Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจครรภ์ หญิงตั้งครรภ์ 🤰🏻G1P0-0-0-0 GA 26+1 wks นศพต.นภัสสร…
การตรวจครรภ์ หญิงตั้งครรภ์ 🤰🏻G1P0-0-0-0 GA 26+1 wks
นศพต.นภัสสร เปล่งผึ่ง เลขที่ 33
ข้อมูลส่วนบุคคล
หญิงไทยตั้งครรภ์ สัญชาติไทย อายุ 27 ปี G1P0-0-0-0 GA 26+1 wks by date LMP : 16 สิงหาคม 2564 EDC by date : 23 พฤษภาคม 2565 ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลตำรวจ 3 ครั้ง อาการทั่วไปปกติ ปัจจุบันฝากครรภ์ครั้งที่ 4 น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 50 kg. ส่วนสูง 150 cm. BMI = 22.22 (ปกติ 18.4 - 24.9) น้ำหนักปัจจุบัน (15/02/65) 61.4 kg. น้ำหนักเพิ่มขึ้น 11.4 kg. No U/D No FDA ปฏิเสธการผ่าตัด ปฏิเสธประวัติครอบครัว ได้รับวัคซีนบาดทะยัก 2 เข็ม
ครั้งที่ 1 เมื่อฝากครรภ์ครั้งที่ 2 = 21 ธ.ค. 64
ครั้งที่ 2 เมื่อฝากครรครั้งที่ 3 = 18 ม.ค. 65
V/S : PR = 94 bpm , BP = 109/70 mmHg
การตรวจร่างกายตามระบบ
ศีรษะ 💇🏻♀️ : เส้นผมไม่แห้ง ไม่มีหนังศีรษะลอก/รังแค ไม่มีปริสิต(เหา)
ตา 👁 : มองเห็นชัด ไม่มีตาพร่ามัว conjunctiva สีแดงอมชมพู = ไม่มีภาวะซีด
ใบหน้า 👩🏻 : สมมาตร ไม่มีบวม ไม่มีแผล หรือรอยโรค
จมูก 👃🏻 : ไม่บวม หายใจได้ปกติ ไม่มีเหนื่อย
ปาก 👄 : ไม่มีเหงือกอักเสบ มีฟันผุ ยังไม่ได้อุดหรือถอน
คอ 🗣 : ไม่มีต่อมไทรอยด์โต
เล็บ & มือ 👐🏻 : capillary refill < 2 s = ไม่มีภาวะซีด ไม่มีนิ้วปุ้ม(อาการแสดงของโรคหัวใจหากพบ ในหญิงตั้งครรภ์เมื่อ blood volume เพิ่มขึ้น หัวใจจะทำงานหนักจนอาจเกิด heart failure
เต้านม 🍼 :
ด้านขวา หัวนมด้านขวาบอด บริหารตามคำแนะนำทำทุกเย็น แต่ยังไม่ดีขึ้น ลานนมนิ่ม เต้านมนิ่ม ไม่มีก้อนไม่มีกดเจ็บ
ด้านซ้าย หัวนมปกติ ลานนมนิ่ม เต้านมนิ่มไม่มีก้อนไม่มีกดเจ็บ
ขา 🦵🏻 : ไม่มีบวมกดบุ๋ม=ไม่มีอาการของครรภ์เป็นพิษ ไม่มีเส้นเลือดขอด=การไหลเวียนดี
การตรวจครรภ์
ดู 👀
มารดาแต่งกายสะอาด ไม่มีเดินกะเผลก ขนาดท้องสมมาตร ผิวเนียนชุ่มชื้น ไม่มีแผลผ่าตัด หรือแผลถลอก Linea nigra สีน้ำตาลอ่อน striae gravidarum เห็นไม่ชัดเจนเพราะมารดาดูแลผิวอย่างดี
คลำ 👋🏻 4 ท่า
Leopold‘s maneuver
Fundal grip :
Height fundus 2/4 > umbilicus
ความยาวจาก Height fundus to Symphysis pubis = 28 +/- 2 cm.
Umbilical grip :
Large part ด้านขวา คลำไล่ไปให้เจอจุดสิ้นสุดของไหล่ อยู่ระดับต่ำกว่าสะดือ
Small part ด้านซ้าย
เนื่องจากคลำจุดสิ้นสุดไหล่ได้บริเวณระดับต่ำกว่าสะดือ เมื่อฟัง FHS ก็พบที่ตำแหน่ง RLQ จึงคาดว่า ส่วนนำคือ ศีรษะ (Vertex presentation) และทารกยังไม่ Head engagement
Pawlik grip :
คลำไม่เจอ
Bilateral inguinal grip :
คลำไม่เจอ
ฟัง 👂🏻
ฟัง FHS ด้านขวา ที่ตำแหน่ง Right Lower Quadrant
สรุปการตรวจครรภ์
2/4 > Umbilicus , Vx. , OR ,HF FHS ข้างขวา
การให้คำแนะนำ
โภชนาการ
น้ำหนักมารดาเพิ่มมากผิดปกติ
ฝากครรภ์#2 (21/12/64) GA 18+2 wks น้ำหนัก 53.4 kg.
ฝากครรภ์#3 (18/01/65) GA 22+1 wks น้ำหนัก 57.2 kg.
ระยะเวลา 1 เดือน น้ำหนักเพิ่มขึ้น 3.8 kg. (ปกติขึ้น 0.42/wk)
ฝากครรภ์#3 (18/01/65) GA 22+1 wks น้ำหนัก 57.2 kg.
ฝากครรภ์ #4 (15/02/65) GA 26+1 wks น้ำหนัก 61.4 kg.
ระยะเวลา 1 เดือน น้ำหนักเพิ่มขึ้น 4.2 kg. (ปกติขึ้น 0.42/wk)
เน้นควบคุมอาหาร
กินบ่อย แต่ปริมาณน้อยลง
คุณแม่ควรแบ่งการกินอาหารออกเป็นมื้อเล็ก ๆ 5-6 มื้อต่อวัน ลำไส้จะได้ทำงานสะดวก มีเวลาย่อยและดูดซึมอาหารดีขึ้น
เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์
เลือกกินอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารหลากหลาย และกินให้ครบทั้ง 5 หมู่ (ทุกมื้อใน 1 วันรวมกันต้องมีให้ครบ 5 หมู่) เน้นอาหารโปรตีนเป็นหลัก เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่ว เน้นจากปลามากๆเพราะเป็นโปรตีนย่อยง่าย ไขมันต่ำเพื่อนำไปใช้ในการสร้างอวัยวะและส่งเสริมการเจริญเติบโตของทารก อาหารพวกแป้งเปลี่ยนไปกินข้าวกล้อง ข้าวไม่ขัดสี และขนมปังโฮลวีทช่วยให้อิ่มท้อง และมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าข้าวขาว ขนมปังขาว
เพิ่มอาหารที่มีกากใย
วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ จากผักและผลไม้ แต่เลี่ยงผลไม้ที่ให้พลังงานและน้ำตาลสูง เช่น ทุเรียน ขนุน ลำไย
เลี่ยงอาหารไขมันและน้ำตาลสูง
อาหารมัน ๆ ทอด ๆ และอาหารที่มีน้ำตาลสูง เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคนท้องเช่นกัน เพราะน้ำมันจะทำให้มารดามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเกินกำหนด
เคี้ยวอาหารให้ละเอียด
เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น เพราะขณะตั้งครรภ์ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) จะทำให้ลำไส้บีบตัวช้าลง ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้น้อยลง การเคี้ยวเร็ว กลืนเร็ว อาหารชิ้นใหญ่ จะทำให้ย่อยช้า คุณแม่ตั้งครรภ์จึงมีอาการท้องจะอืดและท้องผูกได้ง่ายกว่าปกติ
ดื่มนม ลดน้ำหวาน
เลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม เครื่องดื่มรสหวาน และน้ำผลไม้รสหวานจัด แล้วหันมาดื่มนมสำหรับคุณแม่ท้อง นมถั่วเหลืองรสจืด ชนิดใส่น้ำตาลน้อย หรือตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพอย่างน้ำข้าวบาร์เลย์ น้ำผัก น้ำผลไม้คั้นสด เป็นต้น
ดื่มน้ำเปล่ามากๆวันละ 6-8 แก้ว ประมาณ 2 ลิตรหรือขวดน้ำธรรมดา 600 มล. 4 ขวด ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ ร่างกายสดชื่น ลดอาการท้องผูก
การออกกำลังกาย
มีส่วนทำให้ทารกในครรภ์มีการเคลื่อนไหวตามไปด้วย เคล็ดลับของออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์ คือ เลือกออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดิน โยคะคนท้อง ว่ายน้ำ ให้เป็นกิจวัตรประจำวันอย่างน้อยวันละ 20-30 นาที การได้ออกกำลังกายจะช่วยให้หัวใจของแม่ทำงานได้ดี เลือดไหลเวียนได้ดี การขยับเขยื้อนของคุณแม่จะส่งผลให้ผิวของทารกไปโดนกับผนังด้านในของมดลูก ผลดังกล่าวจะมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้พัฒนาดีขึ้น
ส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์
กระตุ้นอวัยวะของทารก
การมองเห็น
อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ทารกในครรภ์สามารถลืมตา กระพริบตา รับรู้แสง มองเห็นแสง และแยกความแตกต่างระหว่างความมืดและความสว่างได้แล้ว ควรกระตุ้นพัฒนาการด้านการมองเห็น ด้วย
การใช้ไฟฉายส่องที่หน้าท้อง เปิดปิดไฟแบบกะพริบ ๆ เพื่อให้แสงเคลื่อนที่บนล่างอย่างช้า ๆ ผ่านหน้าท้องไปที่น้ำคร่ำวันละ 5-10 ครั้งประมาณ 1-2 นาที
ทารกจะตอบสนองแสงไฟด้วยการดิ้นให้คุณแม่รับรู้ได้ การส่องไฟที่หน้าท้องนี้จะทำให้เซลล์สมองและเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมองเห็นของทารกมีพัฒนาดีขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับการมองเห็นของทารกในภายหลังคลอด
การได้ยิน
อายุครรภ์ 26 สัปดาห์ ทารกเริ่มได้ยินเสียงต่าง ๆ จากภายนอก แยกเสียงได้ ควรส่งเสริมให้คุณแม่
อ่านหนังสือด้วยการใช้โทนเสียงที่มีจังหวะสูงต่ำเหมือนการเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟัง และเอามือแตะท้องเบา ๆ
เปิดดนตรีให้ลูกได้ฟังในระหว่างตั้งครรภ์ ท่วงทำนองฟังสบาย อย่างเพลงคลาสสิคที่ขึ้นว่ามีส่วนช่วยเพิ่มไอคิวเสริมสร้างพัฒนาการทำให้สมองดี เฉลียวฉลาด และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี ประมาณ 10-15 นาที/วัน เปิดเสียงเพลงให้อยู่ห่างจากหน้าท้องประมาณ 1 ฟุต และเปิดเสียงดังพอประมาณ
ชวนคุณพ่อมาพูดคุย
คลื่นเสียงจะไปกระตุ้นการได้ยินให้พัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้น
การนับลูกดิ้น
เมื่ออายุครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไปแล้ว คุณแม่จะต้องนับลูกดิ้น การนับลูกดิ้นจะต้องนับวันนึงให้ได้มากกว่า 10 ครั้ง คือ นับจากหลังอาหารเช้า 1 ชั่วโมง หลังอาหารเที่ยง 1 ชั่วโมง และตอนเย็นหลังอาหารจนถึงก่อนนอน รวมแล้วเช้า เที่ยง เย็น ให้ได้มากกว่า 10 ครั้ง นับไปเรื่อยๆจนกว่าคุณแม่คลอด
เต้านม
การบริหารหัวนม : หัวนมข้างขวาบอด
ด้วยวิธี Hoffman maneuver
ใช้นิ้วหัวแม่มือของมือทั้งสองแตะที่รอยต่อระหว่างหัวนมกับลานหัวนมในด้านตรงข้ามกันของหัวนมข้างนั้น
กดนิ้วทั้งสองและรูดแยกห่างกันไปทางข้างๆและตรงๆ
ควรทำซ้ำกันเช่นนี้ในทิศทางต่างกันโดยรอบสัก 2-3 ครั้งหัวนมจะตั้งขึ้นมาได้
** การทำHoffman’s Maneuver นี้ต้องใช้ระยะเวลานานมากกว่าหัวนมจะยืดยาวออกมาจนพอเพียงที่เด็กจะดูดนมได้
ใช้นิ้วมือจับที่ขั้วหัวนมที่ยื่นออกมานั้นดึงออกตรงๆเบาๆสัก 2-3 ครั้ง
ดึงหัวนมด้วยอุปกรณ์ดึงหัวนม (Nipple puller) ดึงบ่อยๆ ทำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ครั้งละ 10 นาที
การดูแลเต้านม
ในระยะ2-3 เดือนก่อนคลอดร่างกายจะขับสารไขมันคลุมหัวนมจึงไม่ควรฟอกสบู่บริเวณหัวนมเพราะจะชะล้างไขมันบริเวณนั้นออก ทำให้หัวนมแห้งและแตกง่าย เมื่อทารกดูดจะทำให้เจ็บและไม่อยากให้ทารกดูดนม ให้ใช้น้ำธรรมดาทำความสะอาด และทานอาหารเสริมสร้างน้ำนม เช่น หัวปลี ขิง ฟักทอง มะละกอ ตำลึง มะรุม ใบแมงลัก ตัวอย่าง เมนูแกงเลียงหัวปลี หมู/ไก่/ปลาผัดขิง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการให้นมทารกเมื่อคลอดแล้ว
อาการที่ต้องมาพบแพทย์
1.เลือดออกทางช่องคลอด อาจเกิดจากรกเกาะต่ำ
2.ปวดท้องเป็นพักๆ อาจเกิดการคลอดก่อนกำหนด❗️
ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ จากการปัสสาวะบ่อยหรือแสบขัด
3.อาการตกขาวผิดปกติ เช่น สีเปลี่ยนแปลง คันหรือมีกลิ่น
การรักษาความสะอาด
สุขภาพช่องปาก : มารดามีฟันผุ ยังไม่ได้อุดยังไม่ได้ถอน
คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องดูแลสุขภาพปากและฟันอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากช่องปากไม่สะอาดอาจติดเชื้อและส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ และไปพบทันตแพทย์ หากต้องทำหัตถการใดๆสามารถทำได้ในไตรมาส 2 นี้เนื่องจากว่าขนาดท้องยังไม่ใหญ่มากสามารถนอนราบได้นานๆ หากทำในไตรมาส 3 การนอนราบนานๆจะทำให้เกิด supine hypotension และ ไตรมาส 3 จะมี blood volume เพิ่มมากอาจจะทำให้ bleed มาก หรืออาจทำหลังคลอดได้
สุขภาพร่างกายทั่วไป :
อาบน้ำให้ร่างกายสะอาดสดชื่น แต่ถ้าอากาศเย็นควรอาบน้ำอุ่น และให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ด้านเสื้อผ้าการแต่งกายต้องปรับให้เหมาะสม ไม่แน่น หรืออึดอัดเกินไป เลี่ยงรองเท้าส้นสูงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
ข้อวินิจฉัย
ไตรมาส 1
ส่งเสริมการดูแลด้านโภชนาการของหญิงตั้งครรภ์
ข้อมูลสนับสนุน : OD - น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 50 kg. ส่วนสูง 150 cm. BMI = 22.22
การพยาบาล
1.ให้คําแนะนําหญิงตั้งครรภ์ในให้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
คาร์โบไฮเดรต : ควรได้รับเท่ากับก่อนตั้งครรภ์ แต่ควรลดอาหารประเภทแป้ง น้ําตาล ขนม โดยแนะนําให้รับประทานคาร์โบไฮเดรต ไม่ขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง เนื่องจาก ระบบการย่อยอาหารในขณะตั้งครรภ์ทํางานลดลง เนื่องจากมดลูกไปเบียดกดกระเพาะอาหาร และลําไส้ การได้รับคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมากอาจทําให้สตรีตั้งครรภ์มีน้ําหนักเกินในระหว่างตั้งครรภ์ได้
โปรตีน : พบในเนื้อสัตว์ต่าง ๆ แม่ตั้งครรภ์ควรทานเนื้อปลา เพราะเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีไขมันต่ำและมีกรดไขมันที่จําเป็นช่วยใน การสร้างระบบประสาทและสมองของทารก เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เต้าหู้ ไข่ ถั่วต่าง ๆ เสริมด้วยนมวันละ 2 แก้ว เพื่อนําไปใช้ในการสร้างเซลล์และ อวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าแมรได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ จะทําให้เป็นโรคขาดโปรตีนและพลังงาน น้ํานมไม่เพียงพอกับทารก โดยในระยะ ตั้งครรภ์ร่างกายต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 กรัมต่อน้ําหนัก 1 กิโลกรัมต่อวัน หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7 กรัมต่อวัน
ไขมัน : ในหญิงตั้งครรภ์ไม่จําเป็นต้องเพิ่มอาหารประเภทไขมัน เนื่องจากมักจะได้รับไขมันเพียงพอในกรณีที่มีอาการกรดไหลย้อนหรือจุกแน่นท้องหลัง รับประทานอาหาร ควรลดปริมาณไขมันให้น้อยลง
ผักและผลไม้ : อาหารที่ให้กากใย มีแร่ธาตุและวิตามินที่จําเป็นต่อร่างกายหลายชนิดช่วยในการขับถ่ายอุจจาระ สตรีตั้งครรภ์ควรรับประทานผักและผลไม้เพิ่มขึ้นและควรล้างให้สะอาดก่อนเพราะอาจมีสารพิษตกค้าง และควรบริโภคผักสุก ควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่ให้พลังงาน สูงและมีน้ําตาลมาก เช่น ทุเรียน ขนุน ลําไย
วิตามินและแร่ธาตุ : วิตามินช่วยให้ร่างกายทํางานและมีการเผาผลาญพลังงานได้ตามปกติ ส่วนแร่ธาตุ ต่างๆช่วยในการสรเางเม็ดเลือด กระดูกและเนื้อเยื่อ ร่างกายต้องการวิตามินและแร่ธาตุต่างๆเพิ่มขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ให้มีสุขภาพดีและช่วยให้ทารกเจริญเติบโตเป็นปกติ
เกณฑ์การประเมิน
มารดาสามารถรับประทานอาหารได้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำ
มารดาน้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์ เฉลี่ยสัปดาห์ละ 0.5 kg. หรือถ้าหากแพ้ท้องน้ำหนักลดลงได้ไม่เกิน 2 kg.
วัตถุประสงค์ : เพื่อให้มารดามีโภชนาการที่ตรงตามไตรมาส
การประเมินผล
ขณะตั้งครรภ์ฝากครรภ์ครั้งที่ 1 GA 12+2 wks by date น้ำหนัก 51.9 kg.
ไตรมาส 2
การดูแลให้คำแนะนำด้านโภชนาการของหญิงตั้งครรภ์ในไตรมาส 2
วัตถุประสงค์ : เพื่อดูแลให้โภชนการของหญิงตั้งครรภ์เป็นไปอย่างเหมาะสม
เกณฑ์การประเมิน
หญิงตั้งครรภ์เข้าใจที่อธิบายและสามารถบอกวิธีการรับประทานอาหารที่ถูกต้องได้
น้ำหนักของหญิงตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม เฉลี่ยสัปดาห์ละ 0.5 kg.
ส่งเสริมพัฒนาการของทารกในครรภ์ไตรมาส 2
ข้อมูลสนับสนุน : -
วัตถุประสงค์ : เพื่อให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่สมบูรณ์และตรงตามพัฒนาการไตรมาส 2
เกณฑ์การประเมิน : หญิงตั้งครรภ์สามารถบอกวิธีการส่งเสริมพัฒนาทารกในครรภ์ได้ถูกต้อง
การพยาบาล
บอกความสำคัญของการส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ให้ครอบครัวเห็นความตระหนักและกระตุ้นพัฒนาการทารก
พัฒนาการด้านการรับรู้ 20 wks แนะนำให้มารดานั่งเก้าอี้โยกเพื่อทรงเสริมการทรงตัวของทารก ลูบหน้าท้องจะกระตุ้นประสาทและสมองส่วนการรับรู้ของทารก ทารดาจะรู้สึกถึงปลายมือที่สัมผัสทารก เกิดการหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขและส่งผ่านสายสะดือไปยังทารกทำให้ทารกเป็นเด็กอารมณ์ดี เลี้ยงง่าย
อายุครรภ์ 25-28 wks ทารกเริ่มรับรู้แสง แนะนำให้มารดาส่องไฟที่หน้าท้อง กระตุ้นระบบประสาทและกล้ามเนื้อบริเวณตา ให้มีการรับรู้แสง การเคลื่อนไหวตามแสง
พัฒนาการด้านการได้ยิน 24-26 wks แนะนำให้มารดาพูดคุยกับทารก การเปิดเพลงให้ทารกฟัง การอ่านหนังสือ เล่านิทานใช้โทนเสียงต่างๆ ใช้เวลา 30 นาทีหรือก่อนนอน พร้อมเอามือแตะท้องเบาๆ
ไตรมาส 3
ส่งเสริมพัฒนาการของทารกในครรภ์ไตรมาส 3
ข้อมูลสนับสนุน : -
วัตถุประสงค์ : เพื่อให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่สมบูรณ์และตรงตามพัฒนาการไตรมาส 3
เกณฑ์การประเมิน : หญิงตั้งครรภ์สามารถบอกวิธีการส่งเสริมพัฒนาทารกในครรภ์ได้ถูกต้อง
การพยาบาล
อายุครรภ์ 28 wks แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตลูกดิ้น เพื่อประเมินว่าทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรงดี โดยให้นับหลังเวลาอาหาร 3 มื้อ 1 ชั้วโมง หรือก่อนนอน เนื่องจากร่างกายจะได้อยู่นิ่ง สังเกตทารกดิ้นได้ชัดเจน โดยทารกต้องดิ้นอย่างน้อย 10 ครั้งต่อวัน
ขณะอาบน้ำ แนะนำให้มารดาฉีดน้ำลงบนหน้าท้อง ทารกจะคุ้นเคยกับสายน้ำและเสียงที่ดังซ่าตลอดเวลาที่มารดาอาบน้ำ เมื่อมารดาใกล้คลอด เบ่งคลอดถุงน้ำแตกหรือมีเสียงดัง ทารกจะสงบไม่ตกใจและไม่ร้องกวน
เมื่ออายุครรภ์ 28 wks ให้มารดาส่องไฟที่หน้าท้อง เป็นการกระตุ้นการมองเห็นของทารก อาจเป็นไฟกระพริบตาหรือการเคลื่อนย้ายตำแหน่งการส่อง เพื่อกระตุ้นระบบประสาทและกล้ามเนื้อบริเวณตาของทารก
แนะนำให้มารดาตบหน้าท้องเบาๆ ขณะทารกดิ้นเป็นจังหวะ 2 ครั้ง ช่วยฝึกไหวพริบ สร้างการเรียนรู้และการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก ทำให้ทารกรู้ว่ามารดารับรู้การกระทำและสนใจ
มารดามีความวิตกกังวลเนื่องจากหัวนมข้างขวาบอด
ข้อมูลสนับสนุน :
SD - มารดาถามว่าหัวนมบอดแบบนี้ยังให้นมทารกได้มั้ย
OD - หัวนมข้างขวาบอด ทำตามที่แพทย์แนะนำแล้วยังไม่ดีขึ้น
วัตถุประสงค์ : เพื่อลดควมวิตกกังวลของมารดาและให้หัวนมของมารดากลับมาเป็นปกติ สามารถให้นมทารกได้เมื่อทารกคลอด
เกณฑ์การประเมิน : มารดามีความวิตกกังวลลดลง มีความเข้าใจและปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อแก้ปัญหาหัวนมบอดได้อย่างถูกต้อง
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Screening for Thalassemia : Hb E Screening (DCIP) = Negative
CBC :
Hb =12.4 g/dL (ค่าปกติ > 11g/dL)
Hct = 37.1% (ค่าปกติ > 33%)
MCV = 87.9 fT( ค่าปกติ 80-100 fT)
MCH = 29.4 pg (ค่าปกติ 25.9-32.4 pg)
RDW = 13.4% (ค่าปกติ 11.9-16.5%)
WBC = 11.59 10^3/uL (ค่าปกติ 4.24-10.18)
Neutrophil = 79.3% (ค่าปกติ 48.2-71.2%)
Lymphocyte = 14.0% (ค่าปกติ 21.1-42.7%)
Platelet count = 399 10^3/uL (ค่าปกติ 152-387)
Color = LT.yellow
Transp = Clear
Blood = Trace
Ketone = Negative
Glucose = Negative
Albumin = Negative
pH = 6.5 (4.5-8.5)
Specific gravity = 1.016 (1.003-1.030)
WBC = Not found (0-5/HPF)
RBC = Not found (0-5/HPF)
Ascorbic acid = Negative
Nitrite = Negative
Leucocyte = Negative
Mucous,Bacteria,Amorphous,Yeast,Crystal,T.vaginalis = Not found
ABO Group = B
Rh Group = Positive
Ab screening = Negative
HBsAg = Negative
HIV = Negative
VDRL = Non reactive
ยาที่ได้รับขณะตั้งครรภ์
Nataral 1x1 po pc.
สรรพคุณ
เป็นยาที่ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาติต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับสตรีมีครรภ์ ก่อน – หลัง คลอด และระหว่างให้นมบุตร ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง การขาดแคลเซียม และแร่ธาตุอื่น ๆ ระหว่างตั้งครรภ์
ผลข้างเคียง
ถ้าใช้ปริมาณมากจะระคายเคืองกระเพาะอาหาร คลื่นไส้อาเจียน
Calvin 600g + D 200 IU 1x1 po pc
สรรพคุณ
ช่วยเสริมแคลเซียมและป้องกันโรคกระดูกพรุน
ผลข้างเคียง
ท้องผูก ท้องอืด คลื่นไส้