Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 11 ปัญหาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร - Coggle Diagram
บทที่ 11
ปัญหาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร
ปัญหาของการพัฒนาหลักสูตร
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร ไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ของตน
ขาดการประสานงานหน้าที่ดีระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร
ผู้บริหารระดับต่าง ๆ เห็นว่าหลักสูตรเป็นหน้าที่ของหน่วยงานทีรับผิดชอบโดยเฉพาะ
ปัญหาการไม่เปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนของครูตามแนวทางของหลักสูตร
ปัญหาการเผยแพร่หลักสูตร การสื่อสารทําความเข้าใจในหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นใหม่
แนวโน้มของการพัฒนาหลักสูตร
กล่าวถึงแนวโน้มของการพัฒนาหลักสูตร มีประเด็นสำคัญเกี่ยวข้อง 2 ประเด็นคือ ข้อมูลที่นำมาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตร กับการวิจัยทางการศึกษา โดยจะพบว่า ในระยะเวลาประมาณ 10 ปี และจากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องสรุปได้ดังนี้
รายงานการศึกษาวิจัยใน
ช่วงทศวรรษ 1940 และ 1950
มุ่งศึกษา ตัวแปรทำนาย จากคุณสมบัติของครู มีความเชื่อว่าครูที่มีคุณสมบัติมีแนวโน้มที่จะสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
1) เสียง รูปร่างหน้าตา
2) ความมั่นคงทางอารมณ์
3) ความน่าเชื่อถือ
4) ความอบอุ่น
5) ความกระตือรือร้น
ต่อมาผลการศึกษาวิจัยความมีประสิทธิภาพของครู
ในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970
ได้ข้อสรุปและเสนอแนะในการพัฒนาวิชาชีพด้วย การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision) เทคนิควิธีการสังเกตการสอนชั้นเรียน เป็นต้น
ต่อมาในทศวรรษ 1980 เมเดอลีน ฮันเตอร์ (Madeline Hunter) และคณะมหาวิทยาลัยยูซีแอลเอใช้หลักทฤษฎีเป็นฐาน (Theory-based)
ในการเรียนการสอน สรุปได้ดังนี้
2) การอนุมานจากแนวคิดในด้านการเรียน
รู้ เช่น แรงจูงใจ (Motivation)
ความทรงจำ (Retention) การถ่ายโอนความรู้ (Transfer) เป็นต้น
1) การสอนมีรากฐานมาจากทฤษฎีการเรียนรู้แบบพฤติกรรมนิยม
ผลการศึกษาวิจัยในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990
การเปลี่ยนแปลงทัศนะการเรียนรู้แบบพฤติกรรมนิยม (Behaviorist) เป็นการเรียนรู้ด้วยปัญญา (Cognitive Learning Theory)
แนวโน้มของหลักสูตร
ออนสไตน์ได้สรุปไว้ว่าแนวโน้มของหลักสูตรมีดังต่อไปนี้
การศึกษาในรูปแบบอีเล็กทรอนิกส์ (Electronic Education)
โรงเรียนหลายแห่งและครูจํานวนมากที่สามารถผลิตสื่อการสอนวิชาที่ตนเองรับผิดชอบในรูปของวีดิทัศน์ จากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สามารถที่จะพิมพ์
วีดิทัศน์ หรือภาพจากจอภาพในรูปของ ภาพถ่าย ตาราง กราฟ หรือรูปภาพในแบบต่าง ๆ ลงในกระดาษสําหรับศึกษาต่อไปได้
การรู้เทคโนโลยี (Technical Literycy)
โรงเรียนในปัจจุบันเห็นความสําคัญในวิวัฒนาการของเทคโนโลยี จึงได้ให้การศึกษากับบุคลากรเกียวกับคอมพิวเตอร์ อีเล็กทรอนิกส์ เลเซอร์ และหุ่นยนต์ การรู้คอมพิวเตอร์เป็นทักษะพืนฐานเพิ่มขึ้นจากทักษะการอ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น หรือรู้จักกันว่า 3Rs
การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)
แนวโน้มของการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นความจําเป็นกับสังคมสมัยใหม่อันเป็นผลสืบเนื่องจากความรู้ที่มีมากมาย การเปลี่ยนแปลงของสังคมอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจที่มีผลต่อประชาชนในการประกอบอาชีพทีปรับเปลี่ยนไปสู่การพัฒนาใหม่ที่มีผลต่อเป้าหมายของบุคคลและสังคม การศึกษาจะมีความต่อเนื่องตลอดชีวิตไม่ใช่เป็นเพียงการศึกษาในโรงเรียนเท่านั้น การศึกษาผู้ใหญ่จึงถูกคาดหวังเพิ่มขึ้น
การศึกษานานาชาติ (International Education)
สิ่งแวดล้อมศึกษา (Environmental Education)
โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาควรได้ทําหน้าที่เตรียมผู้เรียนสู่โลกอนาคต โดยช่วยให้เข้าใจในปฏิสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์ สังคมและการเมืองว่าเป็นอย่างไร ด้วยเหตุที่ว่าความรู้ที่มีอยู่ไม่มั่นใจว่าใช้ได้อย่างเหมาะสม หลักสูตรต้องให้เกิดเจตคติ คุณค่า และความคิดเชิงจริยธรรม ทีช่วยให้มีพฤติกรรมทีรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
การศึกษาเกี่ยวกับนิวเคลียร์ (Nuclear Education)
สุขศึกษาและการดูแลสุขภาพกาย (Health Education and Physical Fitness)
การศึกษาต่างด้าว (Immigrant Education)
ภูมิศาสตร์ย้อนกลับ (The Return of Geography)
การศึกษาในช่วงเกรดกลาง (Middle-Grade Education)
ผู้เรียนที่อายุระหว่าง – ปี ซึ้งเป็นวัยที่เปลี่ยนแปลงความเจริญเติบโตและพัฒนาการอย่างรวดเร็ว การศึกษาที่จัดให้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับ ก่อนจะเป็นวัยรุ่นและวัยรุ่นตอนต้นเมื่อเปรียบเทียบกับโรงเรียนมัธยม โรงเรียนเกรดกลางมุ่งให้ความสําคัญกับการเรียนรู้สังคมหรือสังคมประกิตไม่เน้นวิชาการ
การศึกษาสำหรับผู้สูงอายุ (Aging Education)
สังคมปัจจุบันจํานวนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นักการศึกษามีความเชื่อว่าโรงเรียนจะต้องสอนให้ผู้เรียนเข้าใจปัญหาและความคาดหวังของผู้สูงอายุ และช่วยให้มีความรักต่อผู้สูงอายุ
ธุรกิจการศึกษา(For-Profit Education)
โรงเรียนหรือสถานศึกษารูปแบบต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทังในรูปแบบของเอกชนและหน่วยงานทีตังขึ้นเฉพาะกิจ อาทิ สถานเลียงเด็กเล็ก(nursery) ศูนย์รับเลี้ยงเด็กช่วงเวลากลางวันและช่วงหลังเลิกเรียน ศูนย์กีฬาและโค้ชเอกชน ศูนย์ติวเตอร์แฟรนไชส์ วิทยาลัยเอกชนเพื่อให้บริการแนะแนว(ในการเลือกมหาวิทยาลัย)
การศึกษาเพื่ออนาคต (Futuristic Education)
กล่าวถึงอนาคตว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่สามารถที่กําหนดขอบข่ายของการเปลี่ยนแปลงได้เลยนั้น จึงนํามาเป็นหลักการของความมุ่งหมายการศึกษา ที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถของผู้เรียนแต่ละคนเพื่อที่ผู้เรียนแต่ละคนสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่ต่อเนื่อง
ในปี 1983 สมาคมการพัฒนาหลักสูตรและการนิเทศ (Association for Supervision and curriculum development :ASCD)
ได้เผยแพร่บทความวิจัย ของ Benjamin I. Troutman and Robert D. Palombo เรื่อง Identifying Futures Trends in Curriculum Planning โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 36 คน จากโรงเรียน Virginia Beach Public Schools ข้อมูลที่ได้สรุปได้ว่า
ความรู้มีความเป็นศาสตร์เฉพาะการเพิ่มขึ้น ซึ่งมีการศึกษาผลต่อหลักสูตรใน 3 ประเด็น คือ
1) ความเป็นความรู้ที่ร่วมกันของวิทยาการที่เจริญก้าวหน้า
2) ความสมดุลระหว่างความยากลำบากในการได้มาของข้อเท็จจริงกับการพัฒนาทักษะกระบวนการ
3) เอกสารความรู้ที่ใช้เป็นแหล่งความรู้ในหลักสูตร
กลุ่มตัวอย่างจากโรงเรียน Virginia Beach Public Schools ให้ความเห็นว่าแนวโน้มในอนาคตที่มีผลต่อการวางแผนหลักสูตรมี 15 ประเด็น คือ
คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่น ๆ (Computers and Other Information Technologies)
การประยุกต์กระบวนการ (Process Approach)
การอาชีวและอาชีพศึกษา (Vocational and Career Education)
การพัฒนาทีมงาน (Staff Development)
ความยืดหยุ่นของหลักสูตร(Curriculum Flexibility)
ใช้ชุมชน (Use of Community)
การเติมเต็มบุคลิกภาพ (Personal Fulfillment)
สื่อมวลชน(Mass Media)
การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)
สัมพันธภาพระดับสากล (Global Interrelationships)
การมองอนาคต (Futures Perspective)
โปรแกรมสำหรับเด็กเล็ก(Early Childhood Programs)
ความเป็นประชาธิปไตย (Democratic Ideals)
4.การทบทวนหลักสูตร (Curriculum Revision)
1.ทักษะพื้นฐานทางวิชาการ (Basic Academic Skills)