Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งในระยะเฉียบพลัน วิกฤต และเรื้อรัง, นางสาวเกษมณี…
การพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งในระยะเฉียบพลัน วิกฤต และเรื้อรัง
การแพร่ของเซลล์มะเร็งโดยทางกระแสเลือด
เชลล์มะเร็งจะหลุดเข้ากระแสเลือด แล้วไปเจริญเติบโตในอวัยวะต่างๆ เช่น ปอด ตับ กระดูก สมอง เป็นต้น โดยทางกระแสน้ำเหลือง เซลล์มะเร็งหลุดเข้าหลอดน้ำเหลืองแล้วไปเจริญเติบโตในต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เดียง ทำให้ต่อมน้ำเหลืองมีขนาดโตขึ้น จากต่อมน้ำเหลืองเซลล์มะเร็งอาจจะแพร่กระจายเข้าสู่หลอดเลือดอีกทอดหนึ่งได้ โดยการฝังตัวของเซลล์มะเร็ง(amplantation) โดยเซลล์มะเร็งหลุดจากตำแหน่งเดิมไปเจริญที่ส่วนอื่นอาจจะเป็นกรหลุดโดยธรรมชาติ หรือโดยมีการกระตุ้น เช่น จากการผ่าตัด เป็นต้น โดยการไปจับหรือรวมตัวตามพื้นผิวของผนังเยื่อบุ (Transcoelomic) โดยเซลล์มะเร็งหลุดจากก้อนมะเร็งไปงอกตามพื้นผิวของเยื่อบุต่างๆ เหมือนกับต้นกาฝาก ที่แพร่จากกิ่งไม้กิ่งหนึ่งไปยังกิ่งติดๆ กันเช่น ตามพื้นผิวของเยื่อบุช่องท้อง ช่องปอด เป็นต้นเมื่อเป็นมะเร็งจะมีการตรวจรายการต่างๆ มากมายทั่วร่างกาย จุดประสงค์เพื่อชี้ชัดว่าเป็นมะเร็งชนิดใด ระยะไหน ต้องรู้แม้กระทั่งความรุนแรงของเซลล์ ทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนการรักษา
มะเร็งกลุ่ม Carcinoma หมายถึง มะเร็งซึ่ง
1.2 Squamous คือ กลุ่มของเซลล์เยื่อบุผิวที่มีลักษณะแบนบางหลายเหลี่ยม
1.3 Transtional คือ เซลล์เยื่อบุผิวที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามการขยายและหดตัวของ อวัยวะนั้นๆ จะพบในอวัยวะ เช่น ท่อทางเดินปัสสาวะ
1.1 Glandular คือ กลุ่มของเซลล์เยื่อบุผิวที่สร้างสารดัดหลั่ง
1.4 Pseudostratified คือ เซลล์ยื่อบุผิวที่เรียงตัวหลายชั้นเทียม จะพบในอวัยวะช่นปอด มะเร็งสามารถเกิดขึ้นได้จากเซลล์เยื่อบุอวัยวะชนิดต่างๆ
กลุ่ม Lymphoma หมายถึง มะเร็งที่พัฒนามาจากต่อมน้ำเหลือง และเนื้อเยื่อของระบบภูมิต้านทาน
กลุ่ม Sarcoma หมายถึง มะเร็งที่เกิดจากเนื้อเยื่ออ่อนของร่างกายหรือเนื้อเยื่อเสริมงได้แก่ ไขมัน กล้ามเนื้อ เส้นประสาท และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
กลุ่ม Leukemias หมายถึง มะเร็งของระบบโลหิต เกิดจากความผิดปกติของรลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่อยู่ในไขกระดูก (Bone Marrow)
กลุ่ม Melanoma หมายถึง มะเร็งที่มาจากเซลล์ผลติ เม็ดสี ซึ่งจะพบจะพบตามผิวหนัง ไฝ คือการเจริญเติบโตของเชลล์เม็ดสีประภทไม่เป็นอันตราย
ระยะของโรคมะเร็ง (Stage of Cancer)
(Grade 2) เซลล์มะเร็งมีลักษณะไม่เหมือนเซลล์ปกติ และเจริญเติบโตเร็วกว่าเซลล์ปกติ
(Grade 1) เชลล์มะเร็งที่มีลักษณะคล้ายเซลล์ปกติ และไม่ได้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
(Grade 3) เซลล์มะเร็งมีลักษณะผิดปกติ และอาจเจริญเติบโตแพร่กระจายมากขึ้น
ระยะของโรคมะเร็ง (Cancer stage)
(Stage I) : ขนาดก้อนเล็กกว่า 2 เชนติเมตร และยังไม่แพร่กระจาย
(Stage II) : ชนาดก้อนอยู่ระหว่าง 2:5 เซนติเมตร มีหรือไม่มีเข้าต่อมน้ำเหลือง และยังไม่แพร่กระจาย
(Stage 0) : คือระยะเริ่มแรก (In situ) ยังไม่แพร่กระจาย
(StageIII) : ขนาดก้อนใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร หรือขนาดอื่นๆ แต่ยังอยู่ในช่องอกกล้ามเนื้อหรือผิวหนัง หรือกระจายสู่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณไหปลาร้า
(Stage IV) : มะเร็งชนาดต่างๆ อาจส่งผลกระทบต่อต่อมน้ำเหลืองหรือไม่ก็ได้ แต่มีกรแพร่กระจายไปยังอวัยวะที่ไกออกไปจากจุดเดิมอย่างชัดเจน
การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองในระยะท้ายของชีวิต (Palliative care)
WHO ได้ให้คำจำกัดความว่า หมายถึง การดูแลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของป่วยทั้งผู้ใหญ่และเด็ก และครอบครัว ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความเจ็บป่วยที่คุกคามชีวิต รวมถึงการป้องกันและบรรเทาความทุกข์ทรมาน หรือหมายถึงการบริบาลผู้ป่วยแบบประคับประดอง หรือการบริบาลเพื่อบรรเทาอาการ หรือวิธีการดูแลผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด มีแนวโน้มที่ทรุดลง หรือเสียชีวิตจากตัวโรคในอนาคด หรือป่วยอยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิตเน้นการดูแลแบบองค์รวม ครอบคลุมมิติกาย ใจ สังคมเละจิตวิญญาณของทั้งผู้ป่วย ครอบดวัวและผู้ดูแล โดยอยู่บนเป้าหมายหลักคือการ
เพิ่มคุณภาพชีวิตของทั้งผู้ป่วยและครอบครัว ที่จะทำให้ผู้ป่วย ได้เสียชีวิตอย่างสงบ สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตลอดจนการดูแลครอบครัวและญาติภายหลังการจากไปของผู้ป่วย (Bereavement Care) (European Association for Palliative Care, WHO)
แนวทางการดูแล
การดูแลเริ่มจากที่เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าป่วยเป็นโรคที่รักษไม่หายขาดจนกระทั่งป่วยอยู่ในระยะท้าย หรือกำลังจะเสียชีวิตจากโรค โดยสามารถดูแลควบดูไปกับการรักษาเฉพาะสำหรับโรคนั้นๆ โดยตระหนักถึงสิทธิของผู้ป่วยและครอบครัวในการรับทราบข้อมูลการเจ็บป่วยเมื่อต้องการ รวมทั้งการให้ผู้ป่วยและครอบครัวได้แสดงความต้องการของตนเองและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องแนวทางการรักษาและเป้าหมายของการดูแลรักษา เน้นการมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพและยอมรับความตายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติของทุกชีวิต รวมถึงเน้นการไม่ใช้เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ หรือวิธีการรักษาใดๆ เพียงเพื่อยื้อความทรมานของผู้ป่วย โดยไม่เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ในขณะเดียวกันก็ไม่ยอมรับวิธีการรักษาที่เป็นการเร่ง หรือทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเร็วกว่าการดำเนินโรคเองตามธรรมชาตินอกจากนี้ยังเป็นการดูแลที่มีความจำเพาะแต่ละกรณีไม่มีสูตรสำเร็จ ผู้ดูแลจึงต้องใช้ทักษะ ทั้งศาสตร์และศิลป์ประยุกต์ใช้ทั้งการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก อีกทั้งยังต้องพิจารณาศรัทธา ความเชื่อ
การดูแลผู้ป่วยระหว่างการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 2 การดูแลผู้ป่วยระหว่างการให้ยาเคมีบำบัด
2.ดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การทำความสะอาดช่องปาก เพื่อป้องกันและลดอัตราการอักเสบภายในช่องปาก
3.ดูแลบริมาณน้ำ โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ป่วย ได้ยาที่ต้องควบคุมให้มี การรับปัสสาวะออกมา เชน cis-platinum และ methotrexate ต้องมีการบันทึกปริมาณน้ำ ที่ได้รับกับที่ขับออกต่อวัน
1.การฉีดยาเคมีบำบัด ต้องมีความระมัดระวังอย่างสูง ทั้งนี้เพราะ การรั่วไหลของยาออกนอกเส้นเลือดแล้ว จะทำให้เกิดการอักเสบ ของเนื้อเยื่อบริเวณนั้นอย่างรุนแรงเกิดเป็นแผลเรื้อรังได้
4.การดูและเรื่องอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเบื่ออาหาร ซึ่งจะต้องให้ยาแก้อาเจียนร่วมด้วย
การดูแลปัญหาอื่น เช่น อาการปวด อาการนอนไม่หลับ การมีไข้ซึ่งเกิดจากยาหรือจากการติดเชื้อ
ระยะที่ 1 การดูแลผู้ป่วยก่อนให้ยาเคมีบำบัด
การดูแลผู้ป่วยระยะนี้ หมายถึง การแจ้งผลการวินิจฉัยโรด แก่ผู้ป่วยหรือญาติใกล้ชิดการอธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงแนวทางการรักษา ควรจะอธิบายให้ละเอียดเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงผลดีและผลเสียของการรักษา ประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับจากการรักษา เช่นการรักษานั้นมุ่งหวังให้เป็น curative treatment ( ต้องการให้ผู้ป่วยหายจากโรค ) หรือผลการรักษามุ่งแค่ palliative treatment ( บรรเทาอาการ อาจมีโอกาสยืดชีวิตได้ ) การรักษานั้นมีผลข้างเคียงอย่างไร ทั้งในแง่ผลต่อร่างกาย และจิตใจของผู้ป่วย
ระยะที่ 3 การดูแลหลังจากที่ผู้ป่วยได้รับยาเคมีบำบัดแล้ว
การดูแลที่สำคัญ คือ การดูแลไม่ให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน เช่น ลำไส้อุดตัน การมีออกในกระเพาะ การติดเชื้อในระยะที่มีเม็ดเลือดขาวต่ำ อาการเบื่ออาหาร ผมร่วง แพทย์ได้อธิบายให้ผู้ป่วยทราบว่าเมื่อใดผู้ป่วยจำเป็นจะต้องรีบมาตรวจซ้ำ เช่นกรณีที่มีไข้ (Temperature > 38.1 องศาเซลเซียส ) ผู้ป่วยควรจะได้มาตรวจทันทีเพื่อนสาหตุของไข้ และให้การรักษาโดยเร่งด่วน กรณีที่ผู้ป่วยมีเม็ดเลือดขาวต่ำร่วมด้วย
การให้การรักษาตามอาการ เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งทุกระยะ ซึ่งมักจะถูกหลงลืมการรักษาตามอาการขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้จากประวัติ การตรวจร่างกาย และการตรวจทางห้องปฏิบัติการนั่นเอง อาการของผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ได้แก่ อาการปวด อาการคลื่นไส้-เจียน การมีแผลในปาก การขับถ่าย
นางสาวเกษมณี พวงไธสง 4A เลขที่ 8