Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บ้านหลังที่2, ไบโอมแหล่งน้ำเค็ม (Marine biomes) โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้…
บ้านหลังที่2
11.ป่าสน
ป่าสนเขาหรือป่าสน (Coniferous Forest หรือ Pine Forest) ป่าสนเขาหรืออาจเรียกอีกอย่างว่า ป่าสนในประเทศไทยมักปรากฏอยู่ตามภูเขาสูงเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 700 เมตรขึ้นไป โดยทั่วไปมักจะขึ้นอยู่ในที่ซึ่งดินไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์มากนัก มีความเป็นกรดสูง มีสภาพภูมิอากาศที่มีอุณหภูมิค่อนข้างต่ำเป็นระยะเวลายาวนานและยังมีความแห้งแล้งที่ป่าดิบปรับตัวได้ยาก
ลักษณะของป่าสนเขาจะเป็นป่าโปร่งไม่ผลัดใบ ซึ่งจะมีเพียงต้นสนเขาปรากฏอยู่เท่านั้นอาจมีพันธุ์ไม้อื่นปรากฏอยู่บ้างแต่ก็พบได้น้อยในสังคมป่าสนเขาจะมีชั้นเรือนยอดด้านตั้ง แยกได้เป็น 3 ชั้นเรือนยอด ดังนี้
-
– เรือนยอดชั้นรอง ประกอบไปด้วยไม้ในป่าดิบเขาระดับต่ำมีความหนาแน่นแตกต่างกันตามสภาพแวดล้อม เช่น ก่อแอบ ก่อสีเสียด กำยาน สลักป่า เป็นต้น
– ชั้นพืชคลุมดิน จะขึ้นอยู่กับลักษณะโครงสร้างของป่าที่แปรผันไปตามสภาพแวดล้อมของพื้นที่และลักษณะของความหนาแน่นของเรือนยอดชั้นบน
นายณพฉัตร เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ม.4/14 เลขที่11
-
-
15.ทะเลทราย
ทะเลทราย (desert) พบได้ทั่วไปในโลก ในพื้นที่ที่มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยน้อยกว่า 25 เซนติเมตรต่อปี ทะเลทรายบางแห่งร้อนมากมีอุณหภูมิเหนือผิวดินสูงถึง 60 องศาเซลเซียสตลอดวัน บางแห่งค่อนข้างหนาวเย็น พืชที่พบในไบโอมทะเลทรายนี้มีการป้องกันการสูญเสียน้ำโดยใบลดรูปเป็นหนาม ลำต้นอวบเก็บสะสมน้ำ ทะเลทรายที่รู้จักกันโดยทั่วไปได้แก่ ทะเลทรายซาฮารา (Sahara) ในทวีปแอฟริกา ทะเลทรายโกบี (Gobi) ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและทะเลทรายโมฮาวี (Mojave) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
บริเวณที่มีปริมาณน้ำฝน 250 มม. ต่อปี และบางช่วงอาจ ไม่มีฝนตกยาวนานถึง 8-10 ปี พบได้ทั่วไปในโลก ในพื้นที่มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยน้อยกว่า 25 เซนติเมตรต่อปี ทะเลทรายบางแห่งร้อนมากมีอุณหภูมิเหนือผิวดินสูงถึง 60 องศาเซลเซียสตลอดวัน บางวันแห่งมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น ทะเลทรายบางแห่งซึ่งมีอากาศร้อน เช่น ทะเลทรายซาฮาราในอัฟริกา ทะเลทรายโซโนรันในเม็กซิโก มีฤดูหนาวสั้นๆ ที่ไม่หนาวมากนัก แต่ทะเลทรายบางแห่ง เช่น ทะเลทรายโกบีในมองโกเลียอาจมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งยาวนานในฤดูหนาว
พืชที่พบในทะเลทรายเป็นพวกไม้พุ่มทนแล้ง พืชอวบน้ำ และพืชปีเดียว พืชที่พบในไบโอมทะเลทรายนี้มีการป้องกันการสูญเสียน้ำ โดยใบลดรูปเป็นหนาม ลำต้นอวบ เก็บสะสมน้ำดี ในทะเลทรายมีสัตว์เลื้อยคลาน พวกงูและกิ้งก่า และสัตว์ใช้ฟันกัดแทะ เช่น พวกหนูชุกชุม สัตว์ส่วนใหญ่หากินกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อนในตอนกลางวัน
นายปัณณวิชญ์ รอดประจง ม.4/14 เลขที่15
17.ป่าฝนเขตร้อน
เป็นป่าไม้สูง อากาศร้อนและชื้น มีฝนตกชุกตลอดปี น้ำฝนเฉลี่ย 200-400 เซนติเมตรต่อปี เป็นป่าไม่ผลัดใบเนื่องจากปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมากทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องผลัดใบเพื่อลดการคายน้ำ พื้นดินมืดและชื้น มีอินทรียสารสมบูรณ์มาก ป่าตั้งอยู่ในเขตร้อน จึงได้รับแสงเยอะทำให้ต้นไม้โต และเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ มีไม้สูงพวกยาง-ตะเคียน ไม้กลางพวกปาล์ม และไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก ส่วนสัตว์ก็มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม(ส่วนใหญ่ตัวเล็ก) มีนกและสัตว์เลื้อยคลานหลายชนิด แมลงที่พบจะเป็นพวกที่มีการเป็นตัวด้วง แหล่งน้ำส่วนใหญ่มีปลาน้ำจืด มีมากจนไม่สามารถระบุชนิดได้
พบได้ในบริเวณใกล้เขตเส้นศูนย์สูตรของโลกในทวีปอเมริกากลาง
ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชียตอนใต้ และบริเวณบางส่วนของหมู่เกาะแปซิฟิก ในป่าชนิดนี้พบพืชและสัตว์หลากหลายนับพัสปีชีส์ เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์
นายศุภชัย ขาวสนิท ม.4/14 เลขที่ 17
ป่าฝนเขตร้อนแสดงถึงความหลากหลายทางชีวภาพในระดับสูง ประมาณ 40% ถึง 75% ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีถิ่นกำเนิดในป่าฝน [6]ป่าฝนเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพันธุ์พืชที่มีชีวิตครึ่งหนึ่งในโลก สองในสามของไม้ดอกทั้งหมดสามารถพบได้ในป่าฝน ป่าฝนหนึ่งเฮกตาร์อาจมีแมลงต่าง ๆ มากถึง 42,000 สายพันธุ์ ต้นไม้มากถึง 807 ต้นจาก 313 สายพันธุ์ และพืชที่สูงกว่า 1,500 สายพันธุ์ ป่าฝนเขตร้อนถูกเรียกว่า " ร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในโลก " เพราะมีการค้นพบยาธรรมชาติมากกว่าหนึ่งในสี่ มีแนวโน้มว่าอาจมีพืช แมลง และจุลินทรีย์หลายล้านสายพันธุ์ที่ยังไม่ถูกค้นพบในป่าฝนเขตร้อน
จัดเป็นป่าประเภทไม่ผลัดใบ เป็นป่าที่มีสีเขียวตลอดทั้งปี ต้นไม้จะไม่ผลัดใบในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก ต้นไม้ไม่มีความจำเป็นต้องผลัดใบเพื่อลดการคายน้ำ
ป่าฝนเขตร้อน คือ ป่าที่มีต้นไม้สูง,สภาพอากาศร้อน,และฝนตกเป็นจำนวนมาก ในป่าฝนบางพื้นที่ ฝนตกมากกว่านึ่งนิ้วทุกวัน
ป่าฝนพบมากในทวีปแอฟริกา, ทวีปเอเชีย, ทวีปออสเตรเลีย, ตอนกลางและตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ ป่าฝนที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ ป่าฝนในเขตอเมซอน
12 ทุ่งผลัดใบเขตอบอุ่น
ป่าผลัดใบเขตอบอุ่น (Temperate Deciduous Forest) พบได้ในเขตละติจูดถัดออกไปจากเส้นศูนย์สูตร คือในแถบอเมริกาเหนือ เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และยุโรป เป็นป่าไม้ที่เผชิญครบทั้ง 4 ฤดูกาล รวมถึงฤดูหนาว โดยทั่วไปมีอุณหภูมิอยู่ในช่วงติดลบ 30 ถึง 30 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยราว 75 ถึง 150 เซนติเมตรต่อปี ส่งผลให้ต้นไม้ส่วนใหญ่มีการผลัดใบ มีหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งโดยเฉลี่ยป่าไม้เขตอบอุ่นมีต้นไม้ราว 3 ถึง 4 ชนิดต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร ต้นไม้ที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ โอ๊ก (Oak) บีช (Beech) เมเปิล (Maple) และหลิว (Willow) สัตว์ที่อาศัยอยู่ทั่วไปในป่าประเภทนี้มักเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในฤดูหนาวที่หนาวจัดและฤดูร้อนที่มีอากาศอบอุ่นได้ดี เช่น กระรอก กวาง หมาป่า หมาจิ้งจอก และหมี
นอกจากนี้ ในแถบพื้นที่ตามแนวชายฝั่งซึ่งมีฝนตกชุกและมีฤดูหนาวที่ไม่หนาวจัด สามารถพบป่าสนเขตอบอุ่น (Temperate Coniferous Forest) เติบโตได้ดี เช่น ในประเทศจีน ญี่ปุ่น ยุโรปตะวันตก และนิวซีแลนด์ รวมถึงทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ซึ่งมี 4 ฤดูเช่นเดียวกัน แต่มีฝนหนักตลอดทั้งปี (ปริมาณน้ำฝนราว 130 ถึง 500 เซนติเมตรต่อปี) ดินมีความอุดมสมบูรณ์มาก มีต้นสนเป็นพืชพรรณหลัก โดยไม้ยืนต้นส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่และสูงชะลูด สัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าประเภทนี้ ได้แก่ กวาง เหยี่ยว หมีดำ และนกฮูก
-
-
13
ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น
-
เช่นเดียวกับทุ่งหญ้าสะวันนาทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นเป็นทุ่งหญ้าเปิดโล่งที่มีต้นไม้น้อยมาก อย่างไรก็ตามทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีอากาศหนาวเย็นกว่าและได้รับฝนโดยเฉลี่ยน้อยกว่าทุ่งหญ้าสะวันนา
-
อุณหภูมิในทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นแตกต่างกันไปตามฤดูกาล ในฤดูหนาวอุณหภูมิอาจลดลงจนต่ำกว่า 0 องศาฟาเรนไฮต์ในบางพื้นที่ ในฤดูร้อนอุณหภูมิอาจสูงกว่า 90 องศาฟาเรนไฮต์ ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นได้รับปริมาณน้ำฝนต่ำถึงปานกลางโดยเฉลี่ยต่อปี (20-35 นิ้ว) การตกตะกอนนี้ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของหิมะในทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นของซีกโลกเหนือ
-
10 ทุนดรา
ทุนดราเป็นชีวนิเวศชนิดหนึ่งที่การเติบโตของไม้ต้นถูกจำกัดด้วยอุณหภูมิต่ำและฤดูกาลเติบโตสั้น อุณหภูมิต่ำมากจนทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้
มีทันดราอยู่สามชนิด ทันดราอาร์กติก ทันดราแบบแอลป์ และทันดราแอนตาร์กติก[ในทุนดรา พืชพรรณประกอบด้วยไม้พุ่มแคระ กก มอส และไลเคน มีไม้ต้นเติบโตประปรายในบริเวณทันดราบางแห่ง เขตรอยต่อระหว่างทันดราและป่าเรียก ระดับปลอดไม้ต้น (tree line หรือ timberline)
เป็นเขตที่มีฤดูหนาวค่อนข้างยาวนาน ฤดูร้อนช่วงสั้น ๆ ลักษณะเด่นคือ ชั้นของดินที่อยู่ต่ำกว่าจากผิวดินชั้นบนลงไปจะจับตัวเป็นน้ำแข็งถาวร ทุนดราพบเพียงตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ และยูเรเซีย พบพพืชและสัตว์อาศัยอยู่น้อยชนิด ปริมาณฝนน้อยในฤดูร้อนช่วงสั้น ๆ น้ำแข็งที่ผิวหน้าดินละลาย แต่เนื่องจากน้ำไม่สามารถซึมผ่านลงไปในชั้นน้ำแข็งได้ในระยะสั้น ๆ พืชที่พบจะเป็นพวกไม้ดอกและไม้พุ่ม นอกจากนี้ยังพบสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ เช่น ไลเคนด้วย
14
นายธีรวัฒน์ เสนขวัญแก้ว เลขที่14ม.4/14
สะวันนา เป็นระบบนิเวศทุ่งหญ้าที่มีลักษณะไม้ต้นมีที่ว่างกว้างจนร่มไม้ไม่ปิด ร่มไม้รเปิดทำให้แสงถึงพื้นเพียงพอเพื่อสนับสนุนชั้นไม้ล้มลุกซึ่งประกอบด้วยหญ้าเป็นหลัก สะวันนาเขตร้อนตรงแบบในประเทศออสเตรเลียตอนเหนือแสดงความหนาแน่นของไม้ต้นสูงและการเว้นช่องสม่ำเสมออันเป็นลักษณะของสะวันนาหลายแห่ง ที่แรกหากพูดถึงทุ่งหญ้าสะวันนา แน่นอนว่าทุกคนต้องนึกถึงมาไซมาร่าแห่งเคนย่า แอฟริกา ด้วยเป็นสถานที่เที่ยวอันโด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวที่อยากชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าและเที่ยวสไตล์ซาฟารี เพราะมาไซมาร่านั้นเป็นเขตสงวนสัตว์ป่าที่ดีที่สุดของเคนย่า ภายในเขตสงวนนั้นมีทั้งชนเผ่ามาไซดั้งเดิมที่ยังอาศัยอยู่และสัตว์ป่าชนิดต่างๆ เพื่อนๆ สามารถไปส่องดู Big 5 หรือผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 ของแอฟริกา ซึ่งได้แก่ สิงโต เสือดาว ช้าง ควายป่า และแรดได้ หากใครอยากจะลองชมวิวแบบ 360 องศา อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจมากก็คือการขึ้นบอลลูน รับรองว่าวิวที่ได้รับชมนั้นจะทำให้เพื่อนๆ ไม่มีวันลืมช่วงเวลานี้ไปแน่นอน
ไบโอมแหล่งน้ำเค็ม (Marine biomes) โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำเค็ม ซึ่งได้แก่ ทะเลและมหาสมุทร ซึ่งพบได้ในปริมาณมากถึงร้อยละ 71 ของพื้นที่ผิวโลก และมีความลึกมากโดยเฉลี่ยถึง 3,750 เมตร ไบโอมแหล่งน้ำเค็มจะแตกต่างจากน้ำจืดตรงที่มีน้ำขึ้นน้ำลงเป็นปัจจัยกายภาพ สำคัญ นอกจากนี้ยังพบช่วงรอยต่อของแหล่งน้ำจืดกับน้ำเค็มที่มาบรรจบกัน และเกิดเป็นแหล่งน้ำกร่อยซึ่งมักพบบริเวณปากแม่น้ำ
-
-
-
-
S
-
-
-