Care of patient treated with sympathomimetic drug ( Adrenaline and Dopamine )

Adrenaline

Dopamine

ผลข้างเคียง

วิธีการใช้

กลไกการออกฤทธิ์

อะดรีนาลีนเป็นยาในซิมพาโทมิเมติก (Sympathomimetic) ที่มีกลไกการออกฤทธิ์ที่ตัวรับชื่อ แอดริเนอจิก ทั้งแอลฟาและเบต้า (Alpha and Beta adrenergic receptors) ซึ่งเป็นตัวรับที่ทำงานเกี่ยวข้องกับระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบที่หลอดลม กระตุ้นการทำงานของหัวใจ รวมถึงทำให้หลอดเลือดบริเวณกล้ามเนื้อคลายตัว ด้วยกลไกดังกล่าวจึงทำให้เกิดฤทธิ์ในการรักษาตามสรรพคุณดังกล่าว


ส่วนการใช้อะดรีนาลีนในรูปแบบที่ผสมกับยาชา จะทำให้ลดการดูดซึมของยาชาจากบริเวณอวัยวะที่ใช้ยาชานั้น ทำให้ยาชาออกฤทธิ์ได้นานและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ยานี้อาจทำให้มีอาการตื่นเต้น ใจสั่น มือสั่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ส่วนผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น เหงื่อออกมาก น้ำลายออกมาก น้ำตาลในเลือดสูงเพิ่มขึ้น อ่อนเพลีย มีอาการตัวสั่น เกลือโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (ก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลีย กล้ามเนื้อเป็นตะคริว หัวใจเต้นผิดปกติ) ตาพร่ามัว ตากลัวแสง ตัวบวม รู้สึกไม่สบายในกระเพาะอาหารและลำไส้ อาหารไม่ย่อย ปัสสาวะขัด เป็นต้น

สำหรับรักษาอาการแพ้ (Allergic reaction) และอาการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis) ในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนัก 30 กิโลกรัมขึ้นไป ให้ฉีดยาในขนาด 0.3 มิลลิกรัม เข้ากล้ามเนื้อหรือใต้ผิวหนังบริเวณส่วนหน้าทางด้านข้างของต้นขา และหากจำเป็นอาจต้องใช้ยาซ้ำ (ในเด็กที่มีน้ำหนักตัว 15-30 กิโลกรัม ให้ฉีดยาในขนาด 0.15 มิลลิกรัม ส่วนเด็กที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 30 กิโลกรัม ให้ฉีดยาในขนาด 0.3 มิลลิกรัม ด้วยวิธีเดียวกันและให้ยาซ้ำได้เมื่อจำเป็น)

สำหรับใช้รักษาภาวะความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) และอาการช็อก (Shock) ในผู้ใหญ่ ให้ฉีดยาเข้าหลอดเลือดในขนาด 0.05-2 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/นาที และปรับขนาดยาตามค่าความดันเลือดแดงเฉลี่ย (MAP)

สำหรับรักษาโรคหืด (Asthma) ที่อาการรุนแรง ในผู้ใหญ่ให้ฉีดยาเข้าหลอดเลือดในขนาด 0.1-0.25 มิลลิกรัม (1-2.5 มิลลิลิตร) อย่างช้า ๆ เพียงครั้งเดียว ส่วนในเด็กทารก (0-1 เดือน) ให้ฉีดเข้าหลอดเลือดในขนาด 0.01 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม อย่างช้า ๆ เพียงครั้งเดียว ส่วนในเด็กอ่อน (อายุ 1-12 เดือน) ให้ฉีดเข้าหลอดเลือดในขนาด 0.05 มิลลิกรัม อย่างช้า ๆ เพียงครั้งเดียว และอาจซ้ำได้ทุก 20-30 นาทีตามความจำเป็น (ในปัจจุบันไม่แนะให้ใช้ยานี้ฉีดรักษาอาการหืดกำเริบรุนแรงแล้ว เนื่องจากมียาอื่นที่ได้ผลและปลอดภัยมากกว่า

สำหรับใช้รักษาภาวะหัวใจเต้นช้าผิดปกติ (Bradyarrhythmia) ในผู้ใหญ่ ให้ฉีดยาเข้าหลอดเลือดในขนาด 2-10 ไมโครกรัม/นาที และปรับขนาดยาตามการตอบสนองของผู้ป่วย

สำหรับใช้รักษาภาวะหัวใจหยุดเต้นฉุกเฉิน (Cardiac arrest), ภาวะหัวใจหยุดสนิท (Asystole), ภาวะหัวใจห้องล่างเต้นแผ่วระรัว (Ventricular fibrillation) และภาวะหัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดปกติ (Ventricular tachycardia) ในผู้ใหญ่ ให้ฉีดยาเข้าหลอดเลือดในขนาด 0.5-1 มิลลิกรัม (5-10 มิลลิลิตร) และให้ยาซ้ำในขนาด 0.5 มิลลิกรัม (5 มิลลิลิตร) ทุก ๆ 5 นาทีในระหว่างการกู้ชีพ (ส่วนในเด็กเฉพาะสำหรับการรักษาภาวะหัวใจหยุดเต้น (Cardiac arrest) ให้ฉีดยาเข้าหลอดเลือดในขนาด 0.01-0.03 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพียงครั้งเดียว)

ผลข้างเคียง

วิธีการใช้

กลไกการออกฤทธิ์

ยาจะเข้าไปช่วยขยายหลอดเลือดไต และหลอดเลือดระบบทางเดินอาหาร แต่ถ้าใช้ในปริมาณที่มากขึ้นตัวยาจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของตัวรับสัญญาณของ โดปามิเนอร์จิก (Dopaminergic Receptor) และอะดรีเนอจิกแบบเบตา (β1-Adrenergic Receptors) หากใช้ในปริมาณมากยานี้ก็จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของตัวรับสัญญาณอะดรีเนอจิก (Adrenergic Receptors) เป็นผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้มากขึ้น และเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงทั่วร่างกายได้อย่างเพียงพอ

มีดังนี้้

หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ

ใจสั่น

คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ (Widened QRS complex)

แน่นหน้าอก

เส้นเลือดตีบ

ความดันโลหิตสูงหรือต่ำผิดปกติ

หายใจลำบาก

คลื่นไส้ อาเจียน

ปวดศีรษะ

วิตกกังวล

เกิดภาวะคั่งของของเสียในเลือด

เนื้อตายจากภาวะเส้นเลือดอุดตันส่วนปลาย

เบื้องต้นให้ในปริมาณ 2-5 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อนาที และให้เพิ่มได้ถึง 5-10 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อนาที ขึ้นอยู่กับสภาพหัวใจและปริมาณปัสสาวะของผู้ป่วย ในกรณีที่อาการรุนแรงให้ได้มากถึง 20-50 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อนาที