Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเตรียมสมุนไพรสำหรับเครื่องสำอางและยา - Coggle Diagram
การเตรียมสมุนไพรสำหรับเครื่องสำอางและยา
แบบผงแห้ง
วิธีเตรียมสมุนไพรแบบผงแห้ง
1.การเก็บสมุนไพรสดการเก็บสมุนไพรถือว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งที่มี
ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีผลต่อปริมาณสารสำคัญและสรรพคุณทางยาของสมุนไพร เพื่อให้การเตรียมสมุนไพรมีความถูกต้องตามหลักวิชาการและภูมิปัญญาพื้นบ้าน ผู้แปรรูปสมุนไพรควร
มีความรู้ในการเก็บสมุนไพรสด
1.1อายุพืช
หากไม่มีการศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสารสำคัญและอายุพืช ขณะเก็บเกี่ยว ให้เก็บเกี่ยวสมุนไพรที่มีอายุโตเต็มที่
1.2ช่วงระยะเวลาที่เก็บ
ศึกษาข้อมูลเฉพาะถิ่นจากตำรา การศึกษาวิจัย หรือยึดหลักของแผนโบราณ
• พืชที่ใช้ใบหรือทั้งต้นเป็นยา เมื่อพืชโตเต็มที่แล้วสามารถเก็บได้ทั้งปีให้เก็บใบที่โตเต็มที่โดยวิธีเด็ด ยกเว้นพืชบางชนิดที่ใช้ใบ หรือยอดอ่อน
• พืชที่ใช้ดอกเป็นยา เก็บในช่วงที่ดอกเริ่มบาน บางชนิดจะเก็บในช่วงดอกตูม เช่น กานพลู สำหรับดอกที่มีน้ำมันหอมระเหยปริมาณมาก และต้องการกลิ่นหอมด้วย ควรเก็บในช่วงหัวค่ำประมาณ 18.00-19.00 น. หรือเก็บในช่วงเช้ามืดขณะที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เพราะปริมาณน้ำมันหอมระเหยจะมากกว่า
• พืชที่ใช้เปลือกต้นหรือเปลือกรากเป็นยา เก็บในช่วงปลายฤดูร้อนต่อกับฤดู ฝน เพราะเปลือกจะลอกออกง่าย การเลือกกิ่งที่ลอกควรเป็นกิ่ง หรือแขนงย่อยที่โตเต็มที่ไม่ลอก จากลำต้นใหญ่ เพราะอาจทำให้พืชตายได้ง่าย วิธีลอก ควรลอกออกครึ่งลำต้น อย่าลอกรากลำ
ต้น เพราะจะกระทบกระเทือนต่อระบบการลำเลียงอาหารของพืชพืชที่ใช้แก่นเป็นยา มักเก็บในฤดูร้อนควรเก็บกิ่ง หรือแขนงย่อยที่โตเต็มที่ และไม่ควรโค่นลำต้น
• พืชที่ใช้รากหรือหัว เก็บช่วงที่พืชหยุดการเจริญเติบโตใบร่วงหมด (เรียก ช่วงเวลานี้ว่า ลงหัว) ซึ่งมักเป็นช่วงต้นฤดูหนาวถึงปลายฤดูร้อน เช่น กระชาย กระทือ ข่า เป็นต้น
2.การล้างสมุนไพรให้สะอาด
โดยเฉพาะส่วนที่ขุดจากดิน เช่น เหง้าหรือราก ต้องล้างดินออกให้หมด และฝั่งในถาด ตะแกรงโปร่ง ที่มีรูขนาดกลางเพื่อระบายน้ำให้สะเด็ดน้ำ นั่นให้มีขนาดเล็กลงวัสดุที่ใช้เป็นถาด ได้แก่ ถาดสแตนเลสเจาะรู กระดังที่มีรูขนาดกลาง หรือแคร่ไม้ไผ่ที่สะอาด
3.อบหรือตากแห้งใช้อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส
• พึ่งให้แห้ง เหมาะสำหรับพืชที่มีน้ำมันหอมระเหย เช่นกะเพรา โหระพา มักใช้วิธีผูกเป็นมัดเล็กๆ แขวนที่เชือกหรือใส่กระดังกระจาดที่มีรูวางไว้ในที่โปร่งไม่โดนแดดส่องถึงโดยตรง มีลมพัดผ่านเกือบตลอดเวลา (ไม่สามารถทำได้ในภาคใต้เนื่องจากความชื้นในอากาศสูง พืชแห้งช้าจะขึ้นราได้ง่าย) ใช้อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส
• ตู้อบแสงอาทิตย์ประหยัดพลังงาน แต่มีข้อเสีย คือต้องได้รับแสงแดดโดยตรง ซึ่งอาจทำลายสารสำคัญบางชนิด
• ตู้อบลมร้อนพลังงานไฟฟ้า แก๊ส ถ่าน ไม้ หรือแกลบข้อดี คืออุณหภูมิสม่ำเสมอ แต่ราคาตู้อบค่อนข้างแพง
4.การบดเป็นผง
อาจใช้เครื่องมือบดได้หลายชนิด เช่น ครกหินครกบดยาชนิดบดด้วยมือ หรือเครื่องบด ไฟฟ้าขนาดเล็ก ระดับอุตสาหกรรม หลังจากผ่านเข้าเครื่องบดแล้วให้นำไปผ่านแร่ง เพื่อแยกผง ยาที่มีความละเอียดสม่ำเสมอไปดำเนินการต่อ ความละเอียดของผงยาที่ใช้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ใช้เป็นผงในเครื่องสำอางผ่านแร่งเบอร์ 60 ขึ้นไปใช้สำหรับสกัดให้บดหยาบ ไม่จำเป็นต้องผ่าน แร่งหากใช้เครื่องบดที่มีตะแกรง ต้องใช้ตะแกรงพยาบที่สุด โดยใช้ตะแกรงขนาดไม่เกินเบอร์ 20
วิธีการเตรียมสมุนไพรแบบสารสกัด
1.การต้ม
สารสกัดที่ได้จากวิธีการต้มนี้อาจเรียกว่า สารสกัดน้ำหรือน้ำสกัด
1.1 ให้นั่งสมุนไพรสด หรือแห้ง (ตามข้อแนะนำของแผนโบราณ) ย่อยสมุนไพรให้มีขนาดเล็กพอประมาณห้ามบดละเอียด
1.2 เติมน้ำ 3-5 เท่า ของน้ำหนัก ถ้าเป็นสมุนไพรสดจะใช้น้อยกว่า โดยให้น้ำท่วมสูงเกินสมุนไพรประมาณ5 นิ้ว จดบันทึกน้ำหนักของน้ำที่ใช้ ถ้าเป็นสมุนไพรแห้งให้แช่ในน้ำ 20 นาที ก่อนนำขึ้นตั้งไฟปานกลางจนเดือด จับเวลาเมื่อเริ่มเดือด ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที หากน้ำแห้งให้เติม เมื่อสีน้ำสกัดไม่เข้มจากเดิมให้ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง 3 ชั้น
1.4 ข้อเสีย กรณีที่จะเตรียมเก็บไว้นานๆอาจมีเชื้อแบคทีเรีย หรือราทำให้บูดเน่าเสียได้ง่าย สามารถแก้ไขได้ 2 วิธี คือ เติมสารกันเสีย หรือเคี่ยวให้เข้มข้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น เคี่ยวจนเหลือน้ำหนัก 1 ใน5 แต่ต้องระวังไม่ให้ไหม้และจดน้ำหนักสุดท้ายที่ได้หลังจากนั้นให้ สรุปการสกัด และเก็บข้อมูลไว้เป็นเทคนิคในการสกัดครั้งต่อไป
1.5 ปัจจัยที่ต้องควบคุมในการสกัดแบบต้ม ได้แก่ อัตราส่วนระหว่างน้ำและสมุนไพร เวลาที่ใช้ต้ม รายละเอียดอื่นๆ เช่นน้ำก่อนต้ม เวลาที่ใช้แช่สมุนไพรก่อนนำขึ้นตั้งไฟ น้ำหนักสารสกัดที่ได้ต้องเท่าเดิม และจดรายละเอียดทุกครั้งที่สกัดโดยทำเป็นรายงานดังตัวอย่าง
1.3 นำกากมาต้มซ้ำเช่นเดิม และรวมน้ำสกัด 2 ครั้ง
เข้าด้วยกัน ตั้งไฟเคี่ยวต่อจนได้ น้ำหนักที่ต้องการการเคี้ยวอาจไม่ใช้ไฟตรง เพื่อหลีกเลี่ยงการไหม้ ส่วนใหญ่จะนิยมให้น้ำหนักน้ำสกัดเท่ากับน้ำหนักสมุนไพรที่นำมาสกัด เช่น สมุนไพร 1 กก. เมื่อสกัดเสร็จแล้วได้น้ำสกัด 1 กก. ซึ่งง่ายต่อการคำนวณสัดส่วนในเครื่องสำอาง
2.การคั้นน้ำสด
สารสกัดที่ได้อาจเรียกว่า น้ำสกัด หรือน้ำคั้น และต้องใช้สมุนไพรสด บีบเอาแต่น้ำซึ่งเหมาะสมกับสมุนไพรที่ทนความร้อนไม่ได้
วิธีที่ 1 น้ำคั้นผลไม้
• เช่น น้ำคั้นผลส้ม น้ำค้นผลมะเฟือง
• เครื่องมือ เครื่องคั้นน้ำผลไม้
• วิธีทำล้าง ทำความสะอาดผิวด้านนอกของผลไม้ ผ่า ซีก บีบด้วยเครื่อง
วิธีที่ 2 น้ำคั้นใบหรือเหง้า
• เช่น ขมิ้น
•เครื่องมือ เครื่องปั่นน้ำผลไม้
•วิธีทำ ปั่นสมุนไพรสดกับน้ำจำนวนครึ่งเท่าของน้ำหนักสมุนไพร ในเครื่องปั่นน้ำผลไม้กรองด้วยผ้าขาวบาง
ข้อเสีย
• การสกัดแบบนี้สารสกัดสมุนไพรไม่ค่อยคงตัวมักต้องใช้สารกันบูด
ควรเตรียมแล้วผลิตเครื่องสำอางทันที หรือแช่เย็นไว้ 1 วัน ก่อนใส่ใน
เครื่องสำอาง
การควบคุมคุณภาพ
•คัดเลือกสมุนไพรที่มีอายุและขนาดเท่าเดิม
• เครื่องมือที่ใช้ต้องทำความสะอาดด้วแอลกอฮอล์และทิ้งให้แห้งก่อนใช้ทุกครั้งจดน้ำหนักพืชสมุนไพรที่ใช้ครั้งแรกจำนวนน้ำที่ใช้และน้ำหนักน้ำที่ได้ภายหลังกรองเติมน้ำภายหลัง ให้ได้น้ำหนักประมาณ 30-50% ของน้ำหนักสด (ต้องให้ได้น้ำเท่าเดิมทุกครั้งที่สกัด เช่น น้ำสกัดน้ำหนักเป็นหนึ่งเท่า หรือเท่าครึ่งของสมุนไพรสด)
การเคี่ยวในน้ำมันหรือการหุงน้ำมัน
น้ำมันที่ใช้ควรเป็น น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันมะพร้าวสัดส่วนสมุนไพรที่ใช้ ให้ใช้สมุนไพร สด หรือแห้ง1-2 เท่า ของน้ำหนักน้ำมันพืช
วิธีทำ
•ชั่งน้ำหนักสมุนไพร
•ชั่งน้ำหนักน้ำมันพืช ยกขึ้นตั้งไฟปานกลางเมื่อน้ำมันพืชร้อนประมาณ100-150 องศาเซลเซียสใส่สมุนไพรลงไปที่ละน้อย ทอดจนกรอบตกกากสมุนไพรทิ้ง เติมลงไปที่ละน้อย ทำซ้ำจนหมด
• กรองน้ำมันพืชด้วยผ้าขาวบาง 3 ชั้น จึงนำน้ำมันไปใช้
4.การสกัดด้วยแอลกอฮอล์
ตัวทำละลายที่ใช้ คือ เอทิลแอลกอฮอล์ (ethyl alcohol)
เป็นการสกัดที่ได้สารเคมีจากพืชในปริมาณมากที่สุด แต่มีข้อเสีย คือ ได้สารที่ไม่ต้องการติดมาด้วย และในการทำให้เข้มข้น ต้องใช้เครื่องมือที่มีราคาแพง จึงเหมาะสมสำหรับการสกัดในระดับอุตสาหกรรมเท่านั้น
การสกัดด้วยแอลกอฮอล์มีหลายวิธี ได้แก่
• การหมัก ( Maceration)
• การสกัดแบบต่อเนื่อง
• การสกัดแบบชง (โดยใช้ Percolator)ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะวิธีแรกเท่านั้น
• เหมาะสำหรับสารที่ไม่ทนต่อความร้อนตัวอย่าง เช่น การสกัดพญายอ การสกัดยานอนหลับ จากใบขี้เหล็ก หรือยาดองเหล้าของไทยเกือบทุกชนิด
• เครื่องมือที่ใช้
■ถังหมักคล้าย คูลเลอร์ มีก๊อกไขเอาสารละลายออก
■เครื่องระเหยแห้งสุญญากาศ
การหมัก (Maceration)
• วิธีทำ
ซึ่งผงสมุนไพรสดหรือแห้งใส่ในถุงผ้า
○ แช่แอลกอฮอล์ 2-3 เท่าตัวในภาชนะปิดสนิททิ้งไว้ 7 วัน คนทุกวัน
○ กรองเอาส่วนน้ำ บีบสารละลายออกจากกาก
○ แล้วเติมสารละลายเพื่อล้างกาก ทำซ้ำอีกครั้งเป็นการหมักซ้ำ เพื่อให้ได้สารสกัดมากที่สุด
○เอาสารสกัด 2 ครั้งรวมกัน นำไปทำให้เข้มข้นด้วยเครื่องระเหยแห้งสุญญากาศ เพื่อป้องกันอันตรายต่อคนทำงานและป้องกันการทำลายสิ่งแวดล้อม ห้ามนำไปทำให้เข้มข้นด้วยการตั้งไฟตรง หรือตุ้นในลังถึงหรือเครื่องไอน้ำ เพราะแอลกอฮอล์ที่ระเหยออกมาขณะทำงาน จะกระจายในอากาศบริเวณนั้น ผู้ทำงานจะมีอาการเหมือนคนเมาเหล้าและสิ่งแวดล้อมจะเสียไป จึงไม่แนะนำการสกัดวิธีนี้ในชุมชน นอกจากสามารถพัฒนาเครื่องมือกักเก็บแอลกอฮอล์ที่ระเหยออกมาและนำกลับไปใช้ใหม่ได้