Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และการดูแลระยะท้ายของชีวิต -…
ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต
และการดูแลระยะท้ายของชีวิต
หลักการแจ้งข่าวร้าย
ผู้แจ้งงข่าวร้าย
การแจ้งข่าวร้ายแก่ผู้ป่วยหรือญาติต้องเป็นแพทย์
ทีมรักษาผู้ป่วย ทีม palliative care
ต้องได้รับการฝึกฝนและมีประสบการณ์วิธีการแจ้งข่าวร้าย
ปฏิกิริยาจาก
การรับรู้ข่าวร้าย
ระยะโกรธ (Anger)
ระยะต่อรอง (Bargaining)
ระยะปฏิเสธ (Denial)
ระยะซึมเศร้า (Depression)
5.ระยะยอมรับ (Acceptance)
การแจ้งข่าวร้าย
(Breaking a bad news)
ข้อมูลที่ทำให้เกิดความรู้สึกหมดความหวัง มีผลกระทบต้อความรู้สึก
การดำเนินชีวิต และอนาคตของบุคคลนั้น
ข่าวร้ายที่พบได้ในผู้ป่วยวิกฤต เช่น การได้รับการเจาะคอ
การใส่ท่อช่วยหายใจซ้ำ ผลเลือดเป็นบวกหรือติดเชื้อ HIV
บทบาทพยาบาลหลังจาก
แพทย์แจ้งข่าวร้าย
ให้ความช่วยเหลือประคับประคองจิตใจ
ให้ผ่านระยะเครียดและวิตกกังวล
อธิบายให้ทราบถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย
ให้ข้อมูลที่เป็นความจริง
รับฟังผู้ป่วยและญาติด้วยความตั้งใจ เห็นใจ
เปิดโอกาสให้ได้ซักถามข้อสงสัย
สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วยและครอบครัว
ประเมินการรับรู้ของครอบครัว สอบถามความรู้สึก
หลักการพยาบาลในการดูแล
ผู้ป่วยระยะท้ายใกล้ตาย
การประเมินสภาพ
การประเมินด้านจิตใจ
ภาวะวิตกกังวล (Anxiety)
ภาวะสับสน (Delirium)
ภาวะซึมเศร้า (Depression)
การประเมินด้านสังคม
ความต้องการของครอบครัว
บทบาทของผู้ป่วยในครอบครัว
ความรักความผูกพันของผู้ป่วยกับสมาชิกในครอบครัว
ที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม
การประเมินอาการทางร่างกาย
3) ระบบหายใจ ได้แก่ อัตราการหายใจเปลี่ยนแปลง ลักษณะการหายใจแบบ Cheynes strokes ใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจ
4) ระบบประสาท ได้แก่ มีความไวต่อแสงจ้ามากขึ้น
ระดับความรู้สึกตัวลดลง ง่วงซึมมาก
2) ระบบหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่
ความดันโลหิตต่ำลง ผิวหนังจะเริ่มเย็น ชื้น ซีด
5) ระบบการควบคุมหูรูด ได้แก่ ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะและอุจจาระได้
1) ระบบทางเดินอาหาร ได้แก่คลื่นไส้ อาเจียน กลืนลำบาก
ไอ สำลักสูญเสียปฏิกิริยาการกลืนและการขย้อน
6) ระบบขับถ่าย ได้แก่ ปnสสาวะออกน้อยหรือไม่ออก
ปัสสาวะสีคล้ำ ถ่ายเหลวหรือท้องผูก
การประเมินด้านจิตวิญญาณ
ช่วยให้ผู้ป่วยผ่านวาระสุดท้ายของชีวิตอย่างสงบสุข
ความต้องการการกิจกรรมทางศาสนา ผู้ป่วยระยะสุดท้ายต้องการการดูแลแบบองค์รวมครอบคลุมด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและจิตวิญญาณ
การประเมินระดับ
Palliative Performance Scale (PPS)
การให้คะแนนวัดความสามารถ 5 ด้าน ความสามารถในการเคลื่อนไหวกิจกรรม ความรุนแรงของโรค การดูแลตนเอง การกินอาหาร และความรู้สึกตัว
คะแนนการประเมินผู้ป่วยที่มีอาการคงที่ (PPS>70%) ผู้ป่วยระยะสุดท้าย (PPS 0-30%) และผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างกลุ่มทั้งสอง (PPS 40-70%)
จุดประสงค์ของการใช้ PPS
เพื่อประเมินพยากรณ์โรคอย่างคร่าวๆและติดตามผลการรักษา
ใช้เป็นเกณฑ์การเลือกผู้ป่วยเพื่อเข้าดูแล
ในสถานที่ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (Hospice)
เพื่อสื่อสารอาการปัจจุบันของผู้ป่วยระหว่าง
บุคลากรในทีมที่ร่วมกันดูแลผู้ป่วย
ใช้บอกความยากของภาระงานของบุคลากร
ทางการแพทย์และครอบครัวในการดูแลผู้ป่วย
การดูแลผู้ป่วยวิกฤตในระยะท้ายของชีวิต
(End of life care in ICU)
สนับสนุนให้มีการทำ Family meeting เพื่อทราบความต้องการ
และสื่อสารกับผู้ป่วยและครอบครัว
โดยมีสหวิชาชีพเข้ามามีส่วนร่วมในการดุแลผู้ป่วยและครอบครัว
เป็นกระบวนการดูแลผู้ป่วยและตั้งเป้าหมายของการดูแลตั้งแต่วันแรก
ประเด็นจริยธรรมที่สำคัญ
ในการพยาบาล
ผู้ป่วยภาวะวิกฤต
การเจ็บป่วยระยะท้าย
และภาวะใกล้ตาย
การฆ่าตัวตายโดยความช่วยเหลือของแพทย์
(Physician-assisted suicide)
การจัดสรรทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัด
การยืดหรือการยุติการรักษาที่ยืดชีวิต
การบอกความจริง (Truth telling)
การุณยฆาต หรือ ปราณีฆาต หรือ เมตตามรณะ
(mercy killing or euthanasia)
การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ (Organ transplantation)
หลักการพยาบาลในการดูแล
ผู้ป่วยระยะท้ายใกล้ตาย
การดูแลด้านจิตวิญญาณผู้ป่วย
ระยะสุดท้ายและครอบครัว
สนับสนุนให้มีสถานที่หรือกิจกรรมส่งเสริมด้านจิตวิญญาณ
เช่น การประกอบพิธีตามศาสนา
ดูแลให้ได้รับการประชุมครอบครัว
(Family meeting)
เป็นกิจกรรมที่มีเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่าง
ทีมสุขภาพกับผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับโรคและระยะของโรค
รวมไปถึงการดำเนินโรคและการพยากรณ์โรค
การดูแลด้านอารมณ์และสังคมของผู้ป่วย
และครอบครัว (Psychosocial care)
การช่วยปลดเปลื้องสิ่งที่ค้างคาใจ
ได้แก่ ภาระกิจการงานที่ยังคั่งค้าง
การดูแลให้ผู้ป่วยและญาติเข้าถึง
การวางแผนการดูแลล่วงหน้า
(Advance Care Planning [ACP])
Living will หรือ พินัยกรรมชีวิต หรือ
หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข
Proxy คือ บุคคลใกล้ชิดที่ผู้ป่วยมอบหมายให้มีอำนาจตัดสินใจ
ในเรื่องการดูแลทางการแพทย์ในวาระสุดท้ายของตน
การดูแลทั่วไป
การดูแลความสะอาดร่างกาย ให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอกับความ ต้องการของร่างกาย ได้แก่ การพักผ่อนนอนหลับ
การดูแลผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต
(manage dying patient)
ทำการปลดเครื่องติดตามสัญญาณชีพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องติดตามการเต้นหัวใจ เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
การจัดการอาการ
ไม่สุขสบายต่าง ๆ
อาการปวด อาการท้องผูก เบื่ออาหาร ปากแห้ง อาการท้องมานน้ำ
อาการไอ อาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้
การดูแลจิตใจครอบครัวผู้ป่วยต่อเนื่อง
(bereavement care)
ให้แสดงว่าการเสียใจกับการสูญเสียเป็นสิ่งปกติรวมถึง
อาจมีเอกสารคำแนะนำการดูแลร่างกายและจิตใจผู้สูญเสีย
การสื่อสาร
ควรมีแผ่นพับแนะนำครอบครัวถึงการเตรียมตัวก่อนทำการประชุมครอบครัว
เพื่อให้ครอบครัวได้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์และมีการเตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้า
ปลดเครื่องมือสื่อสารทุกครั้งที่พูดคุยกับครอบครัว
สถานที่ควรเป็นห้องที่เป็นส่วนตัว ไม่มีการรบกวน
แนวทางการป้องกันและ
แก้ไขปัญหาทางจริยธรรม
จัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะในการตัดสินใจเชิงจริยธรรม
รู้ถึงสิทธิและหน้าที่ของพยาบาล
ให้ความรู้แก่พยาบาลในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงจริยธรรม
จริยธรรมสำหรับการทำงานของทีมสุขภาพ โดยมีความเคารพซึ่งกันและกัน รู้ขอบเขตหน้าที่ของตน
แนวคิดการดูแล
ผูู้ป่วยระยะสุดท้าย
แนวคิดการดูแล
แบบประคับประคอง
(Palliative care)
เป็นการทำงานเป็นทีมแบบสหวิชาชีพ
โดยมีผู้ป่วยและครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเผชิญและผ่านพ้นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตอย่างสงบ สบาย พร้อมด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบองค์รวมโดย
ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
สนับสนุนค้ำจุนครอบครัวผู้ป่วยให้สามารถใช้ชีวิตช่วงเวลาวิกฤติ
กับผู้ป่วยที่ป่วยหนักและตายจากไปอย่างราบรื่น
บุคคลทั่วไปหรือผู้ป่วยที่มีสติสัมปชัญญะดีสามารถเลือก
หรือมีสิทธิที่จะตายได้
แนวคิดการดูแลตาม
ทฤษฎีความสุขสบาย
(comfort theory)
ทฤษฎีความสุขสบาย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ บรรเทา (relief) ,ความสงบ ผ่อนคลาย (ease) , อยู่เหนือปัญหา (transcendence)
กิจกรรมการดูแลที่ส่งเสริม
ความสุขสบายของผู้ป่วย
การสอน แนะนำ เป็นพี่เลี้ยง (coaching)
อาหารด้านจิตวิญญาณ (comfort food for the soul)
มาตรฐานการพยาบาลเพื่อความสุขสบาย
การดูแลแบบประคับประคองมุ่งให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบ
หรือ ตายดี (Good death)
หลักการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย
ในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติ
การปรึกษาทีม palliative care ของโรงพยาบาลนั้น ๆ
มาร่วมดูแลในผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์
การดูแลแบบผสมผสาน
องค์รวมที่ผสมผสานภูมิปัญญาตะวันออกสำหรับผู้ป่วยวิกฤตระยะท้ายและใกล้ตาย โดยการรักษาชีวิตและการบรรเทาความทุกข์ทรมาน
ระบบการแพทย์เฉพาะ เช่น แพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน
การผสมผสานกายจิต เช่น สวดมนต์ ทำสมาธิ โยคะ
อาหารและสมุนไพร เช่น อาหารสุขภาพ
พลังบำบัด เช่น สัมผัสบำบัด โยเร
ทีมสุขภาพที่ทำงานในไอซียูเป็นผู้เริ่มลงมือด้วยตนเอง
ความแตกต่างระหว่าง
การดูแลผู้ป่วยระยะท้าย
ในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต
และทั่วไป
Multidisciplinary team ในหอผู้ป่วยวิกฤติมีทีมแพทย์ที่ดูแลรักษาร่วมกันมากกว่า 1 สาขา ส่งผลให์แพทย์แต่ละสาขามุ่งเน้นในการรักษาอวัยวะที่ตนรับผิดชอบ อาจทำให้ไม่มององค์รวม
ผู้ป่วยในหอผู้ป่วยวิกฤติมีอาการไม่สุขสบายหลายอย่างและมีแนวโน้มลูกละเลย เนื่องจากทีมสุขภาพมักมุ่งประเด็นไปที่การหายของโรคมากกว่าความสุขสบายของผู้ป่วย
ความไม่แน่นอนของอาการ อาการจะดีขึ้นแล้วกลับไปทรุดลงได้
ทรัพยากรมีจำกัด เนื่องจากเตียงผู้ป่วยในไอซียู
รวมทั้งอุปกรณ์หรือเครื่องมือต่าง ๆ มีจำกัด
ความคาดหวังของผู้ป่วยและครอบครัว ผู้ป่วยที่เข้ารักษาในหอผู้ป่วยวิกฤติมักขาดการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับภาวะสุขภาพ
ที่ทรุดลงอย่างเฉียบพลันทำให้ญาติเสียใจมาก
สิ่งแวดล้อมในหอผู้ป่วยวิกฤต ไอซียูเป็นหอผู้ป่วยที่มีอัตราการตายสูง แต่สิ่งแวดล้อมมักจะพลุกพล่าน วุ่นวาย
มีเสียงสัญญาณเตือนดังเกือบตลอดเวลา
Professional culture บุคลากรของทีมสุขภาพ
ที่ทำงานอยู่ในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติจะคุ้นชิน
กับการรักษาผู้ป่วยเพื่อมุ่งให้มีชีวิตรอดพ้นจากภาวะวิกฤต