Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4 ปรสิตวิทยาทางการเเพทย์ - Coggle Diagram
บทที่ 4 ปรสิตวิทยาทางการเเพทย์
ปรสิตวิทยา (parasitology) คือ วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับตัวปรสิต (parasite)และผลที่เกี่ยวเนื่องต่อโฮสต์ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรสิตอาศัยอยู่
การจัดกลุ่มปรสิตตามตำแหน่งที่พบในร่างกายโฮสต์
Ectoparasite คือปรสิตที่อาศัยอยู่ตามผิวนอกของร่างกายโฮสต์
Endoparasite คือปรสิตที่อาศัยอยู่ในอวัยวะต่างๆ ของโฮสต์
Intra-cellular parasite คือปรสิตที่จะมีการเจริญเติบโตและพัฒนาไปตามวงจรชีวิตได้จำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในเซลล์ของโฮสต์
การจัดกลุ่มปรสิตตามลักษณะชีวภาพ และสรีรวิทยาของปรสิต
Obligate parasite คือปรสิตที่จำเป็นต้องอาศัยอยู่กับโฮสต์ตลอดเวลา
Facultative parasite คือปรสิตที่สามารถเจริญเติบโตแพร่พันธุ์ได้ทั้งในและนอกร่างกายโฮสต์
Accidental parasite คือปรสิตที่เข้าไปอยู่ในโฮสต์ซึ่งไม่ใช่โฮสต์ปกติของปรสิตชนิดนั้นๆ แต่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน
Opportunistic parasite คือปรสิตซึ่งปกติไม่ก่อให้เกิดโรคในคน แต่สามารถปรับตัวและก่อให้เกิดโรคในคนได้
วัฏจักรชีวิต
วงจรชีวิตโดยตรง: เพียงหนึ่งโฮสต์ (ไม่มีโฮสต์ระดับกลาง)
วงจรชีวิตทางอ้อม : วงจรชีวิตที่มีมากกว่าหนึ่ง
โฮสต์ (โฮสต์ระดับกลางและโฮสต์สุดท้าย)
ประเภทของโฮสต์
โฮสต์จำเพาะ (definitive host) คือสิ่งมีชีวิตที่ปรสิตระยะตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งตัวปรสิตจะมีการเจริญเติบโตสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (sexual reproduction)
โฮสต์กึ่งกลาง (intermediate host) เปลี่ยนแปลงรูปร่างจากระยะหนึ่งไปเป็นอีกระยะหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงระยะตัวเต็มวัย
โฮสต์พาราเทนิก (paratenic host) คือสิ่งมีชีวิตที่ปรสิตเข้าไปอาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อ โดยไม่มีการเพิ่มจำนวน สำหรับเป็นที่พักเพื่อรอเวลาเข้าสู่โฮสต์
โฮสต์ส่งผ่าน (transport host) คือสิ่งมีชีวิตที่ปรสิตเข้าไปอาศัยอยู่ที่ผิวหนัง ขน ผม หรือช่องว่างในลำตัว โดยที่ปรสิตไม่มีการเจริญเติบโต
โฮสต์กักตุน (reservoir host) คือโฮสต์ที่ปรสิตเข้าไปอาศัยอยู่และเจริญเติบโตถึงวัยเจริญพันธุ์ โฮสต์นี้สามารถสร้างภูมิต้านทานต่อโรคที่เกิดจากปรสิตนั้นๆ
พาหะ (vector) คือสิ่งมีชีวิตซึ่งนำปรสิตไปสู่โฮสต์ใหม่ โดยปรสิตมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและเพิ่มจำนวน หรืออย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่ร่างกายโฮสต์
โฮสต์โดยบังเอิญ (accidental host) คือโฮสต์ซึ่งไม่ใช่โฮสต์ปกติของปรสิตนั้น แต่ติดเชื้อโดยบังเอิญ
Carriers คือโฮสต์ที่เมื่อได้รับปรสิตเข้าไปแล้ว มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นจนสามารถทำลายให้ปรสิตลดจำนวนลงได้
แหล่งที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อปรสิต
คนหรือสัตว์ที่เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อปรสิตสู่สิ่งแวดล้อม ได้แก่ patient, carriers และreservoir host
สิ่งแวดล้อมที่มีปรสิตอยู่ (ดิน น้ำ อากาศ)
อาหารหรือน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อนของปรสิต
แมลงที่เป็นพาหะนำโรค
การติดต่อเข้าสู่ร่างกาย
การกินระยะติดต่อ (ingestion) เช่น กินซีสต์ ตัวอ่อนหรือไข่พยาธิ
การไชผ่านผิวหนัง (skin penetration)
การหายใจ (inhalation)นำไข่ระยะติดต่อเข้าสู่ร่างกาย เช่น ไข่พยาธิเข็มหมุด
การส่งผ่านรก (transplacental transmission) สามารถเดินทางผ่านรกไปยังเด็กในครรภ์ได้ เช่น Toxoplasma gondii
การร่วมเพศ (sexual transmission) เช่น พยาธิ Trichomonas vaginalis
การติดเชื้อในตนเอง (autoinfection) คือการติดเชื้อที่เกิดขึ้นเองในร่างกายโฮสต์
การติดเชื้อซ้ำ (Reinfection) คือการที่โฮสต์มีการติดเชื้อปรสิตชนิดนั้นอยู่แล้ว และได้รับปรสิตนั้นเข้าไปอีก
โปรโตซัวในลำไส้ที่ก่อให้เกิดโรคเเละฉวยโอกาส
Entamoeba histolytica เป็นอะมีบาที่ทำให้เกิดโรคบิดมีตัว พบบ่อยในเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อน ติดต่อคนโดยการกิน
ปรสิตมี 2 ระยะ คือ ระยะซีสต์และระยะโทรโฟซอยต์
Cryptosporidium parvum จัดเป็นปรสิตฉวยโอกาสที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงที่เรียกว่า cryptosporidiasis ในคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องพบปรสิตเข้าไปเจริญเติบโตแบ่งตัวในไมโครวิลไล (microvilli)ติดเชื้อโดยการกิน
วินิจฉัยโดยการตรวจอุจจาระ
Cystoisospora belliทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วงเรื้อรังก่อโรคทั้งคนปกติและในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องติดต่อได้ทาง fecal-oral routeความชุกของการติดเชื้อนี้ในผู้ป่วยเอดส์พบร้อยละ 0.2-2 ในประเทศไทยพบร้อยละ 8
โปรโตซัวในกระเเสเลือด
malaria โรคที่เกิดจากปรสิตที่ถ่ายทอดสู่มนุษย์จากยุงก้นปล่องตัวเมียที่ติดเชื้ออาการต่างๆ ได้แก่ มีไข้ หนาวสั่น และมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ (ไข้เลือดออกซ่าส์)หากปล่อยไว้ไม่รักษา จะมีอาการรุนแรง ภาวะแทรกซ้อนอาจทำให้เสียชีวิตได้
พยาธิตัวกลมในลำไส้
Ascaris lumbricoides เป็นพยาธิตัวกลมขนาดใหญ่ที่สุดทำให้เกิดโรคพยาธิไส้เดือน หรือ แอสคาริเอสิส (ascariasis) พบได้ทุกเพศทุกวัย พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ติดเชื้อโดยการกินไข่พยาธิที่ปนเปื้อนในผักสดหรือน้ำดื่มพยาธิตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในสำไส้เล็ก (small intestine) ถ้ามีพยาธิมากเกินไปจะทำให้เกิดการอุดตันของลำไส้
พยาธิปากขอ (Hookworm) ทำให้เกิดโรคพยาธิปากขอของคน (hookworm disease)มีสาเหตุจากการติดเชื้อ Necator americanusและ Ancylostoma duodenaleติดเชื้อโดยการไชของพยาธิตัวอ่อนเข้าสู่ผิวหนังพยาธิตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก
ลักษณะไข่ของพยาธิ
มีลักษณะรูปกลมรี (Oval shape) คล้ายรูปไข่ เปลือกบางใส หัวมนท้ายมน จะพบมีตัวอ่อนที่แบ่งตัวออกเป็นหลายเซลล์อยู่ภายใน
พยาธิเส้นด้าย (S. stercoralis) ทำให้เกิดโรคstrongyloidiasisเป็นพยาธิตัวกลมเพียงชนิดเดียวที่สามารถเจริญเป็นตัวเต็มวัยได้ทั้งในร่างกายและนอกร่างกาย พยาธิตัวเต็มวัยฝังตัวอยู่ในเยื่อบุลำไส้เล็กติดต่อโดยการไชเเละการกิน ติดเชื้อจะมีอาการคัน ลมพิษ
การตรวจวินิจฉัยพยาธิเส้นด้าย ตรวจหาตัวอ่อนระยะ rhabditiform larva ในอุจจาระ
พยาธิเข็มหมุด (Enterobius vermicularis) ทำให้เกิดโรคพยาธิเข็มหมุด(enterobiasis) ติดต่อโดยการกินไข่พยาธิระยะพยาธิเข็มหมุดติดกันง่ายจากการใช้เสื้อผ้าร่วมกัน ถึงแม้เป็นแค่เพียงคนเดียวก็ต้องรักษาทั้งครอบครัว พยาธิตัวเต็มวัยอยู่ในลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
ลักษณะไข่ของพยาธิ
รูปร่างรี ด้านหนึ่งโค้งนูนอีกด้านแบนราบ (asymmetrically flattened)คล้ายรูปตัว "D" ขนาด 20-32 x 50-60 ไมโครเมตร เปลือกไข่เรียบใสไม่มีสีและหนา ภายในมีตัวอ่อน
การตรวจวินิจฉัย ตรวจหาไข่พยาธิได้ด้วยวิธี Scotch tape technique
พยาธิแส้ม้า (Trichuris trichiura)ทำให้เกิดโรคพยาธิแส้ม้า หรือ โรคtrichuriasisติดเชื้อโดยการกินไข่พยาธิที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและน้ำดื่มพยาธิตัวเต็มวัยฝังตัวอยู่ในล าไส้ใหญ่ส่วนปลาย
อาการ
ถ้ามีพยาธิจำนวนน้อย มักไม่มีอาการหรือมีอาการปวดท้อง ถ้ามีพยาธิจำนวนมาก ทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างเรื้อรัง ปวดเบ่ง และมีเลือดออกมาในอุจจาระลง ในบางกรณีเป็นรุนแรงมากจะมีลำไส้ส่วนปลายปลิ้นออกมา (rectalprolapse)
มีรูปร่างคล้ายถังเบียร์ มีจุกหรือปลั๊กอยู่ที่ขั้วไข่ทั้งสองข้าง (bipolar plugs) ขนาด 22-24x 50-54 ไมโครเมตร เปลือกมี 2 ชั้น ชั้นนอกเรียบ หนา มีสีน้ำตาลหรือน้ำตาลปนดำ
พยาธิตัวแบน
Fasciolopsis buski (F. buski)เป็นพยาธิใบไม้ลำไส้ขนาดใหญ่ที่สุดของคนทำให้เกิดโรคfasciolopsiasisติดต่อโดยการกินตัวอ่อนพยาธิระยะ metacercaria ที่เกาะอยู่บนพืชน้ำ เช่น กระจับ แห้ว ผักบุ้ง สายบัว ตัวเต็มวัยเกาะอยู่ที่ผนังลำไส้เล็กส่วนต้นและส่วนกลาง ถ้ามีพยาธิมากเกินไปจะทำให้ลำไส้อุดตัน
O. viverrini ทำให้เกิดโรคพยาธิใบไม้ตับ ติดต่อโดยการกินปลาดิบๆ ที่มีตัวอ่อน metacercaria พบพยาธิตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในระบบทางเดินน้ำดี ได้แก่ ท่อน้ำดีและถุงน้ำดี
พยาธิใบไม้ในปอดที่สำคัญทางการแพทย์ที่ทำให้เกิดโรคในคน 2 ชนิด คือParagonimus westermani และ Pararagonimus heterotremus ติดต่อเข้าสู่คนโดยการกินพยาธิตัวอ่อนระยะ metacercaria
พบพยาธิเต็มวัยอาศัยอยู่ในแขนงหลอดลมปอด บางครั้งพบอยู่ในตับ ม้าม และอวัยวะอื่นๆ
พยาธิตัวตืด
ลักษณะทั่วไปของพยาธิตืดตัวเต็มวัยเป็นพยาธิตัวแบนคล้ายริบบิ้น ยืดหยุ่นได้ ขนาดแตกต่างกัน มีส่วนประกอบ ดังนี้ ส่วนหัว คอ ปล้อง บางชนิดมีเพียง 3-4 ปล้อง บางชนิดอาจมีมาก มีระบบกล้ามเนื้อที่เจริญมาก หลายชั้น ไม่มีระบบทางเดินอาหาร แต่มีระบบขับถ่าย ระบบสืบพันธุ์ ทุกปล้องจะเป็นกะเทย คือมีทั้งสองเพศอยู่ในปล้องเดียวกัน มีระบบประสาทที่เจริญมาก เชื่อมโยงจากส่วนหัวและทุกปล้อง
พยาธิตืดหมู (poke tapeworm) คนติดเชื้อได้จากการรับประทานเนื้อหมูที่มีเม็ดสาคูซึ่งเป็นที่อยู่ของพยาธิตัวตืดโดยไม่
ปรุงให้สุกก่อน หรือปรุงสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบ หมูดิบ พล่าหมูดิบ ทำให้เกิดโรคพยาธิตืดหมูในลำไส้ (Taeniasis solium) หรือรับประทานผักสดที่ล้างไม่สะอาด และมีไข่ของ พบได้ทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มประชากรที่กินเนื้อหมูเป็นอาหาร พบได้บ่อยในประเทศเม็กซิโก ลาติน อเมริกัน จีน
พยาธิสภาพ อาจทำให้เกิดโรคทีนิโอสิส (taeniosis) และโรคซีสติเชอร์โคสิส (cysticercosis)
การตรวจวินิจฉัย การตรวจอุจาระอาจจะพบปล้องและไข่ของพยาธิ แต่มักจะพบหลังจากการได้รับ
ไข่พยาธิไปแล้ว 3 เดือน
พยาธิตืดวัว (beef tapeworm) ทำให้เกิดโรค taeniasis saginata หรือ beef tapeworm infection หรือ Taeniasaginata infection พบได้ทั่วโลก ติดต่อโดยการรับประทานเนื้อวัวที่มีตัวอ่อนระยะติดต่อหรือเม็ดสาคูเข้าไปโดยที่ไม่ปรุงอาหารให้สุกก่อนหรือปรุงสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบเนื้อดิบ หรือรับประทานผักสดที่ล้างไม่สะอาดและมีไข่พยาธิอยู่ทำให้เกิดการติดโรคพยาธิตืดวัว
การตรวจวินิจฉัย
ตรวจหาไข่หรือปล้องสุกในอุจจาระ
นับแขนงของมดลูกโดยการฉีด India ink เข้าไป หรือโดยการย้อมสีเพื่อแยกจากพยาธิตืดหมู