Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กฏหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้อง - Coggle Diagram
กฏหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้อง
การอนุรักษ์พลังงาน
การผลิตและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เเละจะประหยัดการอนุรักษ์พลังงานนอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นการประหยัด
เเนวทางการอนุรักษ์พลังงาน
การใช้พลังงานอย่างประหยัดเเละคุ้มค่าโดยการสร้างค่านิยมเเละจิตสำนึกการใช้พลังงานการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าจะต้องมีการวางเเผนเเละควบคุมการใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพเเละเกิดประโยชน์สูงสุดมีการลดการสูญเสียพลังงานทุกขั้นตอน นอกจากนี้การเลือกใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 หลอดไฟตะเกียบประหยัดไฟ เป็นต้น
นโยบายพลังงานของประเทศไทย
ดำเนินการให้นโยบายด้านพลังงานทดเเทนเป็นวาระเเห่งชาติ โดยสนับสนุนการผลิตเเละการใช้พลังงานทดเเทน โดยเฉพาะการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพเเละชีวมวล โดยสนับสนุนให้มีการผลิตและใช้พลังงานหมุนเวียนในระดับชุมชน หมู่บ้าน ภายใต้มาตราการสร้างเเรงจูงใจที่เหมาะสม รวมทั้งสนับสนุนการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคขนส่งให้มากขึ้น
ส่งเสริมการจัดหาและการใช้พลังงานที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยกำหนดมาตราฐานต่างๆ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดโครงการกลไกลพัฒนาพลังงานที่สะอาด
กำกับดูเเลราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มีเสถียรภาพ เเละเป็นธรรมต่อประชาชนโดยกำหนดโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงที่เหมาะสม เเละเอื้อต่อการพัฒนาพืชพลังงาน รวมทั้งสะท้อนต้นทุนที่เเท้จริงมากที่สุด
พัฒนาพลังงานให้ประเทศไทยสามารถพึ่งตนเองได้มากขึ้น โดยจัดหาพลังงานให้เพียงพอมีเสถียรภาพด้วยการเร่งสำรวจเเละพัฒนาเเหล่งพลังงานประเภทต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศเเละต่างประเทศและเร่งให้มีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในระดับรัฐบาลเพื่อร่วมพัฒนาเเหล่งพลังงาน
ส่งเสริมการอนุรักษ์และประหยัดพลังงาน ทั้งในภาคครัวเรือน อุตสาหกรรม บริการ เเละขนส่ง โดยรณรงค์ให้เกิดวินัยและสร้างจิตสำนึกในการประหยัดพลังงาน เเละสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการวิจัยพัฒนาและกำหนดมาตราฐานอุปกรณืไฟฟ้าและมาตราฐานอาคารประหยัดพลังงาน ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน และการขนส่งระบบราง เพื่อให้มีการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
1) กฎหมายสิ่งเเวดล้อม
กฎหมายประเภทหนึ่งโดยตราขึ้นเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นหลักเเละเยียวยาความเสื่อมโทรมเเห่งสุขภาพทั้งของมนุษย์และอมนุษย์ เพื่อให้การดำเนินงานควบคุมและรักษาคุณภาพสิ่งเเวดล้อมในประเทศไทยมีผลมากยิ่งขึ้นไดีมีประกาศใช้กฏหมายหลายฉบับใน พ.ศ.2536 ซึ่งเป็นการปรับปรุงกฏหมายฉบับเก่าที่มีมานานเเล้วให้ทันสมัยและมีบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนเพิ่มมากยิ่งขึ้น
พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535
พระราชบัญญัติฉบับนี้ยกเลิก พระราชบัญญัติการสาธารณสุขฉบับที่มีใช้มาเเต่ พ.ศ.2527 เเละพระราชบัญญัติควบคุมการใช้อุจจาระและปุ๋ยที่มีใช้มาเเต่ พ.ศ.2497 โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการ ในกฏหมายได้ให้คำจำกัดความของ ของเสียไว้ 2 ชนิด คือ "สิ่งปฏิกูล" หมายความว่า "อุจจาระ หรือปัสสาวะและหมายความรวมถึงสิ่งอื่นใดซึ่งเป็นสิ่งโสโครกหรือกลิ่นเหม็น"
"มูลฝอย" หมายความว่า "เศษกระดาษ เศษผ้า เศษอาหาร เศษสินค้า ถุงพลาสติก ภาชนะใส่อาหารมูลสัตว์หรือซากสัตย์ รวมตลอดถึงสิ่งอื่นใดที่เก็บจากถนน ตลาด ที่สัตว์เลี้ยง หรือที่อื่นกฎหมายแบ่งออกเป็น 16 หมวด
3.1 บททั่วไป
3.2 คณะกรรมการสาธารณสุข
3.3 กำจัดสิ่งปฏิกูลและขยะมูลฝอย
3.7 กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
3.8 ตลาด
3.6 การควบคุมการเลี้ยงสัตว์หรือปล่อยสัตว์
3.9 การจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ
3.5 เหตุรำคาญ
3.10 อำนาจของเจ้าพนักงานท้องถิ่นเเละเจ้าพนักงานสาธารณสุข
3.4 สุขลักษณะของอาคาร
3.13 อัตราธรรมเนียมค่าปรับ
3.15 บทกำหนดโทษ
3.12 ใบอนุญาติ
3.16 บทเฉพาะกาล
3.11 หนังสือรับรองการแจ้ง
3.14 การอุทธรณ์
1.พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งเเวดล้อมเเห่งชาติ พ.ศ.2535
1.2 กองทุนสิ่งแวดล้อม
1.3การคุ้มครองสิ่งเเวดล้อม
1.1คณะกรรมการสิ่งเเวดล้อมเเห่งชาติ
1.7 บทกำหนดโทษ
พระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2535 โดยยกเลิกฉบับเก่าซึ่งมีใช้มาตั่งแแต่ พ.ศ.2522 เเละใช้หลักว่าบุคคลที่ก่อให้เกิดภาวะมลพิษต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพื่อการขจัดมลพิษนั้น
1.4 การควบคุมมลพิษ
1.5 มาตราการส่งเสริม
1.6 ความรับผิดทางเเพ่ง
2.พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535
2.1 การประกอบกิจการโรงงาน
ก.ประเภทของโรงงาน แบ่งประเภทของโรงงานได้ 3 ประเภท
โรงงานประเภทที่ 1 ได้เเก่ โรงงานประเภท ชนิด และขนาดที่สามารถประกอบกิจการโรงงานได้ทันที ใช้เครื่องจักรไม่เกิน 20 เเรงม้า หรือคนงานไม่เกิน 20 คน
โรงงานประเภทที่ 3 ได้เเก่ โรงงานประเภท ชนิด เเละขนาดที่การตั้งโรงงาน จะต้องได้รับอนุญาติก่อน จึงจะดำเนินการได้(ใบอนุญาติ 5 ปี) มีเครื่องจักรเกิน 50 เเรงม้า หรือคนงานเกิน 50 คน
โรงงานประเภทที่ 2 ได้เเก่ โรงงานประเภท ชนิด และขนาดที่เมื่อจะประกอบกิจการโรงงานต้องเเจ้งให้ผู้อนุญาติ(กรมโรงงานอุตสาหกรรม) มีเครื่องจักรไม่เกิน 50 เเรงม้า หรือคนงานไม่เกิน 50 คน
ข. กำหนดมาตราฐาน เเละวิธีการควบคุมการปล่อยของเสียมลพิษ หรือสิ่งใดๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งเเวดล้อม ซึ่งเกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงงาน
ค. การขยายโรงงาน ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาติประกอบกิจการโรงงาน (โรงงานประเภทที่3) ขยายโรงงานเว้นเเต่ได้รับอนุญาติจากผู้อนุญาติ
ง. ประกาศให้ท้องที่ใดเป็นเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมการกำหนดเขตประกอบอุตสาหกรรม โดยรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม โดยการประกอบกิจการของโรงงานจำพวกที่ 2 หรือ 3 ภายในเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือเขตนิคมอุตสาหกรรมจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเเจ้งหรือได้รับอนุญาติก่อน
2.2 การกำกับเเละดูเเลโรงงาน
กำหนดให้เจ้าหน้าที่มีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบสภาพภายในโรงงงาน เก็บตัวอย่างยึดหรืออายัติผลิตภัณฑ์ เเละเอกสารที่เกี่ยวข้องในกรณีที่มีเหตุสงสัยว่าอาจเกิดอันตรายเเก่บุคคลกรือทรัพย์สินรวมทั้งจับกุมเพื่อส่งพนักงานสอบสวนทางกฏหมาย ในกรณีที่ทางราชการเข้าไปจัดการเเก้ไขปัญหามลพิษ หรือผลกระทบต่อสิ่งเเวดล้อมที่เกิดจากโรงงาน ให้ขอรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนสิ่งเเวดล้อม เเละเมื่อได้เงินคืนจากผู้ประกอบการให้รับมาคืนกองทุน
2.3 บทกำหนดโทษ
ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกปรับตั้งเเต่ 5,000 ถึง 200,000 หรือจำคุกตั้งเเต่ 6 เดือน ถึง 2 ปีหรือทั้งจำทั้งปรับ โทษหนักที่สุด ได้เเก่ เมื่อผู้ประกอบกิจการโรงงานฝ่าฝืนคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการโรงงานซึ่งต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เเละให้ปรับอีกวันละ 5,000 บาท จนกว่าจะหยุดประกอบกิจการ
2) กฎหมายอนุรักษย์พลังงาน
โดยกฎหมายอนุรักษ์พลังงานมีชื่อเต็มว่า "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานพ.ศ.2535 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2535 และมีผลให้ใช้บังคับในวันถัดจากวันประกาศราชกิจจานุเบกษา ในปัจจุบันความต้องการใช้พลังงานเพื่อตอบสนองการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้เพิ่มในอัตราที่สูง ทำให้ประเทศต้องลงทุนเพื่อจัดหาพลังงานทั้งในเเละนอกประเทศไว้ใช้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว กรมพัฒนาพลังงานทดเเทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จึงได้ยกร่างกฎหมายส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานขึ้นมา เพื่อกำหนดมาตราการในการกำกับ ดูเเล ส่งเสริม เเละช่วยเหลือเกี่ยวกับการใช้พลังงาน
1.กิจกรรมที่ถือว่าเป็นการอนุรักษ์พลังงานในโรงงานตามมาตรา 7 ได้เเก่ การดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง
การนำพลังงานที่เหลือจากการใช้เเล้วกลับมาใช้ใหม่
การปรับปรุงการใช้ไฟฟ้าด้วยวิธีปรับปรุงตัวประกอบกำลังไฟฟ้า
การป้องกันการสูญเสียพลังงาน
การใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง
การปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิง
การอนุรักษ์พลังงานโดยวิธีอืนตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
หน้าที่เเละขั้นตอนการอนุรักษ์พลังงานของอาคารควบคุม
มาตรา 9 ได้กำหนดหน้าที่ให้เจ้าของโรงงานควบคุมต้องดำเนินการไว้ชัดเจน คือ ต้องอนุรักษ์พลังงานตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานในโรงงานของตนให้เป็นไปตามมาตราฐาน
มาตรา 21 ได้กำหนดหน้าที่ให้เจ้าของอาคารควบคุมต้องอนุรักษ์พลังงานตรวจสอบเเละวิเคราะห์การใช้พลังงานในอาคารของตนให้เป็นไปตามมาตราฐาน มาตรา 19 กฎกระทรวงมาตราฐานการอนุรักษ์พลังงานในอาคารควบคุมซึ่งเป็นการกำหนดมาตราฐานในเรื่องของค่าการถ่ายเทความร้อนรวมของอาคาร การใช้ไฟฟ้าส่องสว่างในอาคาร เเละมาตราฐานการปรับอากาศในอาคาร นอกจากหน้าที่ตามมาตรา 9 เเละ 21 เเล้ว ตามมาตรา 11 เเละมาตรา 22 ยังได้กำหนดให้เจ้าของโรงงานควบคุมเเละอาคารควบคุมต้องดำเนินการ
2.2 ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตการใช้พลังงานและการอนุรักษ์พลังงานให้เเก่กรมพัฒนาพลังงานทดเเทนและอนุรักษ์พลังงาน
2.3 จัดให้มีการบันทึกข้อมูลการใช้พลังงานการติดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีผลต่อการใช้พลังงาน
2.1 จัดให้มีผู้รับผิดชอบด้านพลังงานอย่างน้อย 1 คนประจำที่โรงงาน
2.4 กำหนดเป้าหมายเเละเเผนอนุรักษ์พลังงานของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมส่งให้เเก่กรมพัฒนาพลังงานทดเเทนและอนุรักษ์พลังงาน
2.5 ตรวจสอบเเละวิเคราะห์การปฏิบัติตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน