Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4 ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และการดูแลระยะท้ายของชีวิ…
บทที่ 4
ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และการดูแลระยะท้ายของชีวิต
1.การแจ้งข่าวร้าย (Breaking a bad news)
ความหมาย คือ ข้อมูลที่ทำให้เกิดความรู้สึกหมดความหวัง
มีผลกระทบ ต่อความรู้สึก การดำเนินชีวิต และอนาคตของบุคคลนั้น
ปฏิกิริยาจากการรับรู้ข่าวร้าย
2.ระยะโกรธ (Anger) เป็การเยียวยาความรู้สึกที่เกิดจากสูญเสีย หรือข่าวร้ายที่ได้รับ อาจพูดในลักษณะ “ทำไมต้องเกิดขึ้นกับเรา”
3.ระยะต่อรอง (Bargaining) เป็นระยะที่ต่อรองความผิดหวังหรือข่าวร้ายที่ได้รับ อาจจะรู้สึกว่าตนเองมีความผิดที่ยังไม่ได้ทำบางอย่างที่ค้างคา อาจพูดในลักษณะ “อยากเห็นลูกเรียนจบก่อน”
1.ระยะปฏิเสธ (Denial) เป็นระยะแรกหลังจากผู้ป่วยและญาติรับทราบข้อมูล รู้สึกตกใจ ช็อคและปฏิเสธสิ่งที่ได้รับรู้ อาจพูดในลักษณะ “ไม่จริงใช่ไหม”
4.ระยะซึมเศร้า (Depression) ผู้ป่วยและญาติจะเริ่มรับรู้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ระดับความรุนแรงขึ้นอยู่กับ ความเข้มแข็งของแต่ละบุคคล
5.ระยะยอมรับ (Acceptance) เป็นปฏิกิริยาระยะสุดท้าย อารมณ์เจ็บปวดหรือซึมเศร้าดีขึ้น มองเหตุการณ์อย่างพิจารณามากขึ้น และมองเป้าหมายในอนาคตมากขึ้น
บทบาทของพยาบาล
4.ในระยะโกรธควรยอมรับพฤติกรรมทางลบของผู้ป่วย และญาติโดยให้โอกาสในการระบาย
3.ให้ความช่วยเหลือประคับประคองจิตใจให้ผ่านระยะเครียดและวิตกกังวล
5.อธิบายให้ทราบถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย โดยการให้ข้อมูลที่เป็นความจริงเกี่ยวกับโรค และอาการที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
2.รับฟังผู้ป่วยและญาติด้วยความตั้งใจ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ได้ซักถามข้อสงสัย
1.สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วย และประเมินการรับรู้ของครอบครัว
6.ให้ผู้ป่วยได้รับความสุขสบาย โดยการควบคุมความปวด และช่วยเหลือในสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการ
7.ทำหน้าที่แทนผู้ป่วยในการเรียกร้อง ปกปsองผู้ป่วยให้ได้รับประโยชน์ ตามหลักจริยธรรมในการปฏิบัติการพยาบาล
8.ดูแลการให้ผู้ป่วยและญาติมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการรักษา
9.ช่วยเหลือในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา
2.แนวคิดการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
2.1)แนวคิดการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative care)
เป็นการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต มักใช้รูปแบบการดูแลแบบประคับประคองที่เป็นการดูแลผู้ป่วยในช่วงของการเจ็บป่วยในช่วงปีหรือเดือนท้ายๆของชีวิต
เป็นการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบองค์รวมโดยครอบคลุมทั้งด้าน ร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ โดยยึดตามความเชื่อทางด้านศาสนา วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียม ประเพณี
เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเผชิญและผ่านพ้นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตอย่างสงบและสบาย
2.2)แนวคิดการดูแลตามทฤษฎีความสุขสบาย (comfort theory)
เพื่อความสุขสบาย รักษาความสมดุลของร่างกาย (Homeostasis)
ควบคุมความปวดและความไม่สุขสบายต่าง ๆ
เป็นการให้กำลังใจจากการแนะนำ คอยรับฟังและช่วยเหลือเพื่อวางแผนฟื้นฟูสภาพ
เป็นการกระทำแสดงถึงการดูแลใส่ใจ เอื้ออาทร และสร้างความเข้มแข็ง ด้านจิตวิญญาณ เช่น จินตบำบัด การนวด
การดูแลที่มุ่งให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบหรือ ตายดี (Good death) ให้ช่วงท้าย
ของชีวิตอยู่อย่างมีความหมาย และบุคคลในครอบครัวมีโอกาสอำลากัน
3.ประเด็นจริยธรรมที่สำคัญในการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต
3.1)การุณยฆาต หรือ ปราณีฆาต หรือ เมตตามรณะ (mercy killing or euthanasia)
1.1)การทำการุณยฆาตโดยความสมัครใจ (Voluntary euthanasia) คือ การที่ผู้ป่วยตระหนักรู้ เข้าใจถึงอาการ และผู้ป่วยร้องขอให้ยุติการรักษาพยาบาล
1.2)การทำการุณยฆาตโดยที่ผู้ป่วยไม่สามารถตัดสินใจได้เอง (Involuntary euthanasia) คือ การทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตโดยเจตนาปล่อยให้เกิดการตายตามธรรมชาติของโรค
2.สิทธิส่วนบุคคลที่จะยุติชีวิตลง
3.บุคคลอยู่ในสภาพที่ช่วยตนเองไม่ได้และไร้การรับรู้ทางสมอง
1.เมื่อผู้ป่วยอยู่ในภาวะเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส
3.2)การยืดหรือการยุติการรักษาที่ยืดชีวิต
2.1)การยับยั้งการใช้เครื่องมือช่วยชีวิตในการบำบัดรักษา หรือการไม่เริ่มต้นใช้เครื่องมือช่วยชีวิต
2.2)การเพิกถอนการใช้เครื่องมือช่วยชีวิตในการบำบัดรักษา หรือ การเพิกถอนใช้เครื่องมือช่วยชีวิตในการบำบัดรักษา
3.3)การฆ่าตัวตายโดยความช่วยเหลือของแพทย์ (Physician-assisted suicide)
การฆ่าตัวตายโดยเจตนา และได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ โดยใช้การเครื่องมือ
หรือวิธีการอื่นใดที่อาจทำให้ผู้นั้นสามารถฆ่าตัวตายได้สำเร็จ
3.4)การจัดสรรทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัด
คำนึงถึงประโยชน์และความจำเป็นของบุคคล ว่าหลังจากการรักษาแล้วมีความคุ้มค่าหรือไม่ โดยนึงถึงประโยชน์ศูนย์กลางมากกว่าความยุติธรรม
3.5)การบอกความจริง (Truth telling)
แพทย์ควรบอกให้ผู้ป่วย และญาติทราบเพื่อการเตรียมตัวเตรียมใจ จัดการภาระค้างอยู่ให้เรียบร้อย และมีเวลาในการทำพินัยกรรมก่อนตาย
3.6)การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ (Organ transplantation)
ควรพิจารณาโอกาสรอดชีวิตหลังผ่าตัด ระยะเวลาการมีชีวิตอยู่หลังผ่าตัด แหล่งที่มาของอวัยวะ
4.หลักการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต
1.ทีมสุขภาพที่ทำงานในไอซียูเป็นผู้เริ่มลงมือด้วยตนเอง เพื่อบูรณาการแนวคิดการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายแบบ palliative care
2.การปรึกษาทีม palliative care ของโรงพยาบาลนั้น เพื่อร่วมดูแลในผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สำหรับการปรึกษาทีม palliative care
3.การดูแลแบบผสมผสาน เป็นหลักการพยาบาลแบบองค์รวมที่ผสมผสานภูมิปัญญาตะวันออกสำหรับผู้ป่วยวิกฤตระยะท้ายและใกล้ตาย
5.หลักการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายใกล้ตาย
5.1)การประเมินสภาพ
1.1)การประเมินอาการทางร่างกาย โดยการประเมินอาการไม่สุขสบาย ความสามารถในการทำกิจกรรมของผู้ป่วย ได้แก่ อาการปวด อ่อนแรงหรือเหนื่อยล้า ปากแห้ง และ ปัญหาของผิวหนัง
1.2)การประเมินด้านจิตใจ ซึ่งผู้ป่วยในระยะสุดท้ายจะมีความผิดปกติทางด้านจิตใจ คือ 1)ภาวะซึมเศร้า (Depression) 2) ภาวะวิตกกังวล (Anxiety) และ 3) ภาวะสับสน (Delirium)
1.3)การประเมินด้านสังคม เช่น บทบาทของผู้ป่วยในครอบครัว และ ความรักความผูกพันของผู้ป่วยกับสมาชิกในครอบครัว เป็นต้น
1.4)การประเมินด้านจิตวิญญาณ เป้าหมายชีวิต หรือคุณค่าทางด้านจิตใจ ความเชื่อทางศาสนา เพื่อให้ได้รับการอภัย ความหวังในด้านจิตวิญญาณเกี่ยวข้องกับปรัชญาชีวิตความไว้วางใจ
5.2)การประเมินระดับPalliative Performance Scale (PPS)
จุดประสงค์ของการใช้ PPS
1.เพื่อสื่อสารอาการปnจจุบันของผู้ป่วยระหว่างบุคลากรในทีมที่ร่วมกันดูแลผู้ป่วย เพื่อให้มองเห็นภาพของผู้ป่วยและการพยากรณ์โรคไปในแนวทางเดียวกัน
3.ใช้เป็นเกณฑ์การคัดกรองผู้ป่วย เพื่อเข้าดูแลในสถานที่ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (Hospice)
2.เพื่อประเมินพยากรณ์โรคอย่างคร่าวๆ และติดตามผลการรักษา
4.ใช้บอกความยากของภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์และครอบครัวในการดูแลผู้ป่วย
5.ใช้ในการทำวิจัย
หลักการประเมิน
ผู้ป่วยที่มีอาการคงที่ (PPS>70%)
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างกลุ่มมทั้งสอง (PPS 40-70%)
ผู้ป่วยระยะสุดท้าย (PPS 0-30%)
6.หลักการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายใกล้ตาย
1.การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดความไม่สุขสบายใจ ลดการเกิดความไม่พอใจของครอบครัว และเพิ่มความพึ่งพอใจในการให้บริการ
2.การจัดการอาการไม่สุขสบายต่าง ๆ จากความเอาใจใส่และจัดการอย่างเต็มที่ เช่น ผู้ป่วยหอบเหนื่อย ปวดภาวะสับสน โดยมีแนวทางการดูแลช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเจ็บป่วยทรมาน
3.การดูแลทั่วไป ประกอบด้วยการดูแลความสะอาดร่างกาย การดูแลให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย การพักผ่อนนอนหลับ ควรจัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด สงบ เป็นต้น
4.การดูแลด้านอารมณ์และสังคมของผู้ป่วยและครอบครัว (Psychosocial care) เป็นการจัดเป็นการช่วยเหลือดูแลด้านจิตใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ
5.การดูแลด้านจิตวิญญาณผู้ป่วยระยะสุดท้ายและครอบครัว เกี่ยวข้องกับศาสนา หรืออาจเป็นเชื่อ ความหวังที่ผลักดันให้ทำสิ่งที่ดีงาม การทำจิตใจสงบระลึกถึงสิ่งที่ดีงาม
6.ดูแลให้ได้รับการประชุมครอบครัว (Family meeting) เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดี ระหว่างทีมสุขภาพกับผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับโรคและการพยากรณ์โรค
7.การดูแลให้ผู้ป่วยและญาติเข้าถึงการวางแผนการดูแลล่วงหน้า (Advance Care Planning : ACP)
1.Living will หรือ พินัยกรรมชีวิต หรือ หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข
2.Proxy คือ บุคคลใกล้ชิดที่ผู้ป่วยมอบหมายให้มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องการดูแลทางการแพทย์ใน
วาระสุดท้ายของตน
8.การดูแลผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต (manage dying patient) อาจพิจารณาย้ายผู้ป่วยไปยังหอผู้ป่วย ที่ญาติสามารถเข้าเยี่ยมได้ใกล้ชิด สงบ และมีความเป็นส่วนตัว
9.การดูแลจิตใจครอบครัวผู้ป่วยต่อเนื่อง (bereavement care) หลังจากที่ผู้ป่วยเสียชีวิตไปแล้วอาจทำการแสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย ไม่ควรพูดคำบางคำ เช่น “ไม่เป็นไร” “ไม่ต้องร้องไห้” เป็นต้น