Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
care patient examined by puncture and biopsy - Coggle Diagram
care patient examined by puncture and biopsy
"bone marrow puncture"
วิธีการตรวจ
ขั้นตอนการทำ
ผู้ป่วยบางรายจะได้รับการฉีดยานอนหลับก่อนทําหัตการสามารถอยู่กับผู้ป่วยได้จนกว่าผู้ป่วยหลับสนิท
แพทย์จะทําความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะทําการเจาะไขกระดูกด้วยวิธีปราศจากเชื้อ
มีการฉีดยาชา บริเวณที่จะทําการเจาะตรวจไขกระดูก เพื่อบรรเทาอาการปวดเฉพาะที่
ใช้เข็มเจาะไขกระดูก เจาะผ่านผิวหนังเข้าไปถึงโพรงกระดูก ลึกประมาณ 1-2 เซนติเมตร เพื่อดูดเลือดจากโพรงไข กระดูกส่งตรวจปริมาณ 5-10 ซีซี
ในรายที่ต้องเจาะตัดเนื้อเยื่อไขกระดูก แพทย์จะใช้เข็มตัดชิ้นเนื้ออีกชนิดหนึ่ง เจาะเข้าไปในตําแหน่งกระดูกสะโพก ด้านหลัง เพื่อให้ได้ชิ้นเนื้อไขกระดูกขนาดยาวประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร
ระยะเวลาที่เตรียมผู้ป่ วยและเจาะโดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ข้อบ่งชี้ในการส่งตรวจ
ไขกระดูกเป็นแหล่งสร้างเม็ดเลือดชนิดต่างๆ เมื่อตรวจพบความผิดปกติ ของเม็ดเลือดจากการตรวจเลือดทั่วไป แพทย์อาจมีความจําเป็นต้องเจาะดูดเลือดจากไขกระดูกหรือเจาะตัดเนื้อเยื่อไข กระดูกมาตรวจเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรค หรือเพื่อติดตามผลการรักษา
การเตรียมผู้ป่วย
ตำแหน่ง
ในผู้ป่วยเด็ก สามารถทําได้ 2 ตําแหน่งคือ
บริเวณกระดูกเชิงกรานด้านหน้า
กระดูกสะโพกด้านหลัง
แต่ในผู้ป่วยเด็กเล็ก(อายุน้อยกว่า 18 เดือน) แพทย์อาจพิจารณาทําที่กระดูกหน้าแข้ง
การเตรียม
ก่อนการส่งตรวจ
ควรงดอาหารและน้ำดื่มเป็ นเวลาอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงก่อนการเจาะตรวจเพื่อป้องกันการสําลัก ระหว่างการทําหัตถการ
หลังการส่งตรวจ
ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการฉีดยานอนหลับ เมื่อเจาะเสร็จแล้วสามารถลุกเดินได้ทันที
หากได้รับยานอนหลับผู้ป่วยจะถูกย้ายไปที่ห้องพักฟื้น เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ โดยทั่วไปผู้ป่วยจะรู้สึกตัวดีภายใน ระยะเวลา 30-60 นาที จึงสามารถให้รับประทานอาหาร หรือนํ้า หรือกลับบ้านได้
"Lumbar puncture"
ข้อบ่งชี้/ข้อห้ามในการส่งตรวจ
ข้อบ่งชี้
วินิจฉัยด้วยวิธีการอื่นๆ
Myelogram
Cisternogram
CSF dynamic study
Pneumoencephalogram
เพื่อการวินิจฉัย
โรคติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมอง (meningitis)
โรคที่มีพยาธิสภาพหรือรอยโรคใน subarachnoid space
โรคอื่นๆที่เกิดในเนื้อสมอง, ไขสันหลังหรือรากประสาทที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในน้ำไขสันหลัง
เพื่อการรักษา
ให้ยาทางวิสัญญีวิทยา
ให้ยาเข้าสันหลัง เช่น การให้ยาต้านจุลชีพ, ยาต้านเชื้อรา หรือยาต้านมะเร็ง
ลดความดันในกะโหลกศีรษะ เช่น eosinophilic meningitis, cryptococcal meningitis, pseudotumorcerebri
ข้อห้าม
เมื่อสงสัยภาวะความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มจากการมี space occupying lesion เช่น เนื้องอก, ฝีในสมอง เพราะอาจเกิด brain herniation ได้ง่าย
มื่อมีภาวะเลือดออกง่าย (bleeding tendency) เพราะอาจทำให้เกิดก้อนเลือดไปกดทับไขสันหลังได้ ไม่ควร ทำการเจาะน้ำไขสันหลังถ้าเกล็ดเลือดต่ำกว่า 50,000
เมื่อมีการติดเชื้อของผิวหนัง หรือ deep tissue ในบริเวณที่จะเจาะ เพราะเป็นการนำเชื้อเข้าสู่ subarachnoid space
เมื่อวางแผนที่จะทำการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีการอื่นต่อไป เพราะจะทำให้ subarachnoid space แฟบลง ส่งผล ให้การเจาะน้ำไขสันหลังสำหรับการตรวจนั้นทำได้ด้วยความยากลำบาก
เมื่อผู้ป่วยมี spinal arthritis, arachnoiditisหรือเคยทำ spinal fusion มาก่อน กรณีเหล่านี้ไม่ใช่ข้อห้าม แต่อาจทำให้การเจาะน้ำไขสันหลังทำไม่ได้ หรือทำได้ด้วยความยากลำบาก
การเตรียมผู้ป่วย
ผู้ป่วย
จัดท่าผู้ป่วยให้ผู้ป่วยนอนตะแคงชิดขอบเตียง นอนงอตัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยเข่าชิดหน้าอก ก้มศีรษะและ คอให้มากที่สุด โดยให้หลังตั้งฉากกับเตียง (กรณีที่เจาะในท่านั่งให้ผู้ป่วยนั่งคร่อมเก้าอี้ หันหน้าไปทางพนักเก้าอี้ ใช้มือกอดพนักเก้าอี้ นำหมอนรองที่หน้าอก และให้ผู้ป่วยก้มตัวให้มากที่สุด)
อุปกรณ์
ถุงมือปลอดเชื้อ 1-2 คู่
Set เจาะหลัง
ii. Spinal fluid manometer, three way stopcock
iii. ผ้าเจาะกลาง
i. Lumbar puncture needle พร้อม styletเบอร์ 18, 20, 22
iv. ขวดสำหรับเก็บ specimen 3-4ขวด
v. ผ้าก๊อซ สำหรับทำความสะอาดบริเวณที่เจาะ และปิดแผลที่เจาะ
น้ำยา 2% Tincture Iodine, 70% alcohol
1% lidocaine, syringe 5 ml,เข็มเบอร์ 18(ส าหรับดูดยาชา), เข็มเบอร์ 22(สำหรับฉีดยาชาเข้าใต้ ผิวหนัง)
วิธีการส่งตรวจ
เลือกตำแหน่งที่เจาะ ใช้ช่องระหว่างกระดูกสันหลังระดับ L4-L5 (โดยใช้ฝ่ามือคลำ iliac crestและหัวแม่ มืออยู่ในแนวดิ่งตั้งฉากกับพื้น) เมื่อได้ตำแหน่งแล้วให้ทำเครื่องหมายไว้ กรณีที่เจาะช่องนี้ไม่ได้ อาจ เลื่อนขึ้นอีก 2 ช่อง แต่ต้องไม่เกินระดับ L2