Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
3.2 การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต - Coggle Diagram
3.2 การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต
1.ภาวะความดันโลหิตสูงวิกฤต (Hypertensive crisis)
การตรวจร่างกาย
วัดสัญญาณชีพ
โรคหลอดเลือดสมอง
มองเห็นไม่ชัดหรือตามัวชั่วขณะ
ระดับความรู้สึกตัวผิดปกติ
แขนขาชาหรืออ่อนแรงครึ่งซีก
หมดสติ
ตรวจจอประสาทตา
ถ้าพบ Papilledema ช่วยประเมินภาวะ increased intracranial pressure ตรวจ retina
ถ้าพบ cotton-wool spots and hemorrhages แสดงว่า มีการแตกของ retina blood vessels และ retina nerves ถูกทําลาย
การตรวจทางห5องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
ตรวจ CBC ประเมินภาวะ microangiopathic hemolytic anemia (MAHA)
ตรวจการทํางานของไตจากค่า Creatinine และ Glomerular filtration rate (eGFR) และค่าอัลบู มินในปัสสาวะ
อาการและอาการแสดง
อาการที่พบขึ้นอยู่กับ vascular injury และ end organ damage
ความดันโลหิตสูงขั้นวิกฤตที่ทําให้เกิดอาการทางสมอง เรียกว่า hypertensive encephalopathy
ปวดศรีษะ การมองเห็นผิดปกติ สับสน คลื่นไส้อาเจียน
สาเหตุ
การใช้ยาบางชนิดที่มีผลทําให้ความดันโลหิตสูง
ยาคุมกําเนิด
ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
Exacerbation of chronic hypertension
Acute or chronic renal disease
การหยุดยาลดความดันโลหิตทันที
การพยาบาล
การรักษาด้วย short-acting intravenous antihypertensive agents
ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทํากิจกรรม
การจัดท่านอนให้สุขสบาย
ในระหว่างได้รับยา ประเมินและบันทึกการตอบสนองต่อยาโดยติดตามความดันโลหิตอย่างใกล้ชิด
เพื่อป้องกันการลดลงของความดันโลหิตอย่างรวดเร็ว
ให้ความรู้/ข้อมูลแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการรักษา
ควบคุมความดันโลหิต
ในระยะเฉียบพลัน เฝ้าติดตามอย่างใกล7ชิดเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของระบบต่างๆ
neurologic, cardiac, and renal systems
การรักษา
ให้ยาลดความดันโลหิตชนิดฉีดเข้า หลอดเลือดดํา
การซักประวัติ
ซักประวัติการเป็นโรคประจําตัว
ประวัติความดันโลหิตสูงที่เป็นในสมาชิกครอบครัว
ความดันโลหิตสูงขณะ ตั้งครรภ์
การสูบบุหรี่
ความสม่ำเสมอในการรับประทานยา
โรคความดันโลหิตสูง
โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด
เหนื่อยง่ายแน่นอกเวลาออกแรง
ไตวายเฉียบพลัน
ปริมาณปัสสาวะลดลง หรืออาจไม่มีการขับถ่ายปัสสาวะ
เจ็บหน้าอก
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนปลายไม่เพียงพอ
วิตกกังวล
เสี่ยงต่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
พร่องความรู้
3.ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Heart Failure [AHF])
สาเหตุ
โรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน
ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ
ภาวะหัวใจวาย
อาการและอาการแสดง
Hypertensive acute heart failure
กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการภาวะหัวใจล้มเหลวที่มีปอดบวม น้ํา โดยมีความดันโลหิตสูงรุนแรงร่วมด้วย แต่การทํางานของหัวใจห้องล่างซ้ายยังอยู่ในเกณฑ์ดี
Pulmonary edema
ภาวะที่มีอาการและอาการแสดงของปอดบวมน้ําร่วมด้วยอย่างชัดเจน
Acute decompensated heart failure
กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการภาวะหัวใจล้มเหลวที่เกิดขึ้น เฉียบพลันแต่ไม่มีอาการรุนแรงมาก
High output failure
ภาวะหัวใจล้มเหลวโดยมีปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจต่อนาทีสูงกว่า ปกติ มักมีหัวใจเต้นเร็ว ปลายมือเท้าอุ่น ร่วมกับการมีภาวะน้ําท่วมปอด
Right heart failure
ภาวะที่หัวใจด้านขวาทํางานล้มเหลว มี ปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ ต่อนาทีลดลง
Cardiogenic shock
ภาวะที่ร่างกายมี poor tissue perfusion ถึงแม้จะมีการแก้ไขภาวะ ขาดน้ําแล้วก็ตาม
อาการและอาการแสดงของผู้ป่วยที่พบบ่อย
หายใจเหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ อ่อนเพลีย บวมตามแขนขา ความดันโลหิตปกติหรือ ต่ำ/สูง ท้องอืดโต แน่นท้อง ปnสสาวะออกน้อย/มาก หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เส้นเลือดดําที่คอโป่งพอง ฟังได้ยินเสียงปอด ผิดปกติ (Lung crepitation)
การรักษา
การดึงน้ําและเกลือแร่ที่คั่งออกจากร่างกาย
การให้ยาขับปัสสาวะ
การจํากัดสารน้ําและเกลือโซเดียม
การเจาะระบายน้ํา
การใช้ยา
3.3 ยาขยายหลอดเลือดหัวใจ
nitroglycerine / isodril (NTG)
3.4 ยาขยายหลอดเลือด
sodium nitroprusside (NTP)
3.1 ยาเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ
digitalis (digoxin)
3.5 ยาที่ใช้ในช็อค
adrenaline, dopamine, dobutamine, norepinephrine (levophed
3.6 ยาบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก
morphine
3.7 ยาละลายลิ่มเลือด
coumadin
3.2 ยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
amiodarone
3.8 ยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด
aspirin, plavix, clopidogrel
การลดการทํางานของหัวใจ
การให้ออกซิเจน
การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
Intra-aortic balloon pump
การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วย บอลลูน
การรักษาสาเหตุ ได้แก่ การขยายหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี, การเปลี่ยนลิ้นหัวใจในโคโรนารี, การ รักษาภาวะติดเชื้อ
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ได้รับการตอบสนองตามความต้องการพื้นฐาน
ดูแลให้ได้รับสารน้ําและอาหารอย่างเพียงพอตามแผนการรักษา
ดูแลการทํางานของเครื่องกระตุ้นจังหวะหัวใจ
ดูแลติดตามการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ประเมินสัญญาณชีพทุก 1-2 ชั่วโมง
ดูแลให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับการไหลเวียนเลือด
ดูแลติดตามและบันทึกคำ CVP, PCWP
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
สังเกต/บันทึกปริมาณปัสสาวะทุก 1 ชั่วโมง
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาและการเปลี่ยนแปลงของอาการที่เกิดขึ้นไปในทางที่ดี
จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการนอนหลับพักผ่อน
การเพิ่มประสิทธิภาพการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การลดความต้องการใช้ออกซิเจนของร่างกาย
ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเผชิญกับความเจ็บป่วย
การลดการทํางานของหัวใจ
สอนและแนะนําเทคนิคการผ่อนคลายที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้ป่วย
กระตุ้นและส่งเสริมให้ครอบครัว ญาติ หรือบุคคลใกล้ชิดมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย
4.ภาวะช็อก (Shock)
กิจกรรมการพยาบาล
การส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตอย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
การแก้ไขสาเหตุที่ทําให้เกิดภาวะช็อก
การป้องกันเนื้อเยื่อขาดออกซิเจน
ส่งเสริมการปรับตัวของผู้ป่วยและครอบครัวต่อภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้น
การรักษา
การแก้ไขภาวะพร่องออกซิเจนของเนื้อเยื่อและการลดการใช้ออกซิเจน
การรักษาที่เฉพาะเจาะจงตามสาเหตุของภาวะช็อก เช่น การให้ยาปฏิชีวนะ
การแก้ไขระบบไหลเวียนโลหิตให้ได้ปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจต่อนาทีเพียงพอ
การแก้ไขความผิดปกติของภาวะกรดด่าง
อาการและอาการแสดง
เลือดและภูมิคุ้มกัน
การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ภาวะลิ่มเลือดกระจายทั่วร่างกาย เม็ดเลือดขาว ทํางานบกพร่อง
ต่อมไร้ท่อ
น้ําตาลในเลือดสูงหรือต่ำ ภาวะร่างกายเป็นกรด
ทางเดินอาหาร
กระเพาะอาหารและลําไส้ขาดเลือด ตับอ่อนอักเสบ ดีซ่าน การย่อยและดูดซึม อาหารผิดปกติ ตับวาย
หัวใจและหลอดเลือด
ชีพจรเบาเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดส่วน ปลายหดตัว ผิวหนังเย็นซีด
หายใจ
หายใจเร็วลึก ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ระบบหายใจล้มเหลว
ประสาทส่วนกลาง
กระสับกระส่าย ซึม หมดสติ เซลล์สมองตาย
ไตและการขับปัสสาวะ
ปัสสาวะออกน้อย
ประเภทของช็อก
ภาวะช็อกจากหลอดเลือดมีการขยายตัว (Distributive shock, vasogenic / vasodilatory shock,Inflammatory shock)
ภาวะช็อกจากการแพ้ (Anaphylactic shock)
เกิดจากปฏิกิริยาของผู้ป่วยที่ได้รับ antigen กับ
antibody ของร่างกาย (antigen-antibody reaction) ทําให้เกิด hypersensitivity type I
ภาวะช็อกจากการทํางานผิดปกติของต่อมหมวกไต (Hypoadrenal / adrenocortical shock)
ภาวะช็อกที่ร่างกายไม่สามารถผลิต cortisol ในปริมาณมากพอกับความต้องการในการ
ภาวะช็อกจากการติดเชื้อ (Septic shock)
เกิดจากการติดเชื้อซึ่งเชื้อโรคจะมีการหลั่งชีวพิษในตัว ร่างกายจึงมีการตอบสนองโดยการหลั่งสาร cytokines
ภาวะช็อกจากการอุดกั้นการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่หัวใจ(Obstructiveshock)
เกิดจากการอุดกั้นการไหลเวียนของโลหิตไปสู่หัวใจห้องซ้ายจากสาเหตุภายนอกหัวใจ
ภาวะช็อกจากภาวะหัวใจล้มเหลว (Cardiogenic shock)
เป็นภาวะช็อกที่เกิดจากหัวใจไม่สามารถส่งจ่ายเลือดไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย โดยที่มีปริมาตรเลือดในระบบไหลเวียนโลหิตอย่างเพียงพอ
ภาวะช็อกจากความผิดปกติของระบบประสาท(Neurogenicshock)
ความผิดปกติทางพลศาสตร์การไหลเวียนโลหิต จากความบกพร่องในการควบคุม ของระบบประสาทอัตโนมัติ
ที่ควบคุมการขยายตัวและการหดตัวของหลอดเลือด
ภาวะช็อกจากการขาดสารน้ํา (Hypovolemic shock)
เกิดจากการลดลงของปริมาณของเลือดหรือสารน้ําในร่างกาย (การสูญเสียมากกว่า 30-40% ของ
ปริมาตรเลือด)
ระยะของช็อก
ภาวะช็อกที่สามารถชดเชยได้ในระยะท้าย
ภาวะช็อกที่ได7รับการ วินิจฉัยล่าช้า เซลล์ในร่างกายเริ่มตาย การทํางานของอวัยวะต่างๆลดลง
ภาวะช็อกที่สามารถชดเชยได้ในระยะแรก
ภาวะช็อกที่ได้รับการวินิจฉัย ตั้งแต่เริ่มต้น ได้รับการรักษาทั้งการให้สารน้ําและยาที่เหมาะสม
ภาวะช็อกที่ไม่สามารถชดเชยได้
ภาวะช็อกที่ได้รับการวินิจฉัยช้าเกินไป จนทําให้เซลล์หรืออวัยวะต่างๆในร่างกายได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac arrhythmias: Sustained AF, VT, VF)
สาเหตุ
พบบ่อยในผู้ป่วย
ภาวะหัวใจล้มเหลว
ความดันโลหิตสูง
โรคหัวใจรูห์มาติก
โรคหัวใจขาดเลือด
เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
ผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจ
hyperthyrodism
อาการและอาการแสดง
ใจสั่น อ่อนเพลีย เหนื่อยเวลาออกแรง คลําชีพจรที่ข้อมือได้เบา
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับยาควบคุมการเต้นของหัวใจ
ดูแลให้ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามแผนการรักษาในผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้ว่ามีลิ่มเลือดเกิดขึ้น
สังเกตอาการและอาการแสดงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันสมองปอดแขนและขา
เตรียมผู้ป่วยและอุปกรณ์ในการทําCardioversion
ประเมินการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพและคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุ
พบบ่อยในผู้ป่วย
ถูกไฟฟ้าดูด
ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
โรคหัวใจรูห์มาติก
พิษจากยาดิจิทัลลิส
กล้ามเนื้อหัวใจตายบริเวณกว้าง
กล้ามเนื้อหัวใจถูกกระตุ้นจากการตรวจสวนหัวใจ
อาการและอาการแสดง
อาการเกิดทันที ผู้ป่วยจะรู้สึกใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ หน้ามืด เจ็บหน้าอก หายใจลําบาก หัวใจหยุดเต้น
ประเภทของ VT
SustainedVT
VTที่เกิดต่อเนื่องกันเป็นเวลานานกว่า30วินาทีซึ่งมีผลทําให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายลดลง
MonomorphicVT
VTที่ลักษณะของQRScomplexเป็นรูปแบบเดียว
NonsustainedVT
VTที่เกิดต่อเนื่องกันเป็นเวลาน้อยกว่า30วินาที
PolymorphicVTหรือTorsade
VTที่ลักษณะของQRScomplexเป็นรูปแบบเดียว
ประเภทของ AF
PermanentAFหมายถึงAFที่เป็นนานติดต่อกันกว่า1ปีโดยไม่เคยรักษาหรือเคยรักษาแต่ไม่หาย
PersistentAFหมายถึงAFที่ไม่หายได้เองภายใน7วันหรือหายได้ดัวยการรักษาด้วยยาหรือ การช็อค ไฟฟ้า
RecurrentAFหมายถึงAFที่เกิดซ้ำมากกว่า1ครั้ง
ParoxysmalAFหมายถึงAFที่หายได้เองภายใน7วันโดยไม่ต้องใช้ยาหรือการช็อคไฟฟ้า
LoneAFหมายถึงAFที่เป็นในผู7ป่วยอายุน้อยกว่า 60 ปีที่ไม่มีความผิดปกติของหัวใจโรคความดัน โลหิตสูง
การพยาบาล
คลําชีพจรประเมินสัญญาณชีพระดับความรู้สึกตัวเจ็บหน้าอกภาวะเขียวจํานวนปัสสาวะ
ประเมินภาวะเลือดไปเลี้ยงสมอง และอวัยวะสําคัญลดลง
ร่วมกับแพทย์ในการดูแลให้ได้รับยาและแก้ไขสาเหตุหัวใจเต้นผิดจังหวะ
นําเครื่องDefibrillatorมาที่เตียงผู้ป่วยและรายงานแพทย์ทันทีและเปิดหลอดเลือดดําเพื่อให้ยาและ สารน้ํา
ในผู้ป่วยที่เกิดVTและคลําชีพจรได้ร่วมกับมีอาการของการไหลเวียนโลหิตในร่างกายลดลงให้เตรียมผู้ป่วยในการทํา synchronized cardioversion
ในผู้ป่วยที่เกิดVTและคลําชีพจรไม่ได้(PulselessVT)ให้เตรียมเครื่องDefibrillator
ทําCPRถ้าหัวใจหยุดเต้น
Ventricular fibrillation (VF)
การพยาบาล
เตรียมเครื่งมือ อุปกรณ์และยาที่ใช้ในการช่วยฟื้นคืนชีพให้พร้อมและทํา CPR ทันที
สาเหตุ
Toxins
Hypokalemia
Hydrogen ion (acidosis)
Hyperkalemia
Hypoxia
Hypothermia
Hypovolemia
Tension pneumothorax
Pulmonary thrombosis
Cardiac tamponade
Coronary thrombosis
อาการและอาการแสดง
หมดสติ ไม่มีชีพจร รูม่านตาขยาย เนื่องจากหัวใจไม่สามารถสูบฉีดโลหิตออกมา ได้และเสียชีวิต