Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต
ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Heart Failure (AHF))
คือการเกิดภาวะที่หัวใจล้มเหลวอย่างรวดเร็ว จากการทำงานผิดปกติของหัวใจทั้งการบีบตัวหรือการคลายตัวของหัวใจ จะเกิดการเสียสมดุลของ preload และ afterload อาจเกิดได้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจเดิม (decompensated) หรือผูที่ไมเคยมีโรคหัวใจเดิมอยู่ก็ได้ (de novo heart failure)
สาเหตุ
เกิดได้จาก โรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ ภาวะหัวใจวายเนื่องจากเกิดกลไกลไหลเวียนของเลือดผิดปกติแบบเฉียบพลัน
อาการและอาการแสดง
3.Plumonery edema ภาวะที่มีอาการและอาการแสดงของปอดบวมน้ำร่วมด้วยเห็นได้ชัดจาก Chest X-ray ค่าออกซิเจนต่ำกว่า 90 เปอร์เซ็น
4.Cardiogenic shock ร่างกายมี poor tissue perfusion ความดัน systolic ต่ำกว่า 90 mmHg หรือ MAP น้อยกว่า 60 mmHgปัสสาวะน้อยกว่า 0.5 ml/kg/hr.
2.Hypertensive acute heart failure ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจล้มเหลวที่มีปอดบวมน้ำร่วมกับมีความดันสูง แต่การทำงานของหัวใจร่างซ้ายยังดี
5.High output failure หัวใจล้มเหลวจากปริมาณเลือดออกจากหัวใจต่อนาทีสูงกว่าปกติ หัวใจจะเต้นเร็ว ปลายมือปลายเท้าอุ่น และพบน้ำท่วมปอด
1.Acute decompensated heart failure เป็นภาวะที่หัวใจล้มเหลวเกิดขึ้นเฉียบพลัน
6.Right heart failure ภาวะหัวใจด้านขวาทำงานล้มเหลว ปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจต่อนาทีลดลง มีการบวมของตับ ความดันต่ำ
อาการที่พบบ่อย
หายใจเหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ อ่อนเพลีย บวมตามแขนขา ท้องอืดโตแน่นท้อง ปัสสาวะออกน้อย/มาก หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว พบ crepitation or wheezing , pleural effusion sy;.0F9 9y[F9
ภาวะช็อก (Shock) เป็นภาะที่เกิดความผิดปกติทางสรีรวิทยาส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนที่ส่งไป เลี้ยงเนื้อเยื่อทั่วร่างกายลดลงต่ำกว่าความต้องการนำไปสู่ความผิดปกติของการทำงานของอวัยวะต่างๆจากการขาดออกซิเจนระดับเซลล์
ระยะของช็อก
2.ภาวะช็อกที่สามารถชดเชยได้ในระยะท้าย Decompensate shock ได้รับการวินิจฉัยล่าช้า เซลล์ในร่างกายเริ่มตาย อวัยวะต่างๆทำงานลดลง
3.ภาวะช็อกที่ไม่สามารถชดเชยได้ Irreversible shock ได้รับการวินิจฉัยล่าช้าเกิน เซลล์และอวัยวะในร่างกายได้รับความเสียหายอย่างมากและมักจะรักษาไม่ได้ผล
1.ภาวะช็อกที่สามารถชดเชยได้ในระยะแรก Compensated shock ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาตั้งแต่เริ่มต้น
ภาวะช็อก (Shock)
การรักษา
2.การแก้ไขภาวะพร่องอกกซิเจนของเนื้อเยื่อและการลดการใช้ออกซิเจน
3.การรักษาที่เฉพาะเจาะจงตามสาเหตุของภาวะช็อก เช่น การให้ยาปฏิชีวนะ
1.แก้ไขระบบไหลเวียนโลหิต คือ ให้สารน้ำ และให้ยาที่มีผลต่อการบีบตัวของหัวใจ
4.การแก้ไขความผิดปกติของภาวะกรดต่างๆ
กิจกรรการพยาบาล
2.การส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตอย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
3.การแก้ไขปัญหาภาวะช็อก ดูแลให้ได้รับการตรวจหาสาเหตุ ดูแลให้ได้รับยาละลายลิ่มเลือด ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะ
1.การป้องกันเนื้อเยื่อขาดออกซิเจน ต้องประเมินภาวะขาดออกซิเจน ติดตามสัญญาณชีพ ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง ดูแลให้ได้รับอกกซิเจนอย่างเพียงพอ
4.ส่งเสริมการปรับตัวของผู้ป่วยและครอบครัว ให้ข้อมูล อธิบายเหตุผลการทำหัตถการต่างๆ เปิดโอกาสให้ซักถามระบายความรู้สึก ให้การพยาบาลด้วยควานุ่มนวล ให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วม ให้กำลังใจสนับสนุนด้านจิตใจ ช่วยเหลือในการติดต่อสื่อสาร เตรียมความพร้อมก่อนการย้ายผู้ป่วยและประเมินระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วย
ประเภทของช็อก
3.ภาวะช็อกจากหลอดเลือดมีการขยายตัว Distributive shock,
vasogenic / vasodilatory shock, Inflammatory shock เกิดจากหลอดเลือดส่วนปลายขยายตัว ทำให้แรงต้านทานลดลง
3.2 ภาวะช็อกจาการแพ้ Anaphylactic shock
3.3 ภาวะช็อกจากการทำงานผิดปกติของต่อมหมวกไต Hypoadrenal / adrenocortical shock
3.1ภาวะช็อกจากการติดเชื้อ Septic shock
4.ภาวะช็อกจากการอุดกั้นการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่หัวใจ Obstructive shock
เกิดการอุดกั้นของเลือดที่กัวใจห้องซ้ายทำให้ปริมาณเลือดที่ออกจากร่างกายลดลง
2.ภาวะช็อกจากภาวะหัวใจล้มเหลว Cardiogenic shock
เกิดจากหัวใจไม่สามารถส่งจ่ายเลือดไปยังส่นต่างๆของร่างกายได้อย่างเพียงพอ
สาเหตุ
ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจและหัวใจเต้นผิดจังหวะ
5.ช็อกจากความผิดปกติของระบบประสาท Neurogenic shock
เกิดจากความบกพร่องนการควบคุมของระบบประสาทอัตโนมัติ
1.ภาวะช็อกจากการขาดสารน้ำ Hypovolemic shock
เกิดจากการลดลงของปริมาณของเลือดหรือสารน้ำมนร่างกาย มากกว่า 30-40 เปอร์เซ็น ทำให้ปริมาณเลือดที่กลับสู่หัวใจลดลง
สาเหตุ
ได้แก่การสูญเสียเลือด และ จากการสูญเสียน้ำ
ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Heart Failure (AHF))
การรักษา
2.การดึงน้ำและเกลือแร่ที่คั่งออกจากร่างกาย โดยให้ยาขับปัสสาวะ การจำกัดน้ำและโซเดียม
3.การใช้ยา
4.ยาขยายหลอดเลือด sodium nitroprusside (NTP)
5.ยาที่ใช้ช็อค
3.ยาขยายหลอดเลือดหัวใจ nitroglycerine/ isodirl (NTG)
6.ยาบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก morphine
2.ยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ amiodarone
7.ยาละลายลิ่มเลือด coumadin
8.ยาต้านการแข็งตัวของเลือด aspirin, plavix
1.ยาเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ digoxin
1.การลดการทำงานของหัวใจ คือ การให้ออกซิเจน การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า
4.การรักษาสาเหตุ คิอ การขยายหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี การเปลี่ยนลิ้นหัวใจ และการรักษาภาวะติดเชื้อ
การพยาบาล
15.สอนและแนะนำเทคนิคการผ่อนคลายที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้ป่วย
16.กระตุ้นและส่งเสริมให้ครอบครัวและญาติมีส่วนร่วม
6.ดูแลการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจ
9.ดูแลติดตามการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
5.ดูแลให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับการไหลเวียนเลือด
10.ดูแลติดตามและบันทึกค่า CVP, PCWP
8.ดูแลให้ได้รับการตอบสนองตามความต้องการพื้นฐาน
11.สังเกต/บันทึกปริมาณปัสสาวะทุก 1 ชั่วโมง ให้มากกว่า 0.5 ml/kg/hr.
7.ดูแลให้ได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
12.จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการนอนหลับพักผ่อน
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
3.การเพิ่มประสิทธิภาพขอการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ดูแลให้ได้รับยาเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ หากเต้น น้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที งดให้ยาและรายงานแพทย์
4.ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
14.ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเผชิญกับความเจ็บป่วย โดยประเมินความรู้สึกและปัญหา ซักถามความต้องการ
2.ลดความต้องการใช้ออกซิเจนของร่างกาย ดูแลและควบคุมจังหวะหรืออัตราการเต้นของหัวใจ ดูแล Absolute bed rest ดูแควคุมอาการปวด ดูแลให้ไดเรับการใส่เครื่องพยุงหัวใจ
17.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาการเปลี่ยนแปลงของอาการที่เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับกำลังใจ
1.ลดการทำงานของหัวใจ ดูแลให้ได้รับยาขับปัสาวะ ยาขยายหลอดเลือด จำกัดน้ำ จัดท่านอนศีรษะสูง