Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Pneumonia
(ปอดบวม) - Coggle Diagram
Pneumonia
(ปอดบวม)
-
ปัจจับเสี่ยง
-
2.น้ำหนักแรกเกิดน้อย (ต่ำกว่า 2,500 กรัม)
-
-
5.มีปัญหาเกี่ยวกับโรคปอด เช่น โรคหอบหืด , bronchopulmonary dysplasia
-
7.มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท ทำให้มีการคั่งของเสมหะ เนื่องจากไม่สามารถขับเสมหะออกจากทางเดินหายใจได้
-
วินิจฉัย
- การซักประวัติ
รวมทั้งอาการและอาการแสดง โดยมีอาการสำคัญ ได้แก่ ไข้ ไอ หอบ อาจมีภาวะ หรือ หยุดหายใจ อ่อนเพลีย กินอาหารได้น้อย ประวัติที่ควรซักถามเพิ่ม ได้แก่ โรคประจำตัว
ความเจ็บป่วยในอดีตที่เกี่ยวกับระบบหายใจ
- การตรวจร่างกาย
2.1 หายใจเร็ว หมายถึง การนับหายใจใน 1 นาทีเต็ม และได้ค่ามากกว่าค่าปกติ
2.2 ไข้ โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี มักมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
2.3 มีอาการหายใจลำบาก ได้แก่ อกบุ๋มเวลาหายใจเข้า ปีกจมูกบาน มีการใช้กล้ามเนื้อพิเศษช่วยในการหายใจ มีการหดรั้งของกล้ามเนื้อบริเวณ suprasternal, subcostal,xiphisternum และ intercostal, ในทารกอายุน้อยอาจพบเสียง grunting เป็นตัน
2.4 ฟังเสียงหายใจได้เสียง fine หรือ medium crepitation, sonorous rhonchi และเสียงวี๊ด อาจ
ฟังได้เสียงหายใจค่อยลงในช่วงแรก แต่ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด หรือภาวะปอดแฟบ จะได้ยินเสียงหายใจเบาลง และเสียงก้องกังวานที่ได้จากการฟังเบาลง
2.5 ในเด็กเล็ก อาจมีอาการซึม หยุดหายใจเป็นพักๆ ซึ่งเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อในกระแส
โลหิต
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยวิธีตรวจ complete blood count (CBC) โดยทั่วไปไม่สามารถใช้แยกเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคปอดได้ แต่ถ้าค่าเม็ดเลือดขาวสูงกว่า 15,000 เซลล์/ลูกบาศก์มิลลิเมตร พบว่ามีแนวโน้มที่อาจเกิดจากเชื้อแบคที่เรีย
- การถ่ายภาพรังสีทรวงอก ไม่จำเป็นต้องทำทุกราย แต่ควรทำในกรณีที่สงสัยว่าจะมีภาวะแทรก
ซ้อน เช่น มีน้ำหรือมีหนองในช่องเยื่อหุ้มปอด และโดยทั่วไปภาพถ่ายรังสีทรวงอกไม่สามารถแยกโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสและแบที่เรีย ยกเว้นในกรณีที่เป็น lobar consolidation และ pneumatocele ซึ่งพบในปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ส่วนปอดบวมจากเชื้อไวรัสมักพบ hyperinflation ร่วมกับ bilateral inter-stitial infiltration
- การตรวจอื่น ๆ เช่น การย้อมสีจากเสมหะ หรือสารคัดหลั่งจากคอหอยส่วน nasopharynx การส่ง
ตรวจน้ำจากช่องเยื่อหุ้มปอด เป็นต้น
สาเหตุ
- ไวรัส เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี โดยในเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี เกิดจากการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนต้นนำมาก่อน ต่อมาเชื้อโรคจะเข้าไปทำลายเยื่อบุของหลอดลมเล็กและหลอดลมฝอย พบร้อยละ 90 เชื้อที่พบ ได้แก่ RSV, influenza virus type A, parainfluenza type 1, 2, และ adenovirus Streptococcus
- แบคที่เรีย ที่พบบ่อย ได้แก่ group B streptococcus, Staphylococcus aureus,pneumoniae,Haemophilus influenzae type B ปัจจุบันสาเหตุจากเชื้อ Streptococcus pneumonia และHaemophilus influenzae type B อาจลดลงเนื่องจากมีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อดังกล่าว
- เชื้ออื่นๆ เช่น Mycoplasma pneumoniae, Chlamydia pneumoniae
การรักษา
1.การรักษาทั่วไป
1.1 ให้ออกซิเจนในรายที่มีการหายใจเร็ว หายใจหอบ เขียว
1.2 ให้สารน้ำให้เพียงพอ แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆในรายที่มีอาการหอบมากพิจารณาให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ และงดให้อาหารทางปากเพื่อป้องกันการสำลัก
1.3 ให้ยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ ยาลดไข้
1.4 ทำกายภาพบำบัดทรวงอก
1.5 กรณีที่มีภาวะหยุดหายใจ ให้พิจารณาใส่ท่อทางเดินหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ
- การรักษาเฉพาะ
ให้ยาปฏิชีวนะในรายที่มีอาการรุนแรงหรือสงสัยว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย กลุ่มยารับประทานที่ให้ เช่น amoxicillin กลุ่มยาฉีด เช่น ampicillin, gentamicin หรือ ceftraiaxone
พยาธิ
โรคปอดบวมที่เกิดจากเชื้อไวรัส มักเกิดภายหลังการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน พยาธิสรีรภาพมักเป็นชนิด interstitial pneumonia ลักษณะการอักเสบเป็นแบบ patchy infiltration ทั่วทั้งกลีบปอด อาจกระจายไปข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง มีการทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ มีอาการบวม มีการสร้างเสมหะมากผิดปกติ ผนังถุงลมบวม หนาตัวขึ้นและมีการแทรกซึมด้วยกลุ่มเซลล์เม็ดเลือดขาว เช่น lymphocytes เชื้อไวรัสบางตัวอาจทำให้เกิดการเน่าสลายของผนังหลอดลมและถุงลม ผลที่ตามมาทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจและส่งผลให้การแลกเปลี่ยนก๊าซบกพร่อง
การพยาบาล
การดูดเสมหะ
1.ใช้เครื่องมือดูดเสมหะให้ใช้เทคนิคปราศจากเชื้อโรค เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- เมื่อจะดูดเสมหะ ควรดูดเสมหะในจมูกก่อน แล้วจึงค่อยมาดูดในปาก
3.เมื่อดูดเสมหะต้องสังเกตอาการและอาการแสดงของผู้ป่วยว่ามีอาการเหนื่อยหรือหายใจไม่ทันหรือไม่
4.จัดท่าผู้ป่วยให้ศีรษะต่ำ ใช้หมอนรองบริเวณไหล่และหลัง แล้วจึงดูดเสมหะ เพื่อให้เสมหะเป็นแนวโน้มถ่วงไหลออกมาจะได้ไม่มีการตกค้างของเสมหะ เนื่องจากเสมหะของผู้ป่วยอยู่บริเวณด้านล่างของปอด
กรณีศึกษา
ชื่อ ผู้ป่วยเด็กชายไทย อายุ 3 เดือน 28 วัน
การวินิจฉัยโรคแรกรับ : Pneumonia ( ปอดบวม )
การวินิจฉัยโรคล่าสุด : Viral Pneumonia ( ปอดบวมจากการติดเชื้อไวรัส )
สาเหตุของผู้ป่วย
-ผู้ป่วยอายุ 3 เดือน 28 วัน
-แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น Viral Pneumonia
-มารดามีประวัติเป็นโควิด ตอนตั้งครรภ์ 6 เดือน ทำให้ปอดของผู้ป่วยอาจจะมีเชื้อไวรัส
การตรวจวินิจฉัยผู้ป่วย
1.ซักประวัติ
-มีประวัติเป็นไข้ มีน้ำมูก ตาแฉะ ก่อนมา admit ครั้งนี้
admit ครั้งนี้ มารดาให้ประวัติ
-หายใจหอบเหนื่อย
-หายใจเร็ว
-หายใจแรง
-ซึม
-กินนมน้อยลง
-อกบุ๋ม
-มีเสมหะสีเขียว
2.ตรวจร่างกาย
-อกบุ๋มเล็กน้อย
-หายใจหอบเหนื่อย
-หายใจเร็ว
-เสมหะเยอะ สีเขียว
-ฟังปอด พบ Wheezing both lung
3.ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
-WBC สูง 18.90x10*3/uL
-X-ray ทรวงอก พบฝ้าขาว
-
-
-
-
-
-
โรคที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อปอด ซึ่งประกอบด้วยหลอดลมฝอยส่วนปลาย ถุงลม ตลอดจนเนื้อเยื่อโดยรอบ เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของโรคติดเชื้อในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี