Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การบริการฝากครรภ์, นางสาวรัศมี อรรถโยโค รหัส 62113301061 นักศึกษาชั้นปีที่…

- - - - การดู
        
        หน้าท้อง : ลักษณะกลม อยู่ในแนว longitudinal line พบ linea nigra
        ไม่พบ Striae gravidarum
      - การฟัง
        
        FHS = 150 bpm สม่ำเสมอดี
      - การคลำ
        
        Fundal grip : 1/4 > SP (21 cm.) สัมพันธ์กับอายุครรภ์
        
        Umbilical grip : ROA (Large part อยู่ทางด้านขวา)
      - ผลการตรวจ
        
        HF = 1/4 > ระดับสะดือ, 21 cm. FHS 150 bpm. สม่ำเสมอ
        ทารกอยู่ในท่า ROA/HF
    - - ส่งเสริมพัฒนาการของทารกในครรภ์
        
        การส่งเสริมพัฒนาการด้านความรู้สึกสัมผัส การลูบสัมผัสทารกในครรภ์ผ่านทางหน้าท้องจะช่วยให้เซลล์สมองส่วนรับความรู้สึกมีขนาดใหญ่ มีเส้นประสาทมากขึ้น
        
        การปรับอารมณ์ หญิงตั้งครรภ์ที่มีอารมณ์ดีแลัมีความสุขจะหลั่งสารแห่งความสุขผ่านทางสายสะดือไปยังทารกในครรภ์ทำให้ทารกมีพัฒนาการที่ดีทั้งทางด้านสติปัญญามีความฉลาด
        
        การส่งเสริมพัฒนาการด้านการได้ยิน การได้ยินเสียงจากบิดามารดา เพราะเป็นเสียงธรรมชาติลักษณะน้ำเสียงที่ใช้แสดงถึงความรัก พูดคุยวันละ 10 นาที สม่ำเสมอ การเปิดเพลงให้ลูกฟังเป็นเพลงที่มารดาชอบยิ่งดีจะทำให้มารดามีความสุขส่งผลดีต่อทารกในครรภ์
      - แนะนำหญิงตั้งครรภ์ให้สังเกตและนับจำนวนลูกดิ้น เพื่อเพิ่มความตระหนักต่อสุขภาพของทารก โดย การนับทารกดิ้น หลังมื้ออาหารครั้งละ 1 ชั่วโมง ถ้าน้อยกว่า 3 ครั้ง ให้นับต่อในชั่วโมงที่ 2 หากนับแล้วไม่มากกว่า 3 ครั้งให้มาพบแพทย์
      - อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์
        
        ปวดศีรษะมาก
        
        คลื่นไส้อาเจียน เพลียมาก
        
        ตาพร่ามัว
        
        เลือดออกทางช่องคลอด
        
        น้ำเดิน มีน้ำไหลออกจากทางช่องคลอด
        
        ปวดท้องอย่างรุนแรง
        
        บวมตามใบหน้า มือ เท้า รวมทั้งข้อเท้า
        
        ลูกดิ้นน้อยลงหรือไม่ดิ้นเลย
    - - ตา : ตาไม่แดง เยื่อบุตาไม่ซีด
      - ต่อมไทรอยด์ : คลำไม่พบต่อมไทรอยด์บวมโต
      - ศรีษะ : ชุ่มชื่น,ศรีษะสมมาตร
      - ขาและเท้า : เท้าทั้งสองข้างไม่บวม ข้อพับขาไม่พบเส้นเลือดขอด
  - - - หากมารดามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดอาจก่อให้เกิด ปัญหาทางด้านสุขภาพต่อมารดาและทารกคือ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เพิา่มความเสี่ยงต่อการผ่าตัดคลอดลูกออกทางหน้าท้อง ทารกมีโอกาสเสี่ยงต่อการคลอดติดไหล่ เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดและโรคอ้วน
        
        โภชนาการ
        
        คาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานแก่ร่างกายและความอบอุ่นแก่ร่างกาย พบในข้าว แป้ง พืชที่มีเส้นใย คาร์โบไฮเดรตกลุ่มพืชที่มีเส้น
        
        ไขมัน ควรลดปริมาณไขมันให้น้อยลง เนื่องจากระบบย่อยอาหารทำงานน้อยกว่าปกติ
        
        โปรตีน มีความจำเป็นในการเผาผลาญพลังงาน การสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ระยะตั้งครรภ์ควรได้รับโปรตีน 60 กรัมต่อวัน แหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่ว และเมล็ดธัญพืช
        
        งดอาหารรสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด
        
        หลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม ประเภทแอลกอฮอล์ ยาดอง เหล้า ทุกชนิด เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ เป็นต้น
        
        วิตามินและเกลือแร่ เป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่นำไปสร้างพลังงาน แต่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาระบบต่างๆ ในร่างกาย
        
        น้ำ มีความสำคัญในระยะตั้งครรภ์ เพื่อใช้ในการเพิ่มปริมาตรเลือด และเป็นส่วนประกอบในการเพิ่มเนื้อเยื่อของสตรีและทารกในครรภ์ สตรีตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว (แก้วละ 240 มิลลิลิตร)
        
        ไอโอดีน หญิงตั้งครรภ์ต้องการไอโอดีน 250 ไมโครกรัมต่อวันได้แก่ อาหารทะเลต่างๆ และควรได้รับเกลือไอโอดีนปรุง อาหาร หรือยาเม็ดเสริมไอโอดีน
        
        แคลเซียมและฟอสฟอรัส จำเป็นในการสร้างกระดูกและฟันของทารก และช่วยรักษาสมดุลของแคลเซียมในร่างกายหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับแคลเซียม 800-1000 มก./วัน พบในปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง เต้าหู้แผ่น เป็นต้น
  - - - การฝากครรภ์ครั้งแรกหลัง 12 สัปดาห์อาจส่งผลกระทบต่อสภาวะสุขภาพของมารดา อันได้แก่ โรคโลหิตจาง ภาวะทุพโภชนาการ โรคความดันโลหิตสูงในระยะตั้งครรภ์ การแท้งบุตร การตกเลือดก่อนคลอดและหลังคลอดเป็นต้นและส่งผลกระทบต่อทารก อันได้แก่คลอดก่อนกำหนด ทารกเจริญเติบโตช้า ทารกน้ำหนักแรกคลอดต่ำกว่าเกณฑ์
        
        การนัดฝากครรภ์ 5 ครั้งคุณภาพครั้งที่ 1 ก่อน 12 Wks.ครั้งที่ 2 13-น้อยกว่า 20 Wksครั้งที่ 3 20- น้อยกว่า 26 Wksครั้งที่ 4 20-น้อยกว่า 32 Wks.ครั้งที่ 5 32-40 Wks. .
- - - - MCV , MCH ต่ำและค่า DCIP Positive แต่สามีปกติ
        
        อาจเป็นพาหะหรือโรคธาลัสซีเมียในการตั้งครรภ์ไม่มีโอกาสที่ลูกจะเป็นโรคแต่โอกาสที่ลูกจะมียีนแฝงหรือเป็นพาหะ และมีโอกาสที่ลูกจะปกติ
        
        กรดโฟลิกหรือโฟเลต ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก สร้างDNA และช่วยป้องกันความผิดปกติของท่อระบบประสาทในทารก หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับ folic acid 0.6 มก./วัน พบในหน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำดอก คะน้า กะหล่ำปลี เป็นต้น
        
        ธาตุเหล็ก สตรีตั้งครรภ์ควรได้รับธาตุเหล็ก 30 มิลลิกรัมต่อวันพบในเนื้อ ผักสีเขียวเข้ม ไข่ ธัญพืช เมล็ดผลไม้แห้ง เต้าหู้ พืชตระกูลถั่ว
        
        Obimin AZ ยาบำรุงเลือด รับประทานครั้งละ 1 เม็ดหลังอาหาร ควรรับประทานกับอาาหารที่มีวิตามินซีเพื่อช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก
- - - - หญิงตั้งครรภ์ G1P0A0L0 GA = 22+5 Wks. แรกรับรู้สึกตัวดี เดินและยืนทรงตัวได้ดีแต่งกายเรียบร้อยเหมาะสม ใช้เข็มกลัดกลัดเสื้อบริเวณหน้าท้อง
      - หญิงตั้งครรภ์ G1P0A0L0 GA = 22+5 Wks. แรกรับรู้สึกตัวดี เดินและยืนทรงตัวได้ดีแต่งกายเรียบร้อยเหมาะสม ใช้เข็มกลัดกลัดเสื้อบริเวณหน้าท้อง
      - สัญญาณชีพ T = 36.6 องศาเซลเซียส P = 102 bpm. RR = 22 bpm.
        BP = 116/74 mmHg น้ำหนัก = 63.5 kg. ส่วนสูง =160 cm. BMI = 24.80 kg/cm2
      - Hx.น้ำหนักมารดาเพิ่มขึ้น 4 kg. ใน 4 Wks จึงนัดมาตรวจ GST พร้อมทั้งพบแพทย์ U/S และ TVS Hx.ผล QT Risk of Down's 1:180 มีความเสี่ยงสูง ผู้ป่วยได้เจาะน้ำคร่ำวันที่ 6 มกราคม 2565 รอฟังผลวันที่ 4 กุมภาพันธ์
        
        การตรวจคัดกรองด้วย QT ในการหาปริมาณสารชีวเคมีในซีรั่มเพื่อคัดกรองหาผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการมีทารกในครรภ์เป็นดาวน์และแนะนำให้ตรวจยืนยันโครโมโซมในหญิงตั้งครรภ์ที่เสี่ยงสูงด้วยการเจาะน้ำคร่ำ
        
        ให้กำลังใจและอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าถึงจะมีความเสี่ยงในการที่ทารกจะเป็นดาวซินโดรมแต่ใช่ว่าทารกจะเป็นเสมอไป
        
        ให้ความรู้เกี่ยวกับดาวซินโดรมว่าเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม อาจมีปัญหาคือพัฒนาการช้า
        
        กระตุ้นให้ผู้รับบริการมาตามนัดทุกครั้งและมั่นสังเกตการดิ้นของลูก
        
        เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการได้สอบถามเกี่ยวกับความเสี่ยงและความกังวลใจกับทารกในครรภ์
        
        TVS = 3.4 ปกติ GST = 135 mg% ปกติ