Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial infarction) - Coggle Diagram
กล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial infarction)
สาเหตุ
มีการสะสมของสารต่างๆ หลายชนิดบนผนังหลอดเลือด สารที่เกิดการสะสมมากที่สุดก็คือไขมัน และคอเลสเทอรอล คือ ไขมันตัวร้ายที่สุด ที่ไปสะสมอย่างตามผนังหลอดเลือด การสะสมของไขมันนี้เกิดตั้งแต่ในช่วงวัยรุ่น โดยมีลักษณะเป็นปื้นไขมันเล็กๆ สีเหลือง ซึ่งอาจหายไปได้หลังจาก ได้รับการรักษา โคเลสเตอรอลในร่างกายของเรามาจาก 2 แหล่งคือ ส่วนที่ร่างกายสร้างขึ้นเองและส่วนที่มาจากอาหาร ตามปกติโคเลสเตอรอลเป็นสารไขมัน ที่ให้ประโยชน์ ร่างกายมีกลไกที่ควบคุมดูแลโคเลสเตอรอลไม่ให้สร้างปัญหาขึ้นได้ แต่บางครั้งกลไกควบคุมนั้น ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นมาเสียเองที่หลอดเลือด โดยมีพังผืดหุ้มไว้บางๆเมื่อเปลือกหุ้มไขมันนี้เกิดปริแตกออก ก็จะทำให้ไขมันข้างใต้เป็นแผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
ปัจจัยเสี่ยง
ควบคุมไม่ได้
เพศ เพศชายมีความเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง
อายุ เพศชายอายุเกิน 40 ปีขึ้นไปมีโอกาสพบหลอดเลือดแข็งตัวได้มาก เพศหญิงที่มีประจําเดือนแล้วพบได้บ่อยใกล้เคียงกับเพศชาย
ประวัติครอบครัว ครอบครัวที่มีคนเป็นโรคหัวใจเกี่ยวกับหลอดเลือดโคโรนารีจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากกว่าครอบครัวที่ไม่มีโรคนี้
ควบคุมได้
ความดันโลหิตสูง
โคเลสเตอรอลในเลือดสูง
โรคเบาหวาน
ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน
สูบบุหรี่จัด อัตราการเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากหัวใจวายในคนที่สูบบุหรี่นั้นมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่อย่างน้อย 2 เท่า
ขาดการออกกำลังกาย
อาการเเละอาการเเสดงทางคลินิค
angina pectoris อาการเจ็บแบบแน่นๆ หนักๆ เหมือนมีของหนักทับบริเวณอกซ้าย
มีอาการ แน่นอึดอัด รู้สึกหายใจไม่ออก
อาการเจ็บร้าว (refer pain) ไปยังบริเวณแขนซ้ายด้านใน เจ็บร้าวบริเวณกราม หรือลําคอได้
อาการเจ็บหน้าอกมักเป็นขณะพักหรือออกแรงเพียงเล็กน้อย
เป็นอยู่นานมากกว่า 15-20 นาที
อาการเหนื่อย หายใจไม่เต็มปอด นอนราบไม่ได้
อาการใจ สั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ระดับความรุนเเรง
Class I : การทำกิจวัตรประจำวันไม่ทำให้เจ็บหน้าอก เช่นการเดินหรือเดินขึ้นบันได แต่การออกแรงหรือใช้กำลังมากจะทำให้เหนื่อย
Class II: มีการจำกัดของกิจวัตรประจำวันเล็กน้อย โดยจะมีอาการเจ็บหน้าอก เช่นเมื่อมีกิจวัตรประจำวันอย่างเร็ว เดินหรือขึ้นบันไดอย่างเร็ว การเดินขึ้นเขา หรือออกกำลังหลังรับประทานอาหาร อากาศหนาวหรือเย็น ความเครียด
Class III: มีการจำกัดของกิจวัตรประจำวันเป็นอย่างมากการเดินระยะทางประมาณ 50-100 เมตร หรือการเดินขึ้นบันไดระดับความสูงเพียงหนึ่งชั้นก็เจ็บอก
Class IV : ม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันใดๆได้เนื่องจากอาการเจ็บหน้าอก หรืออาจเจ็บหน้าอกขณะพัก
.
การวินิจฉัย
มีการเปลี่ยนแปลงคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เช่น ST-segment elevation, ST-segment depression ที่ เกิดขึ้นใหม่ มี Q wave กว้างมากกว่า 1 ช่องเล็ก
การส่งตรวจเลือด cardiac enzymes ที่บ่งชี้ถึงการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ เช่น Troponin T (TnT), Myoglobin, Total CPK, CK-MB ระดับ cardiac enzymes ที่สูงเกินค่าปกติเป็นตัวบ่งบอกว่ามีการตายของเซลล์ กล้ามเนื้อหัวใจจากการขาดเลือด
การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น การทดสอบสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกําลังกาย (Exercise stress testing) เอกซเรย์หลอดเลือดหัวใจ (Coronary arteriography) การ X-ray หรือการตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocardiography)
การรักษา
การดูแลในระยะฉุกเฉิน (Emergency care) จุดประสงค์หลักคือ วินิจฉัยให้เร็วที่สุด และรีบประเมิน อัตราเสี่ยงผู้ป่วย การทําให้อาการเจ็บหน้าอกหายโดยการให้ยา Morphine เป็นยาระงับอาการปวดและยาระงับ ความวิตกกังวล
การดูแลในระยะแรก (Early care) การพิจารณาให้ reperfusion therapy อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทํา ได้ เพื่อลดขนาดของการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ ป้องกัน infarct extension และ expansion การให้ยากลุ่ม ละลายลิ่มเลือดอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว ช็อก และ life-threatening arrhythmia การรักษาเช่น การให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดภายใน 30 นาทีและการทํา Percutaneous Intervention: PCIภายในเวลา 90(+,-)30 นาที
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Antithrombolytic, Thrombolytic, Anticoagulant drugs)
1) ยาต้านเกร็ดเลือด (Antiplatelet agents) เป็นยาขัดขวางการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด ที่นิยมใช้กัน คือแอสไพริน (Aspirin) ไดไพริดาโมล (Dipyridamole หรือ Persantine)
2) ยาละลายลิ่มเลือด (Thombolytic agents) ช่วยละลายลิ่มเลือดที่อุดตันในหลอดเลือดแดงโคโร นารี ยาละลายลิ่มเลือดที่สําคัญคือ สเตร็ปโตไคเนส (Streptokinase: SK) และยูโรไคเนส (Urokinase)
3) ยาต้านเลือดเเข็งตัว (Anticoagulant agents) เป็นสารป้องกันเลือดแข็งตัวแต่ไม่สามารถละลายลิ่ม เลือดได้ ยาต้านเลือดเเข็งตัวที่สําคัญคือเฮฟพาริน (Heparin)
หลักการ MONA
M-morphine: การฉีดตัวยามอร์ฟีนเพื่อลดอาการเจ็บของคนไข้
O-oxygen: ให้ออกซิเจนที่เพียงพอแก่คนไข้
N-nitriates: ใช้ยาช่วยขยายเส้นเลือดที่เลี้ยงหัวใจ มีทั้งในรูปยาพ่น และยาอมใต้ลิ้น
A- aspirin: ยาละลายเกล็ดเลือด เพื่อให้เลือดที่แข็งตัวจากการอุดตันสามารถไหลเวียนได้สะดวก
หลังจากผ่านขั้นตอน mona แล้วแพทย์จะแนะนำให้ทำการสวนเส้นเลือดเพื่อขยายเส้นเลือด ซึ่งการได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที สามารถลดอัตราการเสียชีวิต และทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปดำรงชีวิตตามปกติได้