Immune Thrombocytopenic Purpura หรือ Idiopathic Thrombocytopenic Purpura (ITP) โรคเกล็ดเลือดต่ำจากภูมิคุ้มกัน
พยาธิสภาพ
การพยาบาล
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำจัดอยู่ในกลุ่ม autoimmune disease
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1 เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกง่าย เนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ
ข้อมูลสนับสนุน O : มีจ้ำเลือดตามแขนและขา
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ PLT : 3 x103/uI N : 140-400 x10^3/uI
วัตถุประสงค์ : ไม่เกิดภาวะเลือดออกง่าย
เกณฑ์การประเมิน : ภาวะเลือดออกทุเลาลง ไม่เกิดอันตรายจากภาวะเลือดออก PLT อยู่ในเกณฑ์ปกติ 140-400 x10^3/uI
กิจกรรมการพยาบาล
- สังเกตและบันทึกอาการของผู้ป่วยเกี่ยวกับสัญญาณชีพระดับความรู้สึกตัว
เพื่อประเมินภาวะเลือดออกในสมอง และปริมาณการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย
- ดูแลปากฟัน โดยให้บ้วนปากด้วยนํ้ายาบ้วนปากชนิดอ่อนบ่อยๆ ถ้าแปรงฟัน ได้ใช้แปรงสีฟันที่ขนแปรงนิ่มที่สุด และแปรงด้วยความระมัดระวัง ไม่ถอนฟันขณะที่มีเลือดออกมาก
- ระมัดระวังเรื่องการให้ยา หรือสารนํ้า การเจาะเลือด ฉีดยา ไม่ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ เพราะจะทำให้เกิดก้อนเลือดใต้ผิวหนังได้ การเจาะเลือด ฉีดยาเข้าเส้นจะต้องพิจารณา หาเส้นเลือดให้เหมาะสมหลังเจาะเลือดหรือฉีดยาเข้าเส้นจะต้องกดให้นานจนกว่าเลือดหยุดไหล มิฉะนั้นจะเกิดเป็นพรายยํ้าได้ง่าย
- ดูแลเรื่องการขับถ่าย สังเกตและบันทึกลักษณะและปริมาณอุจจาระ ผู้ป่วยขับถ่ายเป็นสีดำคลํ้า อาจมีเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนบน ถ่ายเป็นเลือดสดๆ มักออกจากทางเดินอาหารส่วนล่าง สังเกตลักษณะว่าเหลวหรือแข็ง อาการท้องผูกจะทำให้อุจจาระเสียดสีเกิดแผลบริเวณรอบๆ ทวารหนัก ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเลือด ถ้าท้องผูกจะต้องให้รับประทานผลไม้ เช่น มะละกอ ส้ม ดื่มนํ้าให้เพียงพอ แพทย์อาจสั่งยาระบายอ่อนๆ หรือยาเหน็บให้ผู้ป่วย
- ดูแลเรื่องการพักผ่อน ผู้ป่วยจะอ่อนเพลียจากการสูญเสียเลือด ควรรบกวนผู้ป่วยให้น้อย อำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วย ให้นอนพักบนเตียงเมื่อมีเลือดออกมาก ช่วยเหลือในการทำกิจกรรม ตามความเหมาะสม ดูแลใกล้ชิดเพื่อผู้ป่วยจะได้รู้สึกว่ามีผู้คอยช่วยเหลือขณะมีเลือดออก
- ดูแลเรื่องการขับถ่ายปัสสาวะ สังเกตลักษณะสี ปริมาณปัสสาวะ เพื่อประเมินภาวะเลือดออกทางเดินปัสสาวะ และป้องกันการเกิดไตวายเฉียบพลัน ความผิดปกติที่ต้องบันทึกและรายงาน ได้แก่ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะออกน้อยกว่า 30 ซีซี. ต่อชั่วโมง
- ดูแลให้สารประกอบของเลือด เช่น เกล็ดเลือด เม็ดเลือดแดง เลือดครบตามแผนการรักษา สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ การเช็คชื่อผู้ป่วย หมู่เลือด หมายเลขยูนิต ชนิด ปริมาณ เวลาที่ให้ อัตรา อาการแสดงก่อนและหลังให้เลือด ในการจองเลือดทุกครั้งต้องเจาะเลือด เพื่อตรวจสอบหมู่เลือดทุกครั้ง
- ประเมินและประเมินผลภาวะซีดของผู้ป่วย โดยดูสีผิวหนัง เยื่อบุตา ลิ้น ริมฝีปาก ปลายมือปลายเท้า ตรวจหาค่าฮีมาโตคริต และผลการตรวจ CBC เป็นระยะๆ ตามแผนการรักษา เช่น ก่อนและหลังให้เลือด 4-6 ชม. การให้เลือด (Whole blood) 1 ยูนิต จะทำให้เฮโมโกลบินเพิ่มขึ้น 1.5-2 กรัมเปอร์เซ็นต์ฮีมาโตคริตเพิ่มขึ้น 4.5-6 เปอร์เซ็นต์เกล็ดเลือดผสมอยู่ในพลาสมา 50 ซีซี. ต่อหน่วย ใน 4 หน่วย (200 ซีซี.) จะเพิ่มเกล็ดเลือดได้ 20,000- 40,000/ลบ.มม. เก็บที่อุณหภูมิห้องได้ 3 วัน (72 ชม.)
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 2 ไม่สุขสบายเนื่องจากมีอาการปวด
ข้อมูลสนับสนุน : ปวดสะโพก ขยับตัวไม่ได้ Pain score = 3
วัตถุประสงค์ : อาการปวดลดลงสามารถนอนหลับพักผ่อนได้
เกณฑ์การประเมิน
1.pain score น้อยกว่า3
2.สามารถทำกิจกรรมประจำได้ปกติ
3.พักผ่อนได้ / หลับได้ 8 ชั่วโมง
4.สัญญาณชีพปกติ คือT=36.5-37.4 c P = 60-100 bpm.
R = 16-20/min
BP = 90/60-140/90 mmHg.
กิจกรรมการพยาบาล
- ประเมินความเจ็บปวด ลักษณะปวด ระยะเวลา และความบ่อยครั้งของอาการปวด จากค่า Pain Score
2.จัดท่านอนที่สุขสบาย
3.ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล
4.สอนการ Relaxation Technique เพื่อบรรเทาอาการ เช่น การหายใจช้าๆ เป็นจังหวะ ,การทำ
Therapeutic Technique, การทำสมาธิ เพื่อส่งเสริมการผ่อนคลาย , ลดสิ่งเร้าทางอารมณ์ เบี่ยงเบนความสนใจ
5.จัดกิจกรรมการพยาบาลให้อยู่ช่วงเวลาเดียวกัน/ไม่รบกวนผู้ป่วยขณะพักผ่อน / นอนหลับ
- ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาบรรเทาปวดตามแผนการรักยา คือยา Tramol 1x3 PO pc.
Mydocalm 1x3 PO pc.
และสังเกตผลข้างเคียงจากยา
Analysis
ความปวด เป็นประสบการณ์ที่ไม่สุขสบายทั้งทางด้านความรู้สึกและอารมณ์ ซึ่งเกิดร่วมกับการทำลายเนื้อเยื่อหรือเมื่อเนื้อเยื่อมีโอกาสถูกทำลาย นอกจากนี้ความปวดเป็นความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่ผู้ป่วยกำลังประสบอยู่ ซึ่งผู้ป่วยเท่านั้นที่จะบอกได้ และยังคงตลอดเท่าที่ผู้ป่วยบอกว่ามี
Analysis
ภาวะเลือดออกง่าย หมายถึง การมีเลือดออกง่ายหรือหยุดยากที่ตำแหน่งเฉพาะที่ (local cause) หรือเกิดจากความผิดปกติในกลไกของการห้ามเลือด (hemostatic disorders) ได้แก่ ความผิดปกติของผนังหลอดเลือด ปริมาณและการทำหน้าที่ของเกล็ดเลือด และปัจจัยการแข็งตัวของเลือดที่มีสาเหตุจากโรคทางพันธุกรรม เช่นโรคฮีโมฟีเลีย หรือโรคอื่นที่เกิดขึ้นภายหลัง ผู้ป่วยจะมีอาการเลือดออกผิดปกติ เช่น มี จุดเลือดออกตามผิวหนัง มีเลือดออกตามไรฟัน มีเลือดกำเดาไหล มีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น และ เมื่อตรวจร่างกายอาจพบมีจุดเลือดออกเล็กๆ ที่เรียกว่า petechia หรือ purpura ผู้ป่วยบางราย อาจมีเลือดออกในสมองโดยผู้ป่วยจะมีอาการปวด ศีรษะอย่างกะทันหัน คอแข็ง อาเจียน เป็นต้น
Case Study 3
immune ผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ
เกิดปฏิกิริยา
เกล็ดเลือด
Lymphocyte
ทำให้
เกล็ดเลือดไม่เข้ากับร่างกาย
คือ
Antigen
กระตุ้น
B-Lymphocyte
อ้างอิง
นิศา มะเครือสี, (2560), ภาวะ immune thrombocytopenia ในผู้ใหญ่, สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2565,
จากfile:///C:/Users/User12235/Downloads/pruksa,+Journal+manager
อัศนีย์ วันชัย. (2560). การส่งเสริมพฤติกรรมการเผชิญปัญหาของผู้ป่วยที่มีภาวะ immune thrombocytopenia purpura.
สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2565, จาก file:///C:/Users/User-12235/Downloads/ampawanJournalmanager2
transfer antigen information
โดย
macrophage
เกิด
blastic transformation
mitosis จนเปลี่ยนเป็น plasma cell สร้าง IgG
สร้าง
IgG
glycoprotein
จับตัวกันบนผิวเกล็ดเลือด
เกิดภาวะ Dysregulation ของ T-cell
ทำลาย
เกล็ดเลือด
ส่งผลให้
ผู้ป่วยเกิดอาการเลือดออก
ผู้ป่วยเกิด Purpura