Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
3.2 การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤต ในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต, _, image,…
3.2 การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤต
ในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต
Hypertensive crisis
ค่า ความดันโลหิตโลหิตซิสโตลิก ตั้งแต่ 140 มิลลิเมตรปรอท
ความดันโลหิตไดแอสโตลิกตั้งแต่ 90 มิลลิเมตรปรอท
Cardiovascular disease (CVD)
ผู้ป่วยที่เป็นโรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด
เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคของหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี่
โรคหัวใจล้มเหลว
Hypertensive urgency
ภาวะความดันโลหิตสูงรุนแรง
ไม่มีอาการของอวัยวะเป้าหมายถูกทำลาย
Target organ damage (TOD)
ความผิดปกติที่เกิดแก่อวัยวะในร่างกายจากความดันโลหิตสูง
เช่น หัวใจห้องล่างซ้ายโต ภาวะโปรตีนขับออมากับปัสสาวะ โรคไตเรื้อรัง
Hypertensive emergency
ภาวะความดันโลหิตสูงมากกว่า 180/120 มม.ปรอท
มีการทำลายของอวัยวะเป้าหมาย
สาเหตุ
หยุดยาลดความดันโลหิตทันที
Acute or chronic renal disease
Exacerbation of chronic hypertension
ใช้ยาที่มีผลทำให้ความดันโลหิตสูง เช่น ยาคุมกำเนิด
อาการและอาการแสดง
ขึ้นอยู่กับ vascular injury และ end organ damage
เช่น hypertensive encephalopathy
จะมีอาการ ปวดศรีษะ การมองเห็นผิดปกติ สับสน คลื่นไส้ อาเจียน
การประเมิน
การซักประวัติ
โรคประจำตัว การสูบบุหรี่ การหยุดยา
ประวัติความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
โรคอื่นๆที่เป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูง
สอบถามอาการ (target organ damage, TOD)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
CBC ประเมิน (MAHA)
(eGFR) และค่าอัลบูมิน
(12-leadECG) และ chest X-ray
CT, MRI
การตรวจร่างกาย
BMI เช่น ภาวะอ้วน
ตรวจร่างกายตามระบบต่างๆ
พบ Papilledema
Chest pain
วัดสัญญาณชีพ
เปรียบเทียบกันจากแขนซ้ายและขวา
การรักษา
ให้การรักษาทันทีใน ICU ให้ยาลดความดันโลหิตชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
การพยาบาล
ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกิจกรรม
เช่น การจัดท่านอนให้สุขสบาย
การรักษาด้วย short-acting intravenous
antihypertensive agents
เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับอาการและอาการแสดง
Acute Heart Failure [AHF]
ความหมาย
การทำงานของหัวใจผิดปกติ
การบีบตัวของหัวใจ
การคลายตัวของหัวใจ
การเต้นของหัวใจผิดจังหวะ
หรือการเสียสมดุลของ preload และ afterload
เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจเดิม
หรือ ไม่เคยมีโรคหัวใจเดิม
พยาธิสรีรวิทยา
การคั่งของน้ำและเกลือแร่ ความ
ผิดปกติของการไหลเวียนโลหิต ความผิดปกติทางระบบประสาทและฮอร์โมน ภาวะอักเสบเรื้อรัง
ปริมาณเลือดในหัวใจมาก
หัวใจทำงานหนักมากขึ้น
ประสิทธิภาพ
การทำงานของหัวใจลดลง
กล้ามเนื้อหัวใจไม่สามารถบีบตัวได่
อย่างมีประสิทธิภาพ
ปริมาณเลือดและออกซิเจนไม่เพียงพอ
กลุ่มอาการ
Pulmonary edema
Cardiogenic shock
Hypertensive acute heart failure
High output failure
Acute decompensated heart failure
Right heart failure
การรักษา
ดึงน้ำและเกลือแร่ที่คั่ง
ออกจากร่างกาย
การจำกัดสารน้ำและเกลือโซเดียม
การเจาะระบายน้ำ
ให้ยาขับปัสสาวะ
การใช้ยา
เช่น digitalis (digoxin), amiodarone
ลดการทำงานของหัวใจ
Intra-aortic balloon pump
Percutaneous coronary intervention
การรักษาสาเหตุ
การขยายหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี
การเปลี่ยนลิ้นหัวใจในโคโรนารี
รักษาภาวะติดเชื้อ
การพยาบาล
ลดการทำงานของหัวใจ
จำกัดสารน้ำและเกลือโซเดียม
จัดท่านอนศรีษะสูง
ให้ได้รับยาขับปัสสาวะตามแผนการรักษา
ลดการใช้ออกซิเจน ดูแลให้ได้รับออกซิเจน
เพิ่มประสิทธิภาพการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
ดูแลให้ได้รับยาช่วยเพิ่มแรงบีบตัวขอหัวใจ
การประเมินสภาพ
CBC, biochemical cardiac markers, ABG
CXR, echocardiogram, CT, coronary artery angiography (CAG)
การซักประวัติและตรวจร่างกาย
สาเหตุ
โรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน
ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ ภาวะหัวใจวาย
การไหลเวียนของเลือดผิดปกติเฉียบพลัน
โรคหัวใจที่ทำให้ทรุดลง
ภาวะความดันโลหิตสูงวิกฤต
กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากความผิดปกติอื่นๆ
อาการและอาการแสดง
หายใจเหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ อ่อนเพลีย บวมความดันโลหิตปกติหรือ ต่ำ/สูง ท้องอืดโต
แน่นท้อง ปัสสาวะออกน้อย/มาก หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เส้นเลือดดำที่คอโป่งพอง
Lung crepitation , Pulmonary congestion
เสียงหายใจวี๊ด
ตรวจพบหัวใจโต ตับโต
Cardiac dysrhythmias
Ventricular tachycardia (VT)
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิดที่ ventricle เป็นจุดกำเนิด
ที่เร็วมากแต่สม่ำเสมอ 150-250 ครั้ง/นาที
ECG ไม่พบ P wave
QRS complex มีรูปร่างผิดปกติกว้างมากกว่า 0.12 วินาที
ประเภทของ VT
Sustained VT คือ VT ที่เกิดต่อเนื่องกัน นานกว่า 30วินาที
ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายลดลง
Monomorphic VT คือ VT ที่ลักษณะของ QRS complex เป็นรูปแบบเดียว
Nonsustained VT
เกิดต่อเนื่องกันเป็นเวลาน้อยกว่า 30 วินาที
Polymorphic VT หรือ Torsade คือ VT ที่ลักษณะของ QRS complex เป็นรูปแบบเดียว
สาเหตุ
โรคหัวใจรูห์มาติก
ถูกไฟฟ้าดูด ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
พบในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายบริเวณกว้าง
พิษจากยาดิจิทัลลิส กล้ามเนื้อหัวใจถูกกระตุ้นจากการตรวจสวนหัวใจ
อาการและอาการแสดง
ความดันโลหิตต่ำ หน้ามืด
หายใจลำบาก หัวใจหยุดเต้น
อาการเกิดทันที รู้สึกใจสั่น เจ็บหน้าอก
การพยาบาล
คลำชีพจรได้ รวมกับมีอาการของการไหลเวียนโลหิตใลดลง
เตรียมผู้ป่วยในการทำ synchronized cardioversion
คลำชีพจรไม่ได้ เตรียมเครื่อง Defibrillator
คลำชีพจร ประเมินสัญญาณชีพ ระดับความรู้สึกตัว
ทำ CPR ถ้าหัวใจหยุดเต้น
Ventricular fibrillation (VF)
อาการและอาการแสดง
อาการเกิดทันที
หมดสติ ไม่มีชีพจร รูม่านตาขยาย
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิดที่ ventricle เป็นจุดกำเนิด
เต้นรัว ไม่เป็นจังหวะ ไม่สม่ำเสมอ
ECG จะไม่มี P wave
ไม่เห็นรูปร่างของ QRS complex
สาเหตุ
Hypovolemia
Hypoxia
Hydrogen ion (acidosis)
Hypokalemia
Hyperkalemia
Hypothermia
Tension pneumothorax
Cardiac tamponade
Toxins
Pulmonary thrombosis
Coronary thrombosis
การพยาบาล
ติดตามค่าเกลือแร่ในเลือด
ติดตามและบันทึกการเปลี่ยนแปลงของ สัญญาณชีพ
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยเฉพาะ ST segment
ให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
ให้ยา antidysrhythmia ตามแผนการรักษา
Atrial fibrillation (AF)
ภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพริ้ว
เกิดจากจุดปล่อยกระแสไฟฟ้า (ectopicfocus) ใน atrium
ส่งไปกล้ามเนื้อหัวใจ ถี่และไม่สม่ำเสมอ ไม่ประสานกัน
atrium บีบตัวแบบสั่นพริ้ว
คลื่นไฟฟ้าไม่สามารถผ่านไปยัง ventricle ได้หมด
P wave ไม่ชัดเจน
QRS complex ไม่เปลี่ยนแปลง
อัตราการเต้นของ atrial มากกว่า 350 ครั้ง/นาที
อัตราการเต้นของ ventricle 60-100 ครั้ง/นาที
เรียกว่า controlled response
อัตราการเต้นของ ventricle มากกว่า100 ครั้ง/นาที
เรียกว่า rapid ventricular response
ประเภทของ AF
Persistent AF
ไม่หายได้เองภายใน 7 วัน
หายได้ ดัวยการรักษาด้วยยา หรือการช็อคไฟฟ้า
Permanent AF
ที่เป็นนานติดต่อกันกว่า 1 ปี
ไม่เคยรักษาหรือเคยรักษาแต่ไม่หาย
Recurrent AF
ที่เกิดซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง
Paroxysmal AF
ไม่หายได้เองภายใน 7 วัน
ไม่ต้องใช้ยา หรือการช็อดไฟฟ้า
Lone AF
ผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 60 ปี
มีความผิดปกติของหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง
สาเหตุ
หัวใจขาดเลือด โรคหัวใจรูห์มาติก
ภาวะหัวใจล้มเหลว ความดันโลหิตสูง
เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจ
อาการและอาการแสดง
ใจสั่น อ่อนเพลีย เหนื่อยเวลาออกแรง คลำชีพจรที่ข้อมือได้เบา
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับยาควบคุมการเต้นของหัวใจ เช่น digoxin
ประเมินการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ
และคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างต่อเนื่อง
ภาวะช็อก (Shock)
พยาธิสภาพ
การไหลเวียนโลหิตล้มเหลว
Stoke volume
และ Cardiac output, CO ลดลง
ความดันโลหิตเฉลี่ย
ต่ำกว่า 65 mmHg.
ทำให้เกิดการขาดออกซิเจนในระดับเซลล์
Lactate ในเลือดสูงขึ้น
ภาวะช็อก
ระยะของช็อก
Decompensated shock
Irreversible shock
Compensated shock
ความหมาย
ภาวะที่เกิดความผิดปกติทางสรีรวิทยา
ปริมาณออกซิเจนที่ส่งไปเลี้ยงเนื้อเยื่อลดลง
อวัยวะต่างๆจากการขาดออกซิเจนในระดับเซลล์
กลุ่มอาการทางคลินิก
การไหลเวียนโลหิตไปยังเนื้อเยื่อส่วนต่างๆไม่เพียงพอ
อวัยวะต่างๆเสียหน้าที่
ประเภทของช็อก
ภาวะช็อกจากหลอดเลือดมีการขยายตัว
Anaphylactic shock
ผู้ป่วยที่ได้รับ antigen กับ
antibody ของร่างกาย
เกิด hypersensitivity type I
IgE กระตุ้น mast cell และ
basophil แตกตัว
เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด
Hypoadrenal / adrenocortical shock
ร่างกายไม่สามารถผลิต cortisol เพียงพอ
Septic shock
เชื้อโรคจะมีการหลั่งชีวพิษในตัว (endotoxin)
ร่างกายตอบสนอง
โดยการหลั่งสาร cytokines
กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด
การมีไนตริกออกไซด์ในเลือดสูง
เกิดการคั่งของเลือดในระบบหลอดเลือดฝอย
ปริมาตรเลือดที่ไหลกลับสู่หัวใจ
Obstructive shock
สาเหตุภายนอกหัวใจ
ส่งผลให้ปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจลดลง
ได้แก่ Cardiac tamponade, tension pneumothorax, pulmonary embolism
Cardiogenic shock
หัวใจไม่สามารถส่งจ่ายเลือดไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
ปริมาตรเลือดในระบบไหลเวียนโลหิตไม่เพียงพอ
Neurogenic shock
มีการกระจายตัวไปยังหลอด
เลือดส่วนปลายมากขึ้น
หัวใจเต้นช้าลง
ปริมาณเลือดที่ไหลกลับเข้าสู่หัวใจลดลง
Hypovolemic shock
การสูญเสียมากกว่า 30-40% ของปริมาตรเลือด
Venous return หรือ preload ลดลง
การประเมินสภาพ
การตรวจร่างกาย
ระดับความรู้สึกตัว
อัตราการหายใจ การทำงานของหัวใจ
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การซักประวัติ
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้สารน้ำและอิเล็กโตรไลท์ดแทนตามแผนการรักษา
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง มีการระบายอากาศที่ดี
ติดตามสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง ประเมินระดับความรู้สึกตัว
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
ดูแลให้ได้รับการช่วยเหลือโดยใช้อุปกรณ์พิเศษต่างๆ
อาการและอาการแสดง
ชีพจรเบาเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ผิวหนังเย็นซีด
ปัสสาวะออกน้อย
กระสับกระส่าย ซึม หมดสติ
ลิ่มเลือดกระจายทั่วร่างกาย
การรักษา
การแก้ไขระบบไหลเวียนโลหิต
การให้ยา
การให้สารน้ำ
แก้ไขตามปัญหาและสาเหตุ
จัดทำโดย นางสาวอภัสรา ชัยวรรณ์ 6201210903 เลขที่45 SecB