Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินภาวะสุขภาพและ การพยาบาลแม่หลังคลอด - Coggle Diagram
การประเมินภาวะสุขภาพและ
การพยาบาลแม่หลังคลอด
การประเมินมารดาหลังคลอดตามหลัก13B
Background
ข้อมูลส่วนตัว
หญิงตั้งครรภ์ชาวไทย อายุ 36 ปี G2P1001 GA 38 wks by date อาชีพ แม่บ้านรพ.จุฬา
ไม่มีประวัติการทำแท้ง
น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 50 กิโลกรัม ส่วนสูง 157 เซนติเมตร BMI 20.28
น้ำหนักปัจจุบัน 64 กิโลกรัม
น้ำหนักที่ขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ 14 กิโลกรัม
ประวัติการตั้งครรภ์
ปี 2549 C/S due to maternal exhaustion
เพศชาย น้ำหนัก 3300 กรัม
วันที่ 8 กุมภาพันธุ์ 2565 อายุครรภ์ 38 wks by date คลอดแบบ c/s ทารกเพศชาย น้ำหนัก 2740 กรัม Apgar score 9,10,10 ecchymosisที่ forearmและแขน Estimated blood loss 700 ml
อาการสำคัญ
ตรวจครรภ์ตามนัด GA 38 wks
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน
มาตามนัดตรวจครรภ์ มีมูกเลือดออกทางช่องคลอด
ไม่มีเจ็บครรภ์ ไม่มีน้ำเดิน ลูกดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง/วัน
ประวัติการเจ็บป่วย
ปฏิเสธการแพ้ยาแพ้อาหาร
มารดาเป็น Elderly pregnancy
ปฏิเสธประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
ปฏิเสธการใช้สารเสพติด
Body condition
Day 1 : รู้สึกตัวดี ไม่มีไข้ ปวดแผลฝีเย็บ pain score 5 คะแนน มีน้ำคาวปลา เปลี่ยนแพมเพิสไป 1 ผืน ยังไม่ถ่าย ไม่ผายลม ไม่มีท้องอืดแน่นท้อง ไม่มีอาการเวียนหัว
Day 2 : รู้สึกตัวดี รับประทานอาหารได้เอง
อ่อนเพลียเล็กน้อย สามารถลุกจากเตียงได้
ไม่มีไข้ ไม่มีอาการเวียนศีรษะ
เต้านมคัดตึง น้ำนมไหลดี ท้องไม่อืด
Day 3 : รู้สึกตัวดี รับประทานอาหารได้เอง สามารถลุกออกจากเตียงได้ ไม่มีอาการเวียนศีรษะ เต้านมคัดตึง
น้ำนมไหลดี ขับถ่ายได้ปกติไม่แสบขัด ไม่มีท้องผูก
Body temperature & Blood pressure
Day 1 : BT 37.0 c
BP 118/74 mm/hg
PR 186 bpm.
RR 18 bpm.
Day 2 : BT 36.6 c
BP 113/74 mmHg
PR 87 bpm.
RR 18 bpm.
Day 3 : BT 36.7 c
BP 128/82 mmHg
PR 86 bpm.
RR 18 bpm.
Breast & Lactation
Day 1 : ลูกดูดนมได้ breast feedingได้
Day 2 : ลูกดูดนมจากเต้าแม่ได้น้อย น้ำนมไหลดี
Day 3: ลูกดูดนมจากเต้าแม่ได้น้อย น้ำนมไหลดี
Belly & fundus
ยังไม่ได้ตรวจสอบการหดรัดตัวของมดลูกเนื่องจากมารดาทำc/s lochiaมีสีแดง ประมาณ 50 ml.
Bladder
On foley's catheter ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม
หลังจากoff foley's catheter สามรถเดินเข้าห้องน้ำเองได้
Bleeding & Lochia
Day 0 : Lochia มีสีแดง ประมาณ 20 ml.
Day 2 : Lochia สีแดง ประมาณ 50 ml.
Day 1 : Lochia มีสีแดง ประมาณ 30 ml.
bleeding per vagina ประมาณ 15 ml.
Day 3 : Lochia ประมาณ 20 ml.
Bottom
แผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้อง ไม่มีbleeding ไม่มีdischargeซึม ปวดแผลผ่าตัด
Bowel movement
แม่ยังไม่ถ่ายอุจจาระ
Blues
มารดาสามารถปรับตัวเข้ากับทารกได้ดี สนใจทารก
Baby
ทารกเพศชาย คลอดวันที่ 8 กุมภาพันธุ์ 2565 เวลา 1.30 น. น้ำหนัก 2740 กรัม Apgar score 9,10,10
Bonding & Attachment
แม่มีปฏิสัมพันธ์กับทารกดี มีการสัมผัส
อุ้มดูดนม ประสานสายตา
Belief model
การเลี้ยงลูกด้วยแม่ : ตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 3 เดือน
แนะนำการปฏิบัติเมื่อกลับบ้าน
การดูแลตัวเอง
รับประทานอาหาร ให้ครบ 5หมู่ ทานผักผลไม้ที่มีกากใย เพื่อป้องกันอาการท้องผูก
หลีกเลี่ยงการรับประทานของหมักดอง
การดูแลแผลผ่าตัด
ในระยะแรกยังไม่สามารถอาบน้ำได้เพราะจะทำให้แผลผ่าตัดเปียก อักเสบและติดเชื้อได้ จึงต้องเช็ดตัวประมาณ 7วัน หากเย็บเป็นไหมละลายรอจนครบ 6-7 วันก็สามารถอาบน้ำได้ปกติ
ไม่ดึงปลายไหมเย็บแผลที่โผล่ออกมา ควรแจ้งแพทย์ให้เล็มปลายไหมให้ เพื่อป้องกันไหมเย็บแผลเกี่ยวเสื้อผ้า
อาบน้ำด้วยสบู่ที่มีฤทธิ์อ่อน และไม่ถูสบู่ เจลอาบน้ำ
หรือทาแป้งลงบนแผลโดยตรง
การดูแลน้ำคาวปลา
วันแรกๆน้ำควาปลาจะมีสีแดงสด ต่อมาจะจางลง จนหมดไป โดยน้ำคาวปลาควรจะหมดไม่เกิน 2 สัปดาห์ หากหลังจาก 2 สัปดาห์ น้ำคาวปลายังมีสีแดง และมีกลิ่นเหม็น ควรมาพบแพทย์ เนื่องจากอาจจะเกิดการติดเชื้อหรือมีเศษรกตกค้างในมดลูกได้
ไม่ควรยกของหนักหรือทำกิจกรรมที่เป็นการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง เพราะอาจจะทำให้เจ็บแผล
อาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์
มีไข้
น้ำคาวปลาสีแดงไม่จางลง และมีกลิ่นเหม็น
มีเลือดสดออกทางช่องคลอด
หลังคลอด 2 สัปดาห์ หากยังคลำพบก้อนหรือมดลูกอยู่
เต้านมอักเสบ คัดตึงมาก
ปัสสาวะบ่อย และมีอาการแสบขัด
ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน
การคุมกำเนิด
แบบกิน
ต้องทานยาคุมกำเนิดอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อหยุดทานยาคุมกำเนิดสามารถมีลูกได้
แนะนำให้ทานยาคุมกำเนิดแบบhormone เดี่ยวที่มีprogesterone ขนาดน้อย เพราะยาจะไม่สามารถผ่านทางน้ำนมได้ อาจจะคุมร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัย
แบบฉีด
มีแบบ 1และ 3 เดือน จะไม่ส่งผลถึงน้ำนม
สามารถฉีดได้เมื่อมาตรวจติดตาม6สัปดาห์หลังคลอด
แบบฝัง
จะมีแบบคุม 3 - 5 ปี ไม่มีผลต่อน้ำนม สามารถคุมกำเนิดได้นาน 3 ปี สามารถฝังได้หลัง 6 สัปดาห์หลังคลอด
หากต้องการมีบุตรสามารถเอาออกได้
คำแนะนำ
หากเลือกทานยาควรคุมแบบตามเวลาให้ครบตามกำนนด หากเป็นแบบฉีดควรไปตามนัด
การคุมกำเนิดที่เหมาะสมสำหรับมารดารายนี้ คือ แบบกิน
การดูแลบุตร
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน และต่อเนื่อง 2 ปี
ร่วมกับอาหารเสริม
หลัก 4 ด.
ดูดบ่อย : ทุกๆ 2 - 3 ชั่วโมง
ดูดไว : ระยะลูกตื่นตัว 1.30 - 1 ชั่วโมงหลังคลอด
ดูดเกลี้ยงเต้า : ดูดเกลี้ยงเต้าทั้ง 2 ข้าง
ดูดถูกวิธี : จัดท่าเหมาะสม พุงชิดพุง
คางชิดออก อ้าปากอมมิดลานนมแม่
ให้คำแนะนำเพิ่มเติม
ท่าcradle hold (ท่าลูกนอนขวางตัก)
ท่าfootball hold (ท่าอุ้มลูกฟุตบอล)
อาหาร
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
แนะนำให้รับประทานอาหารบำรุงน้ำนม เช่น
เมนูแกงเลียง ขิง ตำลึง มะละกอ
ให้รับประทานผักผลไม้
แนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว หรืออย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด อาหารหมักดอง
เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มารดามีอาการคัดตึงเต้านม
ข้อมูลสนับสนุน
SD : มารดาบอกว่า " เต้านมคัดตึง และปวด"
OD : เต้านมคัดตึงทั้งสองข้าง น้ำนมมาก
วัตถุประสงค์
ลดอาการคัดตึงเต้านม
เกณฑ์การประเมิน
อาการคัดตึงเต้านมลดลง เต้านมไม่บวมแดง ร้อน
กิจกรรมการพยาบาล
อธิบายสาเหตุที่ทำให้เต้านมคัดตึง คือการให้ลูกดูดนมไม่ถูกวิธี ลูกอมหัวนมไม่ลึกถึงลานนม
ดูแลให้ยาแก้ปวด Paracetamol (500) 1 tab.ทางปากเวลาปวด ห่างกันทุก 4 - 6 ชั่วโมง
ดูแลและฝึกให้มารดาใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจัด ประคบเต้านมพร้อมนวดคลึงเต้านม เพื่อให้การไหลเวียนของน้ำนมดี
ดูแลการบีบน้ำนมออกจากเต้าด้วยมือ
จนกระทั่งลานนมนิ่ม สามารถอมลานนมได้ติด
สอนให้มารดานวดคลึงเต้านมและบีบน้ำนมออกจนเกลี้ยงเต้าด้วยตัวเอง
แนะนำมารดาให้ลูกดูดนมบ่อยขึ้น อย่างน้อยทุก
1 - 2ชั่วโมง ให้ลูกดูดอย่างน้อย 15 - 20 นาที
ดูแลหลังลูกดูดนมเสร็จแล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นมาประคบเพื่อบรรเทาปวด
ติดตามและฝึกมารดาหลังคลอดให้ทำด้วยตัวเอง
เพื่อทำให้มารดามั่นใจในการเลี้ยงดูทารก
การประเมินผล
มารดามีอาการเต้านมคัดตึงลดลง และสามารถบีบน้ำนมด้วยตัวเองได้ มีน้ำนมออกมามาก เต้านมไม่บวม อาการปวดลดลง
มารดาเสี่ยงติดเชื้อที่แผลผ่าตัดคลอด และ โพรงมดลูก
ข้อข้อมูลสนับสนุน
OD : มีแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้อง
วัตถุประสงค์
ไม่เสี่ยงติดเชื้อที่แผลผ่าตัด
เกณฑ์การประเมิน
สัญญาณอยู่ในเกณฑ์ปกติ
BT 36.5 - 37.5 c
PR 60-90 bpm.
RR 18 - 24 bpm.
BP 90/60 - 140/90 mmHg
แผลผ่าตัดไม่มีdischargeซึม ไม่บวมแดง
น้ำคาวปลาไหลสะดวก ไม่มีกลิ่นเหม็น
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินลักษณะแผลผ่าตัดและน้ำคาวปลา ถ้าพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น แผลผ่าตัดมีdischargeซึม น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น ควรมาพบแพทย์
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ทุกครั้งหลังปัสสาวะ อุจจาระ แนะนำเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3 - 4 ชั่วโมง ทำความสะอาดแผลผ่าตัดด้วยNSS
แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อส่งเสริมการหายของแผลให้เร็วขึ้น
การปรับท่านอน แนะนำให้นอนหัวสูงขึ้นเล็กน้อย
เพื่อให้แผลตรงหน้าท้องไม่ตึงเกินไป ส่วนเวลาจะลุกนั่งจากเตียงก็ให้ใช้วิธีตะแคงตัว แล้วค่อยๆ ใช้มือยันตัวลุกขึ้นในท่าตะแคง
การประเมินผล
สัญญาณชีพปกติ
BT : 37 c
PR : 76 bpm.
RR : 18 bpm.
BP : 117/83 mmhg
แผลผ่าตัดไม่มีdiacharge ซึม ไม่บวมแดง
น้ำคาวปลาไม่มีเหม็น ไม่มีกลิ่น
มารดาเสี่ยงต่อการตกเลือดหลังผ่าตัดคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
OD : มีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อมดลูก จากการผ่าตัดคลอด
วัตถุประสงค์
ไม่ภาวะตกเลือดหลังคลอด
เกณฑ์การประเมิน
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
BT 36.5 c
PR 60 - 90 bpm.
RR 18 - 24 bpm.
BP 90/60 - 130/90 mmhg
2.เสียเลือดหลังผ่าตัด ไม่เกิน 50 มิลลิลิตร/ชั่วโมง
แผลผ่าตัดไม่มีเลือดซึม ไม่มีอาการแสดงของภาวะตกเลือด
กิจกรรมการพยาบาล
ตรวจสัญญาณชีพทุก 15 นาที 4 ครั้ง ทุก 30 นาที 2 ครั้งและทุก 1 ชั่วโมง 2 ครั้ง ถ้าปกติ ให้ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง ถ้าพบความผิดปกติ เช่น ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นในระยะแรกและเริ่มลดต่ำลงในระยะหลัง มี Pulse pressure ให้รายงานแพทย์ทราบทันที
2. ตรวจดูบาดแผลผ่าตัดว่ามีเลือดซึมหรือไม่ ถ้ามีให้บันทึกจำนวนเลือดที่ซึมออกมาและบันทึกไว้ พร้อมกับรายงานแพทย์
3. สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก ประเมินปริมาณเลือดที่ออกจากช่องคลอด โดยให้ใส่ผ้าอนามัยไว้
ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา คือ 5% D/N/2 1000 ml + Syntocinon 10 unit iv drip 30 cc/hr. พร้อมจดบันทึกจำนวนน้ำเข้า และออกจากร่างกาย
5. ดูแลสายสวนปัสสาวะไม่ให้พับงอ เพื่อให้ปัสสาวะไหลสะดวก ไม่มีปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะ ไม่ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก
การประเมินผล
1.สัญญาณชีพปกติ คือ
BT 37 c
PR 120 bpm.
RR 18 bpm.
BP 93/63 mmhg
EBL = 700 ml
บริเวณแผลไม่มีbleedซึม
มารดามีภาวะไม่สุขสบายเนื่องจากมีอาการปวดแผล
ข้อมูลสนับสนุน
OD : pain score 5 คะแนน
วัตถุประสงค์
เพื่อลดอาการปวดแผลของผู้ป่วย
เกณฑ์การประเมิน
คะแนนpain score ของผู้ป่วยลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินระดับความปวด โดยใช้คะแนนความปวด (Pain score)
คะแนน 1-2 หมายถึงยอมรับได้ไม่ต้องการรักษาพยาบาล
คะแนน 3-4 หมายถึงมีอาการปวดเล็กน้อยพอทนได้
คะแนน 5-6 หมายถึงปวดปานกลาง บางครั้งต้องการบรรเทาด้วยวิธีใด-วิธีหนึ่ง อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวด
คะแนนมากกว่า 6 ขึ้นไป ควรได้รับการบำบัดรักษา
อาจใช้ยาแก้ปวดร่วมด้วย โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 10 หรือผู้ป่วยบอกว่าทนไม่ไหว
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่า Fowler’s position หลังครบนอนราบ 12 ชั่วโมง เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนตัวจากการที่ข้อสะโพกงอ ช่วยลดอาการตึงแผลผ่าตัด ทำให้เจ็บแผลน้อยลง
ให้ยาบรรเทาปวดตามแผนการรักษา คือ Paracetamol 500 mg 1 tab เมื่อีอาการปวดทุก 6 ชั่วโมงและ Nataral ครั้งละ1เม็ด วันละครั้ง และควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดหลังให้ยา
5. แนะนำการเคลื่อนไหว เปลี่ยนอิริยาบถให้ใช้มือหรือหมอนนุ่มๆ พยุงแผลผ่าตัดและให้เปลี่ยนอิริยาบถช้า ๆ ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล
จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาดและสงบ เพื่อให้มารดาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลง
การประเมินผล
อาการปวดแผลลดลง Pain score 1 คะแนน
การตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกายตามระบบ
โดยยึดหลัก head to toe
ผม : ผมดำ ยาว สะอาด ไม่มีรังแค
ตา : บริเวณconjunctiva สีแดง ไม่ซีด
จมูก : ไม่บวมแดง ไม่มีdischarge
ปาก : ชุ่มชื้น ไม่แห้ง ไม่มีฟันผุ
ต่อมไทรอยด์ : ไม่โต คลำไม่พบก้อน
เต้านม : มีอาการเจ็บและคัดตึงเต้านม น้ำนมไหลดี
หัวนมปกติ ไม่สั้นบอดบุ๋ม คลำพบก้อน
แขน : ไม่มีกระดูกผิดปกติ ไม่มีอาการบวม
ขา : ไม่มีบวมกดบุ๋ม
ท้อง : มีรอยแผลผ่าตัด
Problem list
คัดตึงเต้านม
มีแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้อง