Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5แนวคิดหลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย :warning: -…
บทที่ 5แนวคิดหลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย :warning:
1.แนวคิดหลักการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน :star:
แนวคิด
Anglo-American Model(AAM)
ปลายทาง ลําเลียงผู้ปู่วยส่งตรงห้องฉุกเฉิน
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งของ องค์การความปลอดภัยสาธารณะ
การดูแล คือ ทีมเวชกิจฉุกเฉินให้การดูแลโดยมีแพทย์กํากับ
คลื่อนย้ายผู้ป่วยรถ Ambulance เป็นหลัก
จุดประสงค์หลัก คือ นําผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
องค์การที่เกี่ยวข้องการบริการความปลอดภัยของสาธารณะ เช่น ตํารวจ สถานีดับเพลิง
เริ่มต้นปี1970s
ค่าใช้จ่ายสูงกว่า FGM
ผูู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการนําส่งไปยังโรงพยาบาล
ตัวอย่างประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ไทย
Franco-German Model (FGM)
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสาธารณสุข
คลื่อนย้ายผู้ป่วยรถ Ambulance, Helicopter และ Coastal ambulance
ลําเลียงผู้ป่วยส่งหน่วยเฉพาะทาง
ภายใต้บริการจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพ
การดูแล คือ แพทย์ให้การดูแลโดยมีทีมเวชกิจฉุกเฉินช่วย
ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า AAM
จุดประสงค์หลัก คือ นําบริการโรงพยาบาลมาหาผู้ป่วย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการรับการรักษา ณ จุดเกิดเหตุ
เริ่มต้นปี1970s
ตัวอย่างประเทศ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส กรีซ มอลต้า ออสเตรีย
ความหมาย
อุบัติเหตุ (Accident)
คือ อุบัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้น โดยไม่คาดหมายมาก่อน ทําให้เกิดการบาดเจ็บตายและการสูญเสียทรัพยสินโดยที่เราไม่ต้องการ
ผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
หมายถึง ผู้ที่ทีอาการหนักรุนแรงต้องการการดูแลจากเจ้าหน้าที่ที่มีความชํานาญเฉพาะทาง โดยใช้หลักและกระบวนการพยาบาลที่สมบูรณ์
ผู้ป่วยวิกฤต
ผู้ป่วยที่สามารถรักษาได้ เช่น ผู้ป่วยที่หมดสติ
ผู้ป่วยที่มีอัตราตายสูง เช่น ผู้ป่วย Septic Shock
3.ผู้ป่วยที่มีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรง เช่น ผู้ป่วยmyocardialinfarction
ผู7ปYวยที่อัตราตายสูง แม7จะได7รับการรักษา เช;น ผู7ปYวยมะเร็งระยะสุดท7าย
การเจ็บป่วยวิกฤต
“
Critical
” จะนํามาใช้ในผู้ป่วยอาการเพียบหนัก มีอาการรุนแรง หรือขั้นฉุกเฉิน มีอันตราย มุ่งเน้นแก้ไขอาการที่ปรากฏในครั้งแรก
“
Crisis
” นํามาใช้กับผู้ป่วยที่อยู่ในสภาวะที่มีสถานการณ์คับขัน เป็นจุดวิกฤตของการเป็นโรค ทําให้มีอาการดีขึ้น หรือตายได้ในทันทีผูงมุ่งเน้นแก้ไขอาการที่ปรากฏอันตราย
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน
คือ การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จําเป็นต้องดําเนินการช่วยเหลือ และการดูแลรักษาทันที
ผู้บาดเจ็บจากสาธารณภัย
2.กลุ่มอาการหนัก ต้องหามนอนหรือนั่งมา
3.กลุ่มอาการหนักมาก หรือสาหัสต้องการการรักษาโดยด่วนหรือช่วยชีวิตทันทีก
1.กลุ่มอาการไม่รุนแรง คือ ผู้ป่วยเดินได้
หลักการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
หลักทั่วไป
2.การป้องกันและบรรเทาไม่ให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นวิกฤต
3.การบันทึกเหตุการณ์อาการและการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
1.เพื่อช่วยชีวิต
4.การส่งต่อรักษา หลังจากให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ป่วยแล้ว
หลักในการพยาบาล
4.ให้การรักษาพยาบาลภายใต้นโยบายของโรงพยาบาล แลกฎหมาย
5.ให้การช่วยฟื้นคืนชีพอย่างถูกต้อง
3.ทําการคัดกรองผู้ป่วยอย่างรวดเร็วแม่นยํา
6.ให้การดูแลจิตใจของผู้ป่วยและญา อธิบายถึงปัญหาการเจ็บป่วย การพยาบาลที่จะได้รับ และแนวทางการรักษาต่อเนื่อง
2.มีการซักประวัติการเจ็บป่วยและอาการสําคัญอย่างละเอียด ในเวลาที่รวดเร็ว
7.มีการนัดหมายผู้ป่วยที่ไม่ได้นอนโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาต่อเนื่อง
1.มีหลักในการอุ้มยกเคลื่อนย้าย อย่างนุ่มนวลรวดเร็วปลอดภัย
8.มีการส่งต่อเพื่อการรักษาทั้งในหอผู้ป่วยในแผนกผู้ป่วยหนัก และภายนอกโรงพยาบาล
หลักการพยาบาลตามบทบาทพยาบาลวิชาชีพงานบริการพยาบาลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินของสภาการพยาบาลพ.ศ.2552
ดูแลและรักษาสภาวะของผู้ป่วยให้อยู่ระดับปลอดภัย และคงที่โดยการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
รักษาหน้าที่ต่างๆ ของอวัยวะสําคัญของร่างกายให้คงไว้
ค้นหาสาเหตุและ/หรือปัญหาที่ทําให้เกิดภาวะฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ แล้วดําเนินการแก้ไข
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและติดเชื้อ
ดําเนินการแก้ไขปัญหาที่กําลังคุกคามชีวิตผู้ป่วย
6.ประคับประคองจิตใจและอารมณ์ของผู้ป่วยและญาติ
การพยาบาลสาธารณภัย
ภัยพิบัติ/สาธารณภัย (Disaster)
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสาธารณภัย
1.ภัย (Hazard) หมายถึง เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ใดๆที่สามารถที่ทําให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ความเสียหายต่อทรัพย์สินความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อม
ประเภทของภัยพิบัติ
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ (Natural Disaster)ได้แก่ เกิดแบบฉับพลัน และเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป
ภัยที่เกิดจากมนุษย์ (Man-made Disaster)ได้แก่ เกิดอย่างจงใจและเกิดอย่างไม่จงใจ
2.สาธารณภัย / ภัยพิบัติ (Disaster)
2.ภัยสาธารณะ ได้แก่ ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ เช่น คลื่นยักษ์ และภัยที่เกิดจากคนทํา ได้แก่ สารเคมีรั่วไหล รถชน ตึกถล่ม
ภัยทางอากาศ ได้แก่ ปล้นเครื่องบิน
สาธารณภัย ได้แก่ อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัยภัย ภัยแล้ง
การก่อวินาศภัย ได้แก่ ก่อการร้าย กราดยิง วางระเบิด
การจัดระดับความรุนแรงของสาธารณภัยทางสาธารณสุข
ความรุนแรงระดับที่ 2 : ระดับอําเภอไม่สามารถจัดการได้
ความรุนแรงระดับที่ 3 : สาธารณภัยขนาดใหญ่ ต้องอาศัยการสนับสนุนจากหน่วยงานหลายส่วนราชการภายในเขตจังหวัด /จังหวัดใกล้เคียง และระดับเขต
ความรุนแรงระดับที่ 1 : สํานักงานสาธารณสุขในระดับอําเภอสามารถจัดการได้ตามลําพัง
ความรุนแรงระดับที่ 4 : มีผลกระทบรุนแรงยิ่ง นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ควบคุมสถานการณ
อุบัติภัย
หมายถึง อุบัติเหตุที่เกิดกับคนจํานวนมาก ได้รับการเจ็บป่วยจํานวนมาก เกินขีดความสามารถปกติที่โรงพยาบาลจะให้การรักษาพยาบาลได้ ต7องมีการระดมพลเจ7าหน7าที่ของโรงพยาบา
ประเภทของอุบัติภัยหมู่แบ่งตามขีดความสามารถของสถานพยาบาล
1. Multiple casualties
ทั้งจํานวนและความรุนแรงของผู้ป่วยไม่เกินขีดความสามารถของโรงพยาบาล
2. Mass casualties
ทั้งจํานวนและความรุนแรงของผู้ป่วยเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลและทีมผู้รักษาผู้ป่วยที่มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด
หลักการพยาบาลสาธารณภัย
หมวดที่ 2ระยะเตรียมความพร้อม
หมวดที่ 3ระยะรับมือ / ตอบสนองภาวะภัยพิบัติ
หมวดที่ 1ระยะป้องกันหรือลดผลกระทบ/บรรเทาทุกข์
หมวดที่ 4ระยะพักฟื้น/ฟื้นคืนสภาพ
พยาบาลกับการจัดการสาธารณภัย
เป็นการพยาบาลที่ต้องนําความรู้ และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและด้านการพยาบาลฉุกเฉิน มาประยุกต์ใช้ในสถานการณที่เกิดสาธารณภัยทั้งในระยะก่อนเกิด ขณะเกิด และหลังเกิดภัย เพื่อป้องกันและ ลดความสูญเสียที่จะเกิดกับชีวิตและทรัพย์สิน
หลักการบริหารจัดการในที่เกิดเหตุและรักษาผู้บาดเจ็บ
การดูแลผู้บาดเจ็บที่ได้ประสบภัยพิบัติหรืออุบัติภัยหมู่จําเป็นต้องมีมาตรฐานความรู้ในการประเมินสถานการณ รายงานข้อมูล และการตอบสนองต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยหลักการบริหารจัดการในที่เกิดเหตุและรักษาผู้บาดเจ็บตาม Disaster paradigm
ลักษณะของการปฏิบัติการพยาบาลในสถานการณ์สาธารณภัย
2.ต้องนําความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและด้านการพยาบาลฉุกเฉินมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ภัยพิบัต
3.เป็นการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อ ป้องกันและลดความรุนแรง มุ่งเน้นด้านการพยาบาลฉุกเฉินแก่ผู้ประสบภัยจํานวนมากในขณะเกิดภัย การฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ
1.มุ่งลดความเสียหายต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนที่เกิดจากสาธารณภัยโดยใช้องค์ความรู้อย่างเป็นระบบ
คุณสมบัติพยาบาลสําหรับจัดการสาธารณภัย
1.มีความรู้ และมีประสบการณ์การปฏิบัติงานการพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินและวิกฤต และด้านการรักษาโรคเบื้องต้น
2.มีความรู้ด้านสาธารณภัย
3.มีทักษะในการตัดสินใจที่ดี มีความเป็นผู้นํา
4.มีทักษะในการสื่อสาร และการบันทึกข้อมูลต่างๆได
5.มีวุฒิภาวะที่เหมาะสมกับสถานการณ์
2.แนวทางปฏิบัติในระบบทางด่วน (Fast track) สําหรับผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน :ambulance:
ความหมาย
พิจารณาจากเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่ชัดเจน
เป็นแนวทางของระบบบริการสุขภาพที่ช่วยนำผู้ป่วยให้เข้าถึงบริการอย่างทันเวลา+ลดระยะเวลาการรักษา
เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ทุพพลภาพ และความพิการ
หลักการ
การจัดทำควรเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพ
จัดทำแผนภูมิการดูแลผู้ป่วย พร้อมกำหนดลักษณะผู้ป่วย
จัดทำแนวปฏิบัติ ลำดับการปฏิบัติในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย พร้อมกำหนดหน้าที่ต่างๆของผู้ที่เกี่ยวข้อง
จัดทำรายการตรวจสอบ (check ist)
ฝึกอบรมผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
แผนการปฏิบัติ เน้นย้ำเรื่องเวลา
กำหนด clinical indicator
3.บทบาทพยาบาลกับ Fast track :princess::skin-tone-2:
บทบาทพยาบาลกับ Fast track
การประเมินเบื้องต้น
การรายงานแพทย์ผู้รักษา
การประสานงานผู้เกี่ยวข้อง
การจัดการและดูแลขณะส่งต่อ
การให้การดูแลตามแผนการรักษา
การติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือ
การดำเนินงาน
การจัดระบบให้มีการทบทวนและพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
บทบาทพยาบาลใน Fast track
EMS (accessibility)
Triage/ Specific triage/ Assessment
Activate system
Flow (purpose-process-performance)
Investigation
Care delivery
Monitoring: early warning signs & E-response
Risk management (general & clinical)
Co-ordination, Communication, Handover
Inter & Intra transportation
Evaluation, output, outcome
Improvement, Innovation, Integration
4.Trauma life support :red_flag:
ระบบการดูแลผู้บาดเจ็บ (Trauma care system)
การดูแลในระยะก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital care)
การดูแลในระยะที่อยู่โรงพยาบาล (Hospital care)
การเข้าถึงหรือรับรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น (Access)
การฟื้นฟูสภาพและการส่งต่อ (Rehabilitation& transfer)
การดูแลผู้บาดเจ็บขั้นต้น ประกอบด้วย
Resuscitation
การกู้ชีพ คือ การแก้ไขภาวะคุกคามต่อชีวิตหรือที่เป็นอันตรายเร่งด่วน โดยการกู้ชีพจะทําหลังจากการประเมิน เป็นลําดับของ ABC และสามารถทําไปพร้อมๆกับการประเมิน ดังนี้
ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การห้ามเลือด ร่วมกับการให้สารน้ำทดแทน
Circulation
การตวงวัดปริมาณปัสสาวะ เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีของปริมาณสาน้ำในร่างกาย
Breathing
การใส่สายสวนกระเพาะ เพื่อประเมินดูว่ามีเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น
Airway ภายหลังจากการประเมิน การทําDefinitive airway สามารถรักษาได้โดยการใส่ท่อช่วยหายใจ
Secondary survey
การประเมินสภาพผู้ป่วยอย่างละเอียด มักทําหลังจาก primary survey และ Resuscitation จน Vital function เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เพื่อให้ได้ Definite diagnosis
History
Past illness/ Pregnancy การเจ็บป่วยในอดีตและการตั้งครรภ์
Last meal เวลาที่รับประทานอาหารครั้งล่าสุด
Medication ยาที่ใช้ในปัจจุบัน
Event/ Environment related to injury อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร รุนแรงเพียงใด สถานการณ์สิ่งแวดล้อมขณะเกิดเหตุเป็นอย่างไร
Allergies ประวัติการแพ้ยา สารเคมีหรือวัตถุต่างๆ
กลไกการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่ทําให้สามารถคาดเดาลักษณะการบาดเจ็บของผู้ป่วยได้ ซึ่งการบาดเจ็บนั้นแบ่งออกเป็น
Blunttrauma
ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุจราจร
Chest
การตรวจจะเริ่มจากการมองหารอยช้ำ รอยยุบ คลําดูว่ามี Crepitus หรือเจ็บที่จุดใด โดยตรวจให้ทั่วทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ดูการบาดเจ็บ หากพบว่า
กะบังลมยกสูงผิดปกติหรือเห็นเงากระเพาะอาหารในช่องอก บ่งว่าผู้ป่วยกะบังลมฉีกขาด
เงาอากาศในช่องท้องใต้กะบังลมบ่งชี้ว่ามีการบาดเจ็บของกระเพาะอาหารหรือลําไส้
Media sternum กว้าง บ่งว่าอาจมีการบาดเจ็บของหลอดเลือดในช่องอก
Physical Examination
ควรตรวจร่างกายผู้ป่วยอย่างละเอียด เพราะแรงที่มากระทําอาจทําให้เกิดการบาดเจ็บทั่วร่างกายได้
Abdomen
ควรเริ่มจากการสังเกตดูรอยบาดเจ็บต่างๆ ที่ผิวหนัง เช่น รอยช้ำ แผลฉีกขาด แผลถูกยิงถูกแทง ควรตรวจดูด้านหลังผู้ป่วยด้วยอย่างละเอียด ตรวจคลําว่าส่วนใดของช่องท้องที่เจ็บชัดเจน หรือการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อท้อง (Guarding) ฟังเสียง Bowel sound เสียง Bruit ซึ่งบ่งชี้ถึงการบาดเจ็บต่อหลอดเลือด ควรตรวจประเมินฝีเย็บ อวัยวะเพศ ทวารหนัก ด้วยเสมอ
Facial
ควรคลํากระดูกใบหน้าให้ทั่วเพื่อหา deformity ที่อาจบ่งบอก facial fracture ได้เป็นส่วนใหญ
Head
ในการตรวจหนังศีรษะให้ใช้มือคลําให้ทั่วหนังศีรษะเพื่อหาบาดแผล
Penetrating trauma
เกิดจากอาวุธปืน มีด
Cervical spine and Neck
ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวทุกรายที่มีการบาดเจ็บศีรษะควรคํานึงถึง cervical spine injury
Musculoskeletal and Peripheral vascular assessment
การบาดเจ็บแขนขาจะประเมินบาดแผล การหักงอ บวมผิดรูป ประเมินจุดที่เจ็บ การเคลื่อนไหว คลํา Crepitus
Pelvic fracture
จะตรวจพบ Ecchymosis บริเวณ Iliac wing, Pubis, Labia หรือ Scrotum และเมื่อตรวจ Pelvic compression ผู้ป่วยจะมี pain on palpation และมี sign of unstability
Neurological system
ประเมิน motor, sensory และต้อง Reevaluation ระดับความรู้สึกตัว pupil size Glasgow coma score
Re-evaluation
ในระยะแรกที่ดูแลผู้ป่วยที่บาดเจ็บ ควรมีการประเมินร่างกายซ้ำเป็นระยะๆ เพื่อประเมินหาการบาดเจ็บที่อาจตรวจไม่พบในระยะแรก และเป็นการติดตามการเปลี่ยนแปลงอาการของผู็ป่วย
Definitive care
เป็นการรักษาอย่างจริงจังหลังจากได้ทํา secondary survey เรียบร้อยแล้ว เพื่อแก้ไขพยาธิสภาพโดยตรง เป็นการรักษาจําพาะของการบาดเจ็บแต่ละอวัยวะ ได้แก่การผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะฉุกเฉินต่างๆ
(Primary Survey)
Airway maintenance with cervical spine protection
วิธีการเปิดทางเดินหายใจแบบ jaw-thrust maneuver
2.ใช้มือสองข้างจับมุมขากรรไกรล่างทั้งสองข้าง
3.ดึงขากรรไกรล่างแล้วยกขึ้นพร้อมกับดันไปข้างหน้าพร้อมกับดันศีรษะให้หงายไปข้างหลัง
1.ผู้ช่วยฟื้นคืนชีพอยู่เหนือศีรษะผู้ป่วย
4.กรณีสงสัยมีการบาดเจ็บบริเวณต้นคอให้ดึงขากรรไกรล่างแล้วยกขึ้นพร้อมกับดันไปข้างหน้าไม่ต้องหงายศีรษะไปข้างหลัง
วิธีการเปิดทางเดินหายใจแบบ modified jaw-thrust maneuver
3.ดึงขากรรไกรล่างแล้วยกขึ้นพร้อมกับดันไปข้างหน้าไม่ต้องหงายศีรษะไปข้างหลัง
4.ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งข้างกดที่ด่านหน้าของกระดูกขากรรไกลล่างบริเวณใต้มุมปาก
2.ใช้มือสองข้างจับมุมขากรรไกรล่างทั้งสองข้าง
5.ออกแรงกดให้ปากอ้าออก
1.ผู้ช่วยฟื้นคืนชีพอยู่เหนือศีรษะผู้ป่วย
วิธีการเปิดทางเดินหายใจแบบ Head-tilt Chin-liftmaneuver
3.ระวังอย่าให้นิ้วดันส่วนที่เป็นเนื้อใต้คางเพราะจะทําให้ทางเดินหายใจอุดกั้นมากขึ้น
1.ใช้มือข้างหนึ่งกดลงบนหน้าผากผู้ป่วย
4.กรณีที่ไม่แน่ใจว่ามีการบาดเจ็บบริเวณต้นคอให้ใช้วิธี jaw-thrust maneuver, modified jaw thrust
2.ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมืออีกข้างยกกระดูกปลายคางขึ้น
วิธีการเปิดทางเดินหายใจแบบTriple airway maneuver
กรณีไม่มีการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ ปฏิบัติตามวิธีการ
1.Head-tilt
2.jaw-thrust
3.open mouth
กรณีสงสัยมีการบาดเจ็บบริเวณต้นคอปฏิบัติตามวิธีการ
2.open mouth
3.ยกเว้นในกรณีฉุกเฉินที่ผู้ป่วยกําลังมีอันตรายแก่ชีวิตให้ปฏิบัติตามลําดับคือ 1) Head-tilt 2) jaw-thrust 3) open mouth
1.jaw-thrust
Breathing and ventilation
ปัญหาการหายใจที่พบบ่อยในการทํา primary survey
Flail chest withpulmonary contusion
Open pneumothorax
tension pneumothorax
Hemothorax
เป็นการประเมินการช่วยหายใจและการระบายอากาศเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนอากาศ การดูแลควรเปิดให้เห็นบริเวณคอและทรวงอกเพื่อประเมินตําแหน่งของหลอดลม
ประเมินจาก
2.ดูการเคลื่อนไหวบริเวณทรวงอก
3.คลํา การเคาะเพื่อตรวจหาการบาดเจ็บ
4.ฟัง Breath sound ทั้งสองข้าง
1.การเปิดดูร่องรอยบาดแผลที่บริเวณทรวงอก
Circulation with hemorrhagic control
เป็นการประเมินในระบบไหลเวียนและการห้ามเลือด โดยประเมินจากสัญญาณชีพ ระดับความรู้สึกตัว สีผิว อุณหภูมิ รวมถึงปริมาณเลือดที่ออกจากบาดแผล การประเมินในขั้นตอนนี้จึงหมายถึงการค้นหาภาวะ Shock
ประเมินจาก
ภาวะกรดด่างของร่างกาย
ร่างกายเกิดภาวะ acidosis metabolic ผู้ป่วยจะมีอาการซึม อ่อนเพลีย งุนงง สับสน ไม่รู้สึกตัว หายใจแบบ Kussmaual
อาการทางระบบประสาท
ประกอบด้วย ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการซึม เชื่องช้า สับสนบางราบมีอาการเอะอะ และสุดท้ายจะหมดสติ
ผิวหนัง
ผู้ป่วยจะมีผิวหนังเย็น ชื้น เหงื่อออกมาก cyanosis ยกเว้น septic shock ที่ผิวหนังจะอุ่น สีชมพูในระยะแรก
หัวใจและหลอดเลือด
Systolic BP จะลดลงต่ำกว่า 90 mm.Hg. หรือต่ำกว่าปกติ 50 mm.Hg., Pulse จะพบชีพจรเบา เร็ว, Capillary filling time นานกว;า 1-2 วินาที, Central venous pressure = 7-8 cm.H2O
ระบบหายใจ
จะพบการหายใจเร็ว และไม่สม่ำเสมอ จาก Acidosis respiration
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ระยะแรกปัสสาวะจะลดลงเหลือ 30-50 ml./hr. และ 40 ml./hr.เมื่อเกิดภาวะไตวายปัสสาวะจะออกน้อยกว่า 20 ml./hr.
ระบบทางเดินอาหาร
ผู้ป่วยจะกระหายน้ำ น้ำลายน้อยลง ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน ลําไส้บวม และ ไม่ได้ยิน bowel sound
การเสียเลือดที่มองไม่เห็นแลhวผูhป่วยเกิดอาการ Shock อาจเกิดการเสียเลือดในส่วนต่างๆของร่างกายได้มากกว่า 1 แห่ง ตําแหน่งการเสียเลือดที่สําคัญ ได้แก่
2.ในช่องท้องรวมทั้ง retroperitoneum ทราบได้โดยการทํา Diagnostic peritoneal lavage
3.ในอุ้งเชิงกราน เช่นใน Fracture pelvis หรือ Fracture femur
1.ในช่องอก อาจทราบได้จากการตรวจร่างกาย การเอกซเรย์ปอด หรือการใส่ท่อระบาย
4.ที่ต้นขาซึ่งเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดขนาดใหญ่ เช่น Fracture femur
5.Exposure / environmental control
ในขั้นตอนนี้จําเป็นต้องทําการพลิกตะแคงตัวผู้บาดเจ็บแบบท่อนซุง (Log roll)
เมื่อทําการพลิกตะแคงตัว จะประเมินการเกิด functional shut down หากมีภาวะ spinal shock เกิดขึ้น ผู้ตรวจจะไม่สามารถตรวจพบการทํางานของกล้ามเนื้อ การรับรู้สัมผัส (sensory) รีเฟลกซ์และที่สําคัญจะไม่พบ bulbocarvernosus reflex
ขณะตรวจในห้องควรจะอบอุ่น เพื่อป้องกันภาวะ Hypothermia
ควรถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเพื่อค้นหาการบาดเจ็บต่างๆอื่นๆ
Disability (Neurologic Status)
ประเมินจากAVPU Scale
A Alert หมายถึง ผู้บาดเจ็บรู้สึกตัวดี สามารถพูดโต้ตอบหรือทําตามคําสั่งได้
V Voice/verbal stimuli หมายถึงผู้บาดเจ็บสามารถตอบสนองต่อเสียงเรียกได้
P Painful stimuliหมายถึงผู้บาดเจ็บตอบสนองเมื่อกระตุ้นด้วยความปวด
U Unresponsive หมายถึงผู้บาดเจ็บไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลย
CPOMR Scale
pupil
ocular movement
Level of conscious
motor
respiration
การตรวจประเมินรูม่านตา
การขยายรูม่านตาที่ไม่เท่ากัน โตเพียงข้างเดียว ข้างที่มีขนาดใหญ่ไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง แสดงถึงพยาธิสภาพเนื้อสมองด้านเดียวกับรูม่านตาที่ผิดปกติSluggish คือรูม่านตาจะค่อยๆ หดตัวเล็กลงช้ากว่าคนปกติเนื่องจากการกดเส้นประสาทสมองคู่ที่ 3 เช่นในระยะที่สมองเคลื่อนย้อยผ่าน Tentorium สมองบวม