Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจ และการไหลเวียนโลหิต - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตในระบบหัวใจ
และการไหลเวียนโลหิต
Hypertensive crisis
Hypertension
Systolic ตั้งแต่ 140 mmhg
และ diastolic ตั้งแต่ 90 mmhg
Target organ damage
ความผิดปกติที่เกิดกับอวัยวะในร่างกาย
จากความดันโลหิตสูง
Cardiovascular disease
โรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด
Hypertensive urgency
ภาวะความดันโลหิตสูงรุนแรง
แต่ไม่มีอาการของอวัยวะเป้าหมายถูกทำลาย
Hypertensive emergency
ภาวะความดันโลหิตสูงมากกว่า 180/120 มม.ปรอท
ร่วมกับ มีอาการของอวัยวะเป้าหมายถูกทำลาย
สาเหตุ
หยุดยาลดความดันโลหิตทันที
Acute or chronic renal disease
Exacerbation of chronic hypertension
การใช้ยาที่มีผลให้ความดันโลหิตสูง
อาการ
ปวดศีรษะ การมองเห็นผิดปกติ
สับสน คลื่นไส้อาเจียน
การพยาบาล
ในระหว่างการรับยา ต้องประเมินและบันทึกการตอบสนอง
ของยา โดยติดตาม BP เพื่อป้องกันการลดลงของ BPอย่างรวดเร็ว
การรักษาด้วย sodium nitroprusside
Cardiac dysthymia
Atrial fibrillation (AF)
ภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพริ้ว เกิดจากการปล่อยกระแสไฟฟ้า ใน atrium ส่งกระแสไฟฟ้าออกมาถี่และไม่สม่ำเสมอ
อาการ
ใจสั่น อ่อนเพลีย เหนื่อยเวลาออกแรง
คลำชีพจรข้อมือเบา
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับยาควบคุมการเต้นของหัวใจ
เตรียมผู้ป่วยและอุปกรณ์ในการทำ cardioversion
เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นในจังหวะปกติ
เตรียมผู้ป่วยในการจี้ด้วยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูง ในผู้ป่วยAF
และไม่สามารถควบคุมด้วยยาได้
Ventricular tachycardia (VT)
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิด ventricle
เป็นจุดกำเนิดการเต้นของหัวใจ ในอัตราที่เร็วมากแต่สม่ำเสมอ
อาการ
ใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ หัวใจหยุดเต้น
หน้ามืด เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก
การพยาบาล
นำเครื่องDefibrillator มาที่เตียงผู้ป่วย
และรายงานแพทย์ เปิดหลอดเลือดดำเพื่อให้ยาและสารน้ำ
คลำชีพจร ประเมินสัญญาณชีพ ระดับความรู้สึกตัวเจ็บหน้าอก ภาวะเขียว เพื่อประเมินภาวะหลอดเลือดไปเลี้ยงสมอง
และอวัยวะสำคัญลดลง
ในผู้ป่วยที่เกิด VT และคลำชีพจรได้
ร่วมกับมีอาการของการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย
ให้เตรียมผู้ป่วยในการทำ synchronized cardioversion
ในผู้ป่วยที่เกิด VT และคลำชีพจรไม่ได้
ให้เตรียมเครื่อง Defibrillator
เพื่อให้แพทย์ทำการช็อกไฟฟ้าหัวใจ
Ventricular fibrillation (VF)
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิดที่ ventricle
เป็นจุดกำเนิดการเต้นของหัวใจตำแหน่งเดียว
หรือหลายตำแหน่ง เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
ไม่สม่ำเสมอ ลักษณะECG ไม่มี p wave
ไม่เห็นรูปร่างของ QRS complex
อาการ
หมดสติ ไม่มีชีพจร รูม่านตาขยาย
การพยาบาล
ป้องกันภาวะ tissue hypoxia โดยให้ O2 ตามแผนการรักษา
ในกรณีที่ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดง< 93%
Acute Heart Failure (AHF)
ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เกิดจากการทำงานผิดปกติ
ของหัวใจทั้งการบีบตัว หรือการคลายตัวของหัวใจ
อาการและอาการแสดง
หายใจเหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้
บวมตามแขนขา เส้นเลือดดำที่คอโป่งพอง
ฟังเสียงปอดผิดปกติ บางรายอาจมีเสียงwheezing
กิจกรรมการพยาบาล
ลดการทำงานของหัวใจ
ลดความต้องการใช้O2
เพิ่มประสิทธิภาพการบีบตัว
ของกล้ามเนื้อหัวใจ
ดูแลให้ได้รับO2 อย่างเพียงพอ
Keep urine output > 0.5 ml/kg/hr.
Shock
ภาวะช็อกเป็ภาวะที่ร่างกายเกิดความผิกปกติ หรือ
เป็นผลให้เกิดการไหลเวียนโลหิตไปยังอวัยวะต่างๆ
ไม่เพียงพอ ทำให้ปริมาณO2 ที่ส่งไปเลี้ยงเนื้อเยื่อ
ไม่เพียงพอ เสียสมดุลของการเผาผลาญระดับเซลล์
อวัยวะต่างๆขาดO2 และสูญเสียหน้าที่
ประเภทของการ shock
Hypovolemic shock
การลดลงของปริมาณของเลือด หรือสารน้ำในร่างกาย
ทำให้ปริมาณเลือดที่กลับเข้าสู่หัวใจลดลง
Cardiogenic shock
เกิดจากหัวใจไม่สามารถส่งจ่ายเลือดไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย โดยมีปริมาตรเลือดในระบบไหลเวียนโลหิตอย่างเพียงพอ
Distribution shock
Septic shock
เชื้อโรคจะมีการหลั่งชัยพิษในตัว
ร่างกายจึงมีการตอบสนองโดยการหลั่ง cytokines
Anaphylactic shock
เกิดจากปฏิกิริยาของผู้ป่วยที่ได้รับ antigen กับ antibody ของร่างกาย เกิดhypertensivity type I
ซึ่ง lgE จะไปกระตุ้นmast cell และ Basophils แตกตัว
Hypoadrenal
ร่างกายไม่สามารถผลิต cortisol ในปริมาณมากพอ กับ
ความต้องการในการประคับประคองความดันโลหิต
ในขณะร่างกายเกิดความเครียด
Obstructive shock
เกิดจากการอุดกั้นการไหวเวียนของโลหิตไปสู่หัวใจห้องซ้าย
ส่งผลให้ปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจลดลง
Neurogenic shock
เป็นความผิดปกติทางพลศาสตร์การไหลเวียนเลือด
จากความบกพร่องในการควบคุมของระบบประสาทอัตโนมัติ
กิจกรรมพยาบาล
ป้องกันเนื้อเยื่อขาดออกซิเจน
ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตอย่างเพียงพอ
กับความต้องการของร่างกาย
แก้ไขสาเหตุที่ทำให้ช็อค
ส่งเสริมการปรับตัวของผู้ป่วย