Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และการดูแลระยะท้ายของชีวิต…
ประเด็นทางจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และการดูแลระยะท้ายของชีวิต
🚑💘💾🧬💉🩺💋👀👩🏻⚕️
การแจ้งข่าวร้าย (Breaking a bad news)
ข่าวร้าย
ข่าวที่ทำให้รู้สึกหมดหวัง
มีผลกระทบต่อความรู้สึก การดำเนินชีวิต และอนาคตจองบุคคลในครอบครัว
เช่น ไม่ตอบสนองต่อการรักษา การกลับเป็น ความพิการ การสูญเสียภาพลักษณ์ โรครุนแรงหรือรักษาไม่หาย การเสียชีวิต
ปัจจัยที่มีผล่อการแปลผลข้อมูลของผู้รับข่าวร้าย
ภูมิหลังของผู้รับข่าวร้าย
ความเชื่อและวัฒนธรรม
ความคาดหวังและความจริงที่เกิดขึ้น
ตัวอย่างข่าวร้ายในผู้ป่วยวิกฤต
การได้รับการเจาะคอ
การใส่ท่อช่วยหายใจซ้ำ
ผลเลือกเป็นบวก หรือ ติด HIV
เป็นมะเร็งระยะลุกลาม ไม่สามารถรักษาได้
การสูญเสียญาติ หรือคนเป็นที่รัก
ความพร้อมของผู้แจ้งข่าวร้าย
ดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์
ฝึกฝนและมีประสบการณ์วิธีการแจ้งข่าวร้าย
มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนการรักษา
ผลการรักษาและการดำเนินของโรค
ทราบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อพิจารณาที่แพทย์สามารถแจ้งแก่ญาติโดยไม่ต้องแจ้งแก่ผู้ป่วย
โรคทางจิต
เป็นเด็ก
ผู้ป่วยที่มีแนวโน้มจะทำร้ายร่างกายตนเองหากได้รับข่าวร้าย
ปฏิกิริยาเมื่อได้รับการแจ้งข่าวร้าย
ปฎิเสธ (Denial)
ช็อคและปฏิเสธสิ่งที่ได้รับรู้ ไม่เชื่อ ไม่ยอมรับความจริง ไม่เชื่อในผลการรักษา
โกรธ (Anger)
ความโกรธเป็นภาวะธรรมชาติ และเป็นการเยียวยาความรู้สึกที่เกิดจากสูญเสีย หรือข่าวร้ายที่ได้รับ
ความโกรธอาจจะขยายไปยังแพทย์ ครอบครัว ญาติ เพื่อน และทุกอย่างรอบตัว
แสดงออกมาแบบก้าวร้าว ดังนั้นถ้าแพทย์หรือผู้เกี่ยวข้องไม่เข้าใจ ก็อาจจะโกรธตอบ และหลีกเลี่ยงการเข้าไปดูแล
ต่อรอง (Bargaining)
ต่อรองความผิดหวัง หรือข่าวร้ายที่ได้รับ รู้สึกว่าตนเองมีความผิดที่ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ค้างคา
ซึมเศร้า (Depression)
เมื่อรับรู้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป้นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ออกห่างจากสังคมรอบข้าง มีการบกพร่องในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน และหน้าที่การงาน
ยอมรับ (Acceptance)
ยอมรับสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง
มองเหตุการณ์อย่างพิจารณามากขึ้น
มองเป้าหมายในอนาคตมากขึ้น
ปรับตัวเรียนรู้เพื่อให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้
ผลลัพะ์หลังจากการแจ้งข่าวร้าย
การประชุมครอบครัว Family meeting
การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนผู้ป่วยและครอบครัว
การตัดสินใจเลือกแนวทางการดูแลผู้ป่วย
ความร่วมมือและวางแผนในทีมดูแล
การวางแผนการดู ล่วงหน้า (Advancd care plan)
บันทึกการแสดงเจตนารมณ์ล่วงหน้าก่อนตาย (Advance directive)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
สัมพันธภาพทางสังคมไม่เหมาะสม (ก้าวร้าว ด่าว่า โวยวาน) เนื่องจากไม่สามารถยอมรับความเจ็บป่วยรุนแรงได้
มีภาวะซึมเศ้รา เนื่องจากไม่สามารถแสดงบทบาทหัวหน้าครอบครัวได้จากการเจ็บป่วยรุนแรง
มีความเครียดสูงเนื่องจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป้นโรคร้ายแรง
ไม่สามารถยอมรับสภาพความเป็นจริงเมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
หมดกำลังใจในการต่อสู้กับโรคที่เป็นเนื่องจากไม่มีความหวังในการรักษา
ท้อแท้ ผิดหวังต่อโชคชะตาเนื่องจากคิดว่าถูกพระเจ้าลงโทษ
หวาดกลัวต่อสิ่งต่างๆ เนื่องจากขาดสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
การเผชิญปัญหาและการปรับตัวไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากครอบครัวต้องเผชิญกับการเจ็บป่วยรุนแรงของผู้ป่วย
บทบาทพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วยและครอบครัว ประเมินการรับรู้ สองถามความรู้สึก ความต้องการความช่วยเหลือ
รับฟังด้วยความตั้งใจ เห็นใจ เปิดโอกาสให้ซักถาม
ให้ความช่วยเหลือประคับประคองจิตใจให้ผ่านระยะเครียดและกังวล
ยอมรับพฤติกรรมทางลบโดยไม่ตัดสิน ให้โอกาสในการระบายความรู้สึก
ให้ความเคารพ เข้าใจ เห็นใจ ไวต่อความรู้สึกและความต้องการของผู้ป่วย
ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อมูล การดำเนินโรค แนวทางการรักษา
อธิบายให้ทราบถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ให้ข้อมูลอาการที่เปลี่ยนแปลง การดำเนินโรค
ให้ความหวังที่เป็นจริง สะท้อนคิดเกี่ยวกับการอยู่กับปัจจุบัน
ให้ครอบคัวค้นหาเป้าหมายในชีวิตอย่างมีความหมาย
จัดการกับอาการที่รบกวนผู้ป่วยเพื่อให้ได้รับความสุขสบาย
ให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยและญาติ แพทย์และทีมสุขภาพทุกคนดูแลอย่างดี
การดูแลผู้ป่วยวิกฤตในระยะท้ายของชีวิต (End of life care in ICU)
มโนทัศน์เกี่ยวกับการเจ็บป่วยระยะท้ายและภาวะใกล้ตาย
การเจ็บป่วยระยะท้าย
ภาวะบุคคลอยู;ในภาวะความเจ็บป่วยที่คุกคามต่อชีวิต มีการดำเนิน
โรคลุกลามอย่างมาก ทำให้การทำหน้าที่ของอวัยวะต่างๆของร่างกายไม่สามารถกลับคืนสู่ภาวะปกติ
ภาวะใกล้ตาย
ผู้ที่เข้าสู่ช่วงใกล้เสียชีวิต มีอาการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายมากขึ้น จากการ
ทำหน้าที่ของอวัยวะสำคัญของร่างกายลดลงหรือล้มเหลว (PPS)
น้อยกว่า 30
การดูแลแบบประคับประคอง หรือ การดูแลผู้ป่วยระยะท้าย หรือ palliative care
เพื่อป้องกันภาวะทุกทรมานด้านต่างๆ
นิยามของ palliative care ไม่ใช่การเร่งการตาย ไม่ยื้อความตาย ไม่ใช่การุณฆาต แต่คือการยอมรับสภาวะที่เกิดขึ้น และให้ผู้ป่วยเสียชีวิตตามธรรมชาติ
การดูแลระยะท้าย (End of life care) หมายถึง การดูแลผู้ป่วยในระยะท้ายของดรค โดยใช้หลักการดูแลแบบประคับประคอง
แนวคิดการดูแลระยะสุดท้าย
มีหัวใจสำคัญคือ การส่งเสริมความสุขสบาย
(comfort) จากความทรมานจากอาการไม่สุขสบายต่าง ๆ
แนวคิดการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative care)
ในอดีตเมื่อไหร่ก็ตามที่คนได้รับความเจ็บป่วย จะต้องได้รับการรักษา โดยพวกบุคลากรจะหวังผล curative care
เมื่อร่างกายไม่ตอบสนองต่อการรักษา จึงเข้าสู่ระยะสุดท้ายของชีวิต ดังนั้นจะไม่สนใจ curative care ที่ผ่านมา และ และเปลี่ยนมาเป้น paliiative care ทันที
รูปแบบใหม่ คือ เมื่อเจ้บป่วยเราจะต้องมีการรักษา โดย 1. เริ่ม Dissease modification of potentialy 2. เมื่อเริ่มไม่ได้ผล จะเข้าสู่ support and palliative care จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น และ 3. Bereavement care ดูแลผู้ป่วยก่อนเสีย และญาติผู้ป่วยภายหลังเหตุการณ์
ดังนั้น ปัจจุบันการบริการสุขภาพมีการให้ความสำคัญกับ Palliative care มากขึ้น
ตามพรบ พศ 2550 มาตรา 12 ที่ระบุไว้ว่า “ บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะขอรับบริการสาธารณสุขที่
เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้ ”
แนวคิดการดูแลตามทฤษฎีความสุขสบาย (comfort theory)
มาตฐานเพื่อความสุขสบาย
รักษาสมดุลของร่างกาย Homestasis ควบคุมความไม่สบายต่างๆ
สอน coaching
อาหารจิตวิญญาณ Comfort food for soul
การตายดี เน้น ร่างกาย สังคม จิตวิญญาณ
ประเด็นจริยธรรมที่สำคัญในการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต การเจ็บป่วยระยะท้ายและภาวะใกล้ตาย
การุณยฆาต หรือ ปราณีฆาต หรือ เมตตามรณะ(mercy killing or euthanasia)
1.1 การทำการุณยฆาตโดยความสมัครใจ (Voluntary euthanasia)
1.2 การทำการุณยฆาตโดยที่ผู้ป่วยไม่สามารถตัดสินใจได้เอง (Involuntary euthanasia)
การทำโดยเจตนา
แพทย์พิจารณา 3ประการ 1. ในภาวะเจ็บปวดทรมานสาหัส 2. สิทะฺส่วนบุคคลที่จะยุติชีวิตตนเอง 3. บุคคลไม่ควรจะถูกบังคับให้ยืดชีวิตออกไปในสภาพที่ช่วยตนเองไม่ได้หรือไร้การรับรู้ของสมอง
สำหรับประดังกล่าวยังไม่ได้รับการยอมรับในไทย ยังถือว่าขัดต่อศาสนา ศีลธรรมต่าง ๆ
การยืดหรือการยุติการรักษาที่ยืดชีวิต
2.1 การยับยั้งการใช้เครื่องมือช่วยชีวิตในการบำบัดรักษา (withholding of life-sustaining
treatment) หมายถึง การไม่เริ่มต้นใช้เครื่องมือช่วยชีวิต
2.2 การเพิกถอนการใช้เครื่องมือช่วยชีวิตในการบำบัดรักษา (withdrawal of life-sustaining
treatment) หมายถึง การเพิกถอนใช่เครื่องมือช่วยชีวิตในการบำบัดรักษา
การฆ่าตัวตายโดยความช่วยเหลือของแพทย์
คือ การฆ;าตัวตายโดยเจตนา และได7รับความช;วยเหลือจากแพทย
การจัดสรรทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัด
ผู้ป่วยวิกฤตมักจะเกิดความล้มเหลวของอวัยวะต่าง ๆในหลายระบบจึงต้องอาศัยเครื่องมือทาง
การแพทย์และทรัพยากรอื่นๆทางการแพทย์มาช่วยชีวิตไว้
การบอกความจริง
การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ
แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางจริยธรรม
1.ให้ความรู้แก่พยาบาลเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงจริยธรรม
จัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะในการตัดสินใจเชิงจริยธรรม
รู้ถึงสิทธิและหน้าที่ของพยาบาล
จริยธรรมสำหรับการทำงานของทีมสุขภาพ โดยมีความ เคารพซึ่งกันและกันรู้จักขอบเขตหน้าที่ของตนเอง
ความแตกต่างระหว่างการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตและทั่วไป
1.Professional culture รักษาผู้ป่วยเพื่อมุ่งเน้นให้มีชีวิตรรอดพ้นจากภาวะวิกฤติ
ความคาดหวังของผู้ป่วยและครอบครัว ผู้ป่วยที่เขารักษาในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติมักขาดการ เตรียมตัวเพื่อรับมือกับภาวะสุขภาพที่ทรุดลงอย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้มีความคาดหวังสูงที่จะดีขึ้นจาก ภาวการณ์เจ็บปวยที่รุนแรง
3.ความไม่แน่นอนของอาการ การรักษาในห้องไอซียูมีโอกาศที่จะดีขึ้นและกลับไปทรุดลงได้หลายครั้ง
Multidisciplinary team มีทีมแพทย์ดูแลรักษามากกว่า 1 ทีม
ผู้ป่วยในหอผู้ป่วยวิกฤติมีอาการไม่สุขสบายหลายอย่างและมีแนวโน้มถูกละเลย เนื่องจากทีม สุขภาพมักมุ่งประเด็นไปที่การหายของโรคมากกว่าความสุขสบายของผู้ป่วย
ทรัพยากรมีจำกัด เตียงในไอซีอยู่รวมทั้งอุปกรณ์มีจำกัด จึงพิจารณาใช้กับผู้ป่วยที่มีโอกาสจะรักษาและอาการดีขึ้น ไม่ใช่ใช้กับผู้ป่วยวิกฤตทุกราย
สิ่งแวดล้อมในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต สิ่งแวดล้อมมักจะพลุกพล่าน วุ่นวาย มีเสียงสัญญาณเตือนดังเกือตลอดเวลา
หลักการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายใกล้ตาย
แบบประเมินผู้ป่วยที่ได้รับ
การดูแลแบบประคับประคอง
ระดับ PPS
การเคลื่อนไหว
การปฏิบัติกิจกรรม
การทำกิจวัตรประจำวัน
การรับประทานอาหาร
ระดับความรู้สึกตัว
การประเมินสภาพ
1.การประเมินอาการทางร่างกาย
ระบบทางเดินอาหาร
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ระบบหายใจ
ระบบประสาท
ระบบขับถ่าย
ระบบการควบคุมหูรูด
3.การประเมินด้านสังคม
-บทบาทในครอบครัว
-ความรักความผูกพันขอผู้ป่วยกับสมาชิก
-ความต้องการของครอบครัว
-ผู้ดูแลผู้ป่วยตอนกลับบ้าน
-ที่อยู่อาศัยสิ่งแวดล้อม
-เครือข่ายสัคมและการสนับสนุนทางสังคม
การประเมินด้านจิตใจ ผู้ป่วยในระยะสุดท้ายจะมีความผิดปกติทางด้านจิตใจ 3 อย่าง
1) ภาวะซึมเศร้า (Depression)
2) ภาวะวิตกกังวล (Anxiety)
3) ภาวะสับสน (Delirium)
หลักการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายใกล้ตาย
1.การสื่อสาร
หลีกเลี่ยงคำศัพท์แพทย์
บอกการพยากรณืโรคที่ตรงที่สุด
ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกครั้งที่คุยกับผู้ป่วย
ให้เกียรติครอบครัวผู้ป่วย
มีความเห็นใจครอบครัว
2.การจัดการอาการไม่สุขสบาย
ช่วยเหลือทางกายภาพ ได้แก่ อาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน กลัว ซึม กังวล ร่วมกับ ยาที่ใช้บรรเทาอาการปวด
3.การดูแลทั่วไป
การดูแลทำความสะอาดร่างกาย การได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ การนอนหลับ การจัดสิ่งแวดล้อม
4.การดูแลเรื่องอารมณ์
-ช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับความตายที่จะมาถึง
-ช่วยให้จิตใจจดจ่อกับสิ่งงาม
-การช่วยปลดเปลื้องสิ่งที่ค้างคาใจ
-แนะนำให้ผู้ป่วยปล่อยวาง
-สร้างบรรยากาศที่สงบและเป็นส่วนตัว
5.การดูแลด้านจิตวิญญาณ
-ประเมินและบันทึกความต้องการทางจิตวิญญาณ
-สนับสนุนให้มีสถานที่ ประกอบพิธีตามศาสนา
-ส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติตามศรัทธาความเชื่อเพื่อให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย
6.ดูแลให้ได้รับการประชุมครอบครัว
-เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างทีมสุขภาพกับผู้ป่วยและครอบครัว
7.การดูแลผู้ป่วยและญาติเข้าถึงการวางแผนดูแลล่วงหน้า
-การทำพินัยกรรม
-ให้ญาติเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องการดูแลการแพทย์ในวาระสุดท้ายผู้ป่วย
8.การดูแลผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต
-ปิดเครื่องติดตามสัญญาณชีพ
-ยุติการเจาะเลือด
-ควรปิดประตูปิดม่านให้มิดชิด
-ทำความสะอาดใบหน้า
-นำสายที่ไม่จำเป็นออก
-ให้คงไว้เพียงการรักษาที่มุ่งเน้น
-ให้คุมอาการไม่สุขสบาย
-ควรทำการยุติการให้ผู้ป่วยได้รับยยาหย่ยอกล้ามเนื้อ
-ให้ยาที่มักจำเป็นต้องได้ เช่น มอร์ฟิน
-อธิบายให้ครอบครัวทราบอาการต่างๆที่จะเกิดขึ้น
9.การดูแลจิตใจคครอบครัวผู้ป่วยต่อเนื่อง
ไม่ควรพูดคำบางคำ เช่น ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้ เป็นต้น แต่ให้แสดงความเสียใจกับการสูญเสียเป็นสิ่งที่ปกติ อาจมีเอกสารคำแนะนำการดูแลร่างกายและจิตใจผู้สูญเสีย
21A นางสาวพลินี จำปา 6201210378 🥳🎒👒🎓🧳👜💼👑**