Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

COPD with AE with Respiratory failure, อ้างอิง, สมาชิก 3A, ได้รับ…

- - - - ผู้ป่วย on ET-tube No. 75 Mark 20 lung crepitation Lt lung CXR: Multi infiltration pneumonia
        
        ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
        WBC 15.28 (ค่าปกติ 4.50-11.30x10S3/uL) Neutrophil 84.9 (ค่าปกติ 40.0-70.3 %)
        Lymphocyte 10.1 (ค่าปกติ 18.7-48.3 %) monocyte 3.5 (ค่าปกติ 3.9-12.3 %)
    - - 1.ใช้อุปกรณ์ป้องกันขณะให้การพยาบาล เสื้อคลุม แมส ถุงมือ 2.Hand hygiene
        3.จัดท่านอนศีรษะสูง เพื่อให้ปอดขยายตัวและระบายอากาศได้ดี
        4.ดูแลให้ได้รับออกซิเจน PCV mode Pi 16 PEEP 5 FiO2 0.4 ตามแผนการรักษาของแพทย์
        5.ดูแลให้ ET- tube ให้อยู่ในตำแหน่งเดิมและตรวจตอบสอบกระบอกทำความชื้นให้มีน้ำอยู่เสมอ ระดับน้ำอยู่ในระดับปกติ
        6.ดูแลประเมินเสมหะในปอดและดูดเสมหะด้วยวิธีAseptic Technique พร้อมกับ mouth care ทุก 2 ชั่วโมง 7.ดูแลให้ได้รับยา Tazocin 4.5 g IV ทุก 6 ชั่วโมง ตามแผนการรักษาของแพทย์
        8.ติดตามผลการตรวจ CXR และ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ WBC Neutrophil Lymphocyte monocyte
  - - - การพยาบาลขณะใส่ tube
        1.ประเมินสัญญาณชีพ การหายใจอัตราการหายใจ สังเกตอาการ cyanosis ทุก 2 ชั่วโมง
        2.จัดท่านอนศีรษะสูง เพื่อให้ปอดขยายตัวและระบายอากาศได้ดี
        3.ดูแลให้ได้รับออกซิเจน PCV mode Pi 16 PEEP 5 FiO2 0.4 ตามแผนการรักษาของแพทย์ 4.ดูแลให้ ET- tube ให้อยู่ในตำแหน่งเดิมและตรวจตอบสอบกระบอกทำความชื้นให้มีน้ำอยู่เสมอ ระดับน้ำอยู่ในระดับปกติ 5.ดูแลประเมินเสมหะในปอดและดูดเสมหะด้วยวิธีAseptic Technique พร้อมกับ mouth care ทุก 2 ชั่วโมง
        6.ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับยา Beradual MDI 2 puff ทุก 6 ชั่วโมง และยา flumacil 100 mg 1x3 tab po. pc. ตามแผนการรักษาของแพทย์ 7.ติดตามผลการตรวจ cxr สมรรถนะของปอดและติดตามค่า o2sat ทุก 2 ชัวโมง
        
        กิจกรรมการพยาบาลการพยาบาลหลัง off tube 1. เฝ้าระวังและสังเกตอาการผู้ป่วยอย่างใกลั
        ชิด 24-48 ชั่วโมง ประเมินสัญญาณชีพ การหายใจอัตราการหายใจ สังเกตอาการ cyanosis หลังถอดท่อช่วยหายใจทุก
        15 นาที เป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากนั้น
        ประเมินทุก 4 ชั่วโมง
        2.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนทางหน้ากาก ครอบจมูกและปากพร้อมถุงเก็บออกซิเจน (Mask with reservoir bag) 8-10 liters/min
        3.จัดท่านอนศีรษะสูง เพื่อให้ปอดขยายตัวและระบายอากาศได้ดี 4. ประเมินเกณฑ์ใส่ท่อช่วยทายใจใหม่หรือต้องใช้เครื่องช่วยหายใจใหม่ เมือผ้ปวยมีปัญหาการหายใจผิดปกติ ควรรีบรายงานแพทย์ทันที
        5.ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับยา Beradual MDI 2 puff ทุก 6 ชั่วโมง และยา flumacil 100 mg 1x3 tab po. pc. ตามแผนการรักษาของแพทย์
        6.ติดตามผลการตรวจ cxr สมรรถนะของปอดและติดตามค่า o2sat ทุก 2 ชัวโมง
    - - o: lung crepitation Lt lung CXR: Multi infiltration pneumonia
  - - - BP: (1/02/65) 04.40 น. = 76/50 mmHg
        07.00 น.= 76/50 mmHg 8.00 น. = 90/78mmHg 10.00 น. = 146/109 mmHg
        EKG: Sinus tachycardia
    - - 1.ประเมินการเปลี่ยนแปลงอาการและอาการแสดง ได้แก่ ใจสั่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก เหงื่อออก ตัวเย็น กระสับกระส่าย ประเมินสัญญาณชีพ การหายใจอัตราการหายใจ สังเกตอาการ cyanosis ทุก 2 ชั่วโมง
        2.จัดท่านอนศีรษะสูง เพื่อให้ปอดขยายตัวและระบายอากาศได้ดี 3.ดูแลให้ได้รับออกซิเจน PCV mode Pi 16 PEEP 5 FiO2 0.4 ตามแผนการรักษาของแพทย์
        4.ดูแลให้ ET- tube ให้อยู่ในตำแหน่งเดิมและตรวจตอบสอบกระบอกทำความชื้นให้มีน้ำอยู่เสมอ ระดับน้ำอยู่ในระดับปกติ
        5.ดูแลให้ได้รับยา levophed (4:100) IV 5 ml titrate ทีละ 3 ml/hr และยา Proprofal IV 5 ml/hr ตามแผนการรักษาของแพทย์ 6.ติดตามผล EKG
  - - - ประเมินอาการ โพแทสเซียมในเลือดสูงได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เพลีย ท้องผูก ตะคริว กล้ามเนื้อ กระตุก กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ 2. Record V/S ทุก 2 ชั่วโมง
        3.ดูแลให้ได้รับยา Kelimate 30 mg + น้ำ 50 ml po. x 1 dose ตามแผนการรักษาและสังเกตอาการข้างเคียงของยา
        
        งคอาหารที่มี potassiumสูง เช่น ถั่วเมล็ดแห้ง นมและผลิตภัณฑ์จากนม ทุเรียน กล้วย ลำไย ผลไม้แห้งต่างๆ เช่น ลูกเกด ลูกพรุน แครอท มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่ง คะน้า หัวปลี ผักชี มันฝรั่ง
        
        ติดตามผล EKG Lab Electrolyte
    - - ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ Electrolyte (01/02/65)
        Potassium 5.0 (ค่าปกติ 3.4-4.5 mmol/L) CO2 18 (ค่าปกติ 22-29 mmol/L) EKG: Sinus tachycardia
  - - - Blood Gas Analysis (01/02/65) PH 7.35 PCO2 27.9 (ค่าปกติ 32.0-45.0 mmHg) PO2 (ค่าปกติ 75-100 mmHg) HCO3 15.0
    - - ประเมินอาการ ของภาวะเลือดเป็นกรด อ่อนเพลีย เซื่องซึม เหนื่อยง่ายกว่าปกติ รู้สึกสับสน ปวดศีรษะ อาการไม่รู้ตัว หรือเสียชีวิต
        
        Record V/S และ O2sat ทุก 2 ชั่วโมง
        3.ดูแลให้ได้รับยา Sodamint 2x3 tab po. ตามแผนการรักษาและสังเกตอาการข้างเคียงของยา 4.จัดท่านอนศีรษะสูงและดูแลให้ออกซิเจนให้เพืองพอ
        
        ติดตามผล Blood Gas Analysis
  - - - ผู้ป่วยนอนไม่ได้ต้องนั่งแล้วโน้มตัวมาด้านหน้าจึงจะหายใจได้สะดวก
    - - 1.จัดสภาพแวดล้อมให้บรรยากาศผ่อนคลาย โดยปิดไฟ จัดสิ่งแวดล้อให้เงียบสงบ สะอาด ไม่รบกวนผู้ป่วยขณะนอนหลับ
        2.ดูแลให้ไอระบายเสมหะให้ทางเดินหายใจโล่งก่อนนอน 3.หลีกเสี่ยงการใช้สารกระตุ้นต่างๆ เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
        
        ดูแลให้ได้รับยา Losec 40 mg IV ทุก 24 ชั่วโมง ตามแผนการรักษาของแพทย์
- - - - การทำให้มีออกซิเจนไปยังเน้ือเยื่อต่างๆของร่างกายอย่างเพียงพอโดยทั่วไประดับที่เหมาะสมคือ (Hypoxemia , PaO2 < 60 mmHg)2 หรือมีการคั่ง ของคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด (Hypercapnia, PaCO2 > 50 and pH < 7.3) หากไม่สามารถ แก้ไขภาวะพร่องออกซิเจนหรือภาวะคาร์บอนไดออกไซด์คั่งได้ พิจารณาช่วยหายใจโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ
        
        ABG PH 7.35 PO2 171, PCO2 27.9, HCO3 15
        วันที่ 3/2/65
    - - ซึ่งจะทำหน้าที่แทนกล้ามเน้ือหายใจ ในการสนับสนุนการทำงานของระบบหายใจ ช่วยเพิ่ม PaO2 และลด PaCO2 ช่วยให้กล้ามเน้ือท่ีล้าในการหายใจได้พัก
        
        ผู้ป่วย on mask with bag จากรพช และพบว่า SpO2 = 88% มีอาการเหนื่อยหอบ จาก refer มาสปร. ใส่ท่อช่วยหายใจ no 7.5 Mark 22 Pi16 PEEP 5 Fio2=0.6 วันที่ 4 Off tube on mask with bag 10 LPM จากนั้นเป็น cannular 3 LPM
    - - ทำทางเดินหายใจของผู้ป่วยเปิดโล่ง ไม่มีการอุดกลั้น เพื่อให้มีออกซิเจนผ่านเข้าออกทางเดินหายใจของผู้ป่วยได้ตลอดเวลา
    - - ยานอนหลับ, ยาลดความเจ็บปวด, ยาคลายกล้ามเนื้อ ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เมื่อมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน ยาอื่นๆ เช่น activated protein C, steroid, nitric oxide, surfactant
    - - ถ้าไม่มีข้อห้าม ควรให้อาหารทางกระเพาะอาหารผ่าน nasogastric tube เพื่อให้ได้พลังงานที่เพียงพอและ ไม่ควรให้สารน้ำมากเกินไป เพราะอาจทำให้มีการรั่วของสารน้ำเข้าไปถุงลมมากขึ้น
        
        ผู้ป่วยได้รับ BD low Salt (1:1)
        300ml*4 feed
  - - - จากการตรวจปอดได้ยินเสียง Wheezing
    - - PH 7.35 PO2 171, PCO2 27.9, HCO3 15
  - - - ระบบประสาท
        
        ระยะแรกของการขาดออกซิเจน มีอาการกระสับกระส่าย สับสน ไม่มีสมาธิ
        
        ระยะขาดออกซิเจนรุนแรง มีอาการซึมถึงขั้นหมดสติ รูม่านตาอาจขยาย
        ไม่ตอบสนองต่อแสงอาจมีกล้ามเน้ือกระตุก และอาการชักทั้งตัวได้
      - ระบบหัวใจ และหลอดเลือด
        
        เมื่อเกิดภาวะพร่องออกซิเจนมากข้ึน การบีบตัวของกล้ามเน้ือหัวใจลดลง ความดันโลหิตลดลง หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดง เพิ่มข้ึน เลือดหนืด ความต้านทานของหลอดเลือดปอดสูงข้ึน
        
        ผู้ป่วย BP dropวันที่ 1/2/65 BP 76/50 mmHg 06.40 น. ได้รับ nss 300 ml IV load then 1000 ml IV 100 ml/hr levophed (4:100) IV drip 5 ml/hr keep BP >90/60 MAP = 65 hold proprofal
        
        กระตุ้น sympathetic system ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง
        
        Pluse 110ครั้ง/นาที
      - ระบบไต
        
        กระตุ้น rennin angiotensin axis ทำให้มีการสร้าง erythropoietin เพิ่ม ข้ึน ระยะแรกของการขาดออกซิเจนมีปัสสาวะออกลดลง < 0.5-1 ml/kg/hr
      - ระบบผิวหนัง
        
        เหงื่อออก ตัวเย็น ตัวเขียว(cyanosis)
      - ระบบหายใจ
        
        ภาวะขาดออกซิเจน หายใจเร็วข้ึน หายใจหอบเหนื่อย ถ้ามีภาวะพร่องออกซิเจนรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะ Cheyne-stokes breathing หรือ apnea cyanosis
        
        ผู้ป่วยมีอาการหายใจเหนื่อยหอบ SpO2 จากรพชได้88%
    - - ระบบหายใจ
        
        กระตุ้น central chemoreceptor ทำให้เพิ่มการหายใจ เพื่อเพิ่มการระบาย CO2 ออกจากร่างกาย มีอาการหายใจเร็วตื้น
        
        ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อย R 30/min และมีอาการหอบเหนื่อยขณะนอนพักและ On mask with bag มีอาการลุกขึ้นมานั่ง
      - ระบบประสาท ส่วนกลาง
        
        ซึมง่วงนอน(drowsiness)สับสน (confusion) ไม่มีสมาธิ
      - ระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด
        
        ผิวหนังมีลักษณะแดง และอุ่น ชีพจรเต้นแรง ความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะมากในเวลากลางคืนเพราะมีhypoventilationมากกว่าเวลากลางวัน จอ ประสาทตาบวม จากความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มข้ึนมาก
- - - - ผู้ป่วยได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง สาเหต อาการ และอาการกำเริบ และการปฏิบัติตนอย่างถูงต้องป้องกันอาการกำเริบซ้ำ
        
        ปอดอุดกั้นเรื้อรังเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ ที่มักจะพบอาการหอบเหนื่อยมาก ไอเรื้อรัง มีเสมหะ แน่นหน้าอก หรือเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ที่มีสาเหตุมาจาก การสูบบุหรี่ มลภาวะ พันธุกรรม อายุ การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
        
        การกำเริบของโรค เป็นการเปลี่ยนแปลงของอาการหายใจลำบาก ไอ หรือมีปรืมาณเสมหะเปลี่ยนสีจากใสๆ เป็นขาวขุ่นหรือเหลืองเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากสิ่งกระตุ้น เช่น การสูบบุหรี่ มลภาวะสิ่งแวดล้อม การติดเชื้อทั้งแบคทีเรียและไวรัส ซึ่งสามารถทำให้อาการกำเริบรุนแรงขึ้นได้
        
        การป้องกันการกำเริบ
        
        การเลิกบุหรี่ และหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเช่น ฝุ่น ควัน อากาศเปลี่ยนแปลง
        
        การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
        
        โปรแกรมฟื้นฟูสมรรถภาพปอดภายใน 4 สัปดาห์หลังการกำเริบเฉียบพลัน
        
        การใช้ยาตามแนวทางการรักษาด้วยยา
    - - ผู้ป่วยได้รับความรู้เกี่ยวกับยาที่ตนเองได้รับ
        
        ยาพ่น Berodual MDI 2 puff ทุก 6 ชั่วโมง
        
        วิธีใช้
        1.จับกระบอกยาตั้งขึ้น เปิดฝาครอบออกเขย่ายาในแนวตั้ง 4-5 ครั้ง ก่อนสูดหายใจ
        
        ให้จับส่วนปลายของอุปกรณ์พ่นยาอยู่ในปากและหุบปากสนิท หรืออ้าปากให้ปลายอุปกรณ์อยู่ห่างจากปากประมาณ 2 นิ้ว
        
        หายใจออกตามปกติจนสุด แล้วกดอุปกรณ์พ่นยาทันที พร้อมกับสูดหายใจเอาละอองของยาเข้าปอดช้า ใช้เวลาในการหายใจเข้าประมาณ 3-5 วินาที
        
        เมื่อหายใจเข้าเต็มที่แล้วให้เอาเครื่องพ่นออก หุบปาก และกลั้นหายใจให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ประมาณ 5-10 วินาที หลังจากนั้นหายใจออกช้าๆ
        
        เป็นยาขยายหลอดลมที่ใช้ป้องกันและรักษาอาการที่เกิดจากทางเดินหายใจตีบแคบลง ช่วยให้ทางเดินหายใจขยายออกและหายใจสะดวกขึ้น
        
        ผลข้างเคียง
        
        อาการสั่น โดยเฉพาะที่มือ
        
        ปากแห้ง
        
        ปวดศีรษะ
        
        คลื่นไส้ อาเจียน
        
        อาการใจสั่น
        
        หัวใจเต้นเร็วและเต้นผิดจังหวะได
    - - ผู้ป่วยได้รับความรู้ในการจัดการกับสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับสภาวะสุขภาพ
        
        หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งที่กระตุ้นหรือมลพิษ เช่น กลิ่นควัน ฝุ่นละอองโดยปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมทั้งภายในบ้านและรอบบ้าน ทำความสะอาดบ้านเพื่อกำจัดฝุ่นละอองภายในบ้าน หลีกเลี่ยงไปในสถานที่แออัด ที่เป็นปัจจัยกระตุ้นการเกิดอาการหายใจลำบาก
    - - ผู้ป่วยเข้าใจเป้าหมายของการรักษา สามารถสังเกตอาการที่ผิดปกติของตนเอง
        
        ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการรักษา และสังเกตอาการ ได้แก่ หายใจลำบาก หอบเหนื่อยมากขึ้น ไอเรื้อรัง มีเสมหะมาก จุแน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด
    - - การส่งเสริม ฟื้นฟูสภาพทางด้านร่างกายและจิตใจ ตลอดจนการป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
        
        การออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนล่าง เช่น การเดินบนทางราบ การออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนบน เช่น การใช้แขนยืดสายยาง การทำติดต่อกันอย่างน้อย 20 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ3 วัน เป็นเวลาติดต่อกัน 8 สัปดาห์ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด และเพิ่มความทนต่อการออกกำลังกาย
        
        สอนวิธีการหายใจที่ถูกต้อง โดยหายใจช้าและลึก ขณะหายใจออกให้ห่อปากและหดกล้ามเนื้อหน้าท้อง
        เพื่อให้อากาศถูกขับออกมาได้มากที่สุด
        
        การบริหารการหายใจแบบเป่าปาก
        
        เป็นการหายใจเข้าทางจมูกช้าๆ (นับในใจ หนึ่ง และสอง) และหายใจออกทางปาก โดยห่อปากเล็กน้อย (นับในใจหนึ่ง สอง สามและสี่) ซึ่งการหายใจออกยาวนานเป็นสองเท่าของการหายใจเข้า เพื่อชะลอการตีบแคบของหลอดลม ช่วยเพิ่มปริมาตรของอากาศที่หายใจออกแต่ละครั้ง ลดอากาศที่คั่งค้างในปอดและเพิ่มประสิทธิภาพของปอดในการซึมผ่านของการระบายอากาศ
        
        สอนวิธีไออย่างมีประสิทธิภาพ และดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง ช่วยในการกาจัดเสมหะออกมา
        
        ทำโดยให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่ผ่อนคลาย อาจจะเป็นท่านั่ง หรือท่าศีรษะสูง หายใจเข้า-ออกลึกๆ ช้าๆ2 – 3 ครั้ง และสูดหายใจเข้าอย่างช้าๆ ทางจมูกอย่างเต็มที่ แล้วกลั้นหายใจไว้ประมาณ 2 – 3 วินาที โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย อ้าปากกว้างๆ และไอออกมาติดต่อกันประมาณ 2 – 3 ครั้ง ให้เสมหะออกมาและพักโดยการหายใจเข้า-ออกช้าๆ เบาๆ ร่วมกับการดื่มน้ำอุ่น หากไม่มีข้อจำกัดควรดื่มน้ำวันละ 2 –3 ลิตร และไม่ควรไอติดต่อกันหลายครั้ง เพราะทำให้หลอดลมหดเกร็ง เกิดอาการหายใจลำบากได้
        
        การใช้เทคนิคการสงวนพลังงาน
        
        โดยพยายามทำกิจวัตรประจำวันในท่านั่งให้ได้มากที่สุด ใช้วิธีการลาก ดึง ดีกว่าการดัน เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน
        
        การนั่งขณะทำความสะอาดร่างกาย
        
        การนั่งขณะใส่ และถอดรองเท้า การใส่กางเก่งก่อนใส่เสื้อ
        
        การหลีกเลี่ยงการเอื้อมหยิบของที่สูงกว่า และการก้มหยิบของที่ต่ำกว่า
        
        การรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง เพื่อลดการเกิดไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอาการหายใจลำบาก
        
        แนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุการกำเริบของโรค
        
        เคล็ดลับการเลิกบุหรี่
        
        1.กำหนดเป้าหมายระยะเวลาให้ชัดเจน
        2.อยู่ห่างไกลจากสิ่งกระตุ้นที่ทำให้อยากบุหรี่ เช่น การดื่มชากาแฟ ไม่หมกมุ่นกับความเครียด หาเวลาออกกำลังการ และกิจกรรมอื่นๆที่ชอบ
        3.อาจใช้สารนิโคตินทดแทนในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ หมากฝรั่ง ยาสูดดม ยาอมใต้ลิ้น สเปย์ทางจมูก แผ่นแปะผิวหนัง
        
        แนะนำการมาตรวจสุขภาพและสมรรถภาพปอดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
    - - ผู้ป่วยเข้าใจและทราบความสำคัญของการมารตรวจตามนัด การติดต่อขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน รวมถึงการส่งต่อสรุปผลการรักษาและแผนการดูแลให้กับหน่วยงานอื่นที่จะรับช่วงดูแลต่อ โดยเป็นคำแนะนำเรื่องการดูแลรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง หลังจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล แหล่งข้อมูลเครือข่ายหรือแหล่งสนับสนุนทางสังคมที่สามารถเข้าถึงบริการ การ ส่งต่อ/การรักษาแบบผู้ป่วยนอก การมาตรวจตามนัด หรือส่งต่อและการเยี่ยมทัน การเรียกบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
    - - เลือกรับประทานอาหารเหมาะสมกับโรคหลีกเลี่ยงหรืองดอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
        
        หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ที่มีไนไตร์ท เป็นส่วนประกอบ เช่น กุนเชียง มาม่า หมูยอ ปลากระป๋อง เป็นต้น จะทำให้เกิดอันตรายต่อ Collagen และ Elastin ของเนื้อปอด คล้ายการเกิดกระบวนการของควันบุหรี่ ทำให้เกิดถุงลมโป่งพอง จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
        
        เลือกรับประทานอาหารไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ จะช่วยเคลื่อนอาหารในทางเดินอาหาร และย่อยง่าย
        
        ควบคุมอาหารประเภทเกลือ การรับประทานเกลือในปริมาณสูงทำให้ร่างกายดูดน้ำกลับในปริมาณสูงเกิดการคั่งของน้ำในปอดมากขึ้น ทำให้การหายใจยากขึ้น จึงสอนแนะนำผู้ป่วยและผู้ดูแลในการอ่านฉลากอาหารเพื่อดูปริมาณโซเดียมหรือเกลือในอาหาร ไม่ควรรับประทานเกิน 300 มก./มื้อ
        
        ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีก๊าซสูงหรือคาร์บอเนตสูง ได้แก่ แอปเปิล แตงโม ถั่ว กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ข้าวโพด แตงกวา หอมใหญ่ พริกไทย อาหารหมักดอง ทำให้ท้องอืด ซึ่งจะขัดขวางการเคลื่อนไหวตัวของกล้ามเนื้อกระบัง
        ลม และอาจส่งผลให้หายใจลำบากได้
        
        หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารในปริมาณมากในแต่ละมื้อ ให้แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็กๆ 5-6 มื้อ จะทำให้กระเพาะอาหารไม่แน่นเกินไป ทำให้ปอดขยายตัวไม่ดี
        
        ควรเลือกรับประทานอาหารประเภทโปรตีนสูงเพื่อเพิ่มพลังงาน บำรุงกล้ามเนื้อและกระดูก เช่น เนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย นม ไข่ เป็นต้นแต่ควรลดอาหารประเภทแป้งเพื่อป้องกันการผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายเพิ่มขึ้น
- - - - Admit 6/4 ส่งแลป CBC,BUN,E'lyte,Ca,K,FO4,Mg,LFT,DTX,lectate,PT,PTT,INR,Sputum G/S,C/S,AFB,PCR , On ET Tube PCV Mode Fio2 0.6 PEEP 5 Pi 16 RR 16 , EKG 12 lead , Proprofal IV 5 ml/hr, Nss 1000 ml IV 80 cc/hr.,Beradual MDI 2 puff ทุก 6 hr., BD low Salt (1:1) 300 ml x 4 feed , Record v/s,I/o, Tazocin 4.5 g IV ทุก 6 hr., Losec 40 mg IV ทุก 24 hr.
    - - BP drop 76/50 mmHg 06.40 น. ได้รับ nss 300 ml IV load then 1000 ml IV 100 ml/hr levophed (4:100) IV drip 5 ml/hr keep BP >90/60 MAP .= 65 hold proprofal Fever 38 c I/O 2570/800 CXR พบ Multi infiltration pneumonia UA WBC 1-2 Blood 3+ Becteria few PT 12.5 INR 1.10 Fibrinogen 605 CBC WBC 15,290 Neutrophil 84.9 Lymphocyte 10.1 LFT SGOT 64 BUN 27 Cr 1.97 K 95
    - - Hold Levophed BP 157/120 mmHg p106 RR 20 On ventilator Pi16, PEEP5, FiO2 0.4 ,0.9%nss 1,000 ml IV 80 ml/hr, CXR ,Benraduai ,Beradual MDI 2 puff ทุก 6 hr.,BUN 33,Cr 1.68, E'lyte CO2 20, Cl 110 ,sodamin1x3 tab po., Cl 105, BUN 33, Cr 1.68, CO2 18
    - - On spont mode Pi 5, PEEP 5, FiO2 0.4 ,BUN 27, Cr 1.61, E'lyte CO2 20, Cl 110, sputum AFB ลด 0.9 nss 1,000 ml IV 40 ml/hr, lung secretion sound, UA WBC 10-20, leukocyte 1+, Blood 3+, RBC 30-50 , sputum c/s normal flora, U/C No growth after 2 day , sputum AFB No act fast Bacilli Fourd , ABG PH 7.35 PO2 171, PCO2 27.9, HCO3 15
    - - On spont mode Pi 5, PEEP 5, FiO2 0.4 ,off ET tube, 0.9 nss 1,000 ml IV 40 ml/hr, On mask with bag /off , On Canular 3 LPM keep >= 94%, BUN 22, Cr 1.42, Cl 112, CO2 19, Flumacil 100 mg 1x3 po.ac , sodamint 2x3 po.pc.
- - - - สาเหตุอื่นๆ เช่น การเจริญผิดปกติของหลอดลม
      - การสูบบุหรี่ พบผู้ที่สูบบุหรี่มีโอกาสร้อยละ 20
        ที่จะเป็นโรคนี้เทียบกับผู้ไม่สูบบุหรี่
        
        ผู้ป่วยสูบบุหรี่จำนวน 2 ซอง / วันมาเป็นเวลา 15 ปี ปัจจุบันก็ยังคงสูบอยู่
      - อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ความยือดหยุ่นน้อยลง
        
        ผู้ป่วยอายุ 57 ปี เริ่มมีอายุที่มากขึ้น
      - การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
      - พันธุกรรม มักพบในคนอายุน้อย
      - มลภาวะ เช่น การหายใจเอาฝุ่น ละอองเข้าไป
        
        ผู้ป่วยทำงานกลางไร่ กลางนา ขับรถไถมีละอองฝุ่น
  - - - ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องช่วยหายใจ(accessory muscle)มากขึ้นหรือมีอาการของกล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง
      - เช่น respiratory paradox หรือ respiratory alternans, พูดไม่เป็นประโยค
      - ชีพจรมากกว่า 120 ครั้ง หรือมีภาวะ hemodynamic instability
      - มีซึม หรือสับสน หมดสติ
      - O2 sat < 90% หรือ PaO2 60 mm Hg
      - PaCO2 45 mm Hg และ pH < 7.35
      - มีอาการแสดงของภาวะหัวใจห้องขวาล้มเหลวที่เกิดขึ้นใหม่
    - - acute exacerbation ที่มีความรุนแรงน้อย
        
        เพิ่มขนาดและความถี่ของยาขยายหลอดลมชนิดพ่นหรือใช้ยาผสมระหว่าง Beta-2 agonist
        และ anticholinergic
        
        คอร์ติโคสตีรอยด์ ให้พิจารณาเป็นราย ๆ โดยให้
        เป็น prednisolone ขนาด 20-30 มิลลิกรัมต่อวัน นาน 5-7 วันยาต้านจุลชีพ ให้พิจารณาเป็นราย ๆ โดยให้เป็นชนิดรับประทาน นาน 7-10 วัน
      - acute exacerbation รุนแรง
        
        กำรให้ออกซิเจน ควรให้ cannula โดยตั้งอัตราการไหล 1-3 ลิตร/นาที
        
        ผู้ป่วย on mask with bag จากรพช และพบว่า SpO2 = 88% มีอาการเหนื่อยหอบ จาก refer มาสปร. ใส่ท่อช่วยหายใจ no 7.5 Mark 22 Pi16 PEEP 5 Fio2=0.6 วันที่ 4 Off tube on mask with bag 10 LPM จากนั้นเป็น cannular 3 LPM
        
        ยาขยายหลอดลม
        
        2.1 ควรใช้ Beta-2 agonist หรือ Beta-2 agonist ร่วมกับ anticholinergic
        
        Beradual MDI 2 puff ทุก 6 hr
        
        2.2 Xanthine derivatives
        
        คอร์ติโคสตีรอยด์
        
        ยาต้านจุลชีพ
        
        Tazocin 4.5 g IV ทุก 6 hr
    - - ผู้ป่วยมีอาการกำเริบจาก COPD มีอาการหอบเหนื่อย กระสับกระส่าย ไอ มีเสมหะลักษณะสีขาวขุ่น ผู้ป่วยหอบมากขึ้นจึงต้องมารักษาที่รพช.
    - - อัตราการหายใจมากกว่า 26 คร้ัง / นาที หรือมีอาการหอบเหนื่อยขณะพัก
        
        ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อย R 30/min และมีอาการหอบเหนื่อยขณะนอนพักและ On mask with bag มีอาการลุกขึ้นมานั่ง
      - อตัราชีพจรมากกวา่ 110 คร้ัง / นาที
        
        Pulse 110 / min
      - มีการใช้กล้ามเนื้อเสริมการหายใจ
      - peak expiratory flow rate ( PEFR ) < 100 ลิตร / นาที
  - - - ผู้ป่วยมีลักษณะของปอดที่เคาะแล้วจะโปร่งได้ยินเสียงก้อง
    - - ผู้ป่วยกลุ่ม pink puffer
        
        เป็นพวกที่มีอาการของโรค Pulmonary emphysema ผู้ป่วยมักมี
        รูปร่างผอม และมีอาการหอบเป็นสำคัญ แต่ไอไม่มากตรวจร่างกายจะไม่ค่อยพบ central cyanosis และ มักจะมีทรวงอกลักษณะ hyperinflation การตรวจระดับก๊าซในหลอดเลือดแดงมัก มีค่า PaO2 และ PaCO2 อยู่ในเกณฑ์ปกติยกเว้นในภาวะ acute exacerbation อาจมีค่าPaO2 ต่ำได้
        
        ผู้ป่วยมีรูปร่างผอม น้ำหนัก 50 kg สูง 165 cm ผู้ป่วยมีอาการหอบก่อนมาโรงพยาบาลและขณะอยู่โรงพยาบาลมีหอบเล็กน้อย มีไอเสมหะสีขาวขุ่น ค่า PaO 2 = 171 , PaCo2 = 27 ซึ่งเป็น Compansated แล้วจึงทำให้ค่ามีลักษณะตรงข้ามกับทฤษฎี
      - ผู้ป่วยกลุ่ม blue bloater
        
        มีอาการไอมาก ตรวจ ร่างกายจะพบ central cyanosis อาจมีหน้าแข้งบวมและ jugular venous pressure สูง บางรายมี ascites การตรวจระดับก๊าซในหลอดเลือดแดงมัก มีค่า PaO2 ต่ำ
        และ PaCO2 สูง , pH อยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้น พวกที่มี acute exacerbation อาจมีค่าPaCO2 สูง ร่วมกับ pH
        ต่ำได้
  - - - หายใจเหนื่อย
        
        ผู้ป่วยมีหายใจหอบเหนื่อย ร่วมกับกระสับกระส่าย
      - อาการไอเรื้อรัง
        
        ผู้ป่วยมีอาการไอ
      - มีเสมหะ
        
        ผู้ป่วยมีเสมหะสีขาวขุ่น
      - มีประวัติของการสัมผัมกับปัจจัยเสี่ยงของโรค COPD
        
        ควันพิษ
        
        ผู้ป่วยทำงานกลางไร่ กลางนามีฝุ่นควันรบกวนทางเดินหายใจ
        
        สารเคมี
        
        บุหรี่
        
        ผู้ป่วยสูบบุหรี่ 2 ซอง / วัน เป็นเวลา 15 ปี
      - มีคนในครอบครัวเคยเป็น COPD
      - ประวัติของการเกิดอาการหอบกำเริบ (exacerbation)
        
        ผู้ป่วยเคยมีอาการหอบขณะทำงานบ่อยๆ
      - ประวัติโรคประจำตัวร่วมของผู้ป่วย (comorbidities)
        
        ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็น TB ประมาณ 12 ปี และเป็น COPD มาประมาณ 10 ปี
      - ถามหาผลของโรค COPD ที่มีต่อชีวิตของผู้ป่วย
        
        ขณะทำงานผู้ป่วยมักจะเหนื่อยหอบ
    - - A.P. diameter เพิ่มขึ้น ทรวงอกรูปร่างคลา้ยถังเบียร์(barrel chest )
      - การฟังเสียงลมเข้าปอด จะพบเสียงหวีดหวือหรือเสียงอื่นแทรก หรือมี hyperventilation
        
        จากการตรวจปอดได้ยินเสียง Wheezing
      - ร่างกายเขียวคล้า เนื่องจากเลือดพร่องออกซิเจน มีความอิ่มตัวออกซิเจนต่ำ
      - การขยายของทรวงอกขณะหายใจเข้าออกลดลง กระบังลมแบนต่ำลง มีช่องว่าง ใต้กระดูกยอดอกและทางดา้นหลงัเพิ่มข้ึน
      - การเคาะทรวงอก จะพบช่วงการเคลื่อนไหวของกระบังลมส้ันกว่าปกติเคาะได้เสียงก้องทั่วทรวงอก บริเวณทึบที่หัวใจจะแคบ และเสียงทึบของตับต่ำกว่าตำแหน่งปกติ
      - ลูกกระเดือกเคลื่อนที่มากกว่าปกติเกิดจากขณะหายใจเข้าหลอดลมถูกดึงลงมากกว่า
        ปกติประกอบกบักระดูกหนา้อกถูกยกสูงขึ้นจึงมองเห็นลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลงตามการหายใจ
      - ตรวจร่างกายผู้ป่วย
        
        Heart : regular rhythm, normal S1S2 no murmur
        
        Lung : occasional wheezing,crepitation Lt lung
        
        CXR : Reticulonodular infiltrat LUL
        
        Abd : flat contour, tender at epigastrum,no rebound, no garding
        
        Ext : No pitting edema
    - - CXR
        
        ในผู้ป่วย emphysema อาจพบลักษณะของ hyperinflation
        (กระบังลมแบนราบและหัวใจมีขนาดเล็ก)
        
        CXR - Reticulonodular infiltrate
        
        ในผู้ป่วย cor pulmonale จะพบหัวใจห้องขวาและ pulmonary trunk มีขนาดโตชึ้น และperipheral vascular marking ลดลง
    - - PH 7.35 PO2 171, PCO2 27.9, HCO3 15