Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย, pngtree-quick-push…
แนวคิด หลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย
ผู้ป่วยที่มีภาวะเจ็บป่วยด้วยภาวะฉุกเฉินจึงหมายรวมถึงผู้ป่วยมีภาวะเจ็บป่วยวิกฤต
เป็นผู้ที่กำลังประสบภาวะคุกคามต่อชีวิตทางด้านร่างกาย (Life-threatening)
พบได้ทั้งในห้องฉุกเฉิน หอผู้ป่วยหนัก หอผู้ป่วยสามัญ แผนกตรวจผู้ป่วยนอก หรือรวมถึงในชุมชน หรือที่กำลังถูกนำส่งโดยรถ EMS (Emergency Medical Service)
แนวคิด
(1) Anglo-American Model (AAM)
ปีเริ่มต้น 1970s
ปรัชญา/จุดประสงค์หลัก
นำผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใหเร็วที่สุด
บุคลากรผู้ให้บริการ/การดูแล
ทีมเวชกิจฉุกเฉินให้การดูแลโดยมีแพทย์กำกับ
ปลายทาง
ลำเลียงผู้ป่วยส่งตรงห้องฉุกเฉิน
แนวคิดการเชื่อมต่อองค์กร
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสาธารณสุข
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
ใช้ Aero-medical หรือ Coastal ambulance
องค์การที่เกี่ยวข้อง
เช่น ตำรวจ สถานดับเพลิง
ค่าใช้จ่าย
สูงกว่า FGM
จำนวนผู้ป่วย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการนำส่งไปยังโรงพยาบาล
เพียงจำนวนน้อยที่ได้รับ การดูแล ณ จุดเกิดเหตุ
ตัวอย่างประเทศ
สหราชอาณาจักรสหรัฐอเมริกา แคนาดานิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย
(2) Franco-German Model (FGM)
ปีเริ่มต้น 1970s
ปรัชญา/จุดประสงค์หลัก
“Stay and Stabilize” ให้เวลานานในการดูแลอาการในสถานที่เกิดเหตุและรักษาไปยังสถานที่เกิดเหตุนำการ
บุคลากรผู้ให้บริการ/การดูแล
เทคโนโลยีรวมไปให้การดูแลในขั้นสูง
ปลายทาง
ลำเลียงผู้ป่วยส่งหน่วยเฉพาะทาง
แนวคิดการเชื่อมต่อองค์กร
ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสาธารณสุข
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
Ambulance, Helicopter และ Coastal ambulance
องค์การที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้บริการจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพ
ค่าใช้จ่าย
ต่ำกว่า AAM
จำนวนผู้ป่วย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการรับการรักษา ณ จุดเกิดเหตุ
ตัวอย่างประเทศ
เยอรมนี ฝรั่งเศส กรีซ มอลต้า ออสเตรีย
ความหมาย
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน
การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จำเป็นต้องดำเนินการช่วยเหลือ
การเจ็บป่วยวิกฤต
มาจากคำที่ใช้ในภาษาอังกฤษ คือ
“Critical” จะนำมาใช้ในผู้ป่วยอาการเพียบหนัก มีอาการรุนแรง หรือขั้นฉุกเฉิน มีอันตราย
เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยการรักษา
“Crisis” นำมาใช้กับผู้ป่วยที่อยู่ในสภาวะที่มีสถานการณ์คับขัน เป็นจุดวิกฤตของการเป็นโรค
เพื่อดำรงรักษาชีวิต
การเจ็บป่วยวิกฤต
การเจ็บป่วยที่มีความรุนแรงถึงขั้นที่อาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตหรือพิการได้
อุบัติเหตุ (Accident)
อุบัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้น โดยไม่คาดหมายมาก่อน ทำให้เกิดการบาดเจ็บตายและการสูญเสียทรัพย์สินโดยที่เราไม่ต้องการ
(Traffic Accident)
(Occupational Accident
(Home or Domestic Accident)
(Public Accident)
ผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
ไม่รู้สึกตัว ชัก เป็นอัมพาต
BP:Systolic ต่ำกว่า 80 มม.ปรอท
หรือ Diastolic สูงกว่า 130 มม.ปรอท
ตกเลือดเลือดออกมากซีดมาก
กระสับกระสาย
มือเท้าซีดเย็น เหงื่อออกมาก
อุณหภูมิของร่างกายต่ำกว่า 35 เซลเซียส หรือสูงกว่า 40 เซลเซียส
ถูกพิษจากสัตว์ เช่น งู หรือสารพิษชนิดต่างๆ
ผู้ป่วยวิกฤตมีลักษณะดังนี้
ผู้ป่วยที่สามารถรักษาได้ เช่น ผู้ป่วยที่หมดสติ
ผู้ป่วยที่มีอัตราตายสูง เช่น ผู้ป่วย Septic Shock
ผู้ป่วยที่มีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรง เช่น ผู้ป่วย myocardialin farction
ผู้ป่วยที่อัตราตายสูง แม้จะได้รับการรักษา เช่น ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
ผู้บาดเจ็บจากสาธารณภัย
กลุ่มอาการไม่รุนแรง หากผู้ป่วยเดินได้อาจถือว่าอาการไม่หนัก
กลุ่มอาการหนัก ต้องหามนอนหรือนั่งมาอาการแสดงยังคลุมเครือต้องใช้การตรวจอย่างละเอียด
กลุ่มอาการหนักมาก หรือสาหัสต้องการการรักษาโดยด่วน
หลักการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
หลักทั่วไปในการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
เพื่อช่วยชีวิต เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหยุดหายใจ หรือหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน
การป้องกันและบรรเทาไม่ให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นวิกฤต
การบันทึกเหตุการณ์อาการและการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เพื่อเป็นประโยชน์ในการรักษาต่อไป
การส่งต่อรักษา หลังจากให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ป่วยแล้ว ต้องรีบเคลื่อนย้ายนำส่งโรงพยาบาล
หลักในการพยาบาล ดังนี้
มีหลักในการอุ้มยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากยานพาหนะไปยังห้องพยาบาล
มีการซักประวัติการเจ็บป่วยและอาการสำคัญอย่างละเอียด
ทำการคัดกรองผู้ป่วยอย่างรวดเร็วแม่นยำ
ให้การรักษาพยาบาลภายใต้นโยบายของโรงพยาบาล
ให้การช่วยฟื้นคืนชีพอย่างถูกต้อง
ให้การดูแลจิตใจของผู้ป่วยและญาติ
มีการนัดหมายผู้ป่วยที่ไม่ได้นอนโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาต่อเนื่อง
มีการส่งต่อเพื่อการรักษาทั้งในหอผู้ป่วยในแผนกผู้ป่วยหนัก และภายนอกโรงพยาบาล
หลักการพยาบาลตามบทบาทพยาบาลวิชาชีพงานบริการพยาบาลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินของสภาการพยาบาล พ.ศ. 2552
ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่กำลังคุกคามชีวิตผู้ป่วย
ค้นหาสาเหตุและ/หรือปัญหาที่ทำให้เกิดภาวะฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ
ดูแลและรักษาสภาวะของผู้ป่วยให้อยู่ระดับปลอดภัย
รักษาหน้าที่ต่างๆ ของอวัยวะสำคัญของร่างกายให้คงไว
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและติดเชื้อ
ประคับประคองจิตใจและอารมณ์ของผู้ป่วยและญาติ
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสาธารณภัย / ภัยพิบัติ (Disaster)
ภัย (Hazard)
เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ใดๆที่สามารถที่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต
สาธารณภัย / ภัยพิบัติ (Disaster)
ภัยที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติหรือจากการกระทำของมนุษย์และก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต
ภัยพิบัติและผลกระทบของภัยพิบัติได้ตัวอย่างเช่น
สาธารณภัย
ภัยสาธารณะ
2.1 ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ
2.2 ภัยที่เกิดจากคนทำ
ภัยทางอากาศ
การก่อวินาศภัย
ประเภทของภัยพิบัต
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ (Natural Disaster)
ภัยที่เกิดจากมนุษย์(Man-made Disaster)
การจัดระดับความรุนแรงของสาธารณภัยทางสาธารณสุข
ความรุนแรงระดับที่ 1
สาธารณภัยที่เกิดขึ้นทั่วไปหรือมีขนาดเล็ก
ความรุนแรงระดับที่ 2
สาธารณภัยขนาดกลาง
ความรุนแรงระดับที่ 3
สาธารณภัยขนาดใหญ่:ที่มีผลกระทบรุนแรงกว7างขวาง
ความรุนแรงระดับที่ 4
สาธารณภัยขนาดใหญ่; ที่มีผลกระทบรุนแรงยิ่ง
อุบัติภัย
ภัย (Hazard)
สามารถที่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตความเสียหายต่อทรัพย์สินความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อม
อุบัติเหตุกลุ่มชน/อุบัติภัยหมู่ (MASS CASSUALTIES)
โดยอุบัติภัยหมู่มีลักษณะสำคัญ ดังนี้
เกิดการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยของประชาชนจำนวนมาก
มีการทำลายของทรัพย์สินหรือสิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรที่มีอยู่ในภาวะปกติไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ควบคู่สถานการณ์
ระบบและกลไกปกติของสังคมถูกทำลายหรือไม่เพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ได
ประเภทของอุบัติภัยหมู่แบ่งตามขีดความสามารถของสถานพยาบาล
Multiple casualties
ทั้งจำนวนและความรุนแรงของผู้ป่วยไม่เกินขีดความสามารถของโรงพยาบาล
Mass casualties
ทั้งจำนวนและความรุนแรงของผู้ป่วยเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลและทีม
หลักการพยาบาลสาธารณภัย
การบรรเทาภัย (Mitigation)
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ดำเนินการเพื่อลดหรือกำจัดโอกาสในการเกิดหรือลดผลกระทบของการเกิดภัยพิบัต
การเตรียมความพร้อม (Preparedness)
การรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เป็นระยะต่อเนื่องจากการบรรเทาภัย
การตอบโต้เหตุการณ์ฉุกเฉิน (Response)
ต้องมีการดำเนินการทันเมื่อเกิดภัย โดยยึดตามหลัก CSCATT
การควบคุมยับยั้งโรคและภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
การบูรณะฟefนฟู (Recovery) เป็นระยะสุดท้ายในการจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข
พยาบาลกับการจัดการสาธารณภัย (Disaster Nursing)
เป็นการพยาบาลที่ต้องนำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและด้านการพยาบาลฉุกเฉิน มาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่เกิดสาธารณภัย
หลักการบริหารจัดการในที่เกิดเหตุและรักษาผู้บาดเจ็บ
โดยหลักการบริหารจัดการในที่เกิดเหตุ
และรักษาผู้บาดเจ็บตาม Disaster paradigm
D – Detection
I - Incident command
S – Safety and Security
A – Assess Hazards
S – Support
T – Triage/Treatment
E – Evacuation
การอพยพผู้บาดเจ็บระหว่างเหตุการณ์
R – Recovery
การฟื้นฟูสภาพหลังจากเกิดเหตุการณ์
ลักษณะของการปฏิบัติการพยาบาลในสถานการณ์สาธารณภัย
มุ่งลดความเสียหายต;อชีวิตและสุขภาพของประชาชนที่เกิดจากสาธารณภัย
ต้องนำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและด้านการพยาบาลฉุกเฉินมาประยุกต์ใช้
เป็นการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อ
ป้องกันและลดความรุนแรง
มุ่งเน้นด้านการพยาบาลฉุกเฉิน
การฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ
คุณสมบัติพยาบาลสำหรับจัดการสาธารณภัย
มีความรู้ทางการพยาบาลและมีประสบการณ์การปฏิบัติงานการพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินและวิกฤต
มีความรู้ด้านสาธารณภัย
มีทักษะในการตัดสินใจที่ดี มีความเป็นผู้นำ
มีทักษะในการสื่อสาร และการบันทึกข้อมูลต่างๆ
มีวุฒิภาวะที่เหมาะสมกับสถานการณ์
ระบบทางด่วน (Fast track/Pathway system) สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน
โดยอาศัยหลักการ ดังนี้
การจัดทำควรเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพ
จัดทำแผนภูมิการดูแลผู้ป่วย
จัดทำแนวปฏิบัติ
จัดทำรายการตรวจสอบ (check list) สำหรับการลงข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ
ฝึกอบรมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีความรู้และสามารถดำเนินการตามระบบทางด่วน
แผนการปฏิบัติต้องเน้นย้ำเวลาเป็นสำคัญ
กำหนด clinical indicator เพื่อการติดตามและประเมินผลในแต่ละขั้นตอน
บทบาทพยาบาลกับระบบทางด่วน (Fast track)
การประเมินเบื้องต้นโดยใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะโรค
การรายงานแพทย์ผู้รักษาเพื่อตัดสินใจสั่งการรักษา
การประสานงานผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กร
การจัดการและดูแลขณะส่งต่อ
การให้การดูแลตามแผนการรักษาภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด
การติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือเมื่อมีความผิดปกติและติดตามการประเมินผลลัพธ์
การดำเนินงานเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานในภาพรวม
การจัดระบบให์มีการทบทวนและพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
บทบาทพยาบาลในระบบทางด่วน (Fast track)
EMS (accessibility)
Triage/ Specific triage/ Assessment
Activate system
Flow (purpose-process-performance)
Investigation
Care delivery
Monitoring: early warning signs & E-response
Risk management (general & clinical)
Co-ordination, Communication, Handover
Inter & Intra transportation
Evaluation, output, outcome
Improvement, Innovation, Integration
หลักการดูแลผู้บาดเจ็บ (Trauma life support)
ระบบการดูแลผู้บาดเจ็บ (Trauma care system)
การเข้าถึงหรือรับรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น (Access)
การดูแลในระยะก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital care)
โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก (scene safety)
การดูแลในระยะที่อยู่โรงพยาบาล (Hospital care)
การฟื้นฟูสภาพ และการส่งต่อ (Rehabilitation & transfer)
การดูแลผู้บาดเจ็บขั้นต้น ประกอบด้วย
การประเมินผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น (Primary Survey)
การประเมินเพื่อหาภาวะคุกคามแก่ชีวิต ให้ประเมินเป็นระบบ ตามลำดับขั้นตอนดังนี้
A Airway maintenance with cervical spine protection
B Breathing and ventilation
C Circulation with hemorrhagic control
D Disability (Neurologic Status)
E Exposure / environmental control
Resuscitation
Secondary survey
Definitive care
Primary survey: ขั้นตอนและวิธีการ
Airway maintenance with cervical spine protection
เปิดทางเดินหายใจให้โล่งโดยใช้วิธีการ Head-tilt Chin-lift, กรณีผู้ป่วยที่สงสัยหรือได้รับอุบัติเหตุใหทำการเปิดทางเดินหายใจด้วยวิธี jaw-thrust maneuver, modified jaw thrust, Triple airway maneuverโดยต้องป้องกันการบาดเจ็บของ Cervical spine ตลอดเวลา
วิธีการเปิดทางเดินหายใจแบบ Head-tilt Chin-lift maneuver
วิธีการเปิดทางเดินหายใจแบบ jaw-thrust maneuver
วิธีการเปิดทางเดินหายใจแบบ modified jaw-thrust maneuver
เป็นการเปิดทางเดินหายใจเช่นเดียวกับการทำ jaw-thrust maneuver without Head-tilt ใช้ในกรณีสงสัยมีการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ
วิธีการเปิดทางเดินหายใจแบบ Triple airway maneuver
Breathing and Ventilation
โดยประเมินจาก
การเปิดดูร่องรอยบาดแผลที่บริเวณทรวงอก
ดูการเคลื่อนไหวบริเวณทรวงอก
คลำ การเคาะเพื่อตรวจหาการบาดเจ็บ
ฟัง Breath sound ทั้งสองข้าง
Circulation and Hemorrhage control
การประเมินในระบบนี้ สามารถประเมินได้จาก
อาการทางระบบประสาท
ผิวหนัง
หัวใจและหลอดเลือด
ระบบหายใจ
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ระบบทางเดินอาหาร
ภาวะกรดด่างของร่างกาย
Disability: Neurologic Status
เริ่มประเมินจากระดับความรู้สึกตัวซึ่งอาจประเมินได้ตั้งแต่แรกรับผู้ป่วยพร้อม Airway อาจใช้ Glasgow Coma Scale
การตรวจประเมินรูม่านตา ปกติพบว่ารูม่านตา (pupils) จะหดเล็กลงเมื่อได้รับแสงสว่างและกลับคืนสู่ขนาดปกติโดยมีอัตราความเร็วแตกต่างกัน (react to light)
หรือการใช7 CPOMR Scale ได้แก่ Level of conscious, pupil, ocular movement, motor, respiration หรือ Revision trauma scale
การกู้ชีพ (Resuscitation)
การแก้ไขภาวะคุกคามต่อชีวิตหรือที่เปgนอันตรายเร่งด่วน
Airway ภายหลังจากการประเมิน การทำ Definitive airway
Breathing ผู้บาดเจ็บทุกรายควรได้รับออกซิเจนเสริมหากไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ
Circulation การห้ามเลือดเปgนสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในผู้บาดเจ็บโดยทำร่วมกับการให้สารน้ำทดแทน
ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำอาจพบได7ตั้งแต่ขณะที่ผู้บาดเจ็บมาถึง
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ผู้บาดเจ็บทุกรายควรได้รับการติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
การตวงวัดปริมาณปัสสาวะ เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีของปริมาณสาน้ำในร่างกายผู้บาดเจ็บและแสดงให้เห็นแต่เนิ่นๆ
การใส่สายสวนกระเพาะ เพื่อลดการโป่งพองของกระเพาะอาหาร ป้องกันการสำลัก
การประเมินสภาพร่างกายผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างละเอียด (Secondary Survey
มักทำหลังจาก primary survey และ Resuscitation จนVital function เข้าสู่ภาวะปกติ
History ประวัติและ Mechanism of Injury อาจได้จากตัวผู้ป่วยเอง
ซึ่งสรุปได้เป็นคำย่อคือ AMPLE ประกอบด้วย
• Allergies ประวัติการแพ้ยา สารเคมีหรือวัตถุต่างๆ
• Medication ยาที่ใช้ในปัจจุบัน
• Past illness/ Pregnancy การเจ็บป่วยในอดีตและการตั้งครรภ์
• Last meal เวลาที่รับประทานอาหารครั้งล่าสุด
• Event/ Environment related to injury อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร
Blunt trauma ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุจราจร พลัดตกจากที่สูง
Penetrating trauma เกิดจากอาวุธปืน มีด
Physical Examination ในการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ
Head ในการตรวจหนังศีรษะให้ใช้มือคลำให้ทั่วหนังศีรษะเพื่อหาบาดแผล
Facial ควรคลำกระดูกใบหน้าให้ทั่วเพื่อหา deformity
Cervical spine and Neck ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวทุกรายที่มีการบาดเจ็บศีรษะ
Chest การตรวจจะเริ่มจากการมองหารอยช้ำ รอยยุบ
ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ควรถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเพื่อค้นหาการบาดเจ็บต่างๆ อื่นๆ ในผู้ป่วยทบาดเจ็บหนักอาจใช้กรรไกรในการตัดเสื้อและกางเกงออกเพื่อจะได้ตรวจร่างกายอย่างถูกต้อง
Abdomen ในผู้ป่วยที่บาดเจ็บและเกิดภาวะ Shockให้สงสัยการบาดเจ็บในช่องท้องและมีการเสียเลือดเกิดขึ้น
Musculoskeletal and Peripheral vascular assessment
ประเมินบาดแผล การหักงอ บวมผิดรูป ประเมินจุดที่เจ็บ
Pelvic fracture
จะตรวจพบ Ecchymosis บริเวณ Iliac wing, Pubis, Labia หรือ Scrotum
Neurological system
ประเมิน motor, sensory และต้อง Reevaluation ระดับความรู้สึกตัว pupil size Glasgow coma score
Re-evaluation
ในระยะแรกที่ดูแลผู้ป่วยที่บาดเจ็บ ควรมีการประเมินร่างกายซ้ำเป็นระยะๆ เพื่อประเมินหาการบาดเจ็บที่อาจตรวจไม่พบในระยะแรก
การรักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บภายหลังได้รับการช่วยเหลือขั้นต้นแล้ว (Definitive Care)
เป็นการรักษาอย่างจริงจังหลังจากได้ทำ secondary survey เรียบร้อยแล้ว เพื่อแก้ไขพยาธิสภาพโดยตรง