Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินภาวะสุขภาพ และการพยาบาลแม่หลังคลอด เตียง 19 นศพต.สุภมาศ…
การประเมินภาวะสุขภาพ
และการพยาบาลแม่หลังคลอด
เตียง 19
นศพต.สุภมาศ สิทธิจู เลขที่ 70 ชั้นปีที่ 3
การประเมินมารดาหลังคลอด
ตามหลัก 13B
ข้อมูลส่วนตัว
มารดาหลังคลอด เตียง 19 มภร 15/2 อายุ 36 ปี ศาสนาพุทธ จบการศึกษา ป.6 อาชีพ แม่บ้าน รพ.จุฬา รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,000 บาท ที่อยู่อาศัย บ้านเช่าแบบ 2 ชั้น น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 50 kg ส่วนสูง 157 cm BMI 20.28 kg/m^2 น้ำหนักปัจจุบัน 64.4 kg BMI 26.13 kg/m^2 น้ำหนักที่ขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ 14.4 kg
อาการสำคัญ
ตรวจครรภ์ตามนัด GA 38 wks.
ประวัติการเจ็บป่วย
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน
G2P1A0 GA 38 wks by date มาตามนัดตรวจครรภ์ มีมูกเลือดออกทางช่องคลอด ไม่มีเจ็บครรภ์ ไม่มีน้ำเดิน ลูกดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง/วัน
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
ปฎิเสธการแพ้ยา แพ้อาหาร
ปฎิเสธประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
ปฎิเสธการใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์
ประวัติการตั้งครรภ์
วันที่ 8/2/65
G2P1A0 อายุครรภ์ 38 wks. คลอดแบบ Inverted T c/s ทารกเพศชาย คลอดเวลา 10.13 นาที น้ำหนัก 2,740 gm
ยาว 48 cm Apgar score ที่ 1 นาที 5 นาที 10 นาที 9 10 10 ตามลำดับ รกคลอดสมบูรณ์ น้ำหนักรก 450 gm Blood loss 700 ml. สถานที่คลอด โรงพยาบาลตำรวจ
วันที่ 10/5/49
G1P0A0 c/s due to maternal exhaustion term newborn male น้ำหนัก 3,300 gm แข็งแรงดี
ที่ รพ.สมเด็จพระสังฆราช no complication,
ปี 2549 ได้ T.Toxoid 3 เข็ม
ประวัติการฝากครรภ์
ANC 12 ครั้ง at รพ.ตำรวจ,
1st ANC at GA 15+4 wks. by date
ANC risk : Elderly gravidarum,
previous c/s due to maternal exhaustion
no U/D, no FDA
LMP : 17/05/64 x 7 days
EDC 21/02/65 by date
2.Body Condition
Day 1 : รู้สึกตัวดี รับประทานอาหารได้เอง
มีอาการอ่อนเพลีย เยื่อบุตาและเล็บไม่ซีด
ปวดแผลผ่าตัด ps=8 เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย
ขับถ่ายปกติ ไม่มีแสบขัด ไม่มีท้องผูก
Days 2 : รู้สึกตัวดี รับประทานอาหารได้เอง
อ่อนเพลียเล็กน้อย เยื่อบุตาและเล็บไม่ซีด
ปวดแผลผ่าตัด ps=5 สามารถลุกออกจากเตียง
ได้ด้วยตนเอง ขับถ่ายปกติ ไม่มีแสบขัด ไม่มีท้องผูก
3.Body temperature
and Blood pressure
Day 1 : T= 37.5, PR= 90, RR= 18, BP 105/70,PS= 8
Days 2 : T= 36.6, PR= 87, RR= 18, BP 113/74,PS= 5
4.Breast and lactation
Day 1 : เริ่มมีอาการคัดตึงเต้านม คลำไม่พบก้อน
หัวนมไม่แตกแยกเป็นแผล หัวนมไม่สั้น ไม่บอด ไม่บุ๋ม
คลำไม่พบต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ น้ำนมไหลระดับ 0
ประเมิน Latch score =9
:star:ให้คำแนะนำในการกระตุ้นให้ลูกดูดนม
Days 2 : มีอาการคัดตึงเต้านม เต้านมแข็ง
หัวนมไม่แตกแยกเป็นแผล หัวนมไม่สั้น ไม่บอด ไม่บุ๋ม
คลำไม่พบต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ น้ำนมไหลระดับ 2
น้ำนมเป็นชนิด Colostrums มีสีเหลืองข้น
:star:ให้คำแนะนำเทคนิคการบีบน้ำนม
ท่าอุ้มลูกเข้าเต้าที่เหมาะสม การประคบอุ่นเต้านม
5.Belly and uterus
Day 1 : มดลูกหดรัดตัวดี
Days 2 : มดลูกหดรัดตัวดี
6.Bladder
ปัสสาวะวันละ 3-4 ครั้ง ปัสสาวะสีใส
ไม่มีตะกอน ไม่มีอาการแสบขัด
7.Bleeding and lochia
Day 1 : น้ำคาวปลามีสีแดงจาง ประมาณ 30 ml
Days 2 : น้ำคาวปลามีสีแดงจาง ประมาณ 25 ml
8.Bottom
อวัยวะสืบพันธ์ุภายนอก ไม่มีการบวม
ไม่มีการคั่งของก้อนเลือดและเส้นเลือดดำขอดพอง
9.Bowel movement
Day 1 : ไม่ขับถ่ายอุจจาระ
Days 2 : ถ่ายอุจจาระ 1 ครั้ง
10.Blues
Day 1 : มารดาพยายามปรับตัวเข้าหาทารก
สนใจความต้องการของตนเป็นส่วนใหญ่
Days 2 : มารดาปรับตัวเข้ากับทารกได้
สนใจทารกมากขึ้น อุ้มทารกบ่อย
11.Bonding and attachment
มารดามีปฏิสัมพันธ์กับทารกดี สัมผัสทารก
มากอด พูด ประสานสายตา อุ้มให้นมทารก
12.Baby
ศีรษะไม่มี caput succedaneum ผิวหนังแดงชมพู ทรวงอกสมมาตร ไม่มี spinal Bifida หน้าอกไม่บุ๋ม
มีอวัยวะสืบพันธุ์และทวารหนัก ตอบสนองต่อการกระตุ้น
13.Belief model
-ครรภ์ที่ผ่านมาหลังคลอดบุตร อยู่ไฟโดย ซื้อยาจากร้านขายยามากิน
-วางแผนให้นมลูกถึงแค่ 3 เดือน เนื่องจากต้องกลับไปทำงาน
โดยฝากให้พี่สาวเป็นคนเลี้ยงให้
-มารดาไม่ต้องการมีบุตรเพิ่มแล้ว จึงคุมกำเนิดโดยการทำหมัน
การตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกายตามระบบ
วันที่ 10/02/65
1.ศีรษะ : มีผมแห้ง บาง ผมร่วงเล็กน้อย
2.ใบหน้า : ไม่มีอาการบวม สีหน้าปกติ
3.ตา : conjuncjiva สีแดงดี ไม่ซีด
4.จมูก : ไม่มีอาการบวมของเยื่อบุในจมูก
ไม่คัดจมูก ไม่มีสิ่งคัดหลั่ง
5.ปาก : ปากแห้งเล็กน้อย ไม่มีฟันผุ เหงือกไม่บวม
6.คอ : ต่อมน้ำเหลืองไม่โต ไม่เจ็บ ต่อม thyroid
ไม่โต กดไม่เจ็บ
7.ทรวงอกและปอด : ทรวงอกสมมาตร อกไม่บุ๋ม
ขณะหายใจไม่เหนื่อยหอบ เสียงหายใจปกติ
8.เต้านมและหัวนม : เต้านมมีอาการคัดตึง
หัวนมไม่บอด ไม่บุ๋ม หัวนมมีสีคล้ำ ไม่แตกแยก
ไม่มีแผล มีน้ำนมเหลือง (Colostrums)
9.หน้าท้อง : มีแผลผ่าตัด ความยาวประมาณ 5 นิ้ว
10.ผิวหนัง : ไม่มีอาการบวม
11.แขนขา : ขยับเคลื่อนไหวปกติ
ประเมินน้ำคาวปลา
Day 1 : น้ำคาวปลาสีแดงจาง
ประมาณ 30 ml เปลี่ยน pad 2-3 ผืน
Days 2 : น้ำคาวปลามีสีแดงจาง
ประมาณ 25 ml เปลี่ยน pad 2-3 ผืน
แนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน
การดูแลตนเอง
การรักษาความสะอาดและป้องกันการติดเชื้อ
-ดูแลความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ โดยล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง
-เปลี่ยนและใส่ผ้าอนามัยจากด้านหน้าไปด้านหลังเมื่อชุ่ม หรือ
ทุก 3-4 ชม
-ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังการขับถ่าย
การพักผ่อน
-ควรนอนให้ได้มากที่สุดเมื่อลูกหลับ เพราะร่างกายของคุณแม่
จะยังคงอ่อนเพลียจากการผ่าตัดและการให้นมลูกในตอนกลางคืน
ทำกิจวัตรประจำวัน
-กระตุ้นให้มารดามีการ Early ambulate ภายใน 24-48 ชม.
เช่น ลุกนั่ง หรือยืนข้างๆเตียง เพื่อป้องกันท้องอืดและทำให้ลำไส้ได้ขยับและกลับมาทำงานได้ตามปกติเร็วขึ้น และจะช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว
แต่ถ้ามีอาการมึนศีรษะ ควรนอนราบบนเตียง
การออกกำลังกายและการทำงาน (เมื่อกลับบ้าน)
-ไม่ควรยกของหนัก เดินขึ้นลงบันไดบ่อยๆในระยะหลังคลอด
6 สัปดาห์แรก
-สามารถทำงานบ้านที่เบาๆได้ เช่น ปรุงอาหาร ล้างจาน เก็บเสื้อผ้า รวมทั้งดูแลบุตร
การมีเพศสัมพันธ์
-งดมีเพศสัมพันธ์ในระยะหลังคลอดอย่างน้อย 6 สัปดาห์หลังคลอดหรือจนกว่าจะได้รับการตรวจหลังคลอด
แผลผ่าตัด
แพทย์จะปิดแผลผ่าตัดชนิดกันน้ำให้ก่อนกลับบ้านและจะนัดมาดูแผล 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด หากมีน้ำเข้าหรือมีเลือดออกให้ไปทำแผลที่สถานพยาบาลใกล้บ้านหรือมาโรงพยาบาลก่อนวันนัดทันที
มาตรวจตามนัด 6 สัปดาห์หลังคลอดเพื่อประเมิน น้ำคาวปลา
การเข้าอู่ของมดลูก ตรวจประเมินปากมดลูก
อาการผิดปกติที่ต้องมาโรงพยาบาล
:star: ด้านแม่
-ปวดท้องมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ
-นำ้คาวปลามีกลิ่นเหม็นหรือมีสีเเดงไม่จางลงตลอด 15 วัน
-แผลผ่าตัดคลอดเเยก บวมเเดง มีหนอง
-เต้านมอักเสบ บวม เเดง กด เจ็บ มีไข้ หนาวสั่น
-มีอาการปวดแสบขัด เวลาถ่ายปัสสาวะ
-หลังคลอด 2 สัปดาห์ยังคลำพบก้อนทางหน้าท้อง
-ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน
:star: ด้านลูก
อาการผิดปกติของเด็กที่ควรมาพบแพทย์
-อาการตัวเหลือง เขียว ขณะกินนมหรือขณะร้อง หายใจหอบรอบปากเขียวคล้ำ มีไข้สูง ร้องกวน
ไม่ดูดนม เช็คตัวแล้วไข้ยังไม่ลดลงทารกซึม
ไม่ดูดนม อาเจียนทุกครั้งที่กินนม สะดือมีหนองกลิ่นเหม็น อุจจาระเหลวปนน้ำ มีเลือดหรือมีมูกปนตาแฉะ บวมแดง หูมีน้ำไหลออกมา มีบวมแดง มีไข้มีตุ่มหนองบริเวณผิวหนัง หรือมีจุดเลือดออก
การดูแลบุตร
การเลี้ยงลูกด้วยนมเเม่
:star: หลักการให้นมแม่ 4 ด.
ดูดเร็ว : ลูกได้ดูดนมแม่หลังคลอดทันทีจะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนม ทำให้น้ำนมมาเร็วขึ้น ถ้าให้ลูกดูดนมแม่ช้า
น้ำนมก็จะมาช้าด้วย
ดูดบ่อย : ให้ลูกดูดนมแม่บ่อยตามที่ลูกต้องการ คือ’หิวเมื่อไหร่ก็ให้ดูดทันที เพราะทารกมักหิวนมทุก 2-3 ชั่วโมงมีข้อยกเว้นระยะ 2-3 วันแรกหลังคลอดเท่านั้น ที่จะต้องให้ลูกดูดนมบ่อยๆ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นให้น้ำนมมา หลังจากนี้ก็ให้ลูกดูดตามต้องการ
ดูดถูกวิธี : ท่าดูดนมที่ถูกต้องของลูกก็คือ ปลายจมูกชิดเต้า ปากอมจนมิดลานหัวนม ถ้าลานนมกว้างก็ให้อมให้มากที่สุด คางชิดเต้านมลูกดูดแรงและเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ได้ยินเสียงกลืนนมเป็นจังหวะถ้าลูกไม่ค่อยดูด หรือดูดช้าลง ให้บีบเต้านมเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำนมเข้าปากลูก
ดูดเกลี้ยงเต้า : การให้นมแม่แต่ละครั้งต้องนานพอ คือให้ลูกดูดนมให้เกลี้ยงเต้า เพราะน้ำนมในส่วนหลังจะมี ไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อสมองและร่างกาย ช่วยให้ลูกอิ่มนานไม่หิวบ่อย
ให้คำแนะนำเพิ่มเติมด้านทักษะ
เเนะนำให้ breast feeding อย่างต่อเนื่อง
เพื่อสร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดาทารก
การสัมผัส ประสานตาการใช้เสียงเเหลมสูงการเคลื่อนไหวตามจังหวะ
การรับกลิ่น การให้ความอบอุ่น เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน
ให้ลูกมารับวัคซีนตามนัด เมื่ออายุครบ 2 เดือน
ท่าอุ้มลูกฟุตบอล Clutch hold หรือ Football hold
เนื่องจากมารดา
มีหัวนมสั้นจึงควรจัดท่าอุ้มลูกฟุตบอล (Clutch hold หรือ hold)ให้ลูก
อยู่ในท่ากึ่งตะแคงกึ่งนอนหงายขาชี้ไปทางด้านหลังของแม่ มือแม่จับที่ต้นคอและท้ายทอยของลูก กอดลูกให้กระชับกับสีข้างแม่ ลูกดูดนมจากเต้านมข้างเดียวกับมือที่จับลูก มืออีกข้างประคองเต้านมไว้
🔻ท่านี้เหมาะสำหรับ : แม่ที่ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องเพราะตัวของลูกจะไม่ไปสัมผัสและกดทับแผลผ่าตัดที่หน้าท้องของแม่ คุณแม่ที่มีเต้านมใหญ่หรือลูกตัวเล็กเพราะลูกจะเข้าอมงับเต้านมได้ดีกว่า และคุณแม่ที่คลอดลูกแฝด เพราะสามารถให้ลูกดูดนมจากทั้งสองเต้าพร้อมๆกันได้
ท่านอน side lying position
แม่ลูกนอนตะแคงเข้าหากัน แม่นอนศีรษะสูงเล็กน้อยหลังและสะโพกตรง ให้ปากลูกอยู่ตรงกับหัวนมของแม่ มือที่อยู่ด้านล่างประคองตัวลูกให้ชิดลำตัวแม่อาจใช้ผ้าขนหนูที่ม้วนไว้ หรือหมอนหนุนหลังลูกแทนแขนแม่ก็ได้ มือที่อยู่ด้านบนประคองเต้านมในช่วงแรกที่เริ่มเอาหัวนมเข้าปากลูก เมื่อลูกดูดได้ดีก็ขยับออกได้
🔻ท่านี้เหมาะสมสำหรับ : แม่ที่ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องต้องการ
พักผ่อน หรือให้นมลูกเวลากลางคืน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อที่ 1 มารดาหลังคลอดไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัด
ข้อมูลสนับสนุน
SD:
1.มารดาบ่นปวดแผลผ่าตัด ไม่ค่อยกล้าขยับร่างกาย
2.มารดาสีหน้าไม่สุขสบาย คะแนนความปวด Pain score= 8
OD:
1.มีแผลผ่าตัดคลอดบุตรบริเวณหน้าท้องยาวประมาณ 5 นิ้ว
2.มารดาหน้านิ่ว คิ้วขมวด เมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย
วัตถุประสงค์
เพื่อบรรเทาอาการปวด และให้มารดาสุขสบายมากขึ้น
เกณฑ์การประเมินผล
1.มารดาปวดแผลลดลง เคลื่อนไหวร่างกายได้มากขึ้น
pain score <=3
2.มารดามีสีหน้าที่สดชื่น แจ่มใสมากขึ้น
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินความเจ็บปวดของอาการปวดแผลผ่าตัดด้วยการสอบถาม สังเกตจากสีหน้า ท่าทาง และใช้การประเมินจากตัวเลขบอกระดับความปวด (Pain score) เพื่อเป็นข้อมูลในการช่วยเหลือ และเลือกวิธีบรรเทาอาการปวด
-คะแนน 1-2 หมายถึงยอมรับได้ไม่ต้องการรักษาพยาบาล
-คะแนน 3-4 หมายถึงมีอาการปวดเล็กน้อยพอทนได้
-คะแนน 5-6 หมายถึงปวดปานกลาง บางครั้งต้องการบรรเทาด้วยวิธีใด-วิธีหนึ่ง อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวด
-คะแนนมากกว่า 6 ขึ้นไป ควรได้รับการบำบัดรักษาอาจใช้ยาแก้ปวดร่วมด้วย โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 10 หรือผู้ป่วยบอกว่าทนไม่ไหว
2.จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่า Fowler’s position หลังนอนราบครบ 12 ชั่วโมง เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนตัวจากการที่ข้อสะโพกงอ ช่วยลดอาการตึงแผลผ่าตัด ทำให้เจ็บแผลน้อย
3.แนะนำให้ใช้มือ หรือหมอนประคองแผลผ่าตัดขณะไอ หรือมีการเคลื่อนไหว และแนะนำให้เคลื่อนไหวช้าๆ ใช้มือประคองแผลขณะลุกนั่งหรือเดิน เพื่อลดการกระทบกระเทือนแผลผ่าตัด 4.สอนเทคนิคการหายใจลดปวด โดยให้หายใจเข้าทางจมูกลึกๆ และผ่อนลมหายใจออก ทางปากเพราะการหายใจสามารถควบคุมความเจ็บปวดได้ โดยเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจมาที่การควบคุมหายใจเข้า-ออก
5.ให้การพยาบาลแก่มารดาด้วยความนุ่มนวลซึ่งจะช่วยให้อาการปวดแผลลดลงได้
6.ระยะที่แพทย์อนุญาตให้มารดารับประทานอาหารได้แล้ว และยังมีอาการปวดแผลอยู่ ดูแลให้ได้รับ ประทานยาแก้ปวดตามแผนการรักษา คือ ibuprofen 400 mg ซึ่งทำให้อาการปวดแผลลดลง
7.พูดคุยให้กำลังใจ เพื่อลดความวิตกกังวล มารดาผ่อนคลายช่วยให้บรรเทาความเจ็บปวดลดลง
การประเมินผล
มารดาหลังคลอดมีสีหน้าสดชื่นแจ่มใสมากขึ้น สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้มากขึ้น ระดับความปวดลดลง
Pain score = 5 คะแนน (10/02/65)
ข้อที่ 2 มารดามีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากเสียพลังงานจากการผ่าตัดคลอดและสูญเสียเลือด
ข้อมูลสนับสนุน
OD :
1.สูญเสียเลือดขณะผ่าตัดคลอด 700 ml
2.งดน้ำงดอาหารก่อนการผ่าตัด
วัตถประสงค์
ผู้ป่วยมีภาวะอ่อนเพลียลดลง
เกณฑ์การประเมินผล
1.ไม่มีอาการขาดสารน้ำสารอาหาร เช่น สีหน้าสดชื่น ไม่มีอาการวิงเวียน
2.มีอาการอ่อนเพลียลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ดูแลให้มารดาได้รับการนอนหลับพักผ่อนโดยทำหัตถการเกี่ยวกับกิจกรรมการพยาบาลให้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน
2.จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการพักผ่อน ลดแสงและเสียงที่รบกวน
3.ดูแลให้มารดาได้รับน้ำและอาหารตามแผนการรักษาของแพทย์
4.ดูแลให้มารดาพักผ่อนบนเตียง เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้ม
การประเมินผล
1.มารดานอนหลับพักผ่อนได้ดีขึ้น
2.มารดามีสีหน้าสดชื่นขึ้น อาการอ่อนเพลียลดลง
3.มารดาไม่มีอาการวิงเวียนหน้ามืด
การประเมินผล
มารดามีสีหน้าสดชื่นขึ้น อ่อนเพลียน้อยลง
ข้อที่ 4 มารดาขาดทักษะการเลี้ยงดูบุตร
ข้อมูลสนับสนุน
1.มารดาอุ้มลูกดูดนมไม่ถูกวิธี
2.มารดาบีบน้ำนมให้ลูกไม่ถูกต้อง
วัตถุประสงค์
สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้
เกณฑ์การประเมินผล
1.มีทักษะในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เช่น สามารถอุ้มลูกดูดนมได้ถูกวิธี รวมถึงการบีบน้ำนมออกจากเต้า
2.ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวนมแตก เต้านมคัด
กิจกรรมการพยาบาล
1.พูดคุยแนะนำถึงประโยชน์ของนมแม่ที่มีต่อลูกและต่อแม่ แนะนำให้เลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดาอย่างเดียวนานอย่างน้อย 6 เดือน เพราะน้ำนมมารดามีประโยชน์
มีคุณค่าทางสารอาหารสูง เหมาะสำหรับเลี้ยงทารก สะอาด ประหยัด และมีภูมิต้านทานโรค
2.สอนและฝึกปฏิบัติการให้นมบุตรในท่าที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้มารดาหลังคลอดเกิดความมั่นใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และประสบผลสำเร็จสอนวิธีการให้นมอย่างถูกวิธี โดยอุ้มให้ถูกต้อง ใช้มือจับเต้านม โดยใช้นิ้วหัวแม่มืออยู่ด้านบน และนิ้วอื่นๆ รองรับเต้านม ปากทารกอยู่บริเวณลานหัวนม
3.ให้ญาติและสามีเข้ามามีส่วนร่วมในการให้นมบุตร เช่น การประคองหัวเด็กช่วยขณะมารดาให้นมบุตร
4.พูดคุยให้กำลังใจมารดาหลังคลอดเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
5.คอยดูแลและให้ความช่วยเหลือ การให้นมบุตรตลอดเวลาที่มีปัญหา โดยการส่งเวรต่อให้พยาบาลแต่ละเวรช่วยกันดูแลอย่างต่อเนื่อง
6.สอนและจัดท่านอนที่ถูกต้องหลังการดูดนม อุ้มทารกเรอแล้ว 15 นาที จัดให้ทารกนอนตะแคงด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อป้องกันการสำลักนม และยกศีรษะสูงเล็กน้อย
การประเมินผล
1.มารดาอุ้มลูกได้ถูกวิธีมากขึ้น
2.มารดาสามารถบีบน้ำนมออกจากเต้าได้
ข้อที่ 3 มีโอกาสติดเชื้อหลังคลอดเนื่องจากมีแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง
ข้อมูลสนับสนุน
1.มีแผลผ่าตัดที่หน้าท้องความยาวประมาณ 5 นิ้ว
2.มี bleeding ซึมที่แผลผ่าตัดหน้าท้องเล็กน้อย
วัตถุประสงค์การพยาบาล
เพื่อเฝ้าระวังภาวะติดเชื้อที่แผลผ่าตัด
เกณฑ์การประเมิน
1.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ ความดันโลหิต 90/60 - 140-90 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 60-100 ครั้งต่อนาที อุณหภูมิ 36.5 - 37.5 องศาเซลเซียส อัตราการหายใจ 16-20 ครั้งต่อนาที
2.ไม่มีอาการแสดงของการติดเชื้อหลังคลอด เช่น มีไข้ ปวดบริเวณแผลผ่าตัดมาก แผลมีหนอง มีสารคัดหลั่ง (Discharge) ซึม น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินสัญญาณชีพและบันทึกทุก 4 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการของภาวะติดเชื้อหลังคลอด โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย หากผิดปกติควรรีบรายงานแพทย์
2.ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อหลังคลอด เช่น มีไข้ ปวดบริเวณแผลผ่าตัดมาก แผลมีหนอง มีdischarge ซึม
น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
3.ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อหลังคลอด
-ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์อย่างถูกวิธี ล้างจากข้างหน้าไปข้างหลังไม่เช็ดย้อนไปมา
-เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3 - 4 ชั่วโมง หรือเมื่อผ้าอนามัยเปียกชุ่ม เพื่อลดสิ่งหมักหมม และขจัดน้ำคาวปลา
-รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่เป็นโปรตีนสูง เช่น เนื้อ นม ไข่ หรือผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยซ่อมแซมให้แผลหายเร็วขึ้น
-หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ หนาวสั่น ปวดแผลผ่าตัดมาก
น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น ควรแจ้งพยาบาลให้ทราบทันที
4.แนะนำมารดาให้ดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้แผลถูกน้ำ ไม่ใช้มือจับ แกะเกาแผลและสังเกตสิ่งคัดหลั่งที่ออกมาจากแผล เพราะทำให้แผลมีโอกาสติดเชื้อ อักเสบหรือหายช้าได้
การประเมินผล
มารดาหลังคลอดไม่มีอาการแสดงของภาวะติดเชื้อหลังคลอด ไม่มีไข้ แผลไม่บวมแดง ไม่มี discharge ซึม น้ำคาวปลาไม่มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ อุณหภูมิอยู่ในช่วง 36.6-37.5 องศาเซลเซียส ชีพจรอยู่ในช่วง 80-100 ครั้ง/นาที ความดันโลหิตอยู่ในช่วง 140/80 - 160/100 มิลลิเมตรปรอท
1.Blckground