Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หญิงตั้งครรภ์ GA 38 weeks, ข้อวินิจฉัยการพยาบาล day1 - Coggle Diagram
หญิงตั้งครรภ์ GA 38 weeks
การประเมินมารดาหลังคลอดตามหลัก 13B
1.Background
ข้อมูลส่วนตัว
มาดาหลังคลอด อายุ38ปี ศาสนาพุทธ น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 52 Kg สูง150 cm BMI ก่อนการตั้งครรภ์ 23.11 Kg/m^2
น้ำหนักตลอดการตั้งครรภ์ (. Kg) = 9 kg
อาศัยอยู่คอนโด 27ชั้น ผู้ป่วยอยู่ชั้น 12 มีลิฟต์ ปีการศึกษาระดับ ม.3
ประวัติการตั้งครรภ์
G1ปี 2549 Full term คลอดNL เพศหญิง 2800g เมื่ออายุ 13ปีถูกรถชนเสียชีวิต
G2 ปี2550 Full term C/S due to brecch presentation ,2800 g
G3 (14/02/65) อายุครรภ์ 38^6 week คลอด C/S เวลา 17.21น. น้ำหนัก 3420 g ยาว 50 cm APGAR score นาทีที่ 1,5,10 = 9, 10, 10คะแนน
Blood loss 600 ml
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน
หญิงตั้งครรภ์ G3P2-0-0-1 GA38^6weeks LMP=16/05/64 x 3 day
EDC by U/S เมื่อ 22/02/65
Total ANC 4 ครั้งที่คลินิก ANC risk : Advanced maternal age, Anemia, Previous C/S
ได้รับวัควีนบาดทะยักครบ 3 เข็ม เมื่อ มกราคม2565
CC: เจ็บครรภ์เวลา 11.30น. (14/02/65)
2.Body condition
Day0 15/02/65
มื้อเที่ยง: มารดาเริ่มจิบน้ำได้
มื้อเย็น: สามารถอาหารเหลวได้
มื้อเช้า (16/02/65)สามารถทานอาหารอ่อนได้
นอนหลับได้ มีอาการท้องอืด ระดับการไหลของน้ำนม=0
บริเวณเต้านมไม่มีคัดตึง
มารดาหลังคลอดG3P2-0-0-1 GA38^6weeks By dateรู้สึกตัวดี มีอาการอ่อนเพลีย ปวดแผลผ่าตัด Retain foley’s cath Off foley’s เมื่อ 14.00น.
Day1: มารดาสามารถทานอาหารได้ตามปกติ
3.Body temperature& Blood presure
Day 0
BP=118/50bpm P=66bpm RR=18bpm T=37.6 องศาเซลเซียส
Pain score เวลา 7.30น. = 4 คะแนน
เวลา 14.30น.= 3 คะแนน
Day1
BP=113/59bpm P=79bpm RR=18bpm T=37.0 องศาเซลเซียส
Pain score = 1 คะแนน
4.Breast&Lactation
Day0: หัวนมข้างซ้ายแตก ลานนมนิ่ม คลำไม่พบก้อน เต้านมไม่คัดตึง น้ำนมไหลระดับ0 กระตุ้นให้ลูกดูดนมทุก2hrs ใช้หลักการ 4 ด (เร็ว บ่อย ถูก เกลี้ยง)
Latch score= 7 คะแนน
Day1 หัวนมทั้งสองข้างแตก และช้ำ มีอาการคัดตึงเต้านม ระดับน้ำนม1+ เมื่อทำการประคบอุ่นและนวด ระดับน้ำนมไหล 4+ (น้ำนมพุ่ง)
5.Belly&Fundus
มดลูกหดรัดตัวได้ดี
6.Bladder
Day0: มารดาหลังคลอด Retain foley’s cath ปัสสาวะสีเหลืองใส ไม่มีตะกอน ปริมาณ1600 ml
Off Foley’s (14.25น.)
Day 1: ปัสสาวะ 4-5ครั้ง
7.Bleeding&Lochia
Day0: น้ำคาวปลามีสีแดงสด Lochia rubra เปลี่ยนผ้าอนามัย4แผ่นไม่ชุ่ม ~200ml
Day1: น้ำคาวปลามีสีแดงสด เปลี่ยนผ้าอนามัย 4แผ่น แผ่นละ 20ml (รวมทั้งหมด 80ml)
8.Botton
แผลผ่าตัดแนวตั้ง ( Vertical midline incision ) ผ่าตัดมดลูกแบบ transverse Incision
แผลแห้งดี ไม่มีdischarge ซึม
อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
ไม่มีบวม ไม่มีHematoma ไม่มีเส้นเลือดขอดพอง
บริเวณทวารหนัก
ไม่มีบวมหรือปวด ไม่มีริดสีดวงทวาร
9.Bowel movement
Day0 มารดามีอาการท้องอืด และยังไม่ถ่าย
ฟังbowel sound ไม่ได้
กระตุ้นให้ผู้ป่วยAmbulation เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของลำไส้ เนื่องจากมารดายังไม่มีการเคลื่อนไหวเนื่องจากปวดแผลผ่าตัด
Day1 ไม่มีอาการท้องอืด ถ่าย1ครั้ง
10.Blue’s
มารดาปรับตัวเข้าหาทารกได้ สนใจทารก มีความกังวลในเรื่องตาซ้ายของทารกที่ช้ำจากเครื่องมือแพทย์
11.Baby
ทารกเพศชาย คลอดวันที่14 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 17.21น. น้ำหนัก 3420กรัม APGAR score นาทีที่1,5,10=9,10,10คะแนน ตาข้างซ้ายช้ำเนื่องจากโดนเครื่องมือแพทย์ ไม่มีปากแหว่งเพดานโหว่ แขนขาactiveดี มีรูทวาร มีอวัยวะสืบพันธุ์ และกระดูกสันหลังไม่คด
12.Bonding&Attachmenr
มารดาหลังคลอดมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับทารกตลอดเวลา (eye to eye, skin to skin )
13.Belive model
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
มารดามีความตั้งใจที่จะเลี้ยงดูทารด้วยตนเองและเลี้ยงเพียงนมแม่อย่างเดียว อย่างน้อย 6 เดือน
การคุมกำเนิด
ได้แนะนำ แนะนำผู้ป่วย TR (Tubal resection ):
มารดาปฏิเสธการทำหมัน
Advice เรื่อง ตกเลือด, Placenta precreta มีโอกาสเสียชีวิตได้ ผู้ป่วยรับทราบ
แนะนำให้ฝังยาคุมกำเนิด
ผู้ป่วยมีความเชื่อ หลังคลอดจะทำการอบสมุนไพร
การวางแผนการจำหน่าย (D-METHOD)
แนะนําการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน ระยะเวลาคำแนะนําโดยทั่วไปหญิงหลังคลอดจะยอมรับการแนะนําได้ดีในช่วง taking hold phase เพราะเป็นระยะที่สามารถช่วยเหลือ ตนเองได้แล้ว
Diet
แนะนะให้มารดารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อการสร้างน้ำนม และบำรุงร่างกายของตนเอง หลีกเลี่ยงสารเสพติด แอลกอฮอล์ทักชนิด งดของหมักดอง, บุหรี่ หรือกาแฟ
แนะนำให้ทานอาหารที่บำรุงน้ำนม
เช่น หัวปลี มะละกอ ตำลึง ขิง
ใบแมงลัก หรือแกงเลียง
แนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว หรืออย่างน้อยวันละ1.5ลิตร
แนะนำให้ทานผักผลไม้ เพื่อป้องกันการท้องผูก
แนะนำให้รับประทานอาหารที่เน้นโปรตีน เช่น อกไก่ไม่มีหนัง ปลา หรือหมูเนื้อแดง
ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนม
ท่าอุ้มให้นมบุตร
Football hold
สำหรับแม่ที่มีแผลผ่าตัดหน้าท้อง หัวนมแตก
Side lying position
นอนตะแคงให้นมบุตร เหมาะกับแม่ที่มีอาการอ่อนเพลีย และผ่าตัดคลอด
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6เดือนและต่อเนื่องถึง 2ปีร่วมกับอาหารเสริม ให้วันละ7-8ครั้งต่อวัน
ให้นมทารกทีละข้างทั้งสองข้างสลับกันเพื่อกระตุ้นการไหลของน้ำนมทั้ง2ข้าง ดูดข้างละ10-15นาที
หลัก4วิธี ดูดเร็ว บ่อย ถูกวิธี เกลี้ยงเต้า
ดูดเร็ว=ภายใน30-40นาที หลังคลอด
ดูดบ่อย= ดูดทุก 2 ชั่วโมง
ดูดถูกวิธี= ดูดลึกถึงลานนม
ดูดเกลี้ยงเต้า= ดูดหมดเต้า
Medicine
แนะนำความรู้เรื่องยาอย่างละเอียด วันถุประสงค์ของการใช้ วิธีการใช้ ปริมาณและจำนวนครั้ง
ทารก
Alcohol 70% เพื่อเช็ดสะดือทารก เช้าและเย็น
มารดา
Nataral TAB.30 รับประทาน 1 เม็ด หลังอาหาร
Paracetamol 500mg 1 TAB ทุก 6 ชั่วโมง
เมื่อมีอาการปวด
Enviroment
แนะนำให้มารดาจัดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้สะอาด ไม่ควรมีของวางเกะกะ เสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม และดูแลภาวะสุขภาพให้สะอาด
Treatment
แนะนำให้มารดารู้จักการเฝ้าระวังแผลผ่าตัด
ดูแลสุขภาพของตนเองเมื่อกลับบ้าน
Health
แนะนำเรื่องการดูแลส่งเสริมสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการออกกำลังกายที่เหมาะสม
Out patients
ชี้แจงให้มารดาเข้าใจความสำคัญของการมาตรวจตามนัดทั้งเวลาและสถานที่
1) แนะนำให้มารดามาตรวจหลังคลอด 6 สัปดาห์ ที่โรงพยาบาลตำรวจ
2) แนะนำให้ไปตรวจตามนัดที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อติดตามแผลผ่าตัด
3) ถ้ามีปัญหาเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดา สามารถปรึกษาได้ที่
คลินิกนมแม่ โรงพยาบาลตำรวจ เปิดให้บริการ วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.00น. ให้บริการ
-กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลตำรวจ
ให้บริการปรึกษาเรื่องการให้นมบุตร และการดูแลเด็กปรึกษาทางโทรศัพท์ 02-207-6000ต่อ6784
และ02-2521414
D: Diagnosis
Previous C/S in labor
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล Day 0
เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาระงับความรู้สึก
ข้อมูลสนับสนุน:
O:มารดาได้รับ spinal block ขณะผ่าตัด
เวลา 18.00น.ออกจากOR มารดายังมีอาการชาบริเวณขาทั้ง2ข้าง
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาระงับความรู้สึก
เกณฑ์การประเมิน
1.ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด เช่น หัวใจเต้นช้า ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ภาวะกดการหายใจ
2.สัญญาณชีพ อยู่ในเกณฑ์ปกติ
โดยเฉพาะRR=12-20bpm BP= 90/140bpm
3.อาการชาไม่เกิน 24 ชั่วโมง ไม่มีปวดศีรษะ
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพทุก 15นาที4ครั้ง 30นาที2ครั้ง และทุกๆ1ชั่วโมงจนกว่าจะstable
สังเกตอาการผิดปกติของมารดา เช่น มีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการชาที่นานกว่า24ชั่วโมง ปวดสีรษะ เป็นต้น
ดูแลให้มารดานอนราบหลังผ่าตัดนาน12 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำไขสันหลัง
ประเมินอาการคัน ชา ตามร่างกาย
ผลการประเมิน
มารดาไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด (15/02/65) เช่นอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน
มารดาไม่มีอาการชาตามร่างกาย
V/S ปกติดี (15/02/65)
18.30น. BP=120/79bpm P=60bpm RR=18bpm T=36.5 องศาเซลเซียส pain score=1
18.45น. BP=126/65bpm P=62bpm RR=18bpm
pain score=1
19.00น. BP=126/64bpm P=64bpm RR=18bpm
pain score=1
19.15น. BP=127/65bpm P=62bpm RR=18bpm
pain score=1
19.30น. BP=127/64bpm P=60bpm RR=18bpm
pain score=1
20.00น. BP=126/68bpm P=62bpm RR=18bpm
pain score=1
20.30น. BP=121/63bpm P=60bpm RR=18bpm
pain score=1
22.00น. BP=118/50bpm P=66bpm RR=18bpm T=37.6 องศาเซลเซียส pain score=2
มารดาไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัด
ข้อมูลสนับสนุน:
S:มารดาบอกว่าปวดแผลผ่าตัด
O: Pain score
เวลา 7.30น. = 4 คะแนน
เวลา 14.30น.= 3 คะแนน
วัตถุประสงค์: เพื่อบรรเทาอาการปวดแผลผ่าตัด
เกณฑ์การประเมิน
1.มารดามีอาการปวดแผลผ่าตัดลดลง
2.Pain score < 4 คะแนน
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินระดับpain score สังเกตสีหน้าของมารดา
จัดท่าให้มารดาอยู่ในท่าที่สุขสบาย เมื่อนอนราบครบ12ชั่วโมง จัดท่าให้มารดานอนในท่า Flower’s position เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนและอาการตึงของแผลผ่าตัดลดลง
ดูแลความสะอาดร่างกาย จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด มีอากาศถ่ายเทสะดวก และให้มารดา bed rest
แนะนำให้มารดาใช้เทคนิคการผ่อนคลายเพื่อเบี่ยงเบนความเจ็บปวด เช่น เทคนิคการหายใจ หรือฟังเพลง เป็นต้น
ดูแลให้ได้รับยาบรรเทาอาการปวดแผลตามแผนการรักษาของแพทย์
ผลการประเมิน
มารดาบอกปวดแผลผ่าตัด
pain score=4 คะแนน ได้รับยา Tramadol 50mg หลังได้รับยา pain score= 2คะแนน
เวลา14.00 pain score= 3 คะแนน ได้รับยา Paracetamol 500mg TAB
16/02/65
pain score=1คะแนน
มารดามีโอกาสเกิดภาวะตกเลือดหลังผ่าคลอด
ข้อมูลสนับสนุน:
O: -ขณะทำการผ่าตัดเสียเลือดทั้งหมด 600 ml
-Bleeding per vagina 200 ml in 24 เปลี่ยนผ้าอนามัย 4 แผ่นเต็ม
วัตถุประสงค์
มารดาไม่เกิดภาวะตกเลือดหลังผ่าคลอด
เกณฑ์การประเมินผล
Blood loss เมื่อผ่าคลอด+bleeding per vagina in 24 hrs ไม่เกิน1000 ml
ไม่มีอาการตัวเย็น กระสับกระส่าย
แผลผ่าตัดไม่มีเลือดซึม ไม่มีdischarge
V/S ปกติ โดยเฉพาะ RR=12-20bpm, BP=90/140bpm
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะตกเลือด เช่น มีเลือดออกจากแผลผ่าตัด หรืออกทางช่อคลอด
ประเมินสัญญาณชีพทุก 4ชั่วโมง ถ้ามีอาการหายใจเร็วขึ้น ความดันโลหิตลดลง อาจมีการเสียเลือด
ประเมินและบันทึกปริมาณเลือดที่ออกจากแผลผ่าตัดและทางช่องคลอด หากมีเลือดออกมากผิดปกติควรรายงานแพทย์
ดูแลปัสสาวะให้ไหลทางสายยางสะดวก ไม่อุดตัน เพื่อให้มดลูกหดรัดตัวได้ดี รวมถึงประเมินสี ปริมาณ ลักษณะของปัสสาวะที่ออก เพื่อประเมินภาวะช็อค และการได้รับสารน้ำที่เพียงพอ
ผลการประเมิน
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ V/S = BP=117/62bpm P=76bpm RR=18bpm T=36.8 องศาเซลเซียส pain score=2
มารดาปัสสาวะออกดี ไม่มีแสบขัด
EBLใน 24 ชม.ไม่เกิน 1000 ml= (800 ml)
มารดามีภาวะท้องอืดเนื่องจากไม่มีการเคลื่อนไหวของลำไส้
ข้อมูลสนับสนุน:
S: มารดาบอกว่า”เวลาขยับตัวจะปวดแผล เลยไม่ขยับตัวมาก”
O: มารดาAbsolute bed rest ไม่มีการเคลื่อนไหว
มารดายังไม่ผายลม
เกณฑ์การประเมิน:
มารดาสามารถลุกเดินได้
ไม่มีภาวะท้องอืด สามารถผายลมได้
วัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้
กิจกรรมการพยาบาล
กระตุ้นให้มารดา Ambulation ขยับตัวพลิกตะแคงทุก2-3ชั่วโมงแล้วค่อยลุกเดิน รอบๆเตียงเพื่อช่วยให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว
แนะนำให้มารดาดื่มน้ำ6-8แก้วต่อวัน หรือดื่มน้ำผลไม้ที่มีกากใยเพื่อกระตุ้นการขับถ่าย
อธิบายให้มารดาเข้าใจถึงสาเหตุของอาการท้องอืด
หลังคลอด
ผลการประเมิน
มารดาผายลม และอุจาระ1-2ครั้ง(16/02/65)
เสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มเนื่องจากอ่อนเพลียจากการเสียเลือดและน้ำหลังคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
O: มารดามีสีหน้าอ่อนเพลีย และปวดแผลผ่าตัด
Blood loss in 24 hrs. 800 ml
วัตถุประสงค์
มารดาไม่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม
เกณฑ์การประเมิน
มารดาไม่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม
ไม่มีบาดแผลตามร่างกาย
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินผู้ป่วยด้วยแบบประเมินเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม(Fall Score) เพื่อประเมินภาวะเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มของผู้ป่วย
จัดให้มีแสงสว่างเพียงพอในบริเวณของผู้ป่วย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุของพยาบาลและตัวผู้ป่วยเอง
จัดวางสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วยให้อยู่ในบริเวณใกล้กับผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยสะดวกต่อการหยิบจับของใช้ได้ง่าย
ปรับเตียงของผู้ป่วยให้ต่ำสุด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุการตกเตียงและปีนเตียงของผู้ป่วย
ยกราวกั้นเตียงขึ้นทั้ง 2 ข้างหรือเอาลงเฉพาะข้างที่ผู้ป่วยลงเตียง และตรวจสอบความแข็งแรงของราวกั้นเตียงทุกครั้งทั้งก่อนและหลังการทำกิจกรรมการพยาบาล เพื่อ ป้องกันอุบัติเหตุการตกเตียงของผู้ป่วย
ล็อคขาเตียงของผู้ป่วยอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการการไหลของเตียงและป้องกันอุบัติเหตุ
จัดให้มีอุปกรณ์กดสำหรับขอความช่วยเหลือที่เตียงของผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยหรือญาติขอความช่วยเหลือได้เมื่อต้องการ และจะได้ช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันเวลา
ผลการประเมิน
มารดาไม่เกิดพลัดตกหกล้ม
ไม่มีบาดแผลตามร่างกาย
Problem list
Day 0
1.น้ำนมไม่ไหล
2.หัวนมแตกด้านซ้าย
3.มีปัญหาเรื่องท้องอืด
4.มาดามีความกังวลในเรื่องตาด้านซ้ายของทารกช้ำ
Estimated blood loss= 600 atPP 24 hrs = 40ml
5.คลอด previous C/S ได้รับยาระงับความรู้สึกทางกระดูกไขสันหลัง
6.มีอาการปวดแผลผ่าตัด และปวดบริเวณหลัง
7.มารดาเสี่ยงพลัดตกหกล้ม
Day1:
1.มีอาการคัดตึงเต้านมทั้ง2ข้าง
2.Latch score= 7 คะแนน
3.หัวนมทั้งสองข้างแตก และมีรอยช้ำ
การตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกายตามระบบ head to toe Day 0,1
ผม: ไม่มีแห้งเสีย สะอาดไม่มีรังแค
ใบหน้า: ไม่มีอาการบวม สีหน้าสดชื่น
Conjunctiva: สีแดงสดไม่มีซีด
จมูก:ไม่สีสารคัดหลั่ง ไม่มีบวม
ปาก:ไม่มีฟันผุ เหงือกอักเสบ
เต้านม: ไม่มีอาการคัดตึงเต้านม คลำไม่พบก้อน
day1 คัดตึงเต้านมทั้ง2ข้าง มีรอยแตกและรอยช้ำที่หัวนมทั้ง2ข้าง
ขา:ไม่มีบวมกดบุ๋ม
หน้าท้อง: มีแผลผ่าตัดแนวตั้ง ไม่มีDischarge
การประเมินน้ำคาวปลา
Day 0 มีสีแดงสดคล้ายประจำเดือน Lochia rubra
Off foley’s เวลา 14.25น. (15/02/65)
เปลี่ยนผ้าอนามัย 4 แผ่น bleeding per vagina =200ml
Day 1
มีสีแดงสดคล้ายประจำเดือนLochia rubra
เปลี่ยน pad ไป 4 แผ่น
แผ่นละ 20 ml
bleeding per vagina = 80 ml
มารดาขาดทักษะการเลี้ยงดูบุตร
ข้อมูลสนับสนุน
มีอาการคัดตึงเต้านมทั้ง2ข้าง
Latch score= 7 คะแนน
หัวนมของมารดาทั้งสองข้างแตก และมีรอยช้ำ
วัตถุประสงค์ ส่งเสริมให้มารดาเลี้ยงลูกด้วยนมอย่างถูกต้องและไม่มีอาการคัดตึงเต้านม
เกณฑ์การประเมินผล
1.มารดามีทักษะในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เช่น
สามารถเข้าเต้าได้ถูกวิธี
2.ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวนมแตก รอยช้ำ หรือเต้านมคัดตึง
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการคัดตึงเต้านม สักเกตลักษณะเต้านมของมารดาทั้ง2ข้างที่แสดงถึงการคัดตึงของเต้านม ได้แก่ บวม ร้อน รวมถึงประเมินpain score เพื่อให้การพยาบาลอย่างเหมาะสม
อธิบายสาเหตุของอาการคัดตึงเต้านมให้มารดาได้ทราบ ซึ่งเป็นอาการปกติในมารดาหลังคลอดเนื่องจากเลือดได้มาเลี้ยงที่เต้านมมาก หลอดเลือดและหลอดน้ำเหลืองจะขยายใหญ่ขึ้น จึงมีการคั่งของเลือดและตึงเต้านม อาการจะอยู่เพียง1-2วัน แนะนำให้มารดาให้นมลูกตามหลัก 4 ด คือ ดูดเร็ว ดูดบ่อย ดูดถูกวิธี และดูดเกลี้ยง
โดยให้นมทารกทีละข้างทั้งสองข้างสลับกันเพื่อกระตุ้นการไหลของน้ำนมทั้ง2ข้าง ทุก2ชั่วโมง ดูดข้างละ10-15นาที
ดูแลและให้คำแนะนำการบรรเทาอาการคัดตึงของเต้านมโดยประคบอุ่น พร้อมกับนวดเต้านมเพื่อให้หลอดเลือดและหลอดน้ำเหลืองขยายช่วยลดอาการคัดตึงเต้านมและให้น้ำนมไหลได้สะดวก และบีบน้ำนมจนเกลี้ยงด้วยตนเอง
สอนวิธีเข้าเต้าให้กับมารดา โดยท่าให้นมต้องอยู่ในท่าที่สบาย ดังนี้
ปากทารกจะเปิดกว้าง เพื่ออมหัวนมให้ลึกที่สุดจนมิดลานนม ถ้าลานนมกว้างก็ให้อมให้มากที่สุด คางแนบเต้า ปลายจมูกชิดหรือแตะเต้านม และริมฝีปากบน – ล่าง บานออก
ทารกจะดูดแรงโดยใช้ลิ้นรีดน้ำนมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
ได้ยินเสียงกลืนนมเป็นจังหวะ
ถ้าทารกไม่ค่อยดูดหรือดูดช้าลง ให้กระตุ้นทารก
ผลการประเมิน
มารดารู้สึกคัดตึงเต้านมน้อยลง
มารดาสามารถให้ทารกเข้าเต้าได้อย่างถูกวิธี
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล day1