสัตว์ ไข่ ทานครบ 5 หมู่ ดื่มนมแอนมัมวันละ 3 กล่อง
ดื่มน้ำวันละ 1 ลิตร
น้ำหนักปัจจุบัน 75 kg. น้ำหนักเพิ่มขึ้น 1 kg.

แบบแผนที่ 3 การขับถ่าย
ก่อนตั้งครรภ์ : ปัสสาวะได้เอง กลางวัน ครั้งละ 4-5 ครั้ง/วัน ไม่แสบขัด อุจจาระ 2 ครั้ง/วัน
ขณะตั้งครรภ์ : ปัสสาวะได้เองไม่แสบขัด วันละ 10-15 ครั้ง รวมกลางวันและกลางคืน อุจจาระ 2 ครั้ง/วัน

แบบแผนที่ 4 กิจวัตรประจำวันและการออกกำลังกาย
ก่อนตั้งครรภ์ : ทำงานเป็นพนักงานบริษัทไม่ได้ออกกำลังกาย
ขณะตั้งครรภ์ : ไม่ได้ออกกำลังกายเนื่องจากไม่มีเวลา

แบบแผนที่ 5 การนอนหลับพักผ่อนนอนหลับ
ก่อนตั้งครรภ์ : นอนหลับสนิท เข้านอน 5 ทุ่ม ตื่นนอน 7 โมงเช้า 7-8 ชั่วโมง ตื่นเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน
ขณะตั้งครรภ์ : นอนวันละ8-9ชั่วโมง เข้านอนเวลา 4 ทุ่ม ตื่นนอนเวลา 8 โมงเช้า ไม่ได้นอนกลางวันเนื่องจากทำงาน

แบบแผนที่ 6 สติปัญญาและการรับรู้
ก่อนและขณะการตั้งครรภ์ : รับรู้เวลาสถานที่ระดับการรู้สึกตัวปกติ ถามตอบรู้เรื่อง รับรู้ตนเองว่าตั้งครรภ์

แบบแผนที่ 7 การรู้จักตนเองและอัตมโนทัศน์
ก่อนการตั้งครรภ์และขณะตั้งครรภ์ : มีการรับรู้ตนเอง ยอมรับการเปลื่ยนแปลงของตนเองเมื่อมีการตั้งครรภ์ รับรู้ว่าตนเองไม่มีโรคประจำตัว แต่มารดาของตนเองเป็นโรคเบาหวาน และสามารถดูแลตนเองได้

แบบแผนที่ 8 บทบาทและสัมพันธภาพ
ก่อนการตั้งครรภ์ : มีสัมพันธภาพที่ดีต่อเองและคนในครอบครัว
ขณะตั้งครรภ์ : ได้รับการดูแลจากแฟนช่วยเหลือและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อแฟนตนเองตลอดการตั้งครรภ์

แบบแผนที่ 9 เพศและการเจริญพันธุ์
ก่อนการตั้งครรภ์ : ประจำเดือนมาปกติ ไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ขณะตั้งครรภ์ :เต้านมปกติ หัวนมไม่บอด ไม่แบน ไม่บุ๋ม
ไม่มีผิดปกติของระบบสืบพันธุ์

แบบแผนที่ 10 การปรับตัว และการเผชิญความเครียด
ก่อนการตั้งครรภ์ : ไม่มีภาวะซึมเศร้า
สามารถปรับตัวและเผชิญกับความเครียดได้ โดยการปรึกษาพูดคุยกับาสามี และเพื่อนที่สนิท ขับรถเล่น ฟังเพลง

แบบแผนที่ 11 คุณค่าและความเชื่อ
ก่อนการตั้งครรภ์ ขณะการตั้งครรภ์ : นับถือศาสนาพุทธมีความเชื่อในการดูแลตัวเอง โดยไม่ขัดกับการรักษาของแพทย์ ปฎิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเหมาะสม

การส่งเสริมมารดาขณะตั้งครรภ์

การฝากครรภ์

GA < 18 wks.ทุก 6 week
GA 18-32 ทุก 4 week
GA 32-37 ทุก 2 week
GA > 37 ทุก 1 week

อาการที่ควรมาพบแพทย์ทันที

ไตรมาสที่ 1
-แพ้ท้องมาก จนทานไม่ได้เลย
-มีเลือดออกผิดปกติของทางช่องคลอด ไม่ว่าจะมีอาการปวดท้องร่วมด้วยหรือไม่
สาเหตุที่พบบ่อยของการมีเลือดออกระยะนี้คือ ภาวะแท้งคุกคาม ครรภ์ไข่ลม
-ปวดบริเวณท้องน้อย โดยมีอาการปัสสาวะแสบขัดเจ็บ ปัสสาวะบ่อยสุด ปัสสาวะเป็นเลือด

ไตรมาสที่ 2
-เลือดออกทางช่องคอด
-ปวดท้องเป็นพักๆ
-ตกขาวผิดปกติ เช่น สีเปลื่ยนไป คัน มีกลิ่น

ไตรมาสที่ 3
-อาการท้องแข็ง หรือเจ็บครรภ์ถี่ทุก 5-10 นาที มีมูกเลือด หรือเลือดสดๆออกทางช่องคลอด มีน้ำเดิน (น้ำใสๆคล้ายปัสสาวะราด)
-ลูกดิ้นน้อยลง
-ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่ บวม

การตระหนักต่อสุขภาวะทารก

แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์นับจำนวนครั้งที่ทารกดิ้น ตั้งแต่อายุครรภ์ 32 สัปดาห์จนกระทั่งคลอด และควรปฎิบัติทุกวัน เป็นการเพิ่มความตระหนักต่อสุขภาวะของทารก วิธีการนับการดิ้นของทารกในครรภ์ 2 วิธี
1) การนับทารกดิ้น 3 เวลาหลังมื้ออาหาร 1 ชั่วโมง ถ้าน้อยกว่า 3 ครั้งต่อชั่วโมง แนะนำให้พบแพทย์ทันที
2) นับการดิ้น 12 ชั่วโมง (9.00 AM-9.00PM) ใน1 วัน
ถ้าทารกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้ง แนะนำให้มาพบแพทย์ทันที

ไตรมาส 2 และ 3
-ใช้ไฟฉายส่องท้องวนเป็นวงกลมหรือเปิดไฟกระพริบ
-ให้มารดาอ่านหนังสือกระตุ้นพัฒนาการสมอง
ลูกในครรภ์จะเริ่มได้ยินเสียงได้ดีตั้งแต่เดือนที่ 5 เช่นนิทานเด็ก
โดยให้อ่านหนังสือด้วยการใช้โทนเสียงสูงหรือต่ำ
เพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อสมองในชั้นที่มีความซับซ้อนด้านการได้ยิน
การตีความเสียงและส่วนของความทรงจำ
-แนะนำให้มารดาลูบหน้าท้องหรือเอาผ้าชุบน้ำเย็นหรืออุ่นประคบ
กระตุ้นความรู้สึก และส่งเสียงทักทายพูดคุยกันเบาๆ
เพื่อกระตุ้นความรู้สึก และส่งเสียงทักทายพูดคุยคุยกันเบาๆ
เพื่อกระตุ้นระบบประสาทและกระตุ้นความรู้สึกของทารก
-แนะนำให้มารดานั่งเก้าอี้โยกเพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาด้านกล้ามเนื้อและการทรงตัวของทารกในครรภ์

การมีเพศสัมพันธ์

สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงระยะใกล้คลอดหากไม่มีอาการผิดปกติของการตั้งครรภ์ห่รืออยู่ในกลุ่มของการตั้งครรภ์เสี่ยง คือ เคยมีประวัติการแท้งบุตรหรือมีเลือดออก ขณะตั้งครรภ์ช่วงเวลาที่ควรลดการมีเพศสัมพันธ์ ในช่วงไตรมาสแรกที่คุณแม่อาจมีอาการแพ้ท้องอ่อนเพลีย เวียนศีรษะหรือไม่สบายตัว กับอีกช่วงคือช่วงหนึ่งเดือนก่อนคลอดที่สรีระของคุณแม่ไม่อำนวยท้องโตอุ้ยอาย เคลื่อนไหวลำบาก เหนื่อยง่าย การมีเพศสัมพันธ์ช่วงนี้ไม่เหมาะ โดยท่าที่เหมาะสมเช่นท่า Doggy style เพราะจะไม่มีการกดทับหน้าท้องของคุณแม่ ส่วนในช่วงใกล้คลอด ท้องคุณแม่จะขยายใหญ่ขึ้นอาจจะใช้ท่านอนตะแคงเข้าหากันหรือหันหน้าไปทางทิศเดียวกันก็ได้

การส่งเสริมพัฒนาการทารก


ไตรมาส 2 และ 3
ใช้ไฟลายส่องหน้าท้องวนเป็นวงกลมหรือเป็ดไฟกระพริบ
ให้มารตาอ่านหนังสือกระตุ้นพัฒนาการสมอง
ลูกในครรภ์จะเริ่มได้ยินเสียงได้ดีตั้งแต่เดือนที่ 5 เช่น นิทานเด็ก
โดยให้อ่านหนังสือด้วยการใช้โทนเสียงสูงหรือต่ำ
เพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้เยื่สมองในชั้นที่มีความชับช้อนด้านการได้ยิน การตีความเสียงและส่วนของความทรงจำแนะนำให้มารตาลูบหน้าท้องหรือเอาผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นประคบ
กระตุ้นความรู้สึก และส่งเสียงทักทายพูดคุยกันเบา ๆ
เพื่อกระตุ้นระบบประสาทและกระตุ้นความรู้สึกของทารก
แนะนำให้มารดานั่งเก้าซี่โยกเพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อและการทรงตัวของทารกในครรภ์

ด้านโภชนาการ

ไตรมาส 1 : ควรรับประทานอาหารปริมาณปกติเท่าก่อนตั้งครรภ์ เท่าที่คุณแม่จะสามารถรับประทานได้หากมือาการแพ้ท้องนไม่สามารถทานอาหารได้ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ และย่อยง่าย หรือเครื่องดื่มต่างๆ เช่น นำหวาน นำผลไม้และควรทานน้อยๆวันละ 4-มื้อแต่พออิ่มไม่ควรบังคับว่าต้องทานในปริมาณเท่านั้นเท่านั้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเครียดให้กับตัวเอง
หลักการสำคัญ คือ ให้ร่างกายด้รับสารอาหารพอเพียง


ไตรมาส 2 : อาการแพ้ท้องมักจะหายไป จะเริ่มทานอาหารได้ปกติ ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ อาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วเพื่อป้องกันอาการท้องผูก ธาตุเหล็กมิในไข่แดง ต้ม ผักใบเขียวช่วยในการสร้างเม็ดเลือดูแดงให้มิมากพอที่จะลำเลียงออกชิจนจากเลือดแม่ไปสู่ลูก
และแคลเซียมช่วยในการสร้างกระดูกและฟันของลูกซึ่งมีในนมเป็นส่วนใหญ่ ไม่ควรทานอาหารประเภทแป้ง นำดาล และขมัน ไม่ควรได้รับมากเกินไปเพราะในช่วงตั้งครรภ์ร่างกายไม่ต้องการอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลเพิ่มขึ้นต้องการเฉพาะโปรตีนเพิ่มขึ้น


ไตรมาส 3 : ควรเพื่มอาหารประเภทโปรตีน เช่นเดียวกับไตรมาสที่ 2 เช่น เนื้อสัตว์หรือเนื้อปลา ผักใบเขียวชนิดต่างๆและอาหารที่มีแคลเชียม เช่น ปลาตัวเล็กทานทั้งก้างได้ด้วยนมพร่องมันเนย หลีกเลี้ยงอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ที่มีรสหวานจัดอาหารรสเค็มจัด ไม่ครรเดิมเครื่องปรุงรสเค็มในอาหารที่ปรุงสุกแล้ว กินอาหารที่สะอาดและปรุงสุกใหม่ ๆม่กินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆงดอาหารหมักดอง กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และบุหรี่

ออกกำลังกาย

เพื่อเป็นการการออกกำลังกายของหญิงตั้งครรภ์สามารถออกกำลังกายได้เรื่อยๆตลอดช่วงการตั้งครรภ์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1จนถึงไตรมาสที่3ถ้าไม่มีข้อห้ามในการออกกำลังกาย หรือข้อห้ามภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เช่น เดินช้าๆ 5-10 นาที โยคะการว่ายน้ำหลีกเลี่ยงการทำงานอย่างหักโหม การกัม การเงย

ความไม่สุขสบาย

ไตรมาสที่2 ท่นอนจะช่วยบรรเทาอาการปวดหลังที่เกิดขึ้นระหว่าตั้งครรภิได้ โดยนอนตะแคงช้ายขวา หงายสลับกัน เพื่อลตกดจุดทับของร่างกายอาจนอนให้หมอนหนุนเท้าสูงเพื่อลดอาการบวมจากกิจกรรมประจำวัน
ถ้ามีอาการหายใจไม่สะดวกอาจนอนหัวสูง

ไตรมาสที่ 3 แช่เท้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อเพิ่มการไหลเวียนจองเส้นเลือดขอด

ไตรมาสที่1 อาการคลิ่นไส้ อาเจียน
แนะนำมารดาเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่ช่วยให้อาเจียนลดลงเช่นการทานอาหารอ่อนย่อยง่ายการจิบน้ำขิงอุ่น การแบ่งย่อยอาหารเป็นวันละ 4 - 6 มื้อไม่ควรปล่อยให้กระเพาะอาหารว่างซึ่งจะทำให้เกิดการบีบรัดตัวของกระเพาะอาหารทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมากหรืออาหารที่ได้กลิ่นแล้วอยากอาเจียนไม่ควรดื่มน้ำระหว่างหรือหลังรับประทานอาหารแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ทำความสะอาดปากและฟันโดยการบ้วนปากบ่อยๆหลักเลี่ยงทำความสะอาดปากและฟันโดยการบ้วนปากบ่อยๆหลักเลี่ยงการแปรงฟันก่อนรับประทานอาหารจะทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน

Urialysis
Glucose (UA) : Negative
Albumin (UA) : Negative
Color : pale yellow
Transp : clear
R.B.C : Not foud
W.B.C : Not foud
Bacteria : Not found

GDM

อาการ

กระหายน้ำ

หิวบ่อย

น้ำหนักเพิ่ม

ปัสสาวะบ่อยและปริมาณมาก

ผลต่อทารกแรกในครรภ์
-ทารกพิการแต่กำเนิด (Congenital anomalies)
-ภาวะแท้งบุตร (Abortion),ทารกตายในครรภ์
-ภาวะตัวเหลือง
-ภาวะขาดออกซิเจนแรกคลอดและการบาดเจ็บจากการคลอด
-ผลระยะยาวต่อทารก ต่อการพัฒนาการด้านสมองและระบบประสาท ในทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1

ผลต่อมารดา
-ความดันโลหิตสูง
-preterm labor คลอดก่อนกำเนิด
-ครรภ์แฝดน้ำ
-กรวยไตอักเสบ
-C/S

ผลต่อทารกแรกคลอด
-Birth injury(บาดเจ็บจากการคลอด
Birth asphyxia (ภาวะขาดออกซิเจนแรกเกิด)
-Hyperbilirubinemia (ภาวะบิลิรูบินในเลือดสูง
-Neonatal hypoglycemia (ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ)

โดยปกติการตั้งครรภ์ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
โดยเฉพาะในช่วงกลางของการตั้งครรภ์ประมาณ 24-28 สัปดาห์
หรือในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ไปจนถึงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์
ไขมันของมารดาจะจับกับฮอร์โมนที่สร้างจากรกเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน

วินิจฉัยโดยใช้100 gm OGTT
โดยงดอาหารก่อนมาเจาะเลือด 8 hr.
-เจาะเลือดครั้งแรกก่อนกินน้ำตาล FBS ค่าจะน้อยกว่า 95 mg/dL
-ทานน้ำตาลกลูโคส 100 กรัม ณ เวลา 1 hr. แล้วเจาะครั้งที่ 2(ค่าปกติจะน้อยกว่า 155 g/dL
-ระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากดื่มสารละลายน้ำตาลกลูโคส 100 กรัม ณเวลา 3hr. จะน้อยกว่า 140 g/dL

ผิดปกติ 1ค่า =ไม่ได้เป็นเบาหวานตั้งคครภ์และมาตรวจติดตามผลในช่วง 24-28 สัปดาห์อีก 1 รอบ

ผิดปกติ 2 ค่าขึ้นไปนัดอีก 1 เดือน repeat OGTT

ผิดปดติ 2 ค่าขึ้นไป

เป็น GDM

แยก Type โดย FBS และ 2 PPG

FBS<95 mg/dL และ 2 hr PPG<120mg/dL

GDMA1

FBS>95 และ2hr PPG >140 mg/dl

การตรวจด้วยวิธีGCT
-วิธีการตรวจ GCT (50 g 1-hour blood sugar) ทำได้โดยให้สตรีตั้ง ครรภ์ดื่มสารละลายที่มีกลูโคส 50 กรัม หลังจากนั้น 1 ชั่วโมงให้ทำการเจาะเลือดตรวจระดับกลูโคส โดยที่สตรีตั้งครรภ์ไม่จำเป็นต้องงดอาหารก่อนรับการตรวจ
-ตรวจในรายที่หญิงตั้งครรภ์อายุ 30 ปีขึ้นไป BMI เกินกว่าเกณฑ์

การแปลผล

-ในกรณีที่ระดับกลูโคสในเลือดมีค่าน้อยกว่า 140 มก./ดล. แปลผลว่า ผลการตรวจอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวทางปฏิบัติคือ ให้ทำการฝากครรภ์ต่อไปตามปกติ และควรได้รับการตรวจคัดกรองเบาหวานด้วยวิธี 50 gram GCT ซ้ำเมื่อ อายุครรภ์ 32-34 สัปดาห์

-ในกรณีที่ระดับกลูโคสในเลือดมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 140 มก./ดล. แปลผลว่า ผลการตรวจผิดปกติ แนวทางปฏิบัติ คือ ให้ทำการนัดตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัย (diagnostic test) โรคเบาหวานต่อไป โดยการใช้น้ำตาลกลูโคส 100 กรัม (100 gm oral glucose tolerance test, OGTT) อีก 1 สัปดาห์

หญิงตั้งครรภ์ผล
Glucose(50 gm) : 115 mg/dL

แนะนำหญิงตั้งครรภ์ปรับเปลื่ยนการกิน
กินขนมหวานน้อยลง ลดอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล ของทอด
ควรรับประทานอาหารให้ครบ5หมู่ ให้มารดาดื่มน้ำเยอะๆ

แนะนำให้มารดาเดินออกกำลังกายที่สวนสาธารณะหรือสถานที่ใกล้บ้าน5-10 นาที