Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 2 พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลง 1, นางสาวแกมกาญจน์ แก้วล้ำ รหัสนิสิต…
บทที่ 2 พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลง
1
1.พัฒนาการ (Development)
การเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปในทางบวก(Positive) ได้แก่ การเจริญงอกงาม (Growth) และทางลบ (Negative) ได้แก่ ความเสื่อม (Deterioration)
2.ลักษณะของพัฒนาการ
(Characteristics of Development)
2.1 พัฒนาการมีลำดับขั้นและเป็นไปตามแบบฉบับของมันเอง หมายถึง ในสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันจะมีแบบแผนพัฒนาคล้ายคลึ่งกัน มนุษย์ก็มีแบบแผนของการพัฒนาที่สามารถทำนายได้เช่นกัน และไม่ลำดับขั้นตอน โดยไม่มีการข้ามขั้น
2.2 พัฒนาการจะเกิดในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยไม่มีการหยุดหยั้งหรือขาดตอน พัฒนาการที่เกิดขึ้นแล้วจะมีอิทธิพลต่อการพัฒนาในขั้นต่อๆไป เช่น วันเด็กถ้ามีการติดขัดหรือชะงักงัน(Fixation) ก็จะส่งผลต่อบุคลิกภาพในวันผู้ใหญ่ด้วย
2.3 พัฒนาการจะเกิดขึ้นเป็นทิศทางเฉพาะ -พัฒนาการตามแนวดิ่ง เริ่มจากศีรษะไปสู่ปลายเท้า -พัฒนากาารตามแนวนอน เริ่มจากกลางลำตัวไปสู่ด้านที่ไกลลำตัวออกไป
2.4 พัฒนาการของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกัน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน
พัฒนาการที่ช้ากว่าวัย
แสดงว่ามีลักษณะส่วยใหญ่ที่ด้อยกว่าคนส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน
พัฒนาการที่เร็วกว่าวัย
แสดงว่ามีลักษระส่วนใหญ่ที่เร็ว เด่นกว่าคนส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน
พัฒนาการที่สมวัย หรือปกติ
มีลักษระไม่แตกต่างจากคนส่วยใหญ่ในวัยเดียวกัน
2.5 พัฒนาการทุกด้านจะสัมพันกัน พัฒนาการด้านใดด้านหนึ่งพัฒนาไปด้วยดีจะทำให้พัฒนาด้านอื่นๆดีไปด้วย ในทางตรงกันข้าม พัฒนาการด้านใดด้านหนึ่งบกพร่องก็จะมีผลทำให้พัฒนาการทางด้านอื่นตามไปด้วย
2.6 พัฒนาการจะสมบูรณ์ได้ต้องอาศัยวุมิภาวะและการเรียนรู้ -วุฒิภาวะ (Maturity) พฤติกรรมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ต้องอาศัยการเรียนรู้ -การเรียนรู้ (Learning) พฤติกรรมที่มีผลมาจกประสบการณ์หรือการฝึกฝน
3. การจำแนกพัฒนาการ
3.1 พัฒนาการด้านร่างกาย (Physical Development / Psycho-motor Development) ความสามารถทางด้านร่างกายในการทรงตัว เคลื่อนไหว ทำกิจกรรมตามๆ
3.2 พัฒนาการด้านสติปัญญา (Cognitive Development) ความสามารในการรับรู้ เรียนรู้ จดจำวิเคราะห์ การคิด การแก้ปัญหา
3.3 พัฒนาการด้านอารมณ์ (Emotional Development) ความสามารถในการแสดงในการออกมาทั้งในเชิงบวกและลบ
3.4 พัฒนาการด้านสังคม (Social Development) ความสามารในการสร้างสัมพันธภาพกับบุคคล การปรับตัวในสังคม รวมทั้งการรับผิดชอบและการช่วยเหลือ
4. พัฒนาการแต่ละช่วงวัย
วัยทารก (แรกเกิด-อายุ 2ปี) ต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ อารมณ์เด็กวัยนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น มีอารมดีเมื่อได้รับการตอบสนองความต้องการที่ดี ในวัยนี้พบปฏิกิริยารีเฟลกซ์ที่สำคัญ เช่น
-Rooting Reflex หรือ Sucking Reflex -Grasping Reflex
พัฒนาการด้านร่างกาย -อายุ 2เดือน สามารชันคอได้ -9เดือน สามารถลุกขึ้นนั่งได้เองจากท่านอน -1ปี5เดือน เดินเองได้ สามารถเดินลากของเองได้ -1ปี6เดือน สามารถวิ่งได้ -อายุ2ปี สามารถเดินโดย ให้ผู้ใหญ่จูงมือได้ วิ่งได้ เตะบอลกระโดด 2เท้าได้
พัฒนาการด้านอารมณ์ ช่วง1-6เดือน ทารกจะร้องไห้เมื่อรู้สึกตกใจ และยิ้มเมื่อพอใจ อายุครบ2ปี ทารกจะรู้สึกกลัวและเสียใจเมื่อทำผิด
ยิ้มและรู้สึกพอใจเมื่อผู้ใหญ่ชม
พัฒนาการด้านสังคม ช่วง1-2เดือน มองหน้าพูดคุยได้ 5วินาที อายุ7-8เดือน เล่นจ๊ะเอ๋ได้ อายุ9เดือน ใช้นิ้วหยิบอาหารกินเองได้ 1ปี6เดือน ดื่มน้ำจากแก้วโดยไม่หกได้ วัยนี้ชอบเล่นตามลำพัง อายุ2ปี ใช้ช้อนตักอาหารกินเองได้
บทบาทของผู้เลี้ยงดูในการส่งเสริมพัฒนาการในวัยทารก
ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์
ส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม ส่งเสริมพัฒนาการด้าภาษา
การส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาและพัฒนาการด้านอื่นๆผ่านการเล่น การเล่นด้วยมือ การเล่นด้วยปาก การเ่นด้วยเสียง-ภาษา-สังคม-เพื่อน การเล่นด้วยการได้ยิน การเล่นด้วยการเคลื่อนไหว
การเล่นด้วยการวาดเขียน
วัยเด็กตอนต้นหรือวัยก่อนเขาโรงเรียน
(Early Childhood or Preschool Age)
พัฒนาด้านร่างกาย อายุ 2ปี6เดือน สามารถต่อก้อนไม้ได้8ชั้น อายุ3ปี สามารถถีบจักรยาน 3ล้อได้ อายุ4ปี กระโดดขาเดียวได้ อายุ5ปี สามารถกระโดดสลับเท้า และเดินต่อส้นเท้าได้
พัฒนาการด้านสติปัญญา
พัฒนาการด้านภาษา อายุ 2ปี พูดได้ 2-3คำที่มีความหมาย อายุ 3ปี สามารถทำตามคำสั่งได้เล่าเรื่องได้
พัฒนาการด้านอารมณ์ วัยนี้มีอารมณืหลากหลายซับซ้อนเหมือนผู้ใหญ่มากขึ้น
พัฒนาการด้านสังคม วัยนี้เริ่มให้ความสนใจและเริ่มสร้างความสัมพันธภาพร่วมกับบุคคลอื่นทั้งในัยเดียวกันและต่างวัย
วัยเด็ยตอนปลาย (Late Childhood) 6-12ปี
วัยนี้พัฬนาการทางร่างกายเติบโตอย่างสม่ำเสมอ
พัฒนาการด้านภาษา เด็กสามรถพูดได้ชัดเจนขึ้นและพูดหาเหตุผลประกอบ พูดเกี่ยวกับคนอื่นได้
พัฒนาการด้านอารมณ์ อารมณ์หลากหลายขึ้น มีอารมณ์ทางบวกและทางลบเหมือนผู้ใหญ่ เริ่มเข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่นมากขึ้น
พัฒนาการด้านสังคม สามารถร่มเล่น เรียน ทำกิจกรรมกลุ่มได้ดี มักจับกลุ่มกับเพศเดียวกันไม่สนใจเพศตรงข้าม เอาแต่ใจน้อยลง
เด็กพิเศษ (Special Child)
กลุ่มเด็กที่ต้องได้รับการดูแล ช่วยเหลือเป็นพิเศษ ทั้งในด้านการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ และการเข้าสังคม
แบ่งได้ 3กลุ่ม
1.เด็กที่มีความสามารถพิเศษ -เด็กที่มีสติปัญญาสูง IQ 130 ขึ้นไป หรือเรียกว่า เด็กปัญญาเลิศ (Gifted child)
2.เด็กที่มีความบกพร่อง -เด็กที่มีความบกพร่องทางสมอง -เด็กที่มีความพร่องทางการมองเห็น -เด็กที่มีความบกพร่องทางดารสื่อสาร -เด็กที่มีการบกพร่องทางร่างกาน และการเคลื่อนไหว -เด็กที่มีความบกพร่องทางอารมณ์ -เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา -เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้
เด็กยากจนและด้อยโอกาส เด็กทางครอบครัวมีฐานยากจน ขาดแคลนปัจจัยที่จำเป็นในการเจริญเติบโต ด้อยโอกาสทางการศึกษา
เด็กพิเศษในปัจจุบัน มักหมายถึง กลุ่มเด็กที่มีความบกพร่องเท่านั้น
นางสาวแกมกาญจน์ แก้วล้ำ
รหัสนิสิต 640402913